ศาลฎีกายกฟ้อง “ดำรงค์ พิเดช” ฟ้องเอเอสทีวีผู้จัดการ กรณีรายงานข่าวเปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย ชี้ วิจารณ์ โดยสุจริต

กระทู้สนทนา
ASTVผู้จัดการ – ศาลฎีกายกฟ้อง “ดำรงค์ พิเดช” ฟ้องหมิ่นฯ นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการกรณีตีพิมพ์รายงานข่าว “เปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย” 3 ตอนตั้งแต่ปี 52 ชี้เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และข้อมูลก็เกิดจากการสอบสวนข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ ทั้งติชม วิพากษ์วิจารณ์ โดยสุจริต
       
       เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (24 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีหมายเลขดำ อ.4607/2552 ที่นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทเอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด โดยนายปัญจภัทร อังคสุวรรณ กรรมการบริษัท และนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหาย จำนวน 50 ล้านบาท เหตุเกิดที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ตำบลหรือแขวง อำเภอหรือเขต ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย โดยในวันนี่ นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัทเอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด และนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย
       
       โจทก์ฟ้องระบุว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเขียนโฆษณาและอนุมัติให้ตีพิมพ์ข้อความลงในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ หมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อประชาชนทั่วไป โดยจัดทำเป็นรายงานข่าวกรณีพิเศษ มีความยาว 3 ตอนจบ และตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2552 โดยตอนแรก ใช้ข้อความหัวข่าวว่า “เปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย ส่วนหัวหน้าเอี้ยงใช้เล่ห์สวมคนตายเป่าคดี” รายงานพิเศษ ตอนที่ 2 หัวข้อข่าว “เปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย (ตอนที่ 2) เล่ห์ป่าไม้-ที่ดินร่วมเอกชนฮุบสวนป่าราชการ” และตอนที่ 3 หัวข้อข่าว “เปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย (จบ) เดิมพันสูงคดีมีตอ” ซึ่งรายงานพิเศษทั้ง 3 ตอนมีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ต่อประชาชนทั่วไป เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง
       
       คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าการเสนอข่าวของจำเลยเป็นการตั้งข้อสงสัยพฤติกรรมของโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง เป็นบุคคลที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกรุกป่าในจังหวัดเชียงรายหรือไม่เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยสร้างเรื่องราวขึ้นมาเอง และรายงานข่าวดังกล่าวก็เป็นการแสดงความคิดเห็น ติชม และวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ จำเลยที่ 1 จึงได้รับการยกเว้นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) และไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
       
       ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษากันแล้ว เห็นว่าข่าวสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ อีกทั้งการที่จำเลยที่ 1 เสนอข่าวก็เป็นไปตามข้อมูลจากการสอบสวนข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นข่าวแพร่หลายในขณะนั้นจึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ยกฟ้อง
       
        อีกคน ติชม โดย ทุจริต เลยต้องนอน ซังเต
       
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่