"ใช่ค่ะ...อยากลดน้ำหนักต้องเข้าครัว"
เรื่องนี้ขอยืนยันจากใจสตรีที่น้ำหนักเกินมาตลอดชีวิตและผ่านเสาะหาวิธีลดน้ำหนักมาตั้งแต่อดอาหาร ออกกำลังกาย อาหารเสริม ยาลดความอ้วน ยันเข้าคอร์สนับแสน สุดท้ายก็ไม่เคยสำเร็จ ล่มปากอ่าว ตบะแตก น้ำหนักไม่ลงไม่ว่า มันยังมีหน้าขึ้นมาเยาะเย้ยเราอีก (โอ๊ยย อิตาบ้า ขึ้นมาได้ยังไงไม่สงสัย แต่ขึ้นมาทำไม!!!! )
อย่างที่บอกว่า การลดน้ำหนักครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะตั้งใจว่าชีวิตนี้ฉันจะเลิกเป็นสตรีตุ้ยนุ้ยให้ได้เด็ดขาดเสียที หลังจากที่น้ำหนักแกว่งไปแกว่งมามาหลายครั้งหลายครา จากการลดน้ำหนักแบบผิดๆ
เด็กสาววัยขบเผาะ
15 หยกๆ 16 หย่อนๆ เป็นอายุที่ฉันเริ่มลดน้ำหนักเป็นครั้งแรก เหตุผลเพราะอยากเป็นเชียร์ลีเดอร์กีฬาสีจ้าาาา เลยใช้วิธี "อดอาหาร" พูดเลยว่าได้ผล จาก 70 เหลือ 55 เรียกว่าผอมเพรียว หุ่นปลิวลม จะไม่ผอมได้ไง กินแค่แอปเปิ้ลเขียว มะละกอ แตงโม กับโยเกิร์ตเป็นเดือนๆ สุดท้าย อย่าว่าแต่ลีดเดอร์เลย แค่ไปเรียนก็แทบไม่ไหว หน้าซีด สมองตื้อ ตลอดเวลา เอะอะเป็นลม พอเลิกอด น้ำหนักก็ขึ้นมาเรื่อยๆ จนแซงหน้าน้ำหนักเดิมก่อนลดไป 5 กิโลกรัม
ยาลดความอ้วนที่เคารพ
ตามประสาสตรีขี้เกียจแต่อยากผอม ยาลดความอ้วนเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด กินปุ๊บ ผอมปั๊บ กระชับฉับไว แต่อย่าได้หยุดกินเชียวล่ะ มีน้ำหนักแถมมาให้อีกนับไม่ถ้วน เพราะเหตุนี้ฉันจึงกินยาลดความอ้วนต่อเนื่องเป็นปีๆ จนตัวยาเริ่มไม่ได้ผล ต้องเพิ่มความแรง ไอ่ทีนี้ก็โมโห เอ๊ะ ราคาก็แพง น้ำหนักก็ไม่ยักกะลด แถมยังจะมีแนวโน้มว่าเพิ่มขึ้นอีก เลิกกินโดยไม่ปรึกษาใคร โยโย่ เด้งดึ๋งเป็นลูกข่างเลยจ้า
อาหารเสริม
ประกาศโครมๆว่าใช้ได้ผล แค่วันละ 1 เม็ด ก็สามารถกินทุกอย่างที่ชอบได้เต็มที่ ไม่มีโยโย่ อันตัวเราก็ต้องลองตามประสาสตรีอ้วนอยากผอมแต่ขี้เกียจ สุดท้ายเงินที่เสียไป ไม่ได้อะไรกลับมา พฤติกรรมการกินเยี่ยงราชาของเราชนะเลิศ เย้!!
เข้าคอร์สรีดน้ำหนักกระชับร่าง
เกือบสองแสน กับน้ำหนักที่หายไป 2 กิโลกรัม เอิ่มมม...ไม่ใช่เวย์ของฉันแล้ว เราคงต้องห่างกันสักพัก ห่างยาวเลยก็ได้ หรือจะห่างขาดพี่ก็ยอม
ออกกำลังกายเยี่ยงแข่งโอลิมปิก
ออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง ให้รางวัลตัวเองด้วยผัดไทย หมูสามชั้นทอด น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ ทุเรียนทอด ฯลฯ กรี๊ดดดดด น้ำหนักขึ้นได้ยังไง ฉันก็ออกกำลังกายแล้วนะ (แหม...กล้าถาม)
"อิช้าง พุงนำนม ไขมันจุกอก หมูอ้วน" สารพัดคำล้อที่เหมือนจะตลกแต่ฉันไม่ตลก จนอยู่มาวันนึง ฉันถามตัวเองว่า "ฉันอ้วนได้ยังไง" คำตอบที่ได้คือ ฉันอ้วนได้เพราะปาก ปากนี่แหละตัวต้นเหตุส่วนการออกกำลังกาย การกินยาลดความอ้วน หรือแม้แต่การเข้าคอร์ส เอาพลาสติกมาพันร่างเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ครั้นจะไม่กินจะได้ไม่อ้วน ก็เป็นไปไม่ได้ เกิดเป็นคนทั้งที ไม่กินถือว่าผิด! แต่จะกินอะไร กินได้แค่ไหนนี่สิประเด็น ดังเช่นภาษาฝรั่งบอกว่า
"You are what you eat" ระหว่างนั้น แม่ค้าเอาข้าวมันไก่ หนังเยอะๆมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ กลิ่นหอมเตะปลายจมูก กลืนน้ำลาย เอื๊อกใหญ่ ตอนนี้มีสองทางให้เลือก คือ 1 กินข้าวมันไก่อย่างเพลิดเพลิน กับสอง เดินออกจากร้านไปหาส้มตำทาน ฉันจึงถามตัวเอง (ในใจ) อีกครั้งว่า "ถึงเวลารักตัวเองหรือยัง" และคำตอบที่ได้ทำให้ฉันหิ้วข้าวมันไก่กลับไปฝากหลาน ก่อนจะแวะร้านส้มตำ สั่งส้มตำปูมาทานอย่างสบายใจ
ส้มตำ เกาเหลา สลัด ส้มตำ เกาเหลา สลัด ส้มตำ เกาเหลา สลัด ส้มตำ เกาเหลา สลัด เมื่อชีวิตก็วนเวียนอยู่กับ 3 เมนูนี้จนไม่ไหวจะเพลีย ถ้าการลดน้ำหนักจะทรมานขนาดนี้ ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว งั้นเข้าครัว ปรุงเองเลยดีกว่า นอกจากจะได้เมนูที่หลากหลายแล้ว ยังควบคุมส่วนผสม น้ำปลา น้ำตาล น้ำมัน ไม่ให้มากไปได้อีกด้วย แต่เดี๋ยวนะ ฉันทำอาหารไม่เป็น กรี๊ดดดดดดด!!!!!!
ไม่เป็นคือไม่เป็น ไม่เป็นขนาด ไข่ดาว ไข่เจียว หูงข้าวก็ทำไม่เป็น แต่ถ้าไม่ลองทำ เมื่อไรจะทำเป็น ฉันตัดสินใจเปิดเน็ตดูเมนูที่ง่ายที่สุด ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ แต่ละเมนู ไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว กว่ารสชาติจะพอกินได้ ลองแล้วลองอีก ลองทำทุกวัน ปรับไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากต้มเห็ด ผัดผัก แกงจืด แกงเลียง ไก่อบ จนตอนนี้สามารถทำต้มโคล้งได้ อร่อยด้วย ไม่อยากจะอวด เชอะ (นั่นเรียกว่าอวด เต็มๆ)
หมายเหตุ
1. อาหารที่ทานส่วนใหญ่จะใช้กรรมวิธีการต้ม นึ่ง หรือ การปรุงที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน วัตถุดิบที่ใช้จะเน้นผัก อาจมีเนื้อสัตว์บ้างเล็กน้อย แต่ต้องเลือกที่ไม่ติดมันมากจนเกินกว่าเหตุ นิยมใช้ไก่มากกว่าหมู ใช้เต้าหู้มากกว่าไส้กรอก และใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว
2. มีสติ ห้ามอดแต่ไม่ใช่กินแหลก ทานครบ 3 มื้อ ทุกมื้อให้ทานอาหารที่เราปรุงเอง นอกจากความภูมิใจ เรายังควบคุมประมาณแคลอรี่ในอาหารแต่ละเมนูได้ ที่สำคัญ ปริมาณที่ยัดลงกระเพาะก็สำคัญ ทานแค่อิ่ม ไม่หมดก็ไม่ต้องเสียดาย คราวหน้าตักแค่พอทานอิ่ม จะได้ไม่เหลือทิ้งอีก
3. น้ำหนักที่ลดลงมาก็ใช่ว่าจะเยอะ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 หนัก 71 กิโลกรัม ผ่านไป 10 วัน น้ำหนักเหลือ 68 กิโลกรัม หายไป 3 กิโลกรัม แต่เป็น 3 กิโลกรัมที่คุ้มค่า ไม่โหยหิว ไม่อด ไม่เครียดและไม่ทรมาน
4. ดื่มน้ำเยอะๆ น้ำเปล่านี่แหละ จะเย็นหรือไม่เย็นแล้วแต่จริต
5. ออกกำลังกาย เอ็กซ์เซอร์ไซส์ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง ฮุลล่าฮุป ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมใดๆ สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ขอแค่อย่างน้อย 30 นาทีต่อเนื่อง (ห้ามตัดข้อนี้ทิ้งเด็ดขาดนะคะสมาชิกสมาคมคนอ้วนแต่ขี้เกียจโลกแห่งประเทศไทย)
6. เลิกหลอกตัวเองว่าไม่อ้วนทั้งที่กระดุมเสื้อใกล้กระเด็นเต็มทน เลิกหลอกตัวเองว่าหิวทั้งที่แค่อยาก เลิกหลอกตัวเองว่าชิมทั้งที่ฟาดไปเป็นกะละมัง เลิกหลอกตัวเองว่าไม่มีเวลาทั้งที่ขี้เกียจ และที่สำคัญ...เลิกหลอกตัวเองว่าทำไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้ทำ
หลายคนคงคิด แหม...ตัวเองยังลดไม่สำเร็่จ ยังเห็นผลไม่ชัดเจน ยังกล้าแนะนำชาวบ้าน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะป้า เอาจริงๆคือ อยากชวนลดน้ำหนักไปด้วยกัน ยังมีคนที่อยากลดน้ำหนักแต่รอฤกษ์รอชัยอยู่อีกเยอะ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องรอ ชั้งน้ำหนัก ตั้งเป้าว่าจะลดลงให้ได้กี่กิโล แล้วเริ่มลดน้ำหนักพร้อมกันเลย ตั้งแต่วันนี้ ชั่วโมงนี้ นาทีนี้ วินาทีนี้ เดี๋ยวนี้...ถ้าอิอ้วนคนนี้(เริ่ม)ทำได้ คุณก็ทำได้ เราจะสู้ไปด้วยกันนะคะ
อยากลดน้ำหนักต้องเข้าครัว
เรื่องนี้ขอยืนยันจากใจสตรีที่น้ำหนักเกินมาตลอดชีวิตและผ่านเสาะหาวิธีลดน้ำหนักมาตั้งแต่อดอาหาร ออกกำลังกาย อาหารเสริม ยาลดความอ้วน ยันเข้าคอร์สนับแสน สุดท้ายก็ไม่เคยสำเร็จ ล่มปากอ่าว ตบะแตก น้ำหนักไม่ลงไม่ว่า มันยังมีหน้าขึ้นมาเยาะเย้ยเราอีก (โอ๊ยย อิตาบ้า ขึ้นมาได้ยังไงไม่สงสัย แต่ขึ้นมาทำไม!!!! )
อย่างที่บอกว่า การลดน้ำหนักครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะตั้งใจว่าชีวิตนี้ฉันจะเลิกเป็นสตรีตุ้ยนุ้ยให้ได้เด็ดขาดเสียที หลังจากที่น้ำหนักแกว่งไปแกว่งมามาหลายครั้งหลายครา จากการลดน้ำหนักแบบผิดๆ
เด็กสาววัยขบเผาะ
15 หยกๆ 16 หย่อนๆ เป็นอายุที่ฉันเริ่มลดน้ำหนักเป็นครั้งแรก เหตุผลเพราะอยากเป็นเชียร์ลีเดอร์กีฬาสีจ้าาาา เลยใช้วิธี "อดอาหาร" พูดเลยว่าได้ผล จาก 70 เหลือ 55 เรียกว่าผอมเพรียว หุ่นปลิวลม จะไม่ผอมได้ไง กินแค่แอปเปิ้ลเขียว มะละกอ แตงโม กับโยเกิร์ตเป็นเดือนๆ สุดท้าย อย่าว่าแต่ลีดเดอร์เลย แค่ไปเรียนก็แทบไม่ไหว หน้าซีด สมองตื้อ ตลอดเวลา เอะอะเป็นลม พอเลิกอด น้ำหนักก็ขึ้นมาเรื่อยๆ จนแซงหน้าน้ำหนักเดิมก่อนลดไป 5 กิโลกรัม
ยาลดความอ้วนที่เคารพ
ตามประสาสตรีขี้เกียจแต่อยากผอม ยาลดความอ้วนเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด กินปุ๊บ ผอมปั๊บ กระชับฉับไว แต่อย่าได้หยุดกินเชียวล่ะ มีน้ำหนักแถมมาให้อีกนับไม่ถ้วน เพราะเหตุนี้ฉันจึงกินยาลดความอ้วนต่อเนื่องเป็นปีๆ จนตัวยาเริ่มไม่ได้ผล ต้องเพิ่มความแรง ไอ่ทีนี้ก็โมโห เอ๊ะ ราคาก็แพง น้ำหนักก็ไม่ยักกะลด แถมยังจะมีแนวโน้มว่าเพิ่มขึ้นอีก เลิกกินโดยไม่ปรึกษาใคร โยโย่ เด้งดึ๋งเป็นลูกข่างเลยจ้า
อาหารเสริม
ประกาศโครมๆว่าใช้ได้ผล แค่วันละ 1 เม็ด ก็สามารถกินทุกอย่างที่ชอบได้เต็มที่ ไม่มีโยโย่ อันตัวเราก็ต้องลองตามประสาสตรีอ้วนอยากผอมแต่ขี้เกียจ สุดท้ายเงินที่เสียไป ไม่ได้อะไรกลับมา พฤติกรรมการกินเยี่ยงราชาของเราชนะเลิศ เย้!!
เข้าคอร์สรีดน้ำหนักกระชับร่าง
เกือบสองแสน กับน้ำหนักที่หายไป 2 กิโลกรัม เอิ่มมม...ไม่ใช่เวย์ของฉันแล้ว เราคงต้องห่างกันสักพัก ห่างยาวเลยก็ได้ หรือจะห่างขาดพี่ก็ยอม
ออกกำลังกายเยี่ยงแข่งโอลิมปิก
ออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง ให้รางวัลตัวเองด้วยผัดไทย หมูสามชั้นทอด น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ ทุเรียนทอด ฯลฯ กรี๊ดดดดด น้ำหนักขึ้นได้ยังไง ฉันก็ออกกำลังกายแล้วนะ (แหม...กล้าถาม)
"อิช้าง พุงนำนม ไขมันจุกอก หมูอ้วน" สารพัดคำล้อที่เหมือนจะตลกแต่ฉันไม่ตลก จนอยู่มาวันนึง ฉันถามตัวเองว่า "ฉันอ้วนได้ยังไง" คำตอบที่ได้คือ ฉันอ้วนได้เพราะปาก ปากนี่แหละตัวต้นเหตุส่วนการออกกำลังกาย การกินยาลดความอ้วน หรือแม้แต่การเข้าคอร์ส เอาพลาสติกมาพันร่างเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ครั้นจะไม่กินจะได้ไม่อ้วน ก็เป็นไปไม่ได้ เกิดเป็นคนทั้งที ไม่กินถือว่าผิด! แต่จะกินอะไร กินได้แค่ไหนนี่สิประเด็น ดังเช่นภาษาฝรั่งบอกว่า "You are what you eat" ระหว่างนั้น แม่ค้าเอาข้าวมันไก่ หนังเยอะๆมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ กลิ่นหอมเตะปลายจมูก กลืนน้ำลาย เอื๊อกใหญ่ ตอนนี้มีสองทางให้เลือก คือ 1 กินข้าวมันไก่อย่างเพลิดเพลิน กับสอง เดินออกจากร้านไปหาส้มตำทาน ฉันจึงถามตัวเอง (ในใจ) อีกครั้งว่า "ถึงเวลารักตัวเองหรือยัง" และคำตอบที่ได้ทำให้ฉันหิ้วข้าวมันไก่กลับไปฝากหลาน ก่อนจะแวะร้านส้มตำ สั่งส้มตำปูมาทานอย่างสบายใจ
ส้มตำ เกาเหลา สลัด ส้มตำ เกาเหลา สลัด ส้มตำ เกาเหลา สลัด ส้มตำ เกาเหลา สลัด เมื่อชีวิตก็วนเวียนอยู่กับ 3 เมนูนี้จนไม่ไหวจะเพลีย ถ้าการลดน้ำหนักจะทรมานขนาดนี้ ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว งั้นเข้าครัว ปรุงเองเลยดีกว่า นอกจากจะได้เมนูที่หลากหลายแล้ว ยังควบคุมส่วนผสม น้ำปลา น้ำตาล น้ำมัน ไม่ให้มากไปได้อีกด้วย แต่เดี๋ยวนะ ฉันทำอาหารไม่เป็น กรี๊ดดดดดดด!!!!!!
ไม่เป็นคือไม่เป็น ไม่เป็นขนาด ไข่ดาว ไข่เจียว หูงข้าวก็ทำไม่เป็น แต่ถ้าไม่ลองทำ เมื่อไรจะทำเป็น ฉันตัดสินใจเปิดเน็ตดูเมนูที่ง่ายที่สุด ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ แต่ละเมนู ไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว กว่ารสชาติจะพอกินได้ ลองแล้วลองอีก ลองทำทุกวัน ปรับไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากต้มเห็ด ผัดผัก แกงจืด แกงเลียง ไก่อบ จนตอนนี้สามารถทำต้มโคล้งได้ อร่อยด้วย ไม่อยากจะอวด เชอะ (นั่นเรียกว่าอวด เต็มๆ)
หมายเหตุ
1. อาหารที่ทานส่วนใหญ่จะใช้กรรมวิธีการต้ม นึ่ง หรือ การปรุงที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน วัตถุดิบที่ใช้จะเน้นผัก อาจมีเนื้อสัตว์บ้างเล็กน้อย แต่ต้องเลือกที่ไม่ติดมันมากจนเกินกว่าเหตุ นิยมใช้ไก่มากกว่าหมู ใช้เต้าหู้มากกว่าไส้กรอก และใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว
2. มีสติ ห้ามอดแต่ไม่ใช่กินแหลก ทานครบ 3 มื้อ ทุกมื้อให้ทานอาหารที่เราปรุงเอง นอกจากความภูมิใจ เรายังควบคุมประมาณแคลอรี่ในอาหารแต่ละเมนูได้ ที่สำคัญ ปริมาณที่ยัดลงกระเพาะก็สำคัญ ทานแค่อิ่ม ไม่หมดก็ไม่ต้องเสียดาย คราวหน้าตักแค่พอทานอิ่ม จะได้ไม่เหลือทิ้งอีก
3. น้ำหนักที่ลดลงมาก็ใช่ว่าจะเยอะ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 หนัก 71 กิโลกรัม ผ่านไป 10 วัน น้ำหนักเหลือ 68 กิโลกรัม หายไป 3 กิโลกรัม แต่เป็น 3 กิโลกรัมที่คุ้มค่า ไม่โหยหิว ไม่อด ไม่เครียดและไม่ทรมาน
4. ดื่มน้ำเยอะๆ น้ำเปล่านี่แหละ จะเย็นหรือไม่เย็นแล้วแต่จริต
5. ออกกำลังกาย เอ็กซ์เซอร์ไซส์ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง ฮุลล่าฮุป ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมใดๆ สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ขอแค่อย่างน้อย 30 นาทีต่อเนื่อง (ห้ามตัดข้อนี้ทิ้งเด็ดขาดนะคะสมาชิกสมาคมคนอ้วนแต่ขี้เกียจโลกแห่งประเทศไทย)
6. เลิกหลอกตัวเองว่าไม่อ้วนทั้งที่กระดุมเสื้อใกล้กระเด็นเต็มทน เลิกหลอกตัวเองว่าหิวทั้งที่แค่อยาก เลิกหลอกตัวเองว่าชิมทั้งที่ฟาดไปเป็นกะละมัง เลิกหลอกตัวเองว่าไม่มีเวลาทั้งที่ขี้เกียจ และที่สำคัญ...เลิกหลอกตัวเองว่าทำไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้ทำ
หลายคนคงคิด แหม...ตัวเองยังลดไม่สำเร็่จ ยังเห็นผลไม่ชัดเจน ยังกล้าแนะนำชาวบ้าน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะป้า เอาจริงๆคือ อยากชวนลดน้ำหนักไปด้วยกัน ยังมีคนที่อยากลดน้ำหนักแต่รอฤกษ์รอชัยอยู่อีกเยอะ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องรอ ชั้งน้ำหนัก ตั้งเป้าว่าจะลดลงให้ได้กี่กิโล แล้วเริ่มลดน้ำหนักพร้อมกันเลย ตั้งแต่วันนี้ ชั่วโมงนี้ นาทีนี้ วินาทีนี้ เดี๋ยวนี้...ถ้าอิอ้วนคนนี้(เริ่ม)ทำได้ คุณก็ทำได้ เราจะสู้ไปด้วยกันนะคะ