Carrie ไม่มีใครแคร์ ส่ง Gravity ได้แชมป์อีกสัปดาห์ หนังทำเงินอเมริกาสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

US BOX OFFICE October 18-20, 2013

(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)

แม้จะมีหนังใหม่เข้ามาประกบ 3 เรื่อง แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนทำรายได้น่าประทับใจ ทำให้ Gravity ยังลอยเท้งเต้งในอันดับ 1 หนังทำเงินประจำสัปดาห์ เป็นอาทิตย์ที่สามติดต่อกัน โดย Carrie และ Escape Plan ต่างทำรายได้ตำ่กว่าที่น่าจะเป็น หากก็ดีกว่า The Fifth Estate ที่ควำ่สนิท หนังในสิบสองอันดับแรกของสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกัน 93.2 ล้านเหรียญ น้อยกว่าสัปดาห์เดียวกันของปีกลาย 23%

กับการครองแชมป์เป็นสัปดาห์ที่ 3 Gravity ทำรายได้ตกแค่ 31% ได้ตังค์มาอีก 30.03 ล้านเหรียญ แต่ก็สู้สัปดาห์ก่อนไม่ได้ เพราะรายได้ตกจากสัปดาห์เปิดตัวแค่ 23% เท่านั้น หากก็ยังถือว่าหนังยืนระยะได้อย่างมหัศจรรย์ ซึ่งถือว่าเป็นหนังที่ได้แรงบอกปากต่อปากที่แข็งแรงที่สุดของปีนี้ ผ่าน 17 วันหนังทำรายได้ไปทั้งหมด 169.6 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 10 หนังทำเงินสูงสุดของปีนี้ และน่าจะปิดโปรแกรมได้ที่ราวๆ 270 ล้านเหรียญ

Captain Phillips ยังเกาะอันดับ 2 เหนียวหนึบ ด้วยรายได้ 16.4 ล้านเหรียญ ตกจากสัปดาห์ก่อน 36% ซึ่งมากกว่า Argo ที่ตกเพียง 16% ในระยะเวลาฉายเท่ากัน รวมทั้งยังแย่กว่า The Social Network ที่ตก 31% ถึงจะแย่กว่าหนังที่จับคนดูกลุ่มเดียวกัน แต่ผ่าน 10 วันหนังที่ได้รับคำชมกระจายเรื่องนี้ก็ฟันรายได้ไปแล้ว 52.4 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดโปรแกรมด้วยรายได้ประมาณ หรือมากกว่า 100 ล้านเหรียญเล็กน้อย

หนังสยองของเก่าเล่าใหม่ Carrie เปิดตัวในอันดับ 3 จาก 16.1 ล้านเหรียญ ถือเป็นรายได้ที่ตำ่มากๆ สำหรับหนังสยองขวัญที่ออกฉายในปีนี้ ตำ่กว่ารายได้เปิดตัว 25.8 ล้านเหรียญของ Evil Dead ที่เป็นหนังเก่าเล่าใหม่เหมือนกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจเหมือนกัน เพราะนี่คือหนังสยองเรื่องเดียวที่เปิดตัวในเดือนตุลาคม ทั้งๆ ที่โดยปกติจะเป็นช่วงหนังสยองออกอาละวาด

พอมาดูความสัมพันธ์ระหว่างกำหนดฉาย และการเปิดตัวในอันดับหนังทำเงินเดือนตุลาคม จะพบว่านี่คือเดือนที่ท้าทายความคาดหมาย อย่างแรก Gravity สามารถลบความคิดที่ว่า มีเพดานรายได้สำหรับหนังคนแสดงที่ไม่ใช่งานภาคต่อ ที่ออกฉายในเดือนตุลาคม แถมในสัปดาห์ต่อมาหนัง Captain Phillips ก็ออกตัวได้ดี แม้จะมีคนดูกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเดียวกันกับ Gravity และ Carrie เปิดตัวแค่ 16 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่เป็นสัปดาห์ก่อนเทศกาลฮัลโลวีน แถมไม่มีคู่แข่งโดยตรงอีกต่างหาก สามปัจจัยที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่ากำหนดฉายกลายเป็นองค์ประกอบที่ถูกประเมินค่าสูงเกินไป เวลาพูดถึงเรื่องการคาดการณ์รายได้ในอันดับหนังทำเงินโดยคนดูของ Carrie 54% เป็นผู้หญิง และ 56% อายุตำ่กว่า 25 ปี หนังได้คะแนน B- จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งถือว่าใช้ได้สำหรับหนังแนวนี้ ทำให้พอมองได้ว่า หนังน่าจะไปได้ดีในช่วงฮัลโลวีน แต่ก็คงทำรายได้แค่ราวๆ 40 ล้านเหรียญเท่านั้น

Escape Plan เปิดตัว 9.9 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่ารายได้เปิดตัวหนังฉายเดี่ยวในปีนี้ ของทั้งซิลเวสเตอร์ สตอลโลนจาก Bullet to the Head และอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ The Last Stand แต่ก็ไม่ใช่รายได้ที่มากมายอะไร Escape Plan น่าจะกลายเป็นหนึ่งในโคตรหนังที่ต้องดูประจำปี หากฉายในยุค 80 แต่เมื่อไม่ใช่ อารมณ์ถวิลหาอดีตสำหรับหนังแอ็คชันยุค 80 มันถามโถมไปสู่หนัง The Expendables ที่สองดารานำของหนังเรื่องนี้ร่วมแสดงเหมือนกันไปเรียบร้อยแล้ว คนดูของหนัง 55% เป็นชาย และ 61% อายุ 30 ปีขึ้นไป คะแนน B+จากซีนีมาสกอร์ อาจจะพอดึงให้หนังยืนระยะไปได้อีกสัก 1-2 สัปดาห์ แต่ก็ไม่มากพอทำให้หนังทำรายได้เกิน 30 ล้านเหรียญแน่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นรายได้น่าผิดหวังโคตรๆ สำหรับสองซุป'ตาร์หนังแอ็คชั่นจากอดีต

อันดับ 5 เป็นพื้นที่ของ Cloudy with a Chance of Meatballs 2 ที่ทำรายได้ตกลงเพียงแค่ 30% เก็บเงินมาได้ 9.7 ล้านเหรียญ หนังแอนิเมชั่นภาคต่อเรื่องนี้ ทำรายได้รวม 92.7 ล้านเหรียญ

ถ้า Escape Plan เป็นคามน่าผิดหวัง The Fifth Estate ต้องใช้คำที่แรงกว่านั้น กับ 1,769 โรง หนังดราม่าเกี่ยวกับวิกิลีคส์เรื่องนี้ เปิดตัวได้น่าสังเวชมากกับ 1.67 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยพอที่จะทำให้กลายเป็นหนังเปิดตัวเกิน 1,500 โรงที่ทำรายได้แย่สุด เพราะกับชำ้เก่า Paranoia ยังทำรายได้เปิดตัวตั้ง 3.5 ล้านเหรียญ ขณะที่หนังถูกมองว่าเป็น The Social Network ฉบับที่เป็นหนังการเมืองมากกว่า แต่วิกิลีคส์ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักเหมือนเฟซบุ๊ค กระทั่งใครก็ตามที่รู้จักวิกิลีคส์ ก็ยังมีความสงสัยในตัวของผู้ก่อตั้ง จูเลียน แอสซางจ์ ซึ่งดูขัดแย้งกับการตลาดของหนังที่นำเสนอเขาเป็นเหมือนกับฮีโรแต่ทั้งหลายทั้งมวลคงไม่นับว่าเป็นปัญหา หากหนังออกมาดี แต่เมื่อได้คำวิจารณ์ที่แย่ 39% จากเว็บมะเขือเน่า ก็ยิ่งทำให้หนังยิ่งห่างไกลจากคนดูเข้าไปอีก ส่วนในซีนีมาสกอร์ หนังได้คะแนนแค่ B ทำให้หนังไม่ได้แรงส่งจากปากต่อปาก และคงทำรายได้ไม่ถึง 10 ล้านเหรียญแน่ๆ

ด้วยโรงฉาย 457 โรง I'm In Love With a Church Girl เปิดตัวด้วยรายได้ 971,826 เหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นหายนะสำหรับหนังที่เจาะกลุ่มคนดูคริสเตียนในเมือง หากก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายมากไปกว่าที่คาดกันเอาไว้

หนังคำวิจารณ์สุดยอดของ สตีฟ แม็คควีน 12 Years a Slave ทำรายได้ 923,715 เหรียญจากแค่ 19 โรง ซึ่งคิดเป็นรายได้เฉลี่ย 48,617 เหรียญต่อโรง ก่อนหน้าที่จะมองไปถึงว่า หนังน่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งงานฮิตของปีนี้ ก็น่าจะจำกันได้ว่า บรรดาหนังที่เข้าชิงรางวัลทั้งหลาย ก็มันจะทำได้เข้าเป้าเสมอกับการฉายเปิดตัวในโรงหนังอาร์ท แล้วก็น่าสนใจด้วยว่า หนังจะทำได้ดีขนาดไหนกับการฉายในวงกว้าง สุดสัปดาห์นี้ฟ็อกซ์ เซิร์ชไลท์ จะเปิดโรงให้หนังอีกกว่า 100โรง ก่อนจะเปิดตัววงกว้างในวันที่ 1 พฤศจิกายน

ด้วยโรงฉาย 6 โรง  All Is Lost ถือว่าทำได้ไม่สวยนักกับรายได้ 93,583 เหรียญ กับหนังที่ได้รับคำชมเรื่องนี้ของโรเบิร์ทเรดฟอร์ดมีกำหนดจะขยายโรงอีกในสัปดาห์นี้

ในตลาดนอกอเมริกา Gravity ก็ครองอันดับ 1 เมื่อหนังมีสัปดาห์ที่ทำเงินมากที่สุดอยู่ในมือ จาก 51 ตลาดหนังเขย่าขวัญ 3 มิติเรื่องนี้ทำเงินไป 33.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 114.2 ล้านเหรียญ สัปดาห์ที่ผ่านมาหนังเปิดตัวอันดับ 1 ที่เกาหลีใต้ 7.1 ล้านเหรียญ, เม็กซิโก บ้านเกิดของผู้กำกับ 5.7 ล้านเหรียญ ในภาพรวมรายได้ของหนังสัปดาห์นี้ดลง 36% จากสัปดาห์ก่อนหน้า Gravity จะเปิดตัวที่ฝรั่งเศสในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป โดยหนังจะเปิดตัวในอังกฤษ และจีน ในเดือนพฤศจิกายน และญี่ปุ่นเดือนธันวาคม

Turbo เข้าฉายในตลาดใหญ่เพียงไม่กี่หยิบมือ ทำรายได้เพิ่มอีก 16.1 ล้านเหรียญ แถมขึ้นอันดับ 1 ที่อังกฤษ 6.5 ล้านเหรียญ (รวมรายได้จากรอบพรีวิว), ฝรั่งเศษ 3.3 ล้านเหรียญ และสเปน 1.8 ล้านเหรียญ สำหรับรายได้รวมนอกอเมริกาของ Turbo ตอนนี้คือ 142.1 ล้านเหรียญ ซึ่งยังอยู่ห่างไกลจากรายได้หนังที่แย่ที่สุดของดรีมเวิร์คส์ Rise of the Guardians (203.5 ล้านเหรียญ

ในที่สุด The Wolverine ก็เปิดตัวที่จีนแล้ว และทำรายได้สัปดาห์แรกถึง 13.6 ล้านเหรียญ หนังได้ตังค์นอกอเมริกามาแล้ว 257เหรียญ ส่งให้เป็นหนัง X-Men ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

Escape Plan เปิดตัวสัปดาห์แรกนอกอเมริกา ทำเงินไป 9.4 ล้านเหรียญ โดยรายได้ก้อนใหญ่ที่สุดจะเป็นที่รัสเซีย 3 ล่าน แต่ที่อังกฤษ และหนังไปไม่สวยนัก เมื่อเปิดตัวได้แค่ 1.5 ล้านเหรียญ และ 600,000 เหรียญในอังกฤษ และอิตาลีตามลำดับ

Captain Phillips ออกเรือแล้วใน 11 พื้นที่ และทำเงินไป 9.1 ล้านเหรีญซึ่งรายได้เกินครึ่งมาจากอังกฤษที่หนังทำเงินถึง $5.6 ล้านเหรียญ

อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่ www.sadaos.com พิเศษตามไปดูภาพโทนี จา อัพเดท ได้ที่ http://bit.ly/1c8jmvG
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่