Kick-Ass 2 โดนพ่อบ้านเกรียนใส่ ขึ้นอันดับ 1 ไม่สำเร็จ หนังทำเงินอมริกาสัปดาห์ที่ผ่านมา

US BOX OFFICE August 16-18, 2013

(ข้อมูล-แปล/เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)

ต้องยกเครดิตให้กับคนดูกลุ่มผู้ใหญ่ ที่ทำให้หนัง The Butler ของผู้กำกับลี แดเนียลส์ ขึ้นอันดับ 1 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ Kick-Ass 2 แม้จะเปิดตัวได้ดี แต่ก็น้องกว่าที่ภาคแรกทำไว้ ส่วน Jobs และ Paranoia นั้น คว่ำสนิททั้งสองเรื่อง โดยหนังใน 12 อันดับแรกทำเงินรวมกัน 121.4 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5% ในตอนนั้นหนัง The Expendables 2 อยู่ในอันดับ 1 สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่ http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/  

ด้วยโรงฉาย 2,933 โรง หนัง The Butler เปิดตัวด้วยรายได้ 24.6 ล้านเหรียญ ต่ำกว่าที่ The Help ทำไว้ 26 ล้านเหรียญ ตอนเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2011 โดยที่ตัวหนังยังคงว่าด้วยเรื่องชีวิตคนแอฟริกัน-อเมริกัน ในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิมนุษยชนเหมือนๆ กัน ซึ่ง The Help นั้นคนแห่ไปดูกันล้นหลามตอนเปิดตัวในวันพุธ กับ The Butler หนังยังทำได้ดีกว่า Eat Pray Love และ Julie & Julia ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม และพุ่งเป้าไปที่คนดูกลุ่มผู้ใหญ่ทั้งสองเรื่อง ความสำเร็จของ The Butler คงต้องยกให้กับการวางกำหนดฉาย เพราะหากดูในปีที่ผ่านๆ มา เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่เหมาะมากกับการปล่อยหนังในแนวนี้ หลังจากคนดูหนังซีจีเพียบ ขายคนดูผู้ชายวัยรุ่นเป็นหลักมาตลอดซัมเมอร์ และมีความต้องการมหาศาลของคนดูผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ ในตอนเริ่มต้นซัมเมอร์ ทางเดอะ ไวน์สไตน์ คอมพานี มองว่าไม่มีหนังเรื่องไหนเลยที่ตอบสนองความต้องการของคนดูกลุ่มนี้ และทำให้ตัดสินใจเลื่อนหนังจากเดือนตุลาคม มาลงในตอนนี้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่าพวกเขาทำงานได้ดี ขณะที่งานการตลาดก็เยี่ยมการประชาสัมพันธ์เน้นย้ำว่า นี่คือหนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ขณะที่โอปราห์ วินฟรีย์ ก็ออกทัวร์ช่วยโปรโมทอย่างเต็มที่ในกลุ่มคนดูเป้าหมาย

หนังได้คะแนน A จากซีนีมาสกอร์ และกับการที่ไม่มีคู่แข่งจังๆ อีกหลายสัปดาห์ ทำให้หนังน่าจะไปได้สวย และหากไม่มีอะไรผิดพลาดรายได้คงผ่านร้อยล้านไปได้ แต่อาจจะเป็นเรื่องช็อคหากหนังยืนระยะได้ยาวๆ แบบ The Help ที่ทำเงินไปถึง 160 ล้านเหรียญ

อันดับ 2 เป็น We're the Millers ที่ได้เงินมาอีก 18 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมา รายได้ตกแค่ 32% จากสัปดาห์เปิดตัว ซึ่งถือว่าทำรายได้สัปดาห์ได้ดีกว่าหนังตลกของซัมเมอร์ปีนี้ This is the End ที่ตกแค่ 36% และ The Heat ตก 37% เห็นได้ชัดว่าหนังตลกเจนนิเฟอร์ อนิสตัน/ เจสัน ซูดิคิสเรื่องนี้ได้แรงบอกปากต่อปากที่แข็งแรง และอยู่ในเส้นทางที่จะทำรายได้เกินร้อยล้าน ตอนนี้หนังทำเงินแล้ว 69.7 ล้านเหรียญ

Elysium เข้าที่ 3 มาได้อย่างหงุดหวิดเฉือนทั้ง Planes และ Kick-Ass 2 หนังไซ-ไฟ แม็ทท์ เดมอนรายได้ตก 54% ทำเงินมา 13.7 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันรายได้รวมอยู่ที่ 56 ล้านเหรียญ น้อยกว่ารายได้จากการฉายเท่าๆ กันของ District 9 อยู่ประมาณ 17 ล้านเหรียญ และไม่น่าจะไปได้ถึงร้อยล้าน

ในสัปดาห์ที่ 2 ของการฉาย Planes รายได้ตก 40% ทำเงินไป 13.4 ล้าน ผ่าน 10 วัน หนังตอนแยกของ Cars ทำเงินไปแล้ว 45.3 ล้านเหรียญ

ในปี 2010 Kick-Ass อาจจะสร้างฐานคนดูได้จากโฮม วิดีโอ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้หนังภาคต่อเปิดตัวได้อย่างแข็งแรง หนัง Kick-Ass 2 เปิดตัวเพียง 13.3 ล้านเหรียญ ต่ำกว่า 19.8 ล้านเหรียญของภาคแรก แต่ก็มากกว่าหนังคว่ำปีนี้ของยูนิเวอร์แซลที่สร้างจากนิยายภาพเหมือนกัน R.I.P.D. ที่ทำไว้ 12.7 ล้านเหรียญ หนัง Kick-Ass ภาคแรกได้ชื่อว่าเป็นงานฮิตแบบคัลท์ ซึ่งตอนเข้าโรงนั้นก็ไม่ได้ใจคนดูสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าทางไลออนเกทส์ จะทำได้ดีในเรื่องการโปรโมทเมื่อย้อนกลับไปในปี 2010 ตัวหนังเองก็ดูสด, สนุก แล้วก็ทำได้ดีสำหรับการเป็นหนังตลก-ซูเปอร์ฮีโร ซึ่งเป็นแนวหนังที่ทำเงินไม่ค่อยดีนัก นอกจากนี้ธรรมชาติของหนังภาค 2  ก็มักจะเสียข้อดีหลายๆ อย่างที่ภาคแรกมี แล้วการทำการตลาดก็ไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับหนังได้ ผลลัพธ์ก็คือ Kick-Ass 2 คนดูตกฮวบกว่าหนังภาค 2 เรื่องอื่นๆ อาทิ Red 2 และ The Expendables 2

คนดู Kick-Ass 2 63% เป็นชาย และ 58% อายุต่ำกว่า 25 หนังได้คะแนน B จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งจะไม่ได้แรงส่งจากปากต่อปาก สำหรับหนังภาคแรกแม้จะมีเสียงบอกปากต่อปากที่ดี แต่รายได้ก็ตกจากสัปดาห์เปิดตัวเยอะ ซึ่งถ้าหนังภาค 2 เป็นไปใรแบบเดียวกัน อย่างน้อยรายได้ของหนังก็น่าจะมากกว่า 30 ล้านเหรียญ

Percy Jackson: Sea of Monsters รายได้ตก 39% ทำเงินอีก 8.75 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 39.3 ล้านเหรียญ ท้ายที่สุดหนังคงทำได้ไม่เท่าถึงที่ภาคแรกทำไว้ 88.8 ล้านเหรียญ แต่ก็น่าจะได้รายได้จากต่างประเทศมาช่วยไม่ให้รายได้ทั่วโลกแตกต่างกันมากนัก

Jobs เปิดตัว 2,381 โรง ทำได้ดีที่สุดแค่อันดับ 7 ด้วยรายได้ 6.7 ล้านเหรียญ แม้จะไม่มีการมองว่าหนังน่าจะทำได้ในระดับ The Social Network แต่ก็เป็นตัวเลขที่น่าผิดหวังกับการทำได้แค่ 1 ใน 3 ของหนังผู้สร้างเฟซบุ๊ค แถมยังเป็นหนึ่งในหนังแอชตัน คุชเชอร์ เปิดตัวในวงกว้าง รายได้แย่สุด ชนะแค่ My Boss's Daughter ที่ทำไว้ 4.9 ล้านเหรียญ เมื่อปี 2003 ตัวหนังเองก็มีเรื่องมีราวเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคำวิจารณ์ที่ออกมาแย่ และการให้นักแสดงเบาสมองมารับบทซีเรียส ที่แทบจะเป็นความคิดที่ไม่ดีนักหากมองจากในอดีต แล้วกับการที่ได้คะแนน B- จากซีนีมาสกอร์ก็เป็นอันจบเห่ไปเลยสำหรับอนาคตของหนัง แต่ Jobs ก็ไม่ใช่คนที่ช้ำที่สุด เพราะ Paranoia ที่เปิดตัวในสัปดาห์เดียวกัน ทำได้แย่กว่า ด้วยรายได้แค่ 3.5 ล้านเหรียญ ขึ้นได้เพียงอันดับ 13 กลายเป็นหายนะแบบเดียวกับหนังของรีเลติวิตี้ มีเดียอย่าง The Warrior's Way 3.05 ล้านเหรียญ และ Take Me Home Tonight 3.46 ล้านเหรียญ รวมทั้งเป็นหนังเปิดตัวในวงกว้างรายได้แย่สุดของซัมเมอร์ แย่กว่าแชมป์เก่า Tyler Perry Presents Peeples ที่ทำได้แค่ 4.6 ล้านเหรียญ

การเปิดตัวได้เละเทะขนาดนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเกินคาดของหนัง เพราะ Paranoia มีการทำการตลาดที่เบาหวิว ตัวหนังไม่มีความชัดเจน แล้วก็ขาดเสน่ห์ บวกกับคำวิจารณ์ที่แย่มาก ได้คะแนนจากเว็บมะเขือเน่าแค่ 4% แถมคนดูก็ยังไม่ชอบอีก เมื่อได้แค่ C+ จากซีนีมาสกอร์ ทำให้น่าจะกลายเป็นหนังแฮร์ริสัน ฟอร์ด เปิดตัวในวงกว้างรายได้ต่ำสุดตลอดกาล

Blue Jasmine เพิ่มโรงเป็น 229 โรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เงินมาเพิ่มอีก 2.29 ล้านเหรียญ พอๆ กับสัปดาห์ก่อนโน้น หนังทำเงินไปแล้ว 9.42 ล้านเหรียญ และจะเปิดตัวในวงกว้างสุดสัปดาห์นี้

มาดูรายได้นอกอเมริกากันบ้าง Elysium ขยายพื้นที่ฉายไปในตลาดหลักๆ ไม่กี่แห่ง และคว้าอันดับ 1 หนังทำเงินนอกอเมริกาไปครอง หนังเปิดตัวได้ดีกว่า District 9 และ Pacific Rim ใน 8 ประเทศยุโรป ซึ่งก็รวมทั้งที่ฝรั่งเศส 4.1 ล้านเหรียญ, สเปน 3.3 ล้านเหรียญ และเยอรมัน 3.2 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ยังเปิดตัวดีกว่า District 9 และ Pacific Rim ในออสเตรเลีย ด้วยรายได้ 3.2 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 37.7 ล้านเหรียญ และจะเปิดตัวในอังกฤษสุดสัปดาห์นี้

เปิดฉายไปแล้ว 36 ประเทศ Percy Jackson: Sea of Monsters ทำเงินไป 21.5 ล้านเหรียญ และเปิดตัวได้ดีที่บราซิล 3.9 ล้านเหรียญ ถือเป็นหนังเปิดตัวสูงสุดอันดับ 4 ของฟ็อกซ์ที่นี่ ที่ฝรั่งก็ทำได้เยี่ยมกับ 3.6 ล้านเหรียญ และเยอรมัน 2.1 ล้านเหรียญรายได้รวมของหนังเป็น 36.3 ล้านเหรียญ ซึ่งน่าจะผ่านรายได้ของภาคแรก 138 ล้านเหรียญไปได้ในท้ายที่สุด

Pacific Rim ได้เงินมาอีก 20 ล้านเหรียญ โดยส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งรายได้ตกไปจากสัปดาห์ก่อนแค่ 14% เก็บเงินมาอีก 14.6 ล้านเหรียญ แต่ก็มากพอจะทำให้รายได้รวมของหนังผ่านร้อยล้านไปแล้วที่นี่ ทำให้หนังทำเงินได้สูงสุดที่จีน เอาชนะอเมริกาไปแล้วเรียบร้อย รายได้รวมนอกอเมริกาเท่ากับ 286 ล้านเหรียญ ซึ่งน่าจะผ่าน 300 ล้านได้ในอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์

แม้ไม่มีการเปิดตัวที่โดดเด่น แต่ The Smurfs 2 ก็ทำเงินไปอีก 20 ล้านเหรียญ ทำรายได้รวมพุ่งไป 150 ล้านเหรียญ ถือว่าหนังทำได้ดีใช้ได้ แม้จะไม่มีทางเท่ากับรายได้ของภาคแรกที่ทำไว้ 421 ล้านเหรียญก็ตามที แต่กับ Despicable Me 2 ยังเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ เมื่อเก็บเงินมาอีก 19.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมปาเข้าไป 435.2 ล้านเหรียญ หนังขึ้นที่ 1 ในรัสเซียด้วยรายได้ 12.2 ล้านเหรียญ เป็นหนังยูนิเวอร์แซลเปิดตัวมากที่สุดอันดับ 2 ที่นี่ หนังยังไม่ได้เปิดตัวในเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และอิตาลี ทำให้สามารถมองไกลถึงตัวเลข 500 ล้านเหรียญได้เลย

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา The Wolverine ทำเงินแซง X-Men: First Class ในตลาดนอกอเมริกาเรียบร้อย หนังทำเงินไปแล้ว 214.8 ล้านเหรียญ และน่าจะกลายเป็นหนัง X-Men ทำเงินมากสุด แซง The Last Stand (225 ล้านเหรียญ) ได้ในสัปดาห์นี้ แถมยังน่าจะเก็บเงินได้มากกว่านี้อีกเยอะ เพราะหนังจะเปิดตัวในญี่ปุ่นก็โน่น 13 กันยายน

หนังฮิตในอเมริกา We're the Millers เปิดตัวนอกอเมริกา 10.6 ล้านเหรียญ จาก 13 ตลาด หนังได้เงิน 6.8 ล้านเหรียญที่รัสเซีย และทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำที่ออสเตรเลีย 2.3 ล้านเหรียญ สุดสัปดาห์นี้ หนังจะเปิดตัวที่อังกฤษ ก่อนจะเปิดตัวในตลาดใหญ่ๆ ตลอดเดือนกันยายน ส่วน Grown Ups 2 ทำเงินไป 10 ล้านเหรียญในสัปดาห์นี้ โดยเปิดตัวได้ดีที่เม็กซิโก (3.7 ล้านเหรียญ) และบราซิล (1.5 ล้านเหรียญ) หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 45 ล้านเหรียญ

Planes oเปิดตัวด้วยรายได้ 7.3 ล้านเหรียญจากตลาด 9 แห่งทำรายได้ดีที่อังกฤษ 2.9 ล้านเหรียญ และสเปน 2.4 ล้านเหรียญ แม้จะเป็นตอนแยกของ Cars แต่หนังก็ไม่มีทางทาบรายได้ของหนังพิกซาร์ได้ และตัวเลขประมาณนี้ก็ถือว่าแข็งแรงใช้ได้ด้วยตัวเอง

Kick-Ass 2 เปิดตัวนอกอเมริกาด้วยตัวเลข 6.3 ล้านเหรียญจากตลาด 17 แห่ง รายได้หลักๆ มาจากอังกฤษที่เปิดตัวเป็นอันดับ 2 4 ล้านเหรียญ หนังภาคแรกทำเงินนอกอเมริกาไปทั้งหมด 48 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นตัวเลขที่หนังภาคนี้น่าจะผ่านไปได้

ดูอันดับหนังทำเงินในบ้านเรา สัปดาห์ผ่านๆ มาได้ที่ http://www.sadaos.com/tag/thailand-box-office-2013/

อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos
และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงมากมายได้ที่ www.sadaos.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่