US BOX OFFICE September 13-15, 2013
(แปล/ เรียบเรียงจาก
www.boxofficemojo.com)
หนังสยองขวัญภาคต่อ Insidious Chapter 2 เปิดตัววันศุกร์ 13 แล้วก็หลอนคว้ารายได้ไปถึง 40.3 ล้านเหรียญ ขณะที่หนังของลุค เบสซง The Family ก็ถือว่าเปิดตัวได้ดีเช่นกัน สำหรับ 12 อันดับแรกในชาร์ทสัปดาห์ที่ผ่านมาทำเงินรวมกันไป 89.5 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์เดียวกันของปีก่อนถึง 30% สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่
http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/
รายได้เปิดตัว 40.3 ล้านเหรียญของ Insidious 2 นั้นมากเป็น 3 เท่าของรายได้เปิดตัวที่ภาคแรกทำไว้ แล้วก็พอๆ กับ The Conjuring หนังอีกเรื่องของผกก. เจมส์ ว่าน ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาด้วยตัวเลข 41.9 ล้านเหรียญ ในประวัติศาสตร์มีหนเดียวเท่านั้น ที่มีหนังสองเรื่องของผกก. คนเดียวกัน เปิดตัวเกิน 40 ล้านเหรียญในปีเดียวกัน นั้นคือปี 2003 กับหนัง The Matrix Reloaded และ The Matrix Revolutions ของพี่น้องวอคาวสกี้
โดยปกติแล้วเดือนกันยายน จะเป็นเดือนที่รายได้ในอันดับหนังทำเงินออกมาเหงาๆ และกับ Insidious 2 หนังกลับทำได้ดีถึงเป็นหนังเปิดเดือนนี้รายได้สูงสุดอันดับ 2 รองจาก Hotel Transylvania ที่ทำไว้ 42.5 ล้านเหรียญ เมื่อปีก่อน และรั้งอันดับ 4 หนังสยองขวัญเหนือธรรมชาติเปิดตัวสูงสุด รองจาก Paranormal Activity 3, The Conjuring และ Paranormal Activity 2 รวมทั้งเป็นงานเปิดตัวสูงสุดของค่ายฟิล์มดิสทริคท์ ขนะ 30.4 ล้านเหรียญของ Olympus Has Fallen เมื่อเดือนมีนาคม
ความสำเร็จของ Insidious Chapter 2 เป็นผลมาจากการวางกำหนดฉายที่ดี และความแข็งแรงของหนังภาคแรก วันศุกร์ 13 เป็นวันแรงสำหรับเรื่องหลอนๆ อยู่แล้ว และในอดีตหนังสยองๆ ที่ออกฉายในวันนี้ก็มักจะทำได้ดี กับ Insidious Chapter 2 ก็ไม่ต่างกัน เห็นได้จากรายได้ของหนังในสัปดาห์ที่ผ่านมา มาจากวันศุกร์กว่าครึ่ง ทำให้เห็นชัดเจนว่า วันฉายก็สามารถดึงคนมาดูหนังได้เช่นกัน ผู้อำนวยการสร้าง เจสัน บลัม ที่เชี่ยวชาญเรื่องการปั้นหนังสยองขวัญ ตัดสินใจได้อย่างยอดเยี่ยม ที่จะเก็บสิ่งต่างๆ ที่ใช้ได้กับหนังภาคแรกเอาไว้ ใน Insidious Chapter 2 จะมีทั้งนักแสดงชุดเดิม รวมไปถึงมุมมองในเรื่องภาพสวยงาม ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการจัดการกับหนังภาคต่อที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ตาม
ผลลัพธ์ที่ออกมา ทำให้ปีนี้กลายเป็นปีมหัศจรรย์สำหรับหนังสยองขวัญ เมื่อ Insidious Chapter 2 เป็นหนังเรื่องที่ห้าของปีเข้าไปแล้ว ที่เปิดตัวในอันดับ 1 และรายได้มากกว่า 25 ล้านเหรียญ ที่เริ่มตั้งแต่ Mama, Evil Dead, The Purge และ The Conjuring โดยคนดูของหนัง 52% เป็นชาย ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับหนังแนวนี้ และ 62% อายุต่ำกว่า 25 ปี หนังได้คะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งน่าจะทำให้ยืนระยะได้อยู่ แต่โดยปกติแล้วหนังสยองขวัญมักจะทำรายได้ดีในวันแรกๆ และน่าจะทำให้ Insidious Chapter 2 ไม่น่าจะทำรายได้ผ่านร้อยล้าน
ตามมาห่างๆ ในอันดับ 2 ก็คือ The Family เปิดตัวด้วยรายได้ 14.03 ล้านเหรียญจาก 3,091 โรง ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ดีสำหรับหนังแกงสเตอร์ เบาสมอง และเป็นหนังลุค เบสซงเปิดตัวสูงสุดอันดับ 2 และอันดับ 6 ของค่ายรีเลติวิตี มีเดีย คนดู 54% เป็นหญิง และ 83% อายุมากกว่า 25 ปี โชคไม่ดีที่หนังได้คะแนน C จากซีนีมาสกอร์ ที่ทำให้หนังน่าจะหายไปเร็วกว่าที่คิด
กับการฉายสัปดาห์ที่สอง รายได้ของ Riddick ร่วงถึง 64% ทำเงินไปอีก 6.8 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันรายได้รวมอยู่ที่ 31.1 ล้านเหรียญ
หนังของลี แดเนียลส์ The Butler รายได้ตกแค่ 34% ทำเงินเพิ่ม 5.5 ล้านเหรียญ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หนังผ้านร้อยล้านเรียบร้อย ถือเป็นหนังเรื่องที่ 5 ของเดอ ไวน์สไตน์ คอมพานี ที่ทำรายได้ระดับนี้ ส่วน We're the Millers ยังอยู่ในห้าอันดับแรก ด้วยรายได้ 5.4 ล้านเหรียญตกลงแค่ 30% จากสัปดาห์ก่อน ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 131.6 ล้านเหรียญ
หนังเบาสมอง สำหรับครอบครัวพูดภาษาสแปนิช Instructions Not Included รายได้ตก 40% ทำรายได้เพิ่มอีก 4.86 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 27.2 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดโปรแกรมด้วยรายได้กว่า 35 ล้านเหรียญ
โซนี ปล่อยหนัง One Direction: This is Us ฉบับ Fan Cut ออกมา และทำให้รายได้ของหนังหล่นแบบเบาๆ แค่ 39% ทำเงินได้ 2.47 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังกวาดรายได้ไปแล้ว 27 ล้านเหรียญ
หันมาดูตลาดนอกอเมริกากันบ้าง หนัง The Smurfs 2 เป็นหัวแถวในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยรายได้ 17.6 ล้านเหรียญ โดยกว่าครึ่งมาจากรายได้เปิดตัวในจีน ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ด้วยรายได้ 10.2 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวที่ออสเตรเลียด้วยรายได้ 2 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 220 ล้านเหรียญ
White House Down ได้เงินมาเพิ่มอีก 13 ล้านเหรียญ ซึ่งก็รวมรายได้เปิดตัวแบบเหงาๆ ที่อังกฤษ 1.8 ล้านเหรียญ และสเปน 1.3 ล้านเหรียญ รายได้นอกอเมริกาของหนังอยู่ที่แค่ 98 ล้านเหรียญ ส่วน Planes ทำเงินในสัปดาห์ที่ผ่านมา 10.7 ล้านเหรียญ จาก 40 ประเทศ หนังเปิดตัวได้ดีที่เม็กซิโก 2.6 ล้านเหรียญ และบราซิล 1.9 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 55.8 ล้านเหรียญ โดยยังไม่เปิดตัวที่ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, อิตาลี และญี่ปุ่น
Riddick ทำรายได้ 9.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 22 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวได้ดีที่รัสเซีย 4.3 ล้านเหรียญ แต่ทำได้ไม่ดีนักที่ออสเตรเลีย 1.1 ล้านเหรียญ
อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่
www.facebook.com/Sadaos และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่
www.sadaos.com สำหรับคนที่ชอบร่วมสนุก ร่วมสนุกชิงเสื้อ Mood Indigo ได้ที่
http://on.fb.me/1e8c3nw
Insidious Chapter 2 หลอนรับศุกร์ 13 ขึ้นอันดับ 1 บ็อกซ์ ออฟฟิศ
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
หนังสยองขวัญภาคต่อ Insidious Chapter 2 เปิดตัววันศุกร์ 13 แล้วก็หลอนคว้ารายได้ไปถึง 40.3 ล้านเหรียญ ขณะที่หนังของลุค เบสซง The Family ก็ถือว่าเปิดตัวได้ดีเช่นกัน สำหรับ 12 อันดับแรกในชาร์ทสัปดาห์ที่ผ่านมาทำเงินรวมกันไป 89.5 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์เดียวกันของปีก่อนถึง 30% สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่ http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/
รายได้เปิดตัว 40.3 ล้านเหรียญของ Insidious 2 นั้นมากเป็น 3 เท่าของรายได้เปิดตัวที่ภาคแรกทำไว้ แล้วก็พอๆ กับ The Conjuring หนังอีกเรื่องของผกก. เจมส์ ว่าน ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาด้วยตัวเลข 41.9 ล้านเหรียญ ในประวัติศาสตร์มีหนเดียวเท่านั้น ที่มีหนังสองเรื่องของผกก. คนเดียวกัน เปิดตัวเกิน 40 ล้านเหรียญในปีเดียวกัน นั้นคือปี 2003 กับหนัง The Matrix Reloaded และ The Matrix Revolutions ของพี่น้องวอคาวสกี้
โดยปกติแล้วเดือนกันยายน จะเป็นเดือนที่รายได้ในอันดับหนังทำเงินออกมาเหงาๆ และกับ Insidious 2 หนังกลับทำได้ดีถึงเป็นหนังเปิดเดือนนี้รายได้สูงสุดอันดับ 2 รองจาก Hotel Transylvania ที่ทำไว้ 42.5 ล้านเหรียญ เมื่อปีก่อน และรั้งอันดับ 4 หนังสยองขวัญเหนือธรรมชาติเปิดตัวสูงสุด รองจาก Paranormal Activity 3, The Conjuring และ Paranormal Activity 2 รวมทั้งเป็นงานเปิดตัวสูงสุดของค่ายฟิล์มดิสทริคท์ ขนะ 30.4 ล้านเหรียญของ Olympus Has Fallen เมื่อเดือนมีนาคม
ความสำเร็จของ Insidious Chapter 2 เป็นผลมาจากการวางกำหนดฉายที่ดี และความแข็งแรงของหนังภาคแรก วันศุกร์ 13 เป็นวันแรงสำหรับเรื่องหลอนๆ อยู่แล้ว และในอดีตหนังสยองๆ ที่ออกฉายในวันนี้ก็มักจะทำได้ดี กับ Insidious Chapter 2 ก็ไม่ต่างกัน เห็นได้จากรายได้ของหนังในสัปดาห์ที่ผ่านมา มาจากวันศุกร์กว่าครึ่ง ทำให้เห็นชัดเจนว่า วันฉายก็สามารถดึงคนมาดูหนังได้เช่นกัน ผู้อำนวยการสร้าง เจสัน บลัม ที่เชี่ยวชาญเรื่องการปั้นหนังสยองขวัญ ตัดสินใจได้อย่างยอดเยี่ยม ที่จะเก็บสิ่งต่างๆ ที่ใช้ได้กับหนังภาคแรกเอาไว้ ใน Insidious Chapter 2 จะมีทั้งนักแสดงชุดเดิม รวมไปถึงมุมมองในเรื่องภาพสวยงาม ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการจัดการกับหนังภาคต่อที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ตาม
ผลลัพธ์ที่ออกมา ทำให้ปีนี้กลายเป็นปีมหัศจรรย์สำหรับหนังสยองขวัญ เมื่อ Insidious Chapter 2 เป็นหนังเรื่องที่ห้าของปีเข้าไปแล้ว ที่เปิดตัวในอันดับ 1 และรายได้มากกว่า 25 ล้านเหรียญ ที่เริ่มตั้งแต่ Mama, Evil Dead, The Purge และ The Conjuring โดยคนดูของหนัง 52% เป็นชาย ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับหนังแนวนี้ และ 62% อายุต่ำกว่า 25 ปี หนังได้คะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งน่าจะทำให้ยืนระยะได้อยู่ แต่โดยปกติแล้วหนังสยองขวัญมักจะทำรายได้ดีในวันแรกๆ และน่าจะทำให้ Insidious Chapter 2 ไม่น่าจะทำรายได้ผ่านร้อยล้าน
ตามมาห่างๆ ในอันดับ 2 ก็คือ The Family เปิดตัวด้วยรายได้ 14.03 ล้านเหรียญจาก 3,091 โรง ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ดีสำหรับหนังแกงสเตอร์ เบาสมอง และเป็นหนังลุค เบสซงเปิดตัวสูงสุดอันดับ 2 และอันดับ 6 ของค่ายรีเลติวิตี มีเดีย คนดู 54% เป็นหญิง และ 83% อายุมากกว่า 25 ปี โชคไม่ดีที่หนังได้คะแนน C จากซีนีมาสกอร์ ที่ทำให้หนังน่าจะหายไปเร็วกว่าที่คิด
กับการฉายสัปดาห์ที่สอง รายได้ของ Riddick ร่วงถึง 64% ทำเงินไปอีก 6.8 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันรายได้รวมอยู่ที่ 31.1 ล้านเหรียญ
หนังของลี แดเนียลส์ The Butler รายได้ตกแค่ 34% ทำเงินเพิ่ม 5.5 ล้านเหรียญ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หนังผ้านร้อยล้านเรียบร้อย ถือเป็นหนังเรื่องที่ 5 ของเดอ ไวน์สไตน์ คอมพานี ที่ทำรายได้ระดับนี้ ส่วน We're the Millers ยังอยู่ในห้าอันดับแรก ด้วยรายได้ 5.4 ล้านเหรียญตกลงแค่ 30% จากสัปดาห์ก่อน ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 131.6 ล้านเหรียญ
หนังเบาสมอง สำหรับครอบครัวพูดภาษาสแปนิช Instructions Not Included รายได้ตก 40% ทำรายได้เพิ่มอีก 4.86 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 27.2 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดโปรแกรมด้วยรายได้กว่า 35 ล้านเหรียญ
โซนี ปล่อยหนัง One Direction: This is Us ฉบับ Fan Cut ออกมา และทำให้รายได้ของหนังหล่นแบบเบาๆ แค่ 39% ทำเงินได้ 2.47 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังกวาดรายได้ไปแล้ว 27 ล้านเหรียญ
หันมาดูตลาดนอกอเมริกากันบ้าง หนัง The Smurfs 2 เป็นหัวแถวในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยรายได้ 17.6 ล้านเหรียญ โดยกว่าครึ่งมาจากรายได้เปิดตัวในจีน ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ด้วยรายได้ 10.2 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวที่ออสเตรเลียด้วยรายได้ 2 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 220 ล้านเหรียญ
White House Down ได้เงินมาเพิ่มอีก 13 ล้านเหรียญ ซึ่งก็รวมรายได้เปิดตัวแบบเหงาๆ ที่อังกฤษ 1.8 ล้านเหรียญ และสเปน 1.3 ล้านเหรียญ รายได้นอกอเมริกาของหนังอยู่ที่แค่ 98 ล้านเหรียญ ส่วน Planes ทำเงินในสัปดาห์ที่ผ่านมา 10.7 ล้านเหรียญ จาก 40 ประเทศ หนังเปิดตัวได้ดีที่เม็กซิโก 2.6 ล้านเหรียญ และบราซิล 1.9 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 55.8 ล้านเหรียญ โดยยังไม่เปิดตัวที่ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, อิตาลี และญี่ปุ่น
Riddick ทำรายได้ 9.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 22 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวได้ดีที่รัสเซีย 4.3 ล้านเหรียญ แต่ทำได้ไม่ดีนักที่ออสเตรเลีย 1.1 ล้านเหรียญ
อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่ www.sadaos.com สำหรับคนที่ชอบร่วมสนุก ร่วมสนุกชิงเสื้อ Mood Indigo ได้ที่ http://on.fb.me/1e8c3nw