อีกหนึ่งสัปดาห์เหงาๆ ของหนังทำเงินในอเมริกา Prisoners เข้าวินที่ 1

US BOXFFICE September 20-22, 2013

(แปล/ เรียบรียงจาก www.boxofficemojo.com)

ถึงแม้ตัวเรื่องจะไม่ใช่งานที่ขายได้ง่ายนัก แต่หนังอย่าง Prisoners ก็เปิดตัวในอันดับ 1 สัปดาห์นี้ได้สบายๆ แต่ที่คว่ำเละตุ้มเป๊ะก็คือ หนังเต้น 3 มิติ Battle of the Year โดยหนัง 12 อันดับแรกในชาร์ทนั้น ทำเงินรวมกัน 73.1 ล้านเหรียญ ถือว่าเป็นสุดสัปดาห์หงอยๆ อีกหนึ่งสัปดาห์ของปีนี้ แต่ก็เป็นไปตามปกติสำหรับช่วงนี้ของปี และมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเล็กน้อย สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่ http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/

Prisoners เปิดตัวที่ 20.8 ล้านเหรียญจาก 3,260 โรงในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นรายได้ในระดับเดียวกับดราม่าของวอร์เนอร์ ที่ออกช่วงเวลาฉายใกล้ๆ กันนี้เรื่องอื่นๆ อาทิ The Town (23.8 ล้านเหรียญ), Contagion (22.4 ล้านเหรียญ) และ Argo 19.5 ล้านเหรียญ เห็นได้ชัดว่าวอร์เนอร์มองว่ามีตลาดสำหรับหนังผู้ใหญ่แท้ๆ อยู่ในช่วงนี้ของปี และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด เมื่อคนดู 72% อายุมากกว่า 25 แต่กำหนดฉายคงไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก ถ้าหน้าหนังไม่มีเสน่ห์ ซึ่งหนังเรื่องนี้มีอยู่ในตัวจากเรื่องที่แข็งแรง และภาพที่ดูสิ้นหวัง และแทนที่จะเลี่ยงการบอกเรื่องราวตรงๆ การตลาดของหนังกลับแสดงให้เห็นไปเลยว่านี่คือหนังที่ต้องแข่งกับเวลา เพื่อค้นหาตัวเด็กหญิง 2 คนที่หายตัวไป ความกลัวตามสัญชาติญานทั่วๆ ไปก็คือ กลัวว่าลูกๆ หลานๆ จะถูกจับตัวไป เป็นความกลัวที่พ่อ-แม่ หรือผู้ปกครอง สามารถมองเห็นได้ และการโปรโมทก็ทำให้มั่นใจว่าคอหนังจะได้เห็นภาพนี้ ด้วยการเน้นตัวละครคุณพ่อที่ดูสิ้นหวังของฮิวจ์ แจ็คแมนเป็นหลัก แล้วก็ทำให้สิ่งที่เกิดกับเด็กๆ ดูเป็นเรื่องคลุมเครือ และพยายามตั้งคำถามว่า ใครเป็นคนทำ เพื่อสร้างแรงดึงดูดขึ้นมา ที่น่าแปลกใจก็คือ จากโพลล์หน้าโรงหนัง คนดูแตกออกเป็น 2 เสียง ระหว่างผู้ชายที่มี 48% และหญิง 52% คนดูในวันศุกร์ให้คะแนน B+ แต่คนดูวันเสาร์ให้คะแนน A-

ที่น่าสนใจก็คือ Prisoners จะยืนระยะยาวๆ ได้ยังไง หนังได้ปากต่อปากที่ใช้ได้ แต่ก็ต้องเจอการแข่งขันที่สูงมากขึ้นในช่วงต้นเดือนตุลาคม ถ้ามองถึงหนังที่ออกฉายในตอนนั้น Prisoners น่าจะจบลงด้วยรายได้สัก 70-80 ล้านเหรียญ และเป็นไปได้ว่าน่าจะได้มากกว่านี้

ออกตัวด้วยการเป็นหนึ่งในหนังเปิดตัวสวยที่สุดของเดือนกันยายน แต่พอสัปดาห์ที่ 2 หนังสยองขวัญภาคต่อ Insidious Chapter 2 รายได้ตก 66% ทำเงินไป 13.8 ล้านเหรียญ สำหรับหนังสยองขวัญรายได้ที่ลดลงขนาดนี้  ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็มั่นใจได้เลยว่าหนังจะไม่ปิดโปรแกรมด้วยรายได้ในระดับเดียวกับหนังฮิจอีกเรื่องของเจมส์ ว่านเมื่อเดือนกรกฎาคม The Conjuring ที่ทำเงินไปแล้ว 136 ล้านและยังอยู่ในโปรแกรม Insidious Chapter 2 น่าจะทำรายได้ราวๆ 60.2 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าหนังภาคแรกอยู่แล้ว

อันดับ 3 เป็น The Family ของลุค เบสซง รายได้ตก 50% ทำเงินไป 7 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันหนังทำเงินไปแล้ว 25.6 ล้านเหรียญ

ได้โรงเพิ่มอีก 45 โรงส่งหนังครอบครัว เบาสมองพูดสแปนิช Instructions Not Included ทำรายได้เพิ่มขึ้น 11% รายได้ 5.4 ล้านเหรียญ หนังฮิตเซอร์ไพรส์เรื่องนี้ ทำเงินไปแล้ว 33.96 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 5 หนังภาษาต่างประเทศทำเงินสูงสุดตลอดกาล และสุดสัปดาห์นี้น่าจะแซง Pan's Labyrinth (37.6 ล้านเหรียญ) เพื่อยึดอันดับ 4

เปิดตัวด้วยโรง 2,008 โรงหนังเต้น 3 มิติ Battle of the Year ทำได้แค่เข้าห้าอันดับแรก รายได้สยองมากแค่ 4.6 ล้านเหรียญ ถือเป็นหนังเต้นเปิดตัวต่ำสุด น้อยกว่า Step Up Revolution กว่าครึ่ง และต่ำกว่าหนังเต้นที่คว่ำจนเป็นตำนาน Dirty Dancing: Havana Nights ที่ทำไป 5.8 ล้านเหรียญ การที่คนดูมีแค่หยิบมือเดียว ส่งให้สุดสัปดาห์นี้ หนังน่าจะหายจากโรงไปเพียบ พร้อมเสริมความคิดที่ว่า หนังเต้นนั้นถึงจุดสูงสุดของตัวเองไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน แถมหนังยังไม่มีดารามาดึงคน แม้คริส บราวน์จะมีคนตามทวิตเตอร์ตั้งกว่า 13 ล้านคน แต่ส่วนใหญ่เป็นแฟนเพลง ซึ่งแน่นอนว่าหนักไปทางพวกที่มีความรู้ มีการศึกษา โซนี่เองก็ดูออกว่าหนังไม่มีศักยภาพมากนัก เลยทำตลาดแบบน้อยมากๆ ให้กับหนัง คนดู 60% เป็นหญิง และ 55% อายุ 21 ปีขึ้นไป หนังได้คะแนน A- จากซีนีมาสกอร์ แต่ที่มะเขือเน่าได้คะแนนแค่ 6% ซึ่งไม่ได้หมายความว่าหนังจะฉายได้นานขึ้น และท้ายที่สุดหนังน่าจะเก็บรายได้ไปราวๆ 10-15 ล้านเหรียญ

แม้จะฉายในโรงไอแมกซ์แค่ 318 โรง หนัง 3 มิติที่เอา The Wizard of Oz หนังคลาสสิคปี 1939 มาโม ออกฉายใหม่ ก็ขึ้นได้ถึงอันดับ9 รายได้ 3.09 ล้านเหรียญ ทำรายได้เหนือกว่าหนังโม 3 มิติออกฉายใหม่อย่าง Top Gun 3D (1.97 ล้านเหรียญ) และเหนือ Raiders of the Lost Ark (1.67 ล้านเหรียญ) ที่ออกฉายเมื่อกันยายนปีก่อน

หนังตลกคนติดเซ็กส์ Thanks for Sharing เปิดตัว 540,281 เหรียญจาก 269 โรง น้อยกว่าที่ Girl Most Likely ทำไว้ 694,447 เหรียญ ซึ่งเปิดฉายด้วยโรงที่น้อยกว่า 82 โรง เมื่อหลายเดือนก่อนนิดหน่อย ด้วยรายได้เบาๆแบบนี้ หนัง Thanks for Sharing น่าจะปลิวไปไหนต่อไหน และไม่น่าจะปิดโปรแกรมด้วยรายได้เกิน 2 ล้านเหรียญ

เปิดฉายเพียงแค่ 4 โรงที่นิว ยอร์ค และแอลเอ แต่ Enough Said ฟันเงินมาได้ 232,800 เหรียญ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรง 58,200 เหรียญ ซึ่งดีกว่าหนังเรื่องก่อนของผู้กำกับ/ เขียนบท นิโคล โฮโลฟเซเนอร์ Please Give ที่ทำได้ 23,625 เหรียญ ความที่เป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเจมส์ แกนดอลฟินี น่าจะส่งผลบวกให้กับหนัง และฟ็อกซ์ เซิรืชไลท์ น่าจะขยายโรงให้เมื่อหนังได้เสียงวิจารณ์ที่ดี เป็น 180- 220 โรงในสุดสัปดาห์นี้

จะเปิดฉายในวงกว้างสุดสัปดาห์นี้ เลยชิมลางกับการฉายในวงแคบก่อน หนัง Rush ของรอน โฮเวิร์ด ฉายแค่ 5 โรง ในนิว ยอร์ค และแอบเอ ทำเงินไป 187,289 เหรียญ คิดเป็น 37,458 เหรียญต่อโรง ซึ่งถือว่าใช้ได้ หนังได้เสียงวิจารณ์ที่ดี ราวๆ 90% จากมะเขือเน่า และเครดิตเก่าๆ ของโฮเวิร์ดน่าจะส่งให้หนังทำได้ดีขึ้น สุดสัปดาห์นี้หนังจะเพิ่มโรงเป็น 2,200 โรง

สำหรับตลาดนอกอเมริกา หนังครอบครัวยึดเรียบร้อย นำด้วยThe Smurfs 2 กับรายได้ 14.1 ล้านเหรียญ ซึ่งมาจาก 5.3 ล้านเหรียญกับการฉายสัปดาห์ที่ 2 ในจีน และเปิดตัว 2.8 ล้านเหรียญที่อิตาลี รายได้รวมนอกอเมริกาอยู่ที่ 238.4 ล้านเหรียญ เรื่องที่ทำรายได้ตามมาคือ Turbo ที่ทำเงินไป 12.4 ล้านเหรียญ ซึ่งส่วนใหญ่คือรายได้เปิดตัวที่จีน 9.8 ล้านเหรียญ กับการเปิดตัว 1.4 ล้านเหรียญที่ออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองถือว่าเปิดตัวได้เยี่ยม แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้หนังพ้นสภาพรายได้ที่น่าผิดหวัง รายได้นอกอเมริกาของ Turbo ทำไปแค่ 91.6 ล้านเหรียญ

Despicable Me 2 ได้เงินมาเพิ่ม 10.3 ล้านเหรียญจาก 41 ตลาด หนังเปิดตัวได้เยี่ยม 6.3 ล้านเหรียญที่ญี่ปุ่น และน่าจะทำรายได้ดีไปอีกหลายสัปดาห์ หากมองว่าหนังแอนิเมชันมักจะยืนระยะได้ดีที่นี่ รายได้รวมนอกอเมริกาตอนนี้อยู่ที่ 493.3 ล้านเหรียญ ส่งให้หนังทำรายได้รวมทั่วโลกไปถึง 854 ล้านเหรียญ

Elysium ถือว่าทำรายได้นอกอเมริกาได้ดี เมื่อทำเงินไปอีก 10.3 ล้านเหรียญ หนังเพิ่งเปิดตัวที่บราซิล 2.6 ล้านเหรียญ และญี่ปุ่น รายได้ต่ำกว่า 2 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 157.6 ล้านเหรียญ

The Conjuring ยังเติมความสำเร็จให้ตัวเองไปเรื่อยๆ หนังทำรายได้อีก 10.1 ล้านเหรียญ ซึ่งมาจากการเปิดตัวในเกาหลี 5 ล้านเหรียญ หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 149.2 ล้านเหรียญ และกำลังไล่ล่ารายได้รวมทั่วโลก 300 ล้านเหรียญ

อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่ www.sadaos.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่