มงกุฎซาตาน ตอนที่ 1 ว่าจ้าง

กระทู้สนทนา
เรื่อง...มงกุฎซาตาน
จอมใจขวัญ  ประพันธ์
1.ว่าจ้าง

หญิงสาวในชุดเรียบร้อยกำลังเดินออกจากสนามบิน กระดาษแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในมือถูกพลิกเพื่อค้นหาที่พัก เธอเลือกที่จะเดินทางกับเพื่อนสาวอีกคน และสถานที่ที่เธออยากมาที่สุดสำหรับประเทศตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ก็คือ กรุงราบัตต้า ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ

เสียงเจรจาถึงสถานที่เที่ยวน่าค้นหาสำคัญ
“นี่หล่อนมาถึงก็จะเอาแต่เที่ยวเลยเหรอ ไม่คิดหาที่พักก่อนหรือไง จะค่ำแล้วนี่ หรือว่าหล่อนชอบที่เปลี่ยวๆ สลัวๆ พอให้โดนดักซุ่มลอบเอาไปข่มขืน” เสียงเจื้อยแจ้วดังเป็นระยะตัดพ้อพร้อมสายตากะหลับกะเหลือกจากเพื่อนสาว ทำให้หญิงสาวเจ้าของความคิดการท่องเที่ยวต้องคลี่ยิ้มหวั่นไหล่เบาๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะเรื่องที่พักนะ พ่อของฉัน ท่านสั่งให้เลขาจัดการให้หมดแล้ว”
รอยยิ้มของหญิงสาวทำให้เพื่อนอย่างดนุพลรู้สึกดีขึ้นมาทันที ความร่ำรวยของพิศุทธิ์การันตีได้เลยว่าทริปทัวร์คราวนี้ต้องเลิศหรู หญิงสาวหันมาถามเพื่อนสาวอีกครั้งเพื่อความมั่นใจถึงความเหน็ดเหนื่อย

ดนุพลพยักหน้าหงึกหงักเว้าวอนผ่านสายตาอยากเข้าที่พักใจจะขาด อย่างไรก็ตามขอให้เริ่มต้นปวดขาในวันพรุ่งนี้จะดีกว่า

ศิรภัสสรยอมเพื่อนจึงโบกรถโดยสารบอกถึงสถานที่พักเป็นภาษาอังกฤษอย่างชำนาญงาน

บริเวณด้านหน้าของโรงแรมหรูกลางเมืองราบัตต้า

พนักงานต้อนรับและนำเธอและเพื่อนสาวเข้าไปยังห้องพักที่จองเอาไว้ โรงแรมหรูตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ทำมาจากไม้เสียส่วนใหญ่ เน้นโทนสีขาว ไม้สีน้ำตาลและเฉดสีทองเหลืองอร่ามยามต้องมนต์แห่งแสงไฟ กระจายระยิบระยับด้วยโคมไฟรูปร่างแตกต่างกัน ดนุพลแขกผู้เพิ่งมายิ้มกว้างพร้อมส่งเสียงกระซิบพร่ำชมถึงการตกแต่งระดับมืออาชีพ

“นี่ยัยพีช โรงแรมที่นี้สวยสมคำร่ำลือจริงๆ ด้วย ดูดิ!! พนักงานก็หล่อเอาเรื่องเชียว” นัยน์ตาสุกสกาวจ้องมองพนักงานต้อนรับที่อยู่ในชุดสีขาวไม่วางตา จนกระทั่งพนักงานต้อนรับรู้ตัวคลี่ยิ้มให้กับดนุพล มือเล็กของศิรภัสสรตีที่แขนของเพื่อนสาวเพื่อเรียกสติกลับมา แทบยังตำหนิหากินไกล

“เดี๋ยวเหอะ!!”

“แหมนังพีช แกก็ปล่อยๆ เพื่อนบ้างซิย่ะ ไม่ดีเหอร ถ้าฉันแต่งงานกับเขาแกก็จะได้มาเที่ยวที่ราบัตต้าบ่อยๆ”

ระหว่างที่ทั้งสองหยอกล้อถึงว่าที่สามีของดนุพลในอนาคต ศิรภัสสรก็ชนเข้ากับเนื้อแน่นของกล้ามอกของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง
“ว้าย!!”
ศิรภัสสรร้องเสียงหลงเป็นภาษาไทย ก่อนจะขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ จังหวะที่เสียงหวานกำลังเอื้อนเอ่ยขอโทษกับยักษ์ปักหลั่น ขณะมือหนาของเขาโอบประคองเนื้อสาวของศิรภัสสร

“ไม่เป็นไรหรอก เพราะเนื้อของเธอก็นุ่มดี จะให้กอดทั้งวันก็ได้นะ” สำเนียงของชาวราบัตต้าส่อเค้าเจ้าชู้กรุ้มกริ่มกะลิ้มกะเหลี่ย
เจ้าของอ้อมกอดกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ส่วนคนที่ยืนอ้าปากค้างตัวแข็งทื่อนิ่งสนิทในอ้อมกอดของชาวต่างประเทศนัยน์ตางดงามราวกับอัญมณีนิลเหลื่อม เคราครึ้มที่ขึ้นแซมปลายคางสีเขียวผสมกับริมฝีปากหยัก ราวกับมนต์ของดินแดนทะเลทรายทรงพลังตราตรึงให้ศิรภัสสรหลงใหลกับเค้าดวงหน้าของชายหนุ่ม

ดนุพลมองเพื่อนสาวที่แอบหวั่นไหวไปกับดวงตาสีนิลของคนตัวสูงโปร่ง ราวกับต้องการพะเนาพะนอคลอเคลียอยู่กันเพียงลำพัง ตรงเข้ามากระชากร่างบางที่โดนเวทมนตร์

“นี่นังพีช หล่อนกำลังเป็นอะไรไปย่ะ”

เสียงเข้มทักท้วงเมื่อเห็นสติของเพื่อนสาวหลุดกระจาย ด้วยสำเนียงภาษาไทย ทำให้ชายสูงโปร่งที่ยืนจังก้าอยู่ปรี่เข้ามาหาสองสาวอีกครั้งเอ่ยถามเป็นประโยคยาวยิงรัวราวกับปืนกลในสนามรบ สายตางุนงงพอจับใจความได้ประมาณว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มาจากประเทศไทย ส่วนเรื่องจะมาเพื่ออะไรนั้น ศิรภัสสรยอมรับว่าฟังไม่ทัน เสียงที่กลั้วออกมาเป็นภาษาอังกฤษผสมกับสำเนียงพื้นเมืองของชาวโมร็อกโกดูแปร่งๆ พิกล

“เมื่อกี้เขาหมายความว่าไงน่ะนังพีช??” ดนุพลทำหน้าเหลอหลากระเซ้าเพื่อนสาวให้ทักท้วงขอฟังอีกรอบ หากศิรภัสสรเม้มริมฝีปากเดาจากสำเนียง

“เฮ้ย!! นังอีฟอย่างนี้ใช่ไหมที่เรียกว่า งง กับภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่”

“เออสิแก ขนาดปริญญาเอกอย่างแกยังสับสน แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่จบแค่มหาวิทยาลัยเอกชนอย่างฉันล่ะ”

“ปัดโธ่!! นังอีฟ มาด้วยกันก็ช่วยๆ กันแปลสิย่ะ”

“ช่วยนะได้อยู่นะ แต่สำเนียงแปร่งแบบนี้ ฉันล่ะเพลียจิต” ดนุพลห่อไหล่ลู่ลงพลางถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะเลี้ยวมาจ้องใบหน้าคมคร้ามนั้น เหมือนพระเอกโพ้นแดนทะเลทรายหลุดออกมาคลี่ยิ้มเชื้อเชิญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่