2.น่างาบทั้งสองคน
การท่องเที่ยวเป็นฉากหน้าที่แนบเนียนที่สุด พิศุทธิ์นั่งหน้าเครียดภายในห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ หากข้างในกลับรู้สึกร้อนรน มือข้างหนึ่งกระดิกเคาะกับพื้นโต๊ะทำงาน ยิ่งเอกสารยืนยันการชำระเงินกู้แนบมาในแฟ้ม ทุกครั้งที่คิดถึงมันก็ยิ่งทำให้ต้องครุ่นคิดหาทางออก
เสียงเครียดกดอินเตอร์คอมเรียกหัวหน้าแผนกด้านการเงินเข้ามา คนด้านนอกที่เคาะประตูเร่งเข้ามาพร้อมยื่นเอกสารที่ต้องจัดการเร่งด่วนวางต่อหน้า คิ้วแผงดกดำรับกับเครื่องหน้า เผยให้รู้ว่าเมื่อก่อนเขารูปหล่อเพียงใด ริมฝีปากหนาหยักขึ้นก่อนจะส่งเสียงเครียดกำชับให้แผนกการตลาดใช้โปรโมชั่นลดกระหน่ำ เพื่อนำเม็ดเงินที่ต้องใช้มาแก้ขัดด้านปัญหาหนี้สินเสียก่อน หัวหน้าแผนกบัญชีตรงดิ่งรีบเข้าไปประสานงานทันที อย่างน้อยก็เพื่อบริษัทและตัวเธอเอง
หากภาวะง่อนแง่นทางการเงินยังตึงสถานะอยู่แบบนี้ เปอร์เซ็นต์ของการล้มละลายก็มีอัตราสูง แต่เมื่อเห็นทางออกของเจ้านายที่พร้อมจะขาดทุน เหมือนกับการแก้ผ้าเอาหน้ารอดประทังชีวิตผู้คนในบริษัท
ภาวะทางการเงินกำลังก่อมรสุมให้ความคิดของพิศุทธิ์ถึงทางตัน เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาคิดและตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา กับเงื่อนไขพิลึก เพื่อแลกมาซึ่งเงินจำนวนมหาศาลที่จะได้มาในอนาคต ขอเพียงดลบันดาลบางสิ่งที่เรียกว่า...การยัดเหยียดพรหมลิขิตให้
“พ่อขอโทษลูก ช่วยพ่อด้วยนะ” เขาเปรยเบาๆ อย่างท้อแท้
หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใบหน้าติดจะซีเรียส หย่อนกายทันทีไม่พูดจาทักทายผู้เป็นสามีที่นั่งอยู่ ถอนลมหายใจด้วยความหนักใจ ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องเดียวกันอยู่
“นี่คุณ...ส่งลูกไปแบบนั้นมันจะมีอะไรเกิดขึ้น”
“มันต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างล่ะน่า” เขายืนยันก่อนจะคลิกกล่องข้อความ ภาพที่โชว์สไลด์ช้าๆ ภาพประกอบบ่งบอกถึงบางสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างน้อยงานที่ให้ลูกสาวคนเดียวก็สำเร็จ เหลือแต่เพียงงานชิ้นโบว์แดงเท่านั้น เขาคลี่ยิ้ม
“แล้วคุณจะส่งให้แผนกออกแบบเมื่อไรล่ะ เพราะตอนนี้สาขาที่ต่างจังหวัดก็เงียบเหงาเอาเรื่องอยู่”
ฝ่ายสามีนิ่งเงียบก่อนจะบอกโปรโมชั่นของเดือนต่อไปที่พอจะช่วยให้เม็ดเงินกระเตื้องขึ้นมาบ้าง เธอช่วยสมทบความคิดเข้าไปอีกเป็นทางเลือกสำหรับเดือนดีๆ จับมือการเวดดิ้งที่รู้จัก จัดโปรโมชั่นสำหรับคู่รักซื้อเพชรแถมเพชร พิศุทธิ์คลี่ยิ้มเห็นด้วยกับโปรโมชั่น แล้วกดอินเตอร์คอมอีกครั้งเพื่อแจ้งให้กับแผนกการตลาด จัดโปรโมชั่นอีกหนึ่งชุด
เลอลักษณ์อ้ำอึ้งเมื่อความรู้สึกผิดที่ดันไปเห็นดีเห็นงามกับความคิดของสามี
“โธ่!! ที่รักอย่าไปคิดมากเลย อย่างน้อยก็ทำให้สถานะทางการเงินของเรามันดีขึ้น”
“ดีขึ้นยังไงกัน ในเมื่อเราต้องแลก...” เธอหวั่นใจพลางยกมือขึ้นทาบอก หลุบดวงหน้าที่สำนึกผิด
“คุณ!!” สามีลากเสียงยาวอย่างกังวล ก่อนจะยกหูโทรศัพท์กดหาเบอร์ทางไกลของลูกสาว ไม่นานนักปลายสายก็ตอบรับพร้อมกับน้ำเสียงสดใส และยืนยันการทำงานที่ค่อนข้างราบรื่นแถมยังเจอเพื่อนใหม่ที่ราบัตต้า ปฏิบัติราวกับครอบครัว ซึ่งนั้นทำให้พิศุทธิ์มั่นใจว่าต้องเจ้าของสถานะทางการเงินแน่ๆ ก่อนจะวางสายไปเลอลักษณ์คุยติดน้ำเสียงเศร้าเพราะคิดถึงลูกสาวคนเดียวที่ทั้งรักและหวงแหน ทิ้งท้ายให้ดูแลตัวเองในราบัตต้าด้วยความระมัดระวัง ปลายสายน้ำตาคลอหน่วยด้วยความคิดถึงเช่นกัน
ณ เมืองราบัตต้า ประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกาตอนเหนือ
เช้าของการเดินทางอีกวัน ศิรภัสสรตัดสินใจออกเดินทางเร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิม เพราะสิ่งที่รบกวนใจของเธอต่างหากที่ต้องตัดสินใจแบบนั้น คนที่ต้องเดินทางไปด้วยหน้าคว่ำเพราะต้องตื่นนอนแต่เช้า เป็นผลมาจากเมื่อคืน เสียงบ่นกระปอดกระแปดตลอดเส้นทาง
โปรแกรมวันนี้ คือ พระราชวังของสมเด็จพระราชาธิบดี หนังสือเดินทางพร้อมแนบประวัติทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเธอยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ สีหน้าค่อนข้างจะฉายชัดไปทางไม่พึงพอใจสักเท่าไร แบ่งรับแบ่งสู้อย่างเสียไม่ได้ หญิงสาวทำได้เพียงอมยิ้มอย่างวาดหวังว่าเจ้าหน้าที่คนนี้จะอนุมัติการเยี่ยมชมพระราชวัง ถึงแม้จะเป็นแค่พระราชวังด้านนอกสำหรับบุคคลพิเศษจากต่างประเทศอย่างเธอ
เสียงดังฟังชัดให้เธอและดนุพลเดินตาม การมารายงานกับส่วนสำคัญคือส่วนการอารักขาความปลอดภัย หญิงสาวและดนุพลเดินเข้าไปในเครื่องตรวจเช็คร่างกาย กระเป๋าทุกซอกลืบถูกรื้อค้นอย่างละเอียด อุปกรณ์และเครื่องมือสื่อสารทุกประเภทก็ถูกเจ้าหน้าที่ระบบความเชี่ยวชาญสูงจัดการทุกหน่วยความจำ
“ไหวไหมนะแก”
ดนุพลโยกตัวกระทบไหล่เพื่อนเบาพร้อมเหล่ตามองการตรวจตราที่ละเอียดลออนานเกือบชั่วโมง หญิงสาวหวั่นไหล่เบาๆ ก่อนจะกระซิบว่าอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งของบิดาที่มีเจตนาดีสำหรับบริษัท เธอรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ บริษัทต้องการการระดมทุนของเม็ดเงินจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีความต้องการจะขยายกิจการมาถึงประเทศโมร็อกโกที่มีวัตถุดิบมากมาย
ศิรภัสสรจึงกลายเป็นกลไกหลัก เธอตั้งเป้าเก็บเกี่ยวทุกซอกมุมของพระราชวังทั้งหมด
ไม่นานนัก
เสียงพระราชทานอนุญาตก็ดังเข้ามา ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำพระราชวังก็อนุญาตให้หญิงสาวและดนุพลได้เข้ามาในเขตพระราชฐาน ซึ่งการเข้ามาอย่างง่ายดายอาจเป็นเพราะข้อมูลส่วนตัวของศิรภัสสรที่แจ้งและประสานงานมาเกือบสองเดือนแล้ว นามสกุล ‘ธารารัตน์สกุล’ จึงทำให้สะดวก
“อย่างไรก็ตาม ขอให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย หากต้องการจะเดินออกนอกเส้นทางให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่จะคอยอำนวยความสะดวก” เสียงเข้มหน้าตึงเอ่ยบอก ผายมือคลี่ยิ้มบางๆ จนแทบจะไม่ยิ้มจะดีกว่า เพราะดูรอยยิ้มแล้วเหมือนเขาต้องใช้กล้ามเนื้อบนหนังหน้าทุกส่วนอย่างจำเป็น
ศิรภัสสรและดนุพลจำยอมต้องยิ้มรับอย่างลำบากใจเช่นกัน เดินตามเจ้าหน้าที่อีกคนที่ทำตัวเหมือนกับสัสดีคุมประพฤติ เมื่อนักโทษตัวปลอมอย่างเธอและดนุพลจำยอม ทิ้งระยะการเดินตามห่างพอสมควร แต่ก็ไม่ห่างพอจะหนีจากสายตาดุจดั่งดวงตาของพญาเหยี่ยว
“แกว่าไหม หนังสือที่เราถือมา...มันทำให้เรื่องการเข้ามาในพระราชวังง่ายจนผิดสังเกตไหม??”
ดนุพลเลิกคิ้วที่กันสวยขึ้นเล็กน้อย พลางเหลียวไปมองดูเจ้าหน้าที่ที่เดินตาม สีหน้าของเขาเหมือนเดิมกับตอนแรกที่ได้เจอกัน หน้าตึงเคร่งขรึมเหมือนถูกสั่งห้ามพูดห้ามยิ้ม หรือทำการอย่างใดนอกเหนือคำสั่ง
“ทหารพระราชวังหน้าตาแบบเดียวกันหมดเลยหรือไง” ดนุพลยกไหล่หวั่นกลั้วหัวเราะ
ส่วนหญิงสาวที่จับภาพเคลื่อนไหวเบื้องหน้าได้ หยุดทันทีพร้อมกับเพ่งมองจับภาพระยะไกลจากเลนส์ราคาสวยโดยไม่ลืมกดบันทึก ท่าทีเหมือนต้องการจะเข้าไปภายในแต่ถูกห้ามปราบเอาไว้ สักพักชายหนุ่มที่อยู่หลังเลนส์ก็ถูกพักออกมากีดกันเป็นผลสำเร็จ หากอีกคนที่ลงไปกองอยู่กับพื้นยังดื้อดึง เหล่าบรรดาทหารพระราชวังก็ผลักไสไม่ให้เขาเข้าไปข้างในอยู่ดี
“เกิดอะไรขึ้นอ่ะแกนังพีช” ดนุพลกระตุกแขนเบาๆ พร้อมเอ่ยถาม หญิงสาวที่ถือกล้องอยู่กระตุกเรียวแขนเบาๆ เพื่อเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นต่อ
“นังอีฟ แกกับฉันก็ยืนอยู่เนี้ย แล้วจะรู้ไหม...ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่โน้น” เสียงแข็งของศิรภัสสรเปรยบอก ดนุพลจ้องผ่านหน้าจอที่กำลังขึ้นตัวแดงแสดงการบันทึก
มงกุฎซาตาน 2.น่างาบทั้งสองคน
การท่องเที่ยวเป็นฉากหน้าที่แนบเนียนที่สุด พิศุทธิ์นั่งหน้าเครียดภายในห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ หากข้างในกลับรู้สึกร้อนรน มือข้างหนึ่งกระดิกเคาะกับพื้นโต๊ะทำงาน ยิ่งเอกสารยืนยันการชำระเงินกู้แนบมาในแฟ้ม ทุกครั้งที่คิดถึงมันก็ยิ่งทำให้ต้องครุ่นคิดหาทางออก
เสียงเครียดกดอินเตอร์คอมเรียกหัวหน้าแผนกด้านการเงินเข้ามา คนด้านนอกที่เคาะประตูเร่งเข้ามาพร้อมยื่นเอกสารที่ต้องจัดการเร่งด่วนวางต่อหน้า คิ้วแผงดกดำรับกับเครื่องหน้า เผยให้รู้ว่าเมื่อก่อนเขารูปหล่อเพียงใด ริมฝีปากหนาหยักขึ้นก่อนจะส่งเสียงเครียดกำชับให้แผนกการตลาดใช้โปรโมชั่นลดกระหน่ำ เพื่อนำเม็ดเงินที่ต้องใช้มาแก้ขัดด้านปัญหาหนี้สินเสียก่อน หัวหน้าแผนกบัญชีตรงดิ่งรีบเข้าไปประสานงานทันที อย่างน้อยก็เพื่อบริษัทและตัวเธอเอง
หากภาวะง่อนแง่นทางการเงินยังตึงสถานะอยู่แบบนี้ เปอร์เซ็นต์ของการล้มละลายก็มีอัตราสูง แต่เมื่อเห็นทางออกของเจ้านายที่พร้อมจะขาดทุน เหมือนกับการแก้ผ้าเอาหน้ารอดประทังชีวิตผู้คนในบริษัท
ภาวะทางการเงินกำลังก่อมรสุมให้ความคิดของพิศุทธิ์ถึงทางตัน เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาคิดและตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา กับเงื่อนไขพิลึก เพื่อแลกมาซึ่งเงินจำนวนมหาศาลที่จะได้มาในอนาคต ขอเพียงดลบันดาลบางสิ่งที่เรียกว่า...การยัดเหยียดพรหมลิขิตให้
“พ่อขอโทษลูก ช่วยพ่อด้วยนะ” เขาเปรยเบาๆ อย่างท้อแท้
หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใบหน้าติดจะซีเรียส หย่อนกายทันทีไม่พูดจาทักทายผู้เป็นสามีที่นั่งอยู่ ถอนลมหายใจด้วยความหนักใจ ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องเดียวกันอยู่
“นี่คุณ...ส่งลูกไปแบบนั้นมันจะมีอะไรเกิดขึ้น”
“มันต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างล่ะน่า” เขายืนยันก่อนจะคลิกกล่องข้อความ ภาพที่โชว์สไลด์ช้าๆ ภาพประกอบบ่งบอกถึงบางสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างน้อยงานที่ให้ลูกสาวคนเดียวก็สำเร็จ เหลือแต่เพียงงานชิ้นโบว์แดงเท่านั้น เขาคลี่ยิ้ม
“แล้วคุณจะส่งให้แผนกออกแบบเมื่อไรล่ะ เพราะตอนนี้สาขาที่ต่างจังหวัดก็เงียบเหงาเอาเรื่องอยู่”
ฝ่ายสามีนิ่งเงียบก่อนจะบอกโปรโมชั่นของเดือนต่อไปที่พอจะช่วยให้เม็ดเงินกระเตื้องขึ้นมาบ้าง เธอช่วยสมทบความคิดเข้าไปอีกเป็นทางเลือกสำหรับเดือนดีๆ จับมือการเวดดิ้งที่รู้จัก จัดโปรโมชั่นสำหรับคู่รักซื้อเพชรแถมเพชร พิศุทธิ์คลี่ยิ้มเห็นด้วยกับโปรโมชั่น แล้วกดอินเตอร์คอมอีกครั้งเพื่อแจ้งให้กับแผนกการตลาด จัดโปรโมชั่นอีกหนึ่งชุด
เลอลักษณ์อ้ำอึ้งเมื่อความรู้สึกผิดที่ดันไปเห็นดีเห็นงามกับความคิดของสามี
“โธ่!! ที่รักอย่าไปคิดมากเลย อย่างน้อยก็ทำให้สถานะทางการเงินของเรามันดีขึ้น”
“ดีขึ้นยังไงกัน ในเมื่อเราต้องแลก...” เธอหวั่นใจพลางยกมือขึ้นทาบอก หลุบดวงหน้าที่สำนึกผิด
“คุณ!!” สามีลากเสียงยาวอย่างกังวล ก่อนจะยกหูโทรศัพท์กดหาเบอร์ทางไกลของลูกสาว ไม่นานนักปลายสายก็ตอบรับพร้อมกับน้ำเสียงสดใส และยืนยันการทำงานที่ค่อนข้างราบรื่นแถมยังเจอเพื่อนใหม่ที่ราบัตต้า ปฏิบัติราวกับครอบครัว ซึ่งนั้นทำให้พิศุทธิ์มั่นใจว่าต้องเจ้าของสถานะทางการเงินแน่ๆ ก่อนจะวางสายไปเลอลักษณ์คุยติดน้ำเสียงเศร้าเพราะคิดถึงลูกสาวคนเดียวที่ทั้งรักและหวงแหน ทิ้งท้ายให้ดูแลตัวเองในราบัตต้าด้วยความระมัดระวัง ปลายสายน้ำตาคลอหน่วยด้วยความคิดถึงเช่นกัน
ณ เมืองราบัตต้า ประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกาตอนเหนือ
เช้าของการเดินทางอีกวัน ศิรภัสสรตัดสินใจออกเดินทางเร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิม เพราะสิ่งที่รบกวนใจของเธอต่างหากที่ต้องตัดสินใจแบบนั้น คนที่ต้องเดินทางไปด้วยหน้าคว่ำเพราะต้องตื่นนอนแต่เช้า เป็นผลมาจากเมื่อคืน เสียงบ่นกระปอดกระแปดตลอดเส้นทาง
โปรแกรมวันนี้ คือ พระราชวังของสมเด็จพระราชาธิบดี หนังสือเดินทางพร้อมแนบประวัติทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเธอยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ สีหน้าค่อนข้างจะฉายชัดไปทางไม่พึงพอใจสักเท่าไร แบ่งรับแบ่งสู้อย่างเสียไม่ได้ หญิงสาวทำได้เพียงอมยิ้มอย่างวาดหวังว่าเจ้าหน้าที่คนนี้จะอนุมัติการเยี่ยมชมพระราชวัง ถึงแม้จะเป็นแค่พระราชวังด้านนอกสำหรับบุคคลพิเศษจากต่างประเทศอย่างเธอ
เสียงดังฟังชัดให้เธอและดนุพลเดินตาม การมารายงานกับส่วนสำคัญคือส่วนการอารักขาความปลอดภัย หญิงสาวและดนุพลเดินเข้าไปในเครื่องตรวจเช็คร่างกาย กระเป๋าทุกซอกลืบถูกรื้อค้นอย่างละเอียด อุปกรณ์และเครื่องมือสื่อสารทุกประเภทก็ถูกเจ้าหน้าที่ระบบความเชี่ยวชาญสูงจัดการทุกหน่วยความจำ
“ไหวไหมนะแก”
ดนุพลโยกตัวกระทบไหล่เพื่อนเบาพร้อมเหล่ตามองการตรวจตราที่ละเอียดลออนานเกือบชั่วโมง หญิงสาวหวั่นไหล่เบาๆ ก่อนจะกระซิบว่าอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งของบิดาที่มีเจตนาดีสำหรับบริษัท เธอรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ บริษัทต้องการการระดมทุนของเม็ดเงินจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีความต้องการจะขยายกิจการมาถึงประเทศโมร็อกโกที่มีวัตถุดิบมากมาย
ศิรภัสสรจึงกลายเป็นกลไกหลัก เธอตั้งเป้าเก็บเกี่ยวทุกซอกมุมของพระราชวังทั้งหมด
ไม่นานนัก
เสียงพระราชทานอนุญาตก็ดังเข้ามา ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำพระราชวังก็อนุญาตให้หญิงสาวและดนุพลได้เข้ามาในเขตพระราชฐาน ซึ่งการเข้ามาอย่างง่ายดายอาจเป็นเพราะข้อมูลส่วนตัวของศิรภัสสรที่แจ้งและประสานงานมาเกือบสองเดือนแล้ว นามสกุล ‘ธารารัตน์สกุล’ จึงทำให้สะดวก
“อย่างไรก็ตาม ขอให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย หากต้องการจะเดินออกนอกเส้นทางให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่จะคอยอำนวยความสะดวก” เสียงเข้มหน้าตึงเอ่ยบอก ผายมือคลี่ยิ้มบางๆ จนแทบจะไม่ยิ้มจะดีกว่า เพราะดูรอยยิ้มแล้วเหมือนเขาต้องใช้กล้ามเนื้อบนหนังหน้าทุกส่วนอย่างจำเป็น
ศิรภัสสรและดนุพลจำยอมต้องยิ้มรับอย่างลำบากใจเช่นกัน เดินตามเจ้าหน้าที่อีกคนที่ทำตัวเหมือนกับสัสดีคุมประพฤติ เมื่อนักโทษตัวปลอมอย่างเธอและดนุพลจำยอม ทิ้งระยะการเดินตามห่างพอสมควร แต่ก็ไม่ห่างพอจะหนีจากสายตาดุจดั่งดวงตาของพญาเหยี่ยว
“แกว่าไหม หนังสือที่เราถือมา...มันทำให้เรื่องการเข้ามาในพระราชวังง่ายจนผิดสังเกตไหม??”
ดนุพลเลิกคิ้วที่กันสวยขึ้นเล็กน้อย พลางเหลียวไปมองดูเจ้าหน้าที่ที่เดินตาม สีหน้าของเขาเหมือนเดิมกับตอนแรกที่ได้เจอกัน หน้าตึงเคร่งขรึมเหมือนถูกสั่งห้ามพูดห้ามยิ้ม หรือทำการอย่างใดนอกเหนือคำสั่ง
“ทหารพระราชวังหน้าตาแบบเดียวกันหมดเลยหรือไง” ดนุพลยกไหล่หวั่นกลั้วหัวเราะ
ส่วนหญิงสาวที่จับภาพเคลื่อนไหวเบื้องหน้าได้ หยุดทันทีพร้อมกับเพ่งมองจับภาพระยะไกลจากเลนส์ราคาสวยโดยไม่ลืมกดบันทึก ท่าทีเหมือนต้องการจะเข้าไปภายในแต่ถูกห้ามปราบเอาไว้ สักพักชายหนุ่มที่อยู่หลังเลนส์ก็ถูกพักออกมากีดกันเป็นผลสำเร็จ หากอีกคนที่ลงไปกองอยู่กับพื้นยังดื้อดึง เหล่าบรรดาทหารพระราชวังก็ผลักไสไม่ให้เขาเข้าไปข้างในอยู่ดี
“เกิดอะไรขึ้นอ่ะแกนังพีช” ดนุพลกระตุกแขนเบาๆ พร้อมเอ่ยถาม หญิงสาวที่ถือกล้องอยู่กระตุกเรียวแขนเบาๆ เพื่อเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นต่อ
“นังอีฟ แกกับฉันก็ยืนอยู่เนี้ย แล้วจะรู้ไหม...ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่โน้น” เสียงแข็งของศิรภัสสรเปรยบอก ดนุพลจ้องผ่านหน้าจอที่กำลังขึ้นตัวแดงแสดงการบันทึก