รู้เท่าทันความทุกข์ ก็เกิดความสุขสงบและการปล่อยวางได้ในที่สุด
คนส่วนใหญ่เวลาจิตใจเกิดความทุกข์ ก็มักจะชอบจมปลักไปกับความทุกข์นั้นๆ ซึ่งจะทำให้จิตใจหม่นหมองลงได้
ดังนั้นจึงอยากจะเสนอวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้จิตใจคลายจากความทุกข์ลงได้ตามลำดับ ดังนี้
ขออนุญาตตอบเป็นลำดับดังนี้จ๊ะ
ขั้นที่1 อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้จิตจมไปกับความทุกข์และความคิดฟุ้งซ่านได้ง่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้จิตแยกตัวออกจากอารมณ์ทุกข์ โดยให้พยายามหากิจกรรมทำ เอาประเภทที่ว่ามีการเคลื่อนไหวร่างกายมากๆจ๊ะ เช่น การออกกำลังกาย การทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น (หมายเหตุ. การออกกำลังกาย จะทำให้ร่างกายหลั่งสาร เอนโดรฟิน(สารที่ทำให้จิตใจเกิดความสุข) )
ขั้นที่2 ขณะทำกิจกรรมนั้น ให้ค่อยๆสังเกตุดูจิตใจเป็นระยะๆ จะพบกับความจริงที่ว่า ความทุกข์มันไม่ได้อยู่ในจิตใจตลอดหรอก
เดี๋ยวมันก็ต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นอารมณ์อื่นๆอีก หาความเที่ยงแท้อะไรไม่ได้เลย สุดท้ายจะเกิดการปล่อยวางได้ในที่สุดจ๊ะ
ป.ล. ขอให้จำไว้เลยว่า ที่เรารู้สึกว่ามีความทุกข์อยู่ตลอด ก็เพราะเราคอยแต่จะไปย้ำคิดถึงมันอยู่ตลอดนั่นเอง
หมายเหตุ..1. เมื่อใดที่จิตมีความตั้งมั่น เมื่อนั้นอารมณ์ทุกชนิด ก็จะไม่มีอิทธิพลเหนือจิตใจ และถูกปล่อยวางได้ในที่สุด
2. จิตที่ไปรู้อารมณ์ และ อารมณ์ต่างๆที่ถูกจิตรู้ มันก็ไม่เที่ยงด้วยกันทั้งคู่ ก็จะทำให้เกิดประจักษ์แจ้งขึ้นมาว่า
จิต(ที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรา)และอารมณ์ทั้งหลาย(ที่รู้สึกว่าเป็นของเรา) มันก็ไม่ใช่ตัวตนที่ถาวรอะไร
เพราะมันเกิด-ดับ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะเกิดการปล่อยวางได้ในที่สุด
***************************************************************************************************
***************************************************************************************************
****************************************************************************************************
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมนะจ๊ะ
ในชีวิตประจำวัน ช่วงไหนที่อารมณ์ ไม่ได้มีความรุนแรงถึงขั้นครอบงำจิตใจได้ ก็ขอให้มีสติระลึกรู้ไปที่สภาวะซึ่งกำลังปรากฏเด่น ณ ขณะนั้น (โดยไม่ต้องหลีกหนีจากอารมณ์ที่ไม่ดี เพื่อให้จิตได้เรียนรู้ว่า ทั้งอารมณ์ที่ดีและไม่ดี ต่างก็ไม่เที่ยงทั้งนั้น) เช่น ถ้าการเคลื่อนไหวร่างกายปรากฏเด่นให้จิตได้รับรู้ ก็ให้รู้ลงมาที่กายก่อนจ๊ะ แต่ถ้าอารมณ์หรือความคิดทั้งหลายปรากฎเด่นให้จิตได้รับรู้ ก็ให้รู้ลงมาที่จิตใจจ๊ะ เพื่อให้เกิดการประจักษ์แจ้งว่า
"ทุกสภาวะ มีการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุด ไม่สามารถบังคับบัญชาไปได้ตลอดหรอก เพราะมันไม่ใช่ตัวตนที่ถาวร"
การระลึกรู้ในสภาวะที่กำลังปรากฏนั้น ขอให้รู้ไปแบบสบายๆ อย่าตั้งใจมากเกินไป เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นความเครียดขึ้นมาได้จ๊ะ
***การระลึกรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็คือ
1.จิตจะมีความตั้งมั่น(จิตมันจะแยกตัวออกจากอารมณ์ได้เอง โดยที่ไม่ต้องเจตนาแยกเลย)
*** ส่วนการระลึกรู้แบบที่อธิบายไว้ตอนต้นของกระทู้*** อันนั้นยังเป็นการระลึกรู้ที่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าไหร่ เพราะยังมีเจตนาไปแยกจิตกับอารมณ์อยู่
(แต่เบื้องต้นถ้าจิตยังไม่มีกำลัง ก็อนุญาตให้ใช้วิธีนี้ไปก่อนก็ได้จ๊ะ)
2. จิตจะรู้ลงไปที่ตัวสภาวะเลย โดยไม่มีการคิดนำ(รู้ล้วนๆโดยไม่มีความคิดเจือปนเข้ามาเลย)
ต.ย. เข่น เมื่อร่างกายสัมผัสกับ ความเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ก็ให้รู้ลงไปที่ความรู้สึกนั้นเลย (โดยที่ไม่ต้องมีการคิดนำเลยว่า
ความเย็นเกิดแล้วนะ ความเย็นดับไปแล้วนะ) และอารมณ์ต่างๆที่ปรากฏในจิตใจก็ให้ทำเช่นเดียวกันจ๊ะ
หมายเหตุ.. ที่ไม่อยากให้มีความคิดกำกับ ในขณะที่กำลังระลึกรู้สภาวะ ก็เพราะ ความคิดเป็นเหมือนตัวปิดกั้น ไม่ให้จิตเห็นสภาวะตามความเป็นจริงได้ ขอยก ต.ย.ดังนี้ เปรียบเหมือน คนนึงใช้แต่ความคิดและจินตนาการล้วนเลยว่าอาหารนั้นอร่อยดี อาหารนั้นไม่อร่อยเลย ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยกินเลย แต่กับอีกคนไปกินอาหารนั้นเลย เพื่อให้รู้รสชาติที่แท้จริงของอาหารนั้น โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการคิดหรือจินตนาการเลย..จากตัวอย่างที่ยกมา
ก็จะเห็นเลยว่า ใครรู้จริงในสภาวธรรมของอาหาร(คนหลัง) และ ใครรู้ไม่จริงในสภาวธรรมของอาหาร(คนแรก)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***ขออนุญาตเพิ่ม tag ชีวิตวัยรุ่น และ หาเพื่อน เข้าไปด้วย เพราะวัยรุ่นเวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา มักจะหาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้
และบางคนถึงขั้นไปหาทางออกแบบผิดๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงอยากจะเสนอทางออกที่ถูกต้องให้ได้เรียนรู้กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/31068263 เป็นอีกกระทู้ที่ไปตั้งไว้จ๊ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/31108111 เป็นอีกกระทู้ที่ไปตั้งไว้จ๊ะ[/spoil]
รู้เท่าทันความทุกข์ ก็เกิดความสุขสงบและการปล่อยวางได้ในที่สุด
ดังนั้นจึงอยากจะเสนอวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้จิตใจคลายจากความทุกข์ลงได้ตามลำดับ ดังนี้
ขออนุญาตตอบเป็นลำดับดังนี้จ๊ะ
ขั้นที่1 อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้จิตจมไปกับความทุกข์และความคิดฟุ้งซ่านได้ง่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้จิตแยกตัวออกจากอารมณ์ทุกข์ โดยให้พยายามหากิจกรรมทำ เอาประเภทที่ว่ามีการเคลื่อนไหวร่างกายมากๆจ๊ะ เช่น การออกกำลังกาย การทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น (หมายเหตุ. การออกกำลังกาย จะทำให้ร่างกายหลั่งสาร เอนโดรฟิน(สารที่ทำให้จิตใจเกิดความสุข) )
ขั้นที่2 ขณะทำกิจกรรมนั้น ให้ค่อยๆสังเกตุดูจิตใจเป็นระยะๆ จะพบกับความจริงที่ว่า ความทุกข์มันไม่ได้อยู่ในจิตใจตลอดหรอก
เดี๋ยวมันก็ต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นอารมณ์อื่นๆอีก หาความเที่ยงแท้อะไรไม่ได้เลย สุดท้ายจะเกิดการปล่อยวางได้ในที่สุดจ๊ะ
ป.ล. ขอให้จำไว้เลยว่า ที่เรารู้สึกว่ามีความทุกข์อยู่ตลอด ก็เพราะเราคอยแต่จะไปย้ำคิดถึงมันอยู่ตลอดนั่นเอง
หมายเหตุ..1. เมื่อใดที่จิตมีความตั้งมั่น เมื่อนั้นอารมณ์ทุกชนิด ก็จะไม่มีอิทธิพลเหนือจิตใจ และถูกปล่อยวางได้ในที่สุด
2. จิตที่ไปรู้อารมณ์ และ อารมณ์ต่างๆที่ถูกจิตรู้ มันก็ไม่เที่ยงด้วยกันทั้งคู่ ก็จะทำให้เกิดประจักษ์แจ้งขึ้นมาว่า
จิต(ที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรา)และอารมณ์ทั้งหลาย(ที่รู้สึกว่าเป็นของเรา) มันก็ไม่ใช่ตัวตนที่ถาวรอะไร
เพราะมันเกิด-ดับ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะเกิดการปล่อยวางได้ในที่สุด
***************************************************************************************************
***************************************************************************************************
****************************************************************************************************
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมนะจ๊ะ
ในชีวิตประจำวัน ช่วงไหนที่อารมณ์ ไม่ได้มีความรุนแรงถึงขั้นครอบงำจิตใจได้ ก็ขอให้มีสติระลึกรู้ไปที่สภาวะซึ่งกำลังปรากฏเด่น ณ ขณะนั้น (โดยไม่ต้องหลีกหนีจากอารมณ์ที่ไม่ดี เพื่อให้จิตได้เรียนรู้ว่า ทั้งอารมณ์ที่ดีและไม่ดี ต่างก็ไม่เที่ยงทั้งนั้น) เช่น ถ้าการเคลื่อนไหวร่างกายปรากฏเด่นให้จิตได้รับรู้ ก็ให้รู้ลงมาที่กายก่อนจ๊ะ แต่ถ้าอารมณ์หรือความคิดทั้งหลายปรากฎเด่นให้จิตได้รับรู้ ก็ให้รู้ลงมาที่จิตใจจ๊ะ เพื่อให้เกิดการประจักษ์แจ้งว่า
"ทุกสภาวะ มีการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุด ไม่สามารถบังคับบัญชาไปได้ตลอดหรอก เพราะมันไม่ใช่ตัวตนที่ถาวร"
การระลึกรู้ในสภาวะที่กำลังปรากฏนั้น ขอให้รู้ไปแบบสบายๆ อย่าตั้งใจมากเกินไป เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นความเครียดขึ้นมาได้จ๊ะ
***การระลึกรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็คือ
1.จิตจะมีความตั้งมั่น(จิตมันจะแยกตัวออกจากอารมณ์ได้เอง โดยที่ไม่ต้องเจตนาแยกเลย)
*** ส่วนการระลึกรู้แบบที่อธิบายไว้ตอนต้นของกระทู้*** อันนั้นยังเป็นการระลึกรู้ที่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าไหร่ เพราะยังมีเจตนาไปแยกจิตกับอารมณ์อยู่
(แต่เบื้องต้นถ้าจิตยังไม่มีกำลัง ก็อนุญาตให้ใช้วิธีนี้ไปก่อนก็ได้จ๊ะ)
2. จิตจะรู้ลงไปที่ตัวสภาวะเลย โดยไม่มีการคิดนำ(รู้ล้วนๆโดยไม่มีความคิดเจือปนเข้ามาเลย)
ต.ย. เข่น เมื่อร่างกายสัมผัสกับ ความเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ก็ให้รู้ลงไปที่ความรู้สึกนั้นเลย (โดยที่ไม่ต้องมีการคิดนำเลยว่า
ความเย็นเกิดแล้วนะ ความเย็นดับไปแล้วนะ) และอารมณ์ต่างๆที่ปรากฏในจิตใจก็ให้ทำเช่นเดียวกันจ๊ะ
หมายเหตุ.. ที่ไม่อยากให้มีความคิดกำกับ ในขณะที่กำลังระลึกรู้สภาวะ ก็เพราะ ความคิดเป็นเหมือนตัวปิดกั้น ไม่ให้จิตเห็นสภาวะตามความเป็นจริงได้ ขอยก ต.ย.ดังนี้ เปรียบเหมือน คนนึงใช้แต่ความคิดและจินตนาการล้วนเลยว่าอาหารนั้นอร่อยดี อาหารนั้นไม่อร่อยเลย ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยกินเลย แต่กับอีกคนไปกินอาหารนั้นเลย เพื่อให้รู้รสชาติที่แท้จริงของอาหารนั้น โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการคิดหรือจินตนาการเลย..จากตัวอย่างที่ยกมา
ก็จะเห็นเลยว่า ใครรู้จริงในสภาวธรรมของอาหาร(คนหลัง) และ ใครรู้ไม่จริงในสภาวธรรมของอาหาร(คนแรก)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***ขออนุญาตเพิ่ม tag ชีวิตวัยรุ่น และ หาเพื่อน เข้าไปด้วย เพราะวัยรุ่นเวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา มักจะหาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้
และบางคนถึงขั้นไปหาทางออกแบบผิดๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงอยากจะเสนอทางออกที่ถูกต้องให้ได้เรียนรู้กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ l]