แนะนำ 5 วิธีจัดการกับความเหนื่อยล้า

ชีวิตคนทำงานในการดำเนินชีวิต สิ่งแวดล้อมภายในเมือง ช่วงนี้ฝนตกรถติด ใช้เวลานานกว่าจะถึงที่ทำงาน และตอนที่จะกลับบ้าน ทำให้หลายๆ คนเกิดความรู้สึกเหนื่อย ทั้งกายและใจ จนรู้สึกเบื่อหน่าย ซึ่งคนที่มีอาการแบบนี้มีอยู่มากมายจนแทบ จะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในทางการแพทย์อาการที่เกิดขึ้นเหล่านี้ถือเป็นความผิดปกติของร่างกายที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา สาเหตุของความเหนื่อยคงตอบได้ยากว่าเกิดจากอะไร เพราะแต่ละคนล้วนมีปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน แต่โดยรวมมักเกิดจากความเจ็บป่วย การอดนอน ความเครียด การทำงานมากเกินไป ไม่ได้ออกกำลังกาย อาการเหล่านี้อาจรักษาได้ด้วยยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาคลายเครียด แต่ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้คือ ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะมีผลเสียต่อสุขภาพจิต ทางที่ดีควรเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตใหม่ที่จะให้ผลดีในระยะยาวกับตัวท่านเอง

วิธีจัดการกับความเหนื่อยล้า มีดังนี้

1.คุณควรจะนอนหลับ เพิ่มขึ้น ใน 1 วันควรนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย หากนอนไม่หลับหรือนอนไม่พอ ให้สังเกตว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการนอน ของคุณบ้าง อาทิ การดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือก่อนนอน การทำแบบนี้มักจะรบกวนการนอนของคุณโดยไม่รู้ตัว ก่อนนอนควรทำจิตใจให้สงบนิ่ง เช่น อาบน้ำให้สะอาด ทำสมาธิสวดมนต์ ไหว้พระ เมื่อถึงเวลานอนให้ตรงเข้ามาในห้องนอนเพื่อนอนเพียงอย่างเดียว
ดื่มน้ำเปล่ามากๆ การดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้วขึ้นไป จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิวพรรณชุ่มชื้น รวมถึงให้พลังงานกับร่างกาย เพราะเวลาที่ร่างกายไม่ได้รับน้ำเพียงพอ โดยธรรมชาติจะพยายามปรับตัวทำงานให้หนักขึ้น เพื่อให้ได้น้ำมาใช้ในกระบวนการเผาผลาญอาหารให้กลายเป็นพลังงาน นอกจากนี้เวลาที่คุณต้องออกแรง หรือใช้ความคิดมากๆ การได้ดื่มน้ำผลไม้หรือ น้ำผักคั้นสดๆ สัก 1-2 แก้ว จะช่วยทำให้คุณ รู้สึกสดชื่นได้อย่างเห็นได้ชัด

2.กินอาหารให้เพียงพอกับธรรมชาติของร่างกาย นอกจากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันในปริมาณที่สมดุลแล้ว จำเป็นต้องกินอาหารที่มีวิตามินและ เกลือแร่ที่เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมีกำลัง ควรเลือกกินให้พอดีทั้งข้าว แป้ง เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ รวมถึงกินอาหารมื้อละน้อยๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานแต่พอดี ช่วยให้ระบบการย่อยของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ช่วยให้การเผาผลาญอาหารทำได้เต็มที่ แต่อย่ากินอาหารจนอิ่มมากเกินไป  เพราะจะทำให้เกิดอาการง่วงขึ้นได้

3.ทำสมาธิโดยการหายใจลึกๆการใช้สมาธิจดจ่อกับลมหายใจเข้า-ออกติดต่อกันประมาณ 2 นาที จะช่วยให้ผ่อนคลายจากอารมณ์เหน็ดเหนื่อย วิตกกังวล เศร้า หรือโกรธ ซึ่งมีผลให้จิตใจสงบและสบายขึ้น อาจจะจดจ่อกับการหายใจแบบนี้ในเวลาที่กำลังทำกิจกรรมอยู่คนเดียว อาทิ ตอนรถติด ขณะเดินเล่น หรือตอนล้างจาน ก็จะช่วยให้จิตใจมีสมาธิขึ้นได้

4.ออกกำลังกายให้มากขึ้น ที่สำคัญควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายสร้างสารเอ็นดอร์ฟินขึ้นมาในสมองโดยอัตโนมัติ ซึ่งสารนี้เป็นสารที่ให้ความรู้สึกเป็นสุข ช่วยคลายความเหนื่อยล้า อ่อนเพลียได้ และช่วย ให้กล้ามเนื้อใช้พลังงานที่ร่างกายเผาผลาญมาอย่างมีประสิทธิภาพ ควรออกกำลังกายหนักปานกลางวันละ 30 นาที อย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อคุณได้ใช้พลังงานไปกับการออกกำลังกายจะช่วยให้คุณหลับสนิท และความรู้สึกนึกคิดแจ่มใสกว่าเดิม

5.ออกกำลังกายให้มากขึ้น ที่สำคัญควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายสร้างสารเอ็นดอร์ฟินขึ้นมาในสมองโดยอัตโนมัติ ซึ่งสารนี้เป็นสารที่ให้ความรู้สึกเป็นสุข ช่วยคลายความเหนื่อยล้า อ่อนเพลียได้ และช่วย ให้กล้ามเนื้อใช้พลังงานที่ร่างกายเผาผลาญมาอย่างมีประสิทธิภาพ ควรออกกำลังกายหนักปานกลางวันละ 30 นาที อย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อคุณได้ใช้พลังงานไปกับการออกกำลังกายจะช่วยให้คุณหลับสนิท และความรู้สึกนึกคิดแจ่มใสกว่าเดิม

ที่มา : บทความสุขภาพ ความรู้อาหารเสริม การใช้ยา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่