สวัสดีค่ะ ดิฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาเพื่อนๆหน่อยค่ะ เกี่ยวกับเรื่องการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงกับสคบ.คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเพื่อนๆทุกคน ที่ขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต เพราะการขายสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเตอร์เน็ต เข้าข่ายเป็นธุรกิจตลาดแบบตรงค่ะ ต้องยื่นขอจดทะเบียนกับสคบ.ให้ผ่านก่อนถึงจะเริ่มขายได้ค่ะ แต่เท่าที่ทราบมา มีผู้ไปจดกับสคบ.ไม่กี่ร้อยราย ทั้งๆที่มีผู้ขายสินค้าและบริการบนอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยนับแสนราย
หากไม่ได้ขอจดทะเบียน มีโทษตาม มาตรา 47 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ (แรงมากๆ)
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า บริษัทดิฉันขายสินค้าประเภทครีม ผ่านทางอินเตอร์เน็ตมา1ปีกว่า โดยมีการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็คทรอนิค กับกรมพัฒฯอย่างถูกต้อง และสินค้าทุกชิ้นมีการจดแจ้งกับอย.เรียบร้อย เนื่องจากเราต้องการให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจในการสั่งสินค้ากับเรา แล้วตั้งแต่เปิดดำเนินการมาไม่เคยมีปัญหากับลูกค้าเลยค่ะ ลูกค้าทุกท่านได้รับสินค้าและพอใจหมดทุกราย แต่แล้วจู่ๆ ก็มีจดหมายมาที่บริษัท จากตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ถึง บริษัทดิฉันและระบุชื่อกรรมการของบริษัททุกคนเลย เรื่องขอเชิญพบพนักงานสอบสวน เนื้อหาในจดหมายบอกว่าได้ตรวจพบว่า บริษัทดิฉัน ไม่ได้ขอจดทะเบียนการตลาดแบบตรงกับสคบ. ทีแรกดิฉันก็งงเลยค่ะ เพราะไม่ทราบมาก่อนเลยว่ามีกฏหมายฉบับนี้ด้วย เลยหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ปรากฏว่า มีจริงๆ โทษที่ไม่จด หนักมากด้วย แทบเป็นลม
(พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ปี45 มาตรา3 เป็นการบอกว่าการขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเตอร์เน็ตเข้าข่ายเป็นตลาดแบบตรง)
ดิฉันจึงได้รวบรวมเอกสารไปขอจดทะเบียนที่สคบ. ศูนย์ราชการ แถวเมืองทอง(ขอจดได้ที่นี่ที่เดียวในประเทศ) แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่สคบ.ตรวจเอกสารของดิฉันแล้ว เอกสารไม่ครบ(รับประกันเลยคนไปขอจดครั้งแรกไม่มีใครครบ ขอเอกสารเยอะมาก) เลยยังไม่ได้ยื่นขอจดค่ะ แต่ได้มีการปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของสคบ. เรื่องจดหมายที่ได้รับจากตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่สคบ.ได้ฟังทีแรก กลับถามดิฉันว่า จดหมายจากตำรวจจริงเหรอ? ดิฉันจึงเอาจดหมายให้เค้าดู พอเค้าอ่านแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไร ก็ให้ไปพบ แล้วก็ให้การชี้แจงไปตามจริง ว่าเราไม่ได้ตั้งใจหลบเลี่ยงที่ผ่านมาก็จดทะเบียนกับกรมพัฒฯแล้ว แค่ไม่ทราบว่าต้องจดกับสคบ.ด้วย ตอนนี้ทราบแล้วก็จัดเตรียมเอกสารในการจดอยู่ และให้ตำรวจบันทึกเป็นสำนวนไว้โดยละเอียด ดิฉันก็ถามเจ้าหน้าที่สคบ.ว่าจะโดนตำรวจปรับไหม ทางเจ้าหน้าที่สคบ.ก็บอกว่าตำรวจไม่มีอำนาจปรับ ตำรวจต้องส่งสำนวนมาที่สคบ. แล้วสคบ.จะเป็นผู้พิจารณาเองว่าจะปรับหรือไม่ปรับ ถ้าปรับจะเท่าไร (พอได้ฟังก็สบายใจ เพราะคิดเอาเองว่าสคบ.คงดูจากมุมผู้บริโภคเป็นหลัก และดิฉันเองก็ไม่เคยมีปัญหากับผู้บริโภคและมีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเลคทรอนิคไว้แล้วด้วย อาจจะรอด หรืออาจโดนปรับแค่นิดหน่อย)
หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปพบกับตำรวจ ทางตำรวจก็ถามว่ายอมรับไหม ดิฉันก็บอกว่ายอมรับ เพราะเราผิดจริง แต่ก็ได้แจ้งว่าเราไม่ได้ตั้งใจไม่จด แค่ไม่ทราบเท่านั้น และก็พร้อมจด กำลังดำเนินการอยู่ และหอบเอาเอกสารที่เคยจดทะเบียนนิติบุคคล,ทะเบียนพาณิชย์อิเล็คทรอนิค,ใบจดแจ้งอย.ให้ตำรวจดู (ตำรวจไม่ดูเลยสักแผ่น) หลังจากนั้นตำรวจก็บอกว่า ถ้ายอมรับผิด งั้นก็จะส่งฟ้องศาล เพราะหลักฐานครบ อาจจะเสียประวัติหน่อยนะ (ตำรวจปริ๊นหน้าเวปเราเก็บไว้ และมีการไปขอสเตทเม้นบัญชีธนาคารจากธนาคารของเรา ที่โชว์ไว้หน้าเวปด้วย) ตำรวจบอกเป็นนิติบุคคลมีกรรมการ2คน งั้นจะส่งฟ้อง 3ราย 1.บริษัทดิฉัน 2.กรรมการคนที่1 3.กรรมการคนที่2 โทษปรับรายละ 1แสน 3ราย ก็3แสน ถ้ารับสารภาพศาลคงลดให้กึ่งหนึ่งเหลือ 1.5แสน และเจอโทษปรับรายวันวันละ1หมื่น ดิฉันก็เลยถามตำรวจว่าไม่ส่งไปสคบ.เหรอ ตำรวจบอกว่า ไม่ต้องส่งไปแล้ว เพราะเคยเช็คกับสคบ.แล้วว่าบริษัทคุณไม่ได้ไปจดทะเบียนกับสคบ. ดังนั้น ส่งฟ้องได้เลย ดิฉันเลยงงว่าทำไมเจ้าหน้าที่สคบ.กับตำรวจพูดไม่ตรงกัน เลยเจรจากับตำรวจขอเลื่อนไปก่อน กลับบ้านมามาอ่านกฏหมายก็ยัง งงว่าสรุปมันยังไงแน่ มึนไปหมดแล้วค่ะ
http://www.pub-law.net/library/act_drsale.html
พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ปี45ค่ะ
อยากจะปรึกษาท่านผู้รู้หน่อยค่ะว่า
1.เจ้าหน้าที่สคบ.หรือตำรวจที่พูดถูก เรื่องหลังจากทำสำนวนแล้วจะส่งไปที่ไหน?
2.ปกติคดีเดียวนี่ สามารถฟ้องกรรมการรายบุคคลโดยมีโทษปรับแยกเป็นคนละ1แสนได้ด้วยเหรอ?
3.แล้ว มาตรา55 นี่หมายความว่าไงคะ ถ้าจ่ายค่าปรับแล้วจะเสียประวัติรึเปล่าคะ?
4.ดิฉันควรทำยังไงต่อไปดีคะ?
ช่วยตอบหน่อยนะคะ ตอนนี้เครียดมากๆเลยค่ะ T-T
ปรึกษาหน่อยค่ะ เพิ่งทราบว่าขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนกับ สคบ.ด้วย!!!
หากไม่ได้ขอจดทะเบียน มีโทษตาม มาตรา 47 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ (แรงมากๆ)
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า บริษัทดิฉันขายสินค้าประเภทครีม ผ่านทางอินเตอร์เน็ตมา1ปีกว่า โดยมีการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็คทรอนิค กับกรมพัฒฯอย่างถูกต้อง และสินค้าทุกชิ้นมีการจดแจ้งกับอย.เรียบร้อย เนื่องจากเราต้องการให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจในการสั่งสินค้ากับเรา แล้วตั้งแต่เปิดดำเนินการมาไม่เคยมีปัญหากับลูกค้าเลยค่ะ ลูกค้าทุกท่านได้รับสินค้าและพอใจหมดทุกราย แต่แล้วจู่ๆ ก็มีจดหมายมาที่บริษัท จากตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ถึง บริษัทดิฉันและระบุชื่อกรรมการของบริษัททุกคนเลย เรื่องขอเชิญพบพนักงานสอบสวน เนื้อหาในจดหมายบอกว่าได้ตรวจพบว่า บริษัทดิฉัน ไม่ได้ขอจดทะเบียนการตลาดแบบตรงกับสคบ. ทีแรกดิฉันก็งงเลยค่ะ เพราะไม่ทราบมาก่อนเลยว่ามีกฏหมายฉบับนี้ด้วย เลยหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ปรากฏว่า มีจริงๆ โทษที่ไม่จด หนักมากด้วย แทบเป็นลม
(พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ปี45 มาตรา3 เป็นการบอกว่าการขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเตอร์เน็ตเข้าข่ายเป็นตลาดแบบตรง)
ดิฉันจึงได้รวบรวมเอกสารไปขอจดทะเบียนที่สคบ. ศูนย์ราชการ แถวเมืองทอง(ขอจดได้ที่นี่ที่เดียวในประเทศ) แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่สคบ.ตรวจเอกสารของดิฉันแล้ว เอกสารไม่ครบ(รับประกันเลยคนไปขอจดครั้งแรกไม่มีใครครบ ขอเอกสารเยอะมาก) เลยยังไม่ได้ยื่นขอจดค่ะ แต่ได้มีการปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของสคบ. เรื่องจดหมายที่ได้รับจากตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่สคบ.ได้ฟังทีแรก กลับถามดิฉันว่า จดหมายจากตำรวจจริงเหรอ? ดิฉันจึงเอาจดหมายให้เค้าดู พอเค้าอ่านแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไร ก็ให้ไปพบ แล้วก็ให้การชี้แจงไปตามจริง ว่าเราไม่ได้ตั้งใจหลบเลี่ยงที่ผ่านมาก็จดทะเบียนกับกรมพัฒฯแล้ว แค่ไม่ทราบว่าต้องจดกับสคบ.ด้วย ตอนนี้ทราบแล้วก็จัดเตรียมเอกสารในการจดอยู่ และให้ตำรวจบันทึกเป็นสำนวนไว้โดยละเอียด ดิฉันก็ถามเจ้าหน้าที่สคบ.ว่าจะโดนตำรวจปรับไหม ทางเจ้าหน้าที่สคบ.ก็บอกว่าตำรวจไม่มีอำนาจปรับ ตำรวจต้องส่งสำนวนมาที่สคบ. แล้วสคบ.จะเป็นผู้พิจารณาเองว่าจะปรับหรือไม่ปรับ ถ้าปรับจะเท่าไร (พอได้ฟังก็สบายใจ เพราะคิดเอาเองว่าสคบ.คงดูจากมุมผู้บริโภคเป็นหลัก และดิฉันเองก็ไม่เคยมีปัญหากับผู้บริโภคและมีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเลคทรอนิคไว้แล้วด้วย อาจจะรอด หรืออาจโดนปรับแค่นิดหน่อย)
หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปพบกับตำรวจ ทางตำรวจก็ถามว่ายอมรับไหม ดิฉันก็บอกว่ายอมรับ เพราะเราผิดจริง แต่ก็ได้แจ้งว่าเราไม่ได้ตั้งใจไม่จด แค่ไม่ทราบเท่านั้น และก็พร้อมจด กำลังดำเนินการอยู่ และหอบเอาเอกสารที่เคยจดทะเบียนนิติบุคคล,ทะเบียนพาณิชย์อิเล็คทรอนิค,ใบจดแจ้งอย.ให้ตำรวจดู (ตำรวจไม่ดูเลยสักแผ่น) หลังจากนั้นตำรวจก็บอกว่า ถ้ายอมรับผิด งั้นก็จะส่งฟ้องศาล เพราะหลักฐานครบ อาจจะเสียประวัติหน่อยนะ (ตำรวจปริ๊นหน้าเวปเราเก็บไว้ และมีการไปขอสเตทเม้นบัญชีธนาคารจากธนาคารของเรา ที่โชว์ไว้หน้าเวปด้วย) ตำรวจบอกเป็นนิติบุคคลมีกรรมการ2คน งั้นจะส่งฟ้อง 3ราย 1.บริษัทดิฉัน 2.กรรมการคนที่1 3.กรรมการคนที่2 โทษปรับรายละ 1แสน 3ราย ก็3แสน ถ้ารับสารภาพศาลคงลดให้กึ่งหนึ่งเหลือ 1.5แสน และเจอโทษปรับรายวันวันละ1หมื่น ดิฉันก็เลยถามตำรวจว่าไม่ส่งไปสคบ.เหรอ ตำรวจบอกว่า ไม่ต้องส่งไปแล้ว เพราะเคยเช็คกับสคบ.แล้วว่าบริษัทคุณไม่ได้ไปจดทะเบียนกับสคบ. ดังนั้น ส่งฟ้องได้เลย ดิฉันเลยงงว่าทำไมเจ้าหน้าที่สคบ.กับตำรวจพูดไม่ตรงกัน เลยเจรจากับตำรวจขอเลื่อนไปก่อน กลับบ้านมามาอ่านกฏหมายก็ยัง งงว่าสรุปมันยังไงแน่ มึนไปหมดแล้วค่ะ
http://www.pub-law.net/library/act_drsale.html
พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ปี45ค่ะ
อยากจะปรึกษาท่านผู้รู้หน่อยค่ะว่า
1.เจ้าหน้าที่สคบ.หรือตำรวจที่พูดถูก เรื่องหลังจากทำสำนวนแล้วจะส่งไปที่ไหน?
2.ปกติคดีเดียวนี่ สามารถฟ้องกรรมการรายบุคคลโดยมีโทษปรับแยกเป็นคนละ1แสนได้ด้วยเหรอ?
3.แล้ว มาตรา55 นี่หมายความว่าไงคะ ถ้าจ่ายค่าปรับแล้วจะเสียประวัติรึเปล่าคะ?
4.ดิฉันควรทำยังไงต่อไปดีคะ?
ช่วยตอบหน่อยนะคะ ตอนนี้เครียดมากๆเลยค่ะ T-T