วิกฤตฝ่ายค้าน ส่งเสริมรัฐบาล



วิกฤตฝ่ายค้าน ส่งเสริมรัฐบาล

รายงานพิเศษ


ม็อบยางพาราภาคใต้ที่ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อมานานกว่า 2 สัปดาห์

ตลอดระยะเวลาฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลพยายามขยายให้เป็นปัญหาการเมืองระดับประเทศ แต่ก็ไม่เป็นผล

ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะรัฐบาลตั้งหลักและวางเกมรับมือมาอย่างรอบคอบรัดกุม

เนื่องจากรู้ดีมาตั้งแต่ต้นว่า "ม็อบยาง" ครั้งนี้ไม่ธรรมดา

เกี่ยวข้องกับแผน "เป่านกหวีด" ระดมพลโค่นรัฐบาลของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน

ตามที่แกนนำประกาศว่านอกจากการเมืองในระบบรัฐสภา ยังยึดมั่นการเมืองระบบข้างถนนควบคู่กันไปด้วย

แย่งงานกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เพิ่งประกาศอำลาวงการไป

เมื่อมีนักการเมืองยื่นมือเข้ามาผสมโรงม็อบชาวสวนยาง ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคายางตกต่ำจริง

การปลดชนวนปัญหาจึงต้องใช้ยุทธวิธีแยกปลาออกจากน้ำ

เบื้องต้นรัฐบาลส่งตัวแทนระดับรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงไปพบปะพูดคุยกับแกนนำผู้ชุมนุม ต่อรองเรื่องราคาจนผู้ชุมนุมบางส่วนพอใจ

ส่วนที่ไม่พอใจก็ยังคงปักหลักชุมนุมปิดถนนและทางรถไฟพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ต่อไป

ขณะที่กระทรวงเกษตรฯ และคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ หรือกนย. เร่งออกมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง

เป็นมติออกมาว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือปัจจัยการผลิตไร่ละ 1,260 บาท พร้อมขยายพื้นที่ช่วยเหลือจากเดิมแค่ 10 ไร่ เป็น 25 ไร่

โดยจ่ายทันทีเป็นเงินสดนาน 7 เดือนถึงมี.ค.2557

ทำให้ม็อบชาวสวนยางภาคใต้ที่ดาวกระจายในหลายจังหวัด เริ่มอ่อนและสลายตัวไปในที่สุด หลายพื้นที่บรรยากาศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ถึงจะมีเหตุการณ์ปะทุรุนแรงที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อค่ำวันที่ 5 ก.ย. ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนาย บางนายสาหัสถึงขั้นกะโหลกร้าว

มีการปาระเบิดปิงปอง บุกยึดรถน้ำมัน เผารถสื่อมวลชน

แต่ยิ่งรุนแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งฉายชัดถึงเจตนาของผู้ชุมนุมและผู้ที่อยู่เบื้องหลังว่า

ไม่ต้องการให้สถานการณ์หยุดอยู่แค่ปัญหาราคายาง

การชุมนุมม็อบสวนยางไม่ว่าในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่มีการปิดถนน-ทางรถไฟนาน 2 สัปดาห์

หรือความรุนแรงในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะผู้ชุมนุมพยายามบุกเข้าปิดถนนเพชรเกษม จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่

กลายเป็นกระแสลบตีกลับไปยังฝ่ายผู้ชุมนุม

ทั้งยังกระทบลุกลามไปถึงฝ่ายการเมืองเจ้าของพื้นที่ ซึ่งคอยให้การสนับสนุนการชุมนุม หวังอาศัยใช้เป็นเครื่องมือกดดันรัฐบาลนอกสภา

ตามที่เคยประกาศบนเวทีปราศรัย

แต่เมื่อการชุมนุมมีท่าทีว่าจะยื้อต่อไปอีกไม่ไหว

เนื่องจากแกนนำไม่มีศักยภาพ บางคนมีประวัติเบื้องหลังกระดำกระด่าง อีกทั้งไม่ใช่คนในพื้นที่

ประกอบกับชาวสวนยางภาคอื่นๆ ทั้งเหนือ กลาง ตะวันออก ตะวันตกยอมรับได้กับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล

ไม่ออกมาชุมนุมร่วมกับชาวสวนยางภาคใต้

ทำให้การชุมนุมใหญ่ดาวกระจายวันที่ 3 ก.ย. ที่หวังยกระดับเป็นการ"ปิดประเทศ" กดดันให้รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายยอมทำตามข้อเรียกร้อง

ผิดแผน พลาดเป้า

ขณะเดียวกันเริ่มมีเสียงโวยวายจากภาคนักธุรกิจและผู้ประกอบอาชีพอื่นในภาคใต้

รวมถึงประชาชนคนทั่วไปที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาขึ้น-ลงของราคายาง แต่ต้องมามีส่วนได้รับความเดือดร้อนไปด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้บรรดานักการเมืองภาคใต้ ที่เคยเดินเข้าไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ชุมนุมเพื่อหวังยืมมือเขย่ารัฐบาล

แต่พอผู้ชุมนุมตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็"ชิ่งหนี"ทันที

ข้อสังเกตคือเมื่อม็อบยางถูกกระแสโจมตีหนักๆ เข้า

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เปิดแถลงข่าวปฏิเสธทันทีว่า ไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว

ทั้งยังยื่นกระทู้ ยื่นญัตติด่วนเข้าสภา

แต่ก็ถูกมองเป็นแค่เกมเบี่ยงกระแส กลบเกลื่อนความเพลี่ยงพล้ำที่ถลำไปกับม็อบยางในตอนแรก จนเปลืองเนื้อเปลืองตัว หวังได้กำไร กลับต้องขาดทุนป่นปี้

กับอีกอย่างคือต้องการโชว์ให้เห็นว่า ถึงประกาศจะลงไปเล่นการเมืองบนท้องถนน

แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเมืองในระบบรัฐสภา

มีการประเมินกันว่าจากปัญหาม็อบยางพารา

สร้างความเสียหายให้กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อยในแง่คะแนนเสียงในพื้นที่

ภาพข่าวหลายสำนักเป็นหลักฐานโจ่งแจ้งว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนเดินทางไปพบปะและขึ้นเวทีปราศรัยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม

ขณะเดียวกันถ้าหากหันมาดูเกมการเมืองในระบบรัฐสภา

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเป็นฝ่ายเสียหายด้านภาพลักษณ์ชนิดกู่ไม่กลับอีกเช่นกัน

ไม่ต้องย้อนไปถึงการปาแฟ้ม ลากเก้าอี้ กระชากแขนประธานสภา ซึ่งเป็นเรื่องในสมัยประชุมรัฐสภาครั้งก่อน

เอาแค่เปิดประชุมรัฐสภาสมัยล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นมา ไม่ว่าประชุมสภาผู้แทนฯ พิจารณาผ่านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระแรก

หรือประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของส.ว. ในวาระ 2

การประชุมทุกนัดเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย ตั้งแต่การส่งเสียงโห่ฮา กรีดร้องโหยหวน โยนเอกสาร ประท้วงด่าทอด้วยคำหยาบคาย

แล้วก็เป็นช็อตไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ที่"ผู้นำฝ่ายค้าน"นำส.ส.ลูกทีมลุกเดินไปเกาะขอบประท้วงประธานในที่ประชุมถึงหน้าบัลลังก์

ถัดมาวันเดียวยังเป็นคิวนายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ออกแอ๊กชั่น"ทุ่มเก้าอี้" เพราะโมโหส.ส.ซีกรัฐบาลชิงเสนอปิดอภิปรายญัตติยางพารา

แค่ไม่กี่นาทีภาพ"เชน เก้าอี้บิน" ก็ถูกนำไปกระจายต่อผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กออกสู่สายตาชาวโลก

ตอกย้ำความตกต่ำถึงขีดสุดในรอบ 65 ปี และความจำเป็นที่พรรคต้องวางมือจากเรื่องอื่นๆ แล้วหันมา"ปฏิรูปพรรค"ตนเองโดยด่วน

ไม่เช่นนั้นต่อให้ม็อบยางจุดติด เศรษฐกิจทรุดต่ำ ค่าไฟฟ้าขึ้นราคา สินค้าแพงกระทบปากท้องชาวบ้านหนักหนาสาหัสขนาดไหน

หากพรรคฝ่ายค้านยังตกอยู่ในสภาพแบบนี้

สำหรับ"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" อย่าว่าแต่อยู่ครบเทอม 4 ปี กลับมาเป็นรัฐบาลเบิ้ล 2 สมัย 8 ปี

ก็ยังเป็นเรื่องชิลชิล


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09EVTNOVFU1TlE9PQ==&sectionid=


====================================


ความผิดพลาดของฝ่ายค้าน ต้องการแค่อำนาจวาสนา โดยไม่คำนึงผลเสียหาย
ผลก็ออกมาเช่นที่เป็นอยู่ ยิ่งทำ ยิ่งตกต่ำ ทำไมไม่ยอมรับสภาพ

การเป็นฝ่ายค้านต้องตรวจสอบรัฐบาล มิใช่มาป่วนเพื่อประโยชน์ส่วนตัน
ทำไมรักนัก รักหนากับรัฐธรรมนูญปี 50 อ้อ! ลืมไปมันหมกเม็ดให้พวกตัวเองรอดนี่เอง
ถึงพยายามถูลาก ถูกังไม่ไปไหน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่