ชีวิตคือการเดินทาง
ทุกการกระทำ เป็น สิ่งที่จะเกิดขึ้นหนเดียว ตรงห้วงเวลานั้น
ผ่านแล้ว ผ่านเลย สิ่งข้างหน้า ย่อมเป็นสิ่งใหม่ ที่ไม่เหมือนเดิม แม้จะรู้สึกว่า ไม่แตกต่างกัน บนความซ้ำซาก
ที่รู้สึกว่า เหมือนเดิมหรือจำเจ ก็เพราะ กรอบความเข้าใจที่ยึดโยงกับคนอื่น ในลักษณะเชิงอำนาจที่คัดง้าง ตรวจสอบกันเอง
พื้นหลังของพลังการเปลี่ยนแปลง ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และชีวิตมีแต่ก้าวเดินไปข้างหน้า
เวลาช่างผ่านไปเร็ว ผ่านแล้ว ไม่หวลกลับ หมดเปลือง หรือคุ้มค่าก็อยู่ที่ ความเข้าใจและการยอมรับ
ไม่มีความจำเป็นต้องรีบเร่งโดยตัวชีวิตเอง เพราะ ไม่มีอะไรที่คอขาดบาดตาย
ชีวิตและเวลา ก็เพียงแต่เดินไป และก้าวไปตามจังหวะของจักรวาล และดวงดาว ที่ปรากฏพลังในร่างกายเรา
บางอย่างที่ทำให้ต้องเร่งรีบ ก็เพราะ มันคุกคามเสถียรภาพ คุกคามความอยู่รอด
และในสังคมรวมหมู่ การคุกคามปรากฏในรูป การเป็นทาสนัดหมาย ตารางเวลา และระเบียบกฏเกณฑ์
ดังนั้น เจตจำนงเพื่อชีวิตในสังคมสมัยใหม่ จึงได้ลดทอนมนุษย์เป็นวัตถุที่ดิ้นรน เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการบนสัมพันธภาพร่วมนั้น
คุณเดินทาง กำลังเดินทาง แม้ไม่ได้ไปไหน
เพราะ โลกเคลื่อนไหว เคลื่อนตัวไปทั้งรอบตัวเอง รอบดวงอาทิตย์
คุณเดินทาง กำลังเดินทาง แม้ไม่ได้ไปไหน
เพราะ เลือดเนื้อ ลมปราณ ไม่เคยหยุดนิ่ง
พลังชีวิตไม่เคยหยุดไหลเวียน เพราะ คุณยังไม่ตาย คุณจึงกำลังเดินทาง ร่วมกับพลังข้างในและข้างนอกตัวคุณ
คุณเดินทาง กำลังเดินทาง แม้ไม่ได้ไปไหน
เพราะ จิตและความคิด ไม่เคยหยุดนิ่ง
มันคือภาพฉายของความเป็นจริง และความจริง ที่คุณอาจไม่ได้ตระหนัก
จิตและความคิด คือ การเดินทาง การผจญภัย และการแสวงหาความจริง
จิตและความคิด ที่เป็นอิสระ คือ ภารกิจพื้นหลังของการดำรงอยู่ เพื่อ การปลดปล่อยจากวัตถุที่ดิ้นรน
ก่อนที่จะมิอาจดิ้นรน โดยข้อจำกัดในตัววัตถุนั้นเอง.................ชีวิตคือการเดินทาง..
เดินทางทำไม? โน่นนี่นั่น...
เพียงเพราะ หนีตัวเอง อย่างสิ้นเปลือง อย่างไร้ความหมาย หรือไม่?
การเดินทาง
ทุกการกระทำ เป็น สิ่งที่จะเกิดขึ้นหนเดียว ตรงห้วงเวลานั้น
ผ่านแล้ว ผ่านเลย สิ่งข้างหน้า ย่อมเป็นสิ่งใหม่ ที่ไม่เหมือนเดิม แม้จะรู้สึกว่า ไม่แตกต่างกัน บนความซ้ำซาก
ที่รู้สึกว่า เหมือนเดิมหรือจำเจ ก็เพราะ กรอบความเข้าใจที่ยึดโยงกับคนอื่น ในลักษณะเชิงอำนาจที่คัดง้าง ตรวจสอบกันเอง
พื้นหลังของพลังการเปลี่ยนแปลง ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และชีวิตมีแต่ก้าวเดินไปข้างหน้า
เวลาช่างผ่านไปเร็ว ผ่านแล้ว ไม่หวลกลับ หมดเปลือง หรือคุ้มค่าก็อยู่ที่ ความเข้าใจและการยอมรับ
ไม่มีความจำเป็นต้องรีบเร่งโดยตัวชีวิตเอง เพราะ ไม่มีอะไรที่คอขาดบาดตาย
ชีวิตและเวลา ก็เพียงแต่เดินไป และก้าวไปตามจังหวะของจักรวาล และดวงดาว ที่ปรากฏพลังในร่างกายเรา
บางอย่างที่ทำให้ต้องเร่งรีบ ก็เพราะ มันคุกคามเสถียรภาพ คุกคามความอยู่รอด
และในสังคมรวมหมู่ การคุกคามปรากฏในรูป การเป็นทาสนัดหมาย ตารางเวลา และระเบียบกฏเกณฑ์
ดังนั้น เจตจำนงเพื่อชีวิตในสังคมสมัยใหม่ จึงได้ลดทอนมนุษย์เป็นวัตถุที่ดิ้นรน เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการบนสัมพันธภาพร่วมนั้น
คุณเดินทาง กำลังเดินทาง แม้ไม่ได้ไปไหน
เพราะ โลกเคลื่อนไหว เคลื่อนตัวไปทั้งรอบตัวเอง รอบดวงอาทิตย์
คุณเดินทาง กำลังเดินทาง แม้ไม่ได้ไปไหน
เพราะ เลือดเนื้อ ลมปราณ ไม่เคยหยุดนิ่ง
พลังชีวิตไม่เคยหยุดไหลเวียน เพราะ คุณยังไม่ตาย คุณจึงกำลังเดินทาง ร่วมกับพลังข้างในและข้างนอกตัวคุณ
คุณเดินทาง กำลังเดินทาง แม้ไม่ได้ไปไหน
เพราะ จิตและความคิด ไม่เคยหยุดนิ่ง
มันคือภาพฉายของความเป็นจริง และความจริง ที่คุณอาจไม่ได้ตระหนัก
จิตและความคิด คือ การเดินทาง การผจญภัย และการแสวงหาความจริง
จิตและความคิด ที่เป็นอิสระ คือ ภารกิจพื้นหลังของการดำรงอยู่ เพื่อ การปลดปล่อยจากวัตถุที่ดิ้นรน
ก่อนที่จะมิอาจดิ้นรน โดยข้อจำกัดในตัววัตถุนั้นเอง.................ชีวิตคือการเดินทาง..
เดินทางทำไม? โน่นนี่นั่น...
เพียงเพราะ หนีตัวเอง อย่างสิ้นเปลือง อย่างไร้ความหมาย หรือไม่?