ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า LN เรื่องนี้ดราม่าฝุดๆ
เด็กๆพวกนี้ฟฟ
บทนี้ค่อนข้างแปลช้าเพราะว่ามีศัพท์ว่ายน้ำ
แปลแล้วอยากจะตัดทิ้ง
*** เราแปลจากภาษาอังกฤษที่เขาแปลมาอีกทีนะคะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น หากพบข้อผิดพลาดใดๆสามารถบอกได้ค่ะ จะได้รีบแก้ไข
*** เราไม่มีพื้นฐานเรื่องว่ายน้ำเลย เราจึงเสิร์ชหาข้อมูลในอากู๋ หากใครพบเห็นว่ามันแปล่งแปลก มันไม่ใช่ รีบบอกเลยนะคะ
<<credit pt1>>
<<credit pt2>>
บทที่ 1 ว่ายน้ำ
บทที่ 2 น้ำ
บทที่ 3 ฟรี
บทที่ 4 ว่ายผลัด
บทที่ 5 สโตรค
ผิวน้ำแกว่งไปมาจนเกิดน้ำกระเซ็นเล็กน้อย เมื่อพุ่งตัวลงไป คลื่นเล็กๆก็แยกกระจายออก ศีรษะของนางิสะยกขึ้นจากจุดนั้น จากนั้นเขาก็เคลื่อนที่ในน้ำด้วยท่ากบอันเฉื่อยชา แล้วกลับมาหลังจากพลิกตัวกลับ วิธีการว่ายน้ำของเขาแตกต่างจากตอนที่เขาว่ายจับเวลา
รินที่มองนางิสะว่ายน้ำบนแท่นกระโดดก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกไป นางิสะยกศีรษะขึ้นหลังจากแตะกำแพงด้วยมือทั้งสองข้าง รินที่ต้องกระโดดข้ามศีรษะนางิสะไปก็ยังคงยื่นอยู่บนแท่นกระโดด
“รินจังเกิดอะไรขึ้น”
นางิสะถามอย่างตะกุกตะกักเนื่องจากยังหอบอยู่ รินที่นั่งยองอยู่บนแท่นกระโดด ก็มองลงมายังอีกฝ่าย
“เมื่อกี้ ว่ายด้วยแรงทั้งหมดที่มีรึเปล่า?”
“อืม”
นัยตากลมโตภายใต้แว่นกันน้ำมองตรงไปยังริน ไร้ซึ่งความกังวล ไร้ซึ่งข้อกังขา ไม่มีสิ่งใดแปลกปลอมเจือปนอยู่ในนัยตานั้น รินพยายามมองไปยังลึกของนัยตาอีกฝ่าย แต่ทราบได้ว่ามันไม่จำเป็นเลย เขาเบี่ยงสายตาไปทางอื่น นัยตาของนางิสะนั้นใสไร้ขอบเขต ไม่มีแม้แต่มลทินเลย แม้มองดวงตาที่อยู่ใต้แว่นกันน้ำคู่นั้น ก็ยังเห็นสิ่งเหล่านี้ชัดเจน
นางิสะไม่ได้พยามยามปิดบังเรื่องที่เขาคิดอยู่ เขาไม่มีความคิดที่ผู้คนอับอายด้วยซ้ำ เขามีความสามารถในการเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาอย่างตรงไปตรงมา นั่นคือตัวตนของนางิสะ เป็นตัวตนที่รินรับมือได้ยากที่สุด หากเป็นคนที่หลอกลวงคนอื่นแล้วหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ ความรู้สึกที่เขาต้องชดใช้ สร้างช่องว่างระหว่างจิตใจ ปิดบังซ่อนเร้น ตัวของรินเองก็สร้างช่องว่างระหว่างจิตใจนั่นเช่นกัน
แต่ไม่มีช่องว่างนั่นในจิตใจของนางิสะเลย
“เทียบกับตอนว่ายจัดเวลา นายเปลี่ยนวิธีว่ายรึเปล่า?”
“ก็เหมือนเดิมนะ”
ดูเหมือนว่านางิสะไม่รู้สึกตัว อาจเป็นสิ่งที่ไม่รู้ได้ด้วยตนเอง อย่างความรู้สึกที่เป็นนามธรรม ถ้ามองไม่เห็นสิ่งนั้นก็ไม่ไช่เรื่องแปลกอะไร
“นายทำเวลาได้ช้าลง”
“จริงเหรอ?”
นางิสะถอดแว่นกันน้ำแล้วมองไปยังริน รินลุกขึ้น หลีกเลี่ยงนัยตาเบื้องลึกของอีกฝ่าย
“วิธีว่ายของนายเมื่อคราวก่อน เร็วกว่า”
ในการแข่งขันนั้น ไม่มีคำว่าฟลุค... นั่นคือทฤษฎีของริน เวลาที่ขึ้นไปแล้วถึงจุดหนึ่งไม่สามารถตกลงมาอย่างนั้นได้ และยิ่งตัวพวกเขาที่อยู่ในวัยกำลังโต ยิ่งเป็นความจริง วัยเจริญเติบโตนั้นไม่ได้จำกัดแค่พื้นฐานหรือพลังกาย แต่ยังหมายถึงเทคนิคและกำลังใจ
“แปลกจัง สงสัยจังว่าทำไม? ฉันไม่ได้เปลี่ยนวิธีว่ายน้ำเลยนะ”
“นี่นาย เวลานายกำลังแข่ง นายมองเห็นศัตรูไหม?”
“อืม เห็นชัดแจ๋วเลย”
“ถ้าก็เป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่อยากว่ายได้เร็วกว่าคู่แข่งหรือไม่ นั่นเป็นความรู้สึกที่ทำให้นายว่ายได้เร็วขึ้น”
“ฉันว่ายได้เร็วขึ้นเพราะความรู้สึก?”
“ใช่”
ความเข้มแข็งทางความรู้สึกทำให้คนเติบโต และเมื่อมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็อาจกลายเป็นวิวัฒนาการ มีช่วงเวลาที่ความรู้สึกนั่นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง นั่นเป็นเห็นผลที่ว่าทำไมนางิสะถึงได้ก้าวข้ามความสามารถของตนเองระหว่างแข่งจับเวลา จึงไม่เป็นเรื่องอยากเท่าไหรที่จะเปลี่ยนขีดจำกัดความสามารถของร่างกายใครคนหนึ่ง เมื่อมันถูกก้าวข้ามไปแล้ว นั่นเป็นสิทธิพิเศษที่พวกเขามี ในวัยเจริญเติบโต
“อยากลองว่ายกับฉันไหม?”
“กับรินจัง? แต่ฉันคิดว่าฉันจะแพ้นะ”
“ฉันต่อให้”
ไม่มีเห็นผลอะไรให้ว่ายน้ำได้เร็วเท่านางิสะ
“ถ้านายชนะได้ ก็หมายความว่านายทำเวลาดีกว่าเวลาที่นายเคยทำ”
“อืม”
ทังคู่ยืนอยู่บนแท่นกระโดด หายใจพร้อมๆกัน แล้วรินกล่าวอย่างเบาๆ
“เตรียมตัว on your mark ปัง”
ทั้งคู่ลงสู่ผิวน้ำในระยะทางใกล้เคียงกัน คลื่นน้ำแยกออก ศีรษะของนางิสะยกขึ้น ส่วนศีรษะของรินยกขึ้นก่อนเล็กน้อย นางิสะนั้นตามหลังอีกฝ่าย มันไม่ง่ายเลยที่จะตามระยะห่างตอนเริ่มได้ทัน ในกรณีของนางิสะ เขามีปัญหากับมุมที่เขาพุ่งลงไปในน้ำ ถ้าเกิดว่าเขาแก้ไขจุดอ่อนนั้น ก็หมายความว่าเขาจะทำเวลาได้ดีขึ้นอีก แต่มันเป็นใช่เรื่องง่ายๆที่จะแก้ไขได้เช่นกัน
รินรู้สึกได้ถึงนิ้วมือของอีกฝ่ายที่ยืนออกมาอยู่หลังช่วงล่างของเขา ทั้งคู่พลิกตัวกลับในระยะ 25 เมตรอย่างพร้อมๆกัน ในช่วง 15 เมตรที่เหลือ รู้สึกได้ว่าแขนของนางิสะนั้นยืดขึ้นอีก ระยะห่างนั้นไม่ได้สั้นลงเลย เมื่อรินคิดว่าเขาอาจจะคิดไปเอง มันไม่ใช่แขนของอีกฝ่าย แล้วเขาก็ไม่ได้คิดไปเอง แขนของนางิสะนั้นยืดออกมาอย่างเห็นได้ชัด มันมาพร้อมกับพลังที่ดูเหมือนจะทะลวงไหล่ของริน หลังของรินรู้สึกหนาว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมจังหวะของคนนั้นถึงได้หายไปโดยนางิสะตอนจับเวลาว่ายน้ำครั้งนั้น
ระยะห่างได้ค่อยๆหายไปทีละสโตรค แขนของนางิสะมาถึงคางของริน เขามองไปเบื้องหน้า เหลือระยะอีก 5 เมตร ศีรษะของนางิสะเกือบเสมอศีรษะของอีกฝ่าย ในสายตาของริน นางิสะไม่ใช่นางิสะอีกต่อไป เขาไม่สามารถมองอีกฝ่ายเป็นสิ่งอื่นใดไม่ได้นอกจาก ตัวตนอะไรบางอย่างที่ลึกลับ
กำลังจะถูกนำแล้ว!
ช่วงเวลาที่รินคิดเช่นนั้น เขาก็เพิ่มพลังให้กับแขนของตน แล้วก็ไปถึงเส้นชัยด้วยระยะห่างเพียงศีรษะเดียว เขาปีนขึ้นจากสระ ขณะหายใจอย่างรุนแรง อย่างที่ไม่เชื่อว่าเขาว่ายน้ำแค่ 50 เมตร
เขาไม่ได้โกหกว่าเขาจะออกมือให้อีกฝ่าย เขามั่นใจในการสร้างสถิติเวลาใหม่ให้กับนางิสะภายใน 0.5 วินาทีนั้น แต่ทำไมเข้าถึงได้ตึงเครียดในช่วงเวลาสุดท้านั่น พูดได้คำเดียวเลยว่านั่น 'มันแย่มาก'
ไม่ได้เป็นเพราะสัญชาตญาณในการต่อสู้ได้ตื่นขึ้นหรือเขาเอาจริงเอาจัง ความกลัวต่อนางิสะได้ก่อตัวขึ้นในตัวเขา เขาจึงวิ่งหนีอีกฝ่าย จากนั้นก็ไม่สามารถอดทนแม้แต่จะอยู่ในน้ำเดียวกับนางิสะ เขารีบออกจากสระ จากน้ำ นางิสะมองไปยังเขาที่ยิ่งแน่นิ่ง ขณะที่หยดน้ำไหลลงจากตัวเขา
“เกิดอะไรขึ้นรินจัง?”
รินไม่สามารถมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายตรงๆได้
ทำไมเราถึงกลัวคนอย่างนางิสะกัน?
เขาพยายามหาคำตอบให้กับตนเอง แต่ก็หายคำตอบนั้นไม่เจอ เขารู้สึกว่าหากสบตาอีกฝ่าย อาจจะถูกมองไปยังเบื้องลึกของจิตใจได้ รินกล่าวโดนที่มองไปด้านข้าง
“ถ้านายลองก็ทำได้นี่”
“ฉันทำไมได้หรอก ฉันหมายถึง ฉันตามไม่ทันหรอก”
ไม่ เขาตามทัน นางิสะเกือบทำลายสถิติตัวเองได้ หากรินไม่หนีไปเสียก่อน
“นี่ แขนของนาย” รินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อืม”
นางิสะกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ นางิสะที่เป็นเพื่อนร่วมทีมและเหมือนกับน้องชาย เขาไม่มีทางเป็น 'ตัวตนลึกลับ' นั่นได้หรอก รินผ่อนลมหายใจออก เขาสามารถมองไปยังนางิสะได้แล้ว
“แขนของนายยืดออก”
“ของฉัน?” นางิสะกล่าวพลางมองไปยังแขนขวาของตนเอง
“ใช่ ตัวครึ่งหลัง ตอนที่นายนำอยู่ แขนนายยืดออก”
“เป็นอย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่รู้เลย จริงๆนะ”
“เวลานายกำลังว่ายน้ำ นายคิดถึงเรื่องอะไร?”
“แค่ ในที่สุดก็ตามทันแล้ว”
นางิสะกล่าวอย่างง่ายดาย เขาอาจไม่ได้คิดถึงเรื่องฟอร์มและจังหวะเลยก็เป็นได้
ทุกคนต่างมีฟอร์มและจังหวะที่เขากับตนเอง มันไม่ง่ายเลยที่จะค้นพบสิ่งเหล่านั้น หากพยายามค้นหาสิ่งเหล่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างไป บางครั้งมันก็เป็นเรื่องเส้นผสมบังภูเขา ตัวรินเองก็ยังอยู่ช่วงกำลังหามัน โดยการแข่งและหาข้อบกพร่องซ้ำๆ เพราะงั้นเขาจึงว่ายโดยคิดถึงมัน เขาไม่เคยว่ายอย่างประมาทเลย แม้เขาว่ายด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เวลาของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
แต่เขารู้ว่าบางครั้ง ความสามารถในการพุ่งเป้าไปที่ขีดจำกัด ก็สามารถนำฟอร์มที่ดีมาได้ เหมือนกับปาฎิหาริย์ เขาจึงบอกว่านางิสะสามารถว่ายได้เร็วขึ้นเพราะความรู้สึก แต่มันคาดไม่ถึงว่าจะเป็นจริงอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้
“นี่ อยากว่ายแบบนั้นอีกครั้งไหม?”
“หืม ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร”
มันเป็นคำตอบอย่างปกติ เพราะเขาว่ายโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงฟอร์ม นางิสะอาจเป็นคนที่สามารถบรรลุสิ่งต่างๆได้ด้วยประสบการณ์ของตนเอง
“อยากว่ายกับฉันอีกไหม?”
“อืม”
นางิสะปีนขึ้นไปยังขอบสระ เขามีร่างกายบอบบางและตัวเล็ก แล้วเขาสร้างสิ่งที่ทำให้เขาตามได้ทันได้อย่างไร? บางครั้งอาจมีคำใบ้ในฟอร์มที่ดีที่สุดอย่างที่รินตามหาอยู่ ขณะที่คิดถึงเรื่องต่างๆนานา เขาก็ยืนอยู่บนแท่นกระโดด
“เตรียมตัว”
รินสูดลมหายใจเข้า
“on your mark ปัง”
เท้าของรินและนางิสะร่ายรำบนอากาศ ร่างกายของทั้งคู่จมลงไปในน้ำ เป้าหมายของพวกเขาคือ 50 เมตร หรือมากกว่านั้น? แม้ไม่ทราบว่าพวกเขาไปที่ใด สิ่งที่พวกเขาทำก็คือว่ายไปมา อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ไม่ได้คิดเหนืออื่นใดเลย
<<มีต่อ>>
[แปล]High speed! บทที่ 5
บทนี้ค่อนข้างแปลช้าเพราะว่ามีศัพท์ว่ายน้ำ
แปลแล้วอยากจะตัดทิ้ง*** เราแปลจากภาษาอังกฤษที่เขาแปลมาอีกทีนะคะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น หากพบข้อผิดพลาดใดๆสามารถบอกได้ค่ะ จะได้รีบแก้ไข
*** เราไม่มีพื้นฐานเรื่องว่ายน้ำเลย เราจึงเสิร์ชหาข้อมูลในอากู๋ หากใครพบเห็นว่ามันแปล่งแปลก มันไม่ใช่ รีบบอกเลยนะคะ
<<credit pt1>>
<<credit pt2>>
บทที่ 1 ว่ายน้ำ
บทที่ 2 น้ำ
บทที่ 3 ฟรี
บทที่ 4 ว่ายผลัด
บทที่ 5 สโตรค
ผิวน้ำแกว่งไปมาจนเกิดน้ำกระเซ็นเล็กน้อย เมื่อพุ่งตัวลงไป คลื่นเล็กๆก็แยกกระจายออก ศีรษะของนางิสะยกขึ้นจากจุดนั้น จากนั้นเขาก็เคลื่อนที่ในน้ำด้วยท่ากบอันเฉื่อยชา แล้วกลับมาหลังจากพลิกตัวกลับ วิธีการว่ายน้ำของเขาแตกต่างจากตอนที่เขาว่ายจับเวลา
รินที่มองนางิสะว่ายน้ำบนแท่นกระโดดก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกไป นางิสะยกศีรษะขึ้นหลังจากแตะกำแพงด้วยมือทั้งสองข้าง รินที่ต้องกระโดดข้ามศีรษะนางิสะไปก็ยังคงยื่นอยู่บนแท่นกระโดด
“รินจังเกิดอะไรขึ้น”
นางิสะถามอย่างตะกุกตะกักเนื่องจากยังหอบอยู่ รินที่นั่งยองอยู่บนแท่นกระโดด ก็มองลงมายังอีกฝ่าย
“เมื่อกี้ ว่ายด้วยแรงทั้งหมดที่มีรึเปล่า?”
“อืม”
นัยตากลมโตภายใต้แว่นกันน้ำมองตรงไปยังริน ไร้ซึ่งความกังวล ไร้ซึ่งข้อกังขา ไม่มีสิ่งใดแปลกปลอมเจือปนอยู่ในนัยตานั้น รินพยายามมองไปยังลึกของนัยตาอีกฝ่าย แต่ทราบได้ว่ามันไม่จำเป็นเลย เขาเบี่ยงสายตาไปทางอื่น นัยตาของนางิสะนั้นใสไร้ขอบเขต ไม่มีแม้แต่มลทินเลย แม้มองดวงตาที่อยู่ใต้แว่นกันน้ำคู่นั้น ก็ยังเห็นสิ่งเหล่านี้ชัดเจน
นางิสะไม่ได้พยามยามปิดบังเรื่องที่เขาคิดอยู่ เขาไม่มีความคิดที่ผู้คนอับอายด้วยซ้ำ เขามีความสามารถในการเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาอย่างตรงไปตรงมา นั่นคือตัวตนของนางิสะ เป็นตัวตนที่รินรับมือได้ยากที่สุด หากเป็นคนที่หลอกลวงคนอื่นแล้วหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ ความรู้สึกที่เขาต้องชดใช้ สร้างช่องว่างระหว่างจิตใจ ปิดบังซ่อนเร้น ตัวของรินเองก็สร้างช่องว่างระหว่างจิตใจนั่นเช่นกัน
แต่ไม่มีช่องว่างนั่นในจิตใจของนางิสะเลย
“เทียบกับตอนว่ายจัดเวลา นายเปลี่ยนวิธีว่ายรึเปล่า?”
“ก็เหมือนเดิมนะ”
ดูเหมือนว่านางิสะไม่รู้สึกตัว อาจเป็นสิ่งที่ไม่รู้ได้ด้วยตนเอง อย่างความรู้สึกที่เป็นนามธรรม ถ้ามองไม่เห็นสิ่งนั้นก็ไม่ไช่เรื่องแปลกอะไร
“นายทำเวลาได้ช้าลง”
“จริงเหรอ?”
นางิสะถอดแว่นกันน้ำแล้วมองไปยังริน รินลุกขึ้น หลีกเลี่ยงนัยตาเบื้องลึกของอีกฝ่าย
“วิธีว่ายของนายเมื่อคราวก่อน เร็วกว่า”
ในการแข่งขันนั้น ไม่มีคำว่าฟลุค... นั่นคือทฤษฎีของริน เวลาที่ขึ้นไปแล้วถึงจุดหนึ่งไม่สามารถตกลงมาอย่างนั้นได้ และยิ่งตัวพวกเขาที่อยู่ในวัยกำลังโต ยิ่งเป็นความจริง วัยเจริญเติบโตนั้นไม่ได้จำกัดแค่พื้นฐานหรือพลังกาย แต่ยังหมายถึงเทคนิคและกำลังใจ
“แปลกจัง สงสัยจังว่าทำไม? ฉันไม่ได้เปลี่ยนวิธีว่ายน้ำเลยนะ”
“นี่นาย เวลานายกำลังแข่ง นายมองเห็นศัตรูไหม?”
“อืม เห็นชัดแจ๋วเลย”
“ถ้าก็เป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่อยากว่ายได้เร็วกว่าคู่แข่งหรือไม่ นั่นเป็นความรู้สึกที่ทำให้นายว่ายได้เร็วขึ้น”
“ฉันว่ายได้เร็วขึ้นเพราะความรู้สึก?”
“ใช่”
ความเข้มแข็งทางความรู้สึกทำให้คนเติบโต และเมื่อมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็อาจกลายเป็นวิวัฒนาการ มีช่วงเวลาที่ความรู้สึกนั่นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง นั่นเป็นเห็นผลที่ว่าทำไมนางิสะถึงได้ก้าวข้ามความสามารถของตนเองระหว่างแข่งจับเวลา จึงไม่เป็นเรื่องอยากเท่าไหรที่จะเปลี่ยนขีดจำกัดความสามารถของร่างกายใครคนหนึ่ง เมื่อมันถูกก้าวข้ามไปแล้ว นั่นเป็นสิทธิพิเศษที่พวกเขามี ในวัยเจริญเติบโต
“อยากลองว่ายกับฉันไหม?”
“กับรินจัง? แต่ฉันคิดว่าฉันจะแพ้นะ”
“ฉันต่อให้”
ไม่มีเห็นผลอะไรให้ว่ายน้ำได้เร็วเท่านางิสะ
“ถ้านายชนะได้ ก็หมายความว่านายทำเวลาดีกว่าเวลาที่นายเคยทำ”
“อืม”
ทังคู่ยืนอยู่บนแท่นกระโดด หายใจพร้อมๆกัน แล้วรินกล่าวอย่างเบาๆ
“เตรียมตัว on your mark ปัง”
ทั้งคู่ลงสู่ผิวน้ำในระยะทางใกล้เคียงกัน คลื่นน้ำแยกออก ศีรษะของนางิสะยกขึ้น ส่วนศีรษะของรินยกขึ้นก่อนเล็กน้อย นางิสะนั้นตามหลังอีกฝ่าย มันไม่ง่ายเลยที่จะตามระยะห่างตอนเริ่มได้ทัน ในกรณีของนางิสะ เขามีปัญหากับมุมที่เขาพุ่งลงไปในน้ำ ถ้าเกิดว่าเขาแก้ไขจุดอ่อนนั้น ก็หมายความว่าเขาจะทำเวลาได้ดีขึ้นอีก แต่มันเป็นใช่เรื่องง่ายๆที่จะแก้ไขได้เช่นกัน
รินรู้สึกได้ถึงนิ้วมือของอีกฝ่ายที่ยืนออกมาอยู่หลังช่วงล่างของเขา ทั้งคู่พลิกตัวกลับในระยะ 25 เมตรอย่างพร้อมๆกัน ในช่วง 15 เมตรที่เหลือ รู้สึกได้ว่าแขนของนางิสะนั้นยืดขึ้นอีก ระยะห่างนั้นไม่ได้สั้นลงเลย เมื่อรินคิดว่าเขาอาจจะคิดไปเอง มันไม่ใช่แขนของอีกฝ่าย แล้วเขาก็ไม่ได้คิดไปเอง แขนของนางิสะนั้นยืดออกมาอย่างเห็นได้ชัด มันมาพร้อมกับพลังที่ดูเหมือนจะทะลวงไหล่ของริน หลังของรินรู้สึกหนาว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมจังหวะของคนนั้นถึงได้หายไปโดยนางิสะตอนจับเวลาว่ายน้ำครั้งนั้น
ระยะห่างได้ค่อยๆหายไปทีละสโตรค แขนของนางิสะมาถึงคางของริน เขามองไปเบื้องหน้า เหลือระยะอีก 5 เมตร ศีรษะของนางิสะเกือบเสมอศีรษะของอีกฝ่าย ในสายตาของริน นางิสะไม่ใช่นางิสะอีกต่อไป เขาไม่สามารถมองอีกฝ่ายเป็นสิ่งอื่นใดไม่ได้นอกจาก ตัวตนอะไรบางอย่างที่ลึกลับ
กำลังจะถูกนำแล้ว!
ช่วงเวลาที่รินคิดเช่นนั้น เขาก็เพิ่มพลังให้กับแขนของตน แล้วก็ไปถึงเส้นชัยด้วยระยะห่างเพียงศีรษะเดียว เขาปีนขึ้นจากสระ ขณะหายใจอย่างรุนแรง อย่างที่ไม่เชื่อว่าเขาว่ายน้ำแค่ 50 เมตร
เขาไม่ได้โกหกว่าเขาจะออกมือให้อีกฝ่าย เขามั่นใจในการสร้างสถิติเวลาใหม่ให้กับนางิสะภายใน 0.5 วินาทีนั้น แต่ทำไมเข้าถึงได้ตึงเครียดในช่วงเวลาสุดท้านั่น พูดได้คำเดียวเลยว่านั่น 'มันแย่มาก'
ไม่ได้เป็นเพราะสัญชาตญาณในการต่อสู้ได้ตื่นขึ้นหรือเขาเอาจริงเอาจัง ความกลัวต่อนางิสะได้ก่อตัวขึ้นในตัวเขา เขาจึงวิ่งหนีอีกฝ่าย จากนั้นก็ไม่สามารถอดทนแม้แต่จะอยู่ในน้ำเดียวกับนางิสะ เขารีบออกจากสระ จากน้ำ นางิสะมองไปยังเขาที่ยิ่งแน่นิ่ง ขณะที่หยดน้ำไหลลงจากตัวเขา
“เกิดอะไรขึ้นรินจัง?”
รินไม่สามารถมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายตรงๆได้
ทำไมเราถึงกลัวคนอย่างนางิสะกัน?
เขาพยายามหาคำตอบให้กับตนเอง แต่ก็หายคำตอบนั้นไม่เจอ เขารู้สึกว่าหากสบตาอีกฝ่าย อาจจะถูกมองไปยังเบื้องลึกของจิตใจได้ รินกล่าวโดนที่มองไปด้านข้าง
“ถ้านายลองก็ทำได้นี่”
“ฉันทำไมได้หรอก ฉันหมายถึง ฉันตามไม่ทันหรอก”
ไม่ เขาตามทัน นางิสะเกือบทำลายสถิติตัวเองได้ หากรินไม่หนีไปเสียก่อน
“นี่ แขนของนาย” รินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อืม”
นางิสะกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ นางิสะที่เป็นเพื่อนร่วมทีมและเหมือนกับน้องชาย เขาไม่มีทางเป็น 'ตัวตนลึกลับ' นั่นได้หรอก รินผ่อนลมหายใจออก เขาสามารถมองไปยังนางิสะได้แล้ว
“แขนของนายยืดออก”
“ของฉัน?” นางิสะกล่าวพลางมองไปยังแขนขวาของตนเอง
“ใช่ ตัวครึ่งหลัง ตอนที่นายนำอยู่ แขนนายยืดออก”
“เป็นอย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่รู้เลย จริงๆนะ”
“เวลานายกำลังว่ายน้ำ นายคิดถึงเรื่องอะไร?”
“แค่ ในที่สุดก็ตามทันแล้ว”
นางิสะกล่าวอย่างง่ายดาย เขาอาจไม่ได้คิดถึงเรื่องฟอร์มและจังหวะเลยก็เป็นได้
ทุกคนต่างมีฟอร์มและจังหวะที่เขากับตนเอง มันไม่ง่ายเลยที่จะค้นพบสิ่งเหล่านั้น หากพยายามค้นหาสิ่งเหล่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างไป บางครั้งมันก็เป็นเรื่องเส้นผสมบังภูเขา ตัวรินเองก็ยังอยู่ช่วงกำลังหามัน โดยการแข่งและหาข้อบกพร่องซ้ำๆ เพราะงั้นเขาจึงว่ายโดยคิดถึงมัน เขาไม่เคยว่ายอย่างประมาทเลย แม้เขาว่ายด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เวลาของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
แต่เขารู้ว่าบางครั้ง ความสามารถในการพุ่งเป้าไปที่ขีดจำกัด ก็สามารถนำฟอร์มที่ดีมาได้ เหมือนกับปาฎิหาริย์ เขาจึงบอกว่านางิสะสามารถว่ายได้เร็วขึ้นเพราะความรู้สึก แต่มันคาดไม่ถึงว่าจะเป็นจริงอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้
“นี่ อยากว่ายแบบนั้นอีกครั้งไหม?”
“หืม ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร”
มันเป็นคำตอบอย่างปกติ เพราะเขาว่ายโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงฟอร์ม นางิสะอาจเป็นคนที่สามารถบรรลุสิ่งต่างๆได้ด้วยประสบการณ์ของตนเอง
“อยากว่ายกับฉันอีกไหม?”
“อืม”
นางิสะปีนขึ้นไปยังขอบสระ เขามีร่างกายบอบบางและตัวเล็ก แล้วเขาสร้างสิ่งที่ทำให้เขาตามได้ทันได้อย่างไร? บางครั้งอาจมีคำใบ้ในฟอร์มที่ดีที่สุดอย่างที่รินตามหาอยู่ ขณะที่คิดถึงเรื่องต่างๆนานา เขาก็ยืนอยู่บนแท่นกระโดด
“เตรียมตัว”
รินสูดลมหายใจเข้า
“on your mark ปัง”
เท้าของรินและนางิสะร่ายรำบนอากาศ ร่างกายของทั้งคู่จมลงไปในน้ำ เป้าหมายของพวกเขาคือ 50 เมตร หรือมากกว่านั้น? แม้ไม่ทราบว่าพวกเขาไปที่ใด สิ่งที่พวกเขาทำก็คือว่ายไปมา อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ไม่ได้คิดเหนืออื่นใดเลย
<<มีต่อ>>