ก่อนอื่นขอสารภาพบาปว่าหลังจากลงตอน 6 เราก็ไม่ได้แปลต่ออีกเลย พึ่งมาแปลจบบท 7 วันนี้ค่ะ ขออภัยทุกคนด้วยนะคะ
ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวที่สุดในเล่มเลย แต่ก็มันส์ที่สุดเช่นกันค่ะ เพราะเป็นตอนที่แข่งกันทั้งตอนเลย
*** เราแปลจากภาษาอังกฤษที่เขาแปลมาอีกทีนะคะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น หากพบข้อผิดพลาดใดๆสามารถบอกได้ค่ะ จะได้รีบแก้ไข
*** เราไม่มีพื้นฐานเรื่องว่ายน้ำเลย เราจึงเสิร์ชหาข้อมูลในอากู๋ หากใครพบเห็นว่ามันแปล่งแปลก มันไม่ใช่ รีบบอกเลยนะคะ
<<credit pt1>>
<<credit pt2>>
บทที่ 1 ว่ายน้ำ
บทที่ 2 น้ำ
บทที่ 3 ฟรี
บทที่ 4 ว่ายผลัด
บทที่ 5 สโตรค
บทที่ 6 ทีม
บทที่ 7 การแข่งขัน
วันนี้เป็นวันที่แดดออกแต่เช้า ขณะฮารุกะมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม เขาก็สงสัยว่าเขามาที่นี่กี่ครั้งแล้ว สเตเดียมว่ายน้ำฮิโยริเป็นสถานที่ใหญ่แม้อยู่ในศาลาว่าการจังหวัด การพบปะทางกีฬามักจัดขึ้นที่นี่ เมื่อมายังสถานที่แห่งนี้ ก็รู้สึกว่าที่นี่มักจะมีแดด เขาคิดว่าดีแล้วที่แดดออก แม้มันไม่ได้สำคัญอะไรถ้าแดดออกหรือไม่ เพราะสระที่นี่เป็นสระในร่ม
“วันนี้อากาศดีอีกแล้วเนอะ?”
เสียงของมาโคโตะร่าเริงเช่นเดิม ในวันที่แดดออก เขาเองก็คิดเช่นนั้น
“ว้าว ใหญ่จัง”
นางิสะที่มาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็มองไปด้วยนัยตากลมโตที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
แต่รินกลับขรึมเป็นพิเศษ หรือว่าเขาประหม่า? แต่นั่นไม่ใช่นิสัยของริน
เมื่อรินเขียนชื่อทั้งสี่ที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ก็หารายชื่อของเด็กผู้หญิงแล้วเริ่มหาชื่อ เขาสงสัยว่ารินจะพูดอะไรไหม แต่รินแค่มองเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่อย่างเงียบๆ เนื่องจากพนักงานหาชื่อจนสุดก็ยังไม่เจอ พวกเขายกศีรษะขึ้นอย่างสงสัย แล้วเริ่มกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นรินและใบหน้าคนอื่นก็ทำท่าเข้าใจ พวกเขาเริ่มหาในรายชื่อของเด็กผู้ชาย
ขณะเดินไปยังทางเดินสู่ห้องล็อคเกอร์ นางิสะก็ระเบิดหัวเราะที่เขาเก็บเอาไว้ทันนที
“นี่ เห็นไหม? คนเมื่อกี้ เขาหาชื่อจากรายชื่อเด็กผู้หญิงด้วย สงสัยจังว่าเขาคิดว่าชื่อใครเป็นผู้หญิง ต้องเป็นรินจังแน่เลย”
“เปล่า ชื่อทุกคนน่ะแหละ”
“ทุกคนนี่.. ชื่อฉันด้วยเหรอ?”
“ใช่ ชื่อนายด้วย”
“เอ๋ แต่ฉันไม่รู้จักเด็กผู้หญิงคนไหนชื่อ'นางิสะ'เลยน้า ฉันเห็นชื่อรินรินที่สวนสัตว์มาก่อน แล้วก็เป็นเพศเมีย”
ฮารุกะสามารถกลั้นหัวเราะได้ แต่มาโคโตะหัวเราะดังขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว ขณะที่รินจ้องไปยังมาโคโตะเขม็ง เขาก็กล่าว ท่าทางไม่พอใจ
“ถ้านายวอกแวก เดี๋ยวก็แพ้หรอก มีสมาธิหน่อย”
“คร้าบบบ”
พวกเขาเข้าใจรึเปล่า? อย่างน้อยตอนนี้คำตอบของนางิสะก็ทำให้ความประหม่าของรินถูกถ่ายทอดไป
เมื่อทั้งสี่มาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อ เขาก็ได้ยินเสียล็อคเกอร์เปิดและปิดจากที่นี่ที่นั่น มีคนอยู่ที่นี่แล้วพอสมควร รินเปิดล็อคเกอร์ใกล้ตัว ส่วนที่เหลือก็เปิดประตูหาล็อคเกอร์ว่างใกล้ๆ
“ริน”
เมื่อรินมองไปตามต้นเสียง บางคนกำลังไปยังสระน้ำมองมายังริน ใบแก้มของรินอ่อนยวบลง พวกเขาเป็นสมาชิกของสโมสรซาโนะ ที่เขาเคยอยู่มาก่อน
“เฮ้ ไม่ได้เจอมาสักพักเลยนะ”
เมื่อเขาตอบพร้อมโบกมือเล็กน้อย หนึ่งในนั้นก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร นั่นคือ ยามาซากิ โซวสุเกะ ที่สูงและผอมเช่นเดิม
“นายดูสบายดีนี่”
“อืม แล้วนายล่ะ?”
“เหมือนเดิมล่ะมั้ง เรื่องนั้นไว้ก่อน ได้เจอพ่อรึเปล่า?”
รินที่ถูกถามก็ตื่นตะลึง
“อะ อืม”
เขาตอบด้วยคำตอบคลุมเครือ ระวังฮารุกะและคนอื่นๆ
“เหรอ ถ้างั้นเจอกันนะ”
ดูเหมือนโซวสุเกะเดาสถานการณ์จากสภาพของริน เขาออกไปจากห้องล็อคเกอร์ ตัดจบบทสนทนา จากนั้นมีเพียงแค่ความเงียบแปลกๆโรยตัว
ไม่มีใครพูดอะไรเลย พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเงียบๆ หลังจากที่นางิสะเปลี่ยนเสื้อเสร็จเป็นคนแรก ก็ทำเสียงยืดของยางแว่นกันน้ำ เลียนแบบริน
“คนแรก”
นางิสะกล่าวด้วยน้ำเสียงแจ่มใสตามปกติ บรรยากาศอึดอัดหายไป ราวกับม่านหมอกที่จางหายไป
“งั้น คนที่สอง”
มาโคโตะกล่าวขณะปิดประตูล็อคเกอร์ มองไปทางนางิสะ ทั้งคู่หัวเราะออกมา
นางิสะถามริน
“นี่ วันนี้พวกเราจะว่ายกันกี่รอบ?”
“รอบเดียว”
“แล้ววันพรุ่งนี้ล่ะ?”
“ถ้าเกิดว่าติด 1 ใน 16 ของการแข่งวันนี้น่ะนะ ก็ได้เข้ารอบรอง แล้วถ้าเกิดติด 1 ใน 8 ก็ได้อยู่ในรอบชิง”
“ถ้างั้น เราตั้งชนะ 3 ครั้งสินะ”
“ใช่ ตอนนี้ถ้าพวกเราตั้งเป้าเอาไว้ให้ติด 1 ใน 4 ของกลุ่มก็พอแล้ว”
หลังจากที่กล่าวเสร็จ รินก็คิดว่านั่นเป็นข้อคิดเห็นที่ขาดสปิริตสิ้นดี เป็นไปได้ว่าในส่วนใดส่วนหนึ่งของความจริงจังนั้น ได้ทำให้เขากังวลใจ ว่าสภาพของทีมไม่ได้ดีขึ้นเลย เขามองไปยังฮารุกะที่หันหลังให้กับเขา เขาพยายามปิดประตูล็อคเกอร์ ฮารุกะต้องได้ยินเสียงนั้นด้วย ฮารุกะคิดว่าเขาขาดสปิริต ? แล้วฮารุกะคิดว่าตัวเองเป็นเหตุที่ทำให้รินขาดความมุ่งมันหรือเปล่า?
รินอยากบอกฮารุกะว่าไม่ต้องสนใจ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี เขาจึงทำได้แค่มองแผ่นหลังของอีกฝ่าย
การแข่งขันที่ได้จัดลำดับการแข่งเรียงตามอายุ ในทุกๆการแข่งขัน เด็กผู้หญิงแข่งก่อนเด็กผู้ชาย และตอนนี้การแข่งขันว่ายผลัดผสมของเด็กผู้หญิงก็ได้เริ่มขึ้นท่ามกลางเสียงให้กำลังใจ
อากิยืนอยู่บนแท่นกระโดด ในการแข่งรอบคัดเลือกเป็นการแข่งแบบคัดออก การแข่งขันของอากิและคนอื่นก็เผยให้เห็นพัฒนาการอย่างรุนแรงจนลืมหายใจ
ทันที่ที่เท้าของอากิถีบออกจากแท่นกระโดด คนข้างๆเธอก็กระโดดเช่นกัน ลงไปยังน้ำแล้วศีรษะขึ้นเหนือน้ำพร้อมๆกัน ราวกับว่ายผสาน แขนและขาของท่าวัดวานั้นผสานกัน จากนั้นจากด้านหลังทางขวาของเขา ก็มีนักว่ายน้ำคนหนึ่งที่ตามพวกเขาด้วยพลังอันมหาศาล ราวกับกับพวกเขาเกือบตามทันก่อนถึงเส้นชัย แต่ก็ห่างออกไป เธอสามารถผ่านรอบแรกด้วยเวลาเกือบเท่ากับที่สอง ถ้าเกิดมีอีก 5 เมตร เธออาจถูกนำได้ เมื่อเธอคิดเช่นนั้น ก็รู้สึกวูบที่สันหัลง
อากิและอีกสามคนเดินไปยังห้องล็อคเกอร์ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย ระหว่างทางเดิน พวกเธอก็ผ่านกลุ่มเด็กผู้ชายที่ไปยังจุดเริ่ม
“ยินดีด้วยนะซากิจัง”
มาโคโตะยกมือขึ้น
“ขอบใจจ๊ะ ขอให้ทาจิบานะคุงโชคดีด้วยนะ”
อากิเดินผ่านมาโคโตะโดยแตะมือของอีกฝ่ายสร้างเสียง แปะ ดังขึ้น
พวกเขามาเป็นที่สอง แต่ก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้เลย ทั้งสามก็ไม่ได้ยิ้มด้วยเช่นกัน แม้พวกเขาฝึกมามากและทำเวลาได้ดีขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงผลออกได้ตามที่ต้องการ ความรู้สึกนั่นหหนักอึ้งอยู่ในใจของทั้งสี่ พวกเขาอาจจะประหม่า? พวกเขากดดันตัวเอง? หรือฟอร์มของพวกเขาแย่ลง? พวกเขาจึงวิตกโดยที่ไม่รุ้สาเหตุ หากรอบหน้าพวกเขายังเป็นเช่นนี้ พวกเขาต้องหลุดออกจากการแข่งแน่นอน พวกเขาคิดเช่นนั้น เขาก็กังวลอย่างสิ้นหวัง
แต่ ไม่ว่าพวกวิตกกังวลมากอย่างไร ถ้าพวกเขาไม่รุ้สาเหตุ ก็มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้ นั่นก็คือ ว่ายตามที่ฝึก และถ้าพวกเขาทำเช่นนั้นได้ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของความมั่นใจในตนเอง อากิสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เยี่ยมมากทุกๆคน พรุ่งนี้เราก็มาพยายามกันอีกนะ”
คนในทีมยิ้มตามคำพูดของอากิ
“อืม จริงด้วย”
“ใช่ใช่ พรุ่งนี้สินะ”
“ใช่ พรุ่งนี้เราจะเป็นแชมป์!”
“พวกเราต้องทำได้ เราฝึกกันมาเยอะ มาพยายามกันเถอะ”
รอยยิ้มที่แท้จริงกลับมาสู่จิตใจของอากิ ด้วยรอยยิ้มของทุกๆคน ไม่ว่าการแสร้งทำเป็นกล้าหาญหรือเหนื่อย ก็ไม่เป็นไร ถ้าทุกคนในทีมร่าเริง จากนั้นการให้กำลังใจของทุกคนก็มอบรอยยิ้มที่แท้จริงให้กับพวกเขา นั่นคือสื่งที่เรียกว่าทีม เป็นพลังของทีม ถ้าพวกเขามีพลังนั่น แม้ไม่ชนะในวันพรุ่งนี้ แม้ต้องร้องไห้ พวกอาจได้คิดว่า พวกเขาดีใจที่ได้มาร่วมทีมกัน ความเชื่อมั่นที่ไม่สั่นคลอน สิ่งนั้นอยู่ในใจของอากิและคนอื่นๆ
ขณะที่ความรู้สึกใหม่เข้ามา อากิก็เริ่มเดิน เดินไปสู่วันพรุ่งนี้
ขณะคลายร่างกายเบาต่อหน้าแท่นกระโดด รินทำให้มันใจว่ามาโคโตะและนางิสะอยู่หน้าเขา เขารู้สึกว่าฮารุกะอยู่หลังเขา เขาไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรให้เรียกอีกฝ่าย แต่เขาอยากทำให้มั่นใจว่าเขาจะมั่นใจกับสมาชิเหล่านี้ตั้งแต่นี้ไป
การแข่งขันจัดขึ้นที่สระลู่สั้น พวกเขาว่ายทั้งหมด 400 เมตร คนละ 100 เมตร คนที่ว่ายคนแรกคือ มาโคโตะ คนที่สองคือนางิสะ คนต่อมาคือริน และคนสุดท้ายคือ ฮารุกะ ทีมแรกถูกขานตามชื่อสโมสรเริ่มจากลู่แรก ทีมที่ถูกขานยกมือขึ้นแล้วยืนอยู่ด้านข้างแท่นกระโดด เนื่องจากคนแรกว่ายกรรเชียง ก็เป็นการเริ่มจากน้ำ
หลังจากที่เสียงนกหวีดสั้นดังขึ้นสี่ครั้ง มาโคโตะก็ลงไปในน้ำตอนที่เสียงนกหวีดยาวดังขึ้น เขาจับที่จับเมื่อเสียงนกหวีดยาวดังครึ่งอีกครั้ง แล้วผลักขาข้างนึงจากกำแพง
“take your mark!”
เขาดึงร่างไปข้างหน้าด้วยแรงผลักอันทรงพลัง ความเงียบโรยตัวชั่วครู่ จากนั้นเสียงสัญญาณก็ดังขึ้น
เขากระโดดไปด้านหลังทันที หลังจากที่ร่างกายลงสู่ผิวหน้า เขาก็ยกเท้าขึ้นเพื่อเตะขา ขณะที่เริ่มสโตรค ใบหน้าก็ขึ้นเหนือผิวน้ำ ใบหน้าของมาโคโตะขึ้นเป็นใบหน้าแรก ท่าทางของเขาทำให้เกิดน้ำกระเซ็นขนาดใหญ่ด้วยสโตรคอันทรงพลัง ให้ความรู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตทะเล
รินรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแตกต่างจากการว่ายน้ำของมาโคโตะ ไม่ใช่แค่ในท่าวัดวาหรือท่ากรรเชียง เขาคิดว่าจุดสำคัญในการว่ายน้ำเปลี่ยนไป สไตล์การกวาดน้ำและการใช้พลังไปด้านหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่วิธีที่ใช้พลังทั้งหมดอย่างฝืนตัวได้หายไป บางทีอาจเรียกว่าความน่าสะพรึงกลัวอันทรงพลังด้วยซ้ำ เขาดูเหมือนว่ายน้ำอย่างสบายใจ ขณะให้ความรู้สึกราวกับวาฬแพชรฆาตหรือวาฬ และก็เร็วขึ้น มาโคโตะอาจจะพยายามพัฒนาไปเป็นสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ขณะที่คิดเช่นนั้น รินก็มองไปยังการว่ายน้ำของมาโคโตะ
มาโคโตะแตะกำแพงเป็นคนแรก เท้าทั้งสองของนางิสะก็กระโดดออกจากแท่นกระโดด เขากระโดดสูงเกินไปจึงตกสู่ผิวน้ำลึก จึงต้องใช้เวลาในการขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้จัดท่าได้ยาก การเคลื่อนไหวใต้น้ำหลังจากกระโดดทำได้แค่ดึงแขนครั้ง ถีบขาครั้งเท่านั้น หลังที่ขึ้นสู่เหนือน้ำ นางิสะก็ตกไปอยู่อันดับที่สอง ห่างจากสโมสรซาโนะครึ่งลำตัว
อย่าคิดมากนางิสะ มันมักเป็นอยู่นั้นอยู่แล้ว ความสามารถพิเศษของนายคือการตามคนอื่นทันหลังพลิกตัว
รินพึมพำในใจแล้วยืนบนแท่นกระโดด
<<มีต่อ>>
[แปล]High speed! บทที่ 7
ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวที่สุดในเล่มเลย แต่ก็มันส์ที่สุดเช่นกันค่ะ เพราะเป็นตอนที่แข่งกันทั้งตอนเลย
*** เราแปลจากภาษาอังกฤษที่เขาแปลมาอีกทีนะคะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น หากพบข้อผิดพลาดใดๆสามารถบอกได้ค่ะ จะได้รีบแก้ไข
*** เราไม่มีพื้นฐานเรื่องว่ายน้ำเลย เราจึงเสิร์ชหาข้อมูลในอากู๋ หากใครพบเห็นว่ามันแปล่งแปลก มันไม่ใช่ รีบบอกเลยนะคะ
<<credit pt1>>
<<credit pt2>>
บทที่ 1 ว่ายน้ำ
บทที่ 2 น้ำ
บทที่ 3 ฟรี
บทที่ 4 ว่ายผลัด
บทที่ 5 สโตรค
บทที่ 6 ทีม
บทที่ 7 การแข่งขัน
วันนี้เป็นวันที่แดดออกแต่เช้า ขณะฮารุกะมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม เขาก็สงสัยว่าเขามาที่นี่กี่ครั้งแล้ว สเตเดียมว่ายน้ำฮิโยริเป็นสถานที่ใหญ่แม้อยู่ในศาลาว่าการจังหวัด การพบปะทางกีฬามักจัดขึ้นที่นี่ เมื่อมายังสถานที่แห่งนี้ ก็รู้สึกว่าที่นี่มักจะมีแดด เขาคิดว่าดีแล้วที่แดดออก แม้มันไม่ได้สำคัญอะไรถ้าแดดออกหรือไม่ เพราะสระที่นี่เป็นสระในร่ม
“วันนี้อากาศดีอีกแล้วเนอะ?”
เสียงของมาโคโตะร่าเริงเช่นเดิม ในวันที่แดดออก เขาเองก็คิดเช่นนั้น
“ว้าว ใหญ่จัง”
นางิสะที่มาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็มองไปด้วยนัยตากลมโตที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
แต่รินกลับขรึมเป็นพิเศษ หรือว่าเขาประหม่า? แต่นั่นไม่ใช่นิสัยของริน
เมื่อรินเขียนชื่อทั้งสี่ที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ก็หารายชื่อของเด็กผู้หญิงแล้วเริ่มหาชื่อ เขาสงสัยว่ารินจะพูดอะไรไหม แต่รินแค่มองเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่อย่างเงียบๆ เนื่องจากพนักงานหาชื่อจนสุดก็ยังไม่เจอ พวกเขายกศีรษะขึ้นอย่างสงสัย แล้วเริ่มกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นรินและใบหน้าคนอื่นก็ทำท่าเข้าใจ พวกเขาเริ่มหาในรายชื่อของเด็กผู้ชาย
ขณะเดินไปยังทางเดินสู่ห้องล็อคเกอร์ นางิสะก็ระเบิดหัวเราะที่เขาเก็บเอาไว้ทันนที
“นี่ เห็นไหม? คนเมื่อกี้ เขาหาชื่อจากรายชื่อเด็กผู้หญิงด้วย สงสัยจังว่าเขาคิดว่าชื่อใครเป็นผู้หญิง ต้องเป็นรินจังแน่เลย”
“เปล่า ชื่อทุกคนน่ะแหละ”
“ทุกคนนี่.. ชื่อฉันด้วยเหรอ?”
“ใช่ ชื่อนายด้วย”
“เอ๋ แต่ฉันไม่รู้จักเด็กผู้หญิงคนไหนชื่อ'นางิสะ'เลยน้า ฉันเห็นชื่อรินรินที่สวนสัตว์มาก่อน แล้วก็เป็นเพศเมีย”
ฮารุกะสามารถกลั้นหัวเราะได้ แต่มาโคโตะหัวเราะดังขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว ขณะที่รินจ้องไปยังมาโคโตะเขม็ง เขาก็กล่าว ท่าทางไม่พอใจ
“ถ้านายวอกแวก เดี๋ยวก็แพ้หรอก มีสมาธิหน่อย”
“คร้าบบบ”
พวกเขาเข้าใจรึเปล่า? อย่างน้อยตอนนี้คำตอบของนางิสะก็ทำให้ความประหม่าของรินถูกถ่ายทอดไป
เมื่อทั้งสี่มาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อ เขาก็ได้ยินเสียล็อคเกอร์เปิดและปิดจากที่นี่ที่นั่น มีคนอยู่ที่นี่แล้วพอสมควร รินเปิดล็อคเกอร์ใกล้ตัว ส่วนที่เหลือก็เปิดประตูหาล็อคเกอร์ว่างใกล้ๆ
“ริน”
เมื่อรินมองไปตามต้นเสียง บางคนกำลังไปยังสระน้ำมองมายังริน ใบแก้มของรินอ่อนยวบลง พวกเขาเป็นสมาชิกของสโมสรซาโนะ ที่เขาเคยอยู่มาก่อน
“เฮ้ ไม่ได้เจอมาสักพักเลยนะ”
เมื่อเขาตอบพร้อมโบกมือเล็กน้อย หนึ่งในนั้นก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร นั่นคือ ยามาซากิ โซวสุเกะ ที่สูงและผอมเช่นเดิม
“นายดูสบายดีนี่”
“อืม แล้วนายล่ะ?”
“เหมือนเดิมล่ะมั้ง เรื่องนั้นไว้ก่อน ได้เจอพ่อรึเปล่า?”
รินที่ถูกถามก็ตื่นตะลึง
“อะ อืม”
เขาตอบด้วยคำตอบคลุมเครือ ระวังฮารุกะและคนอื่นๆ
“เหรอ ถ้างั้นเจอกันนะ”
ดูเหมือนโซวสุเกะเดาสถานการณ์จากสภาพของริน เขาออกไปจากห้องล็อคเกอร์ ตัดจบบทสนทนา จากนั้นมีเพียงแค่ความเงียบแปลกๆโรยตัว
ไม่มีใครพูดอะไรเลย พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเงียบๆ หลังจากที่นางิสะเปลี่ยนเสื้อเสร็จเป็นคนแรก ก็ทำเสียงยืดของยางแว่นกันน้ำ เลียนแบบริน
“คนแรก”
นางิสะกล่าวด้วยน้ำเสียงแจ่มใสตามปกติ บรรยากาศอึดอัดหายไป ราวกับม่านหมอกที่จางหายไป
“งั้น คนที่สอง”
มาโคโตะกล่าวขณะปิดประตูล็อคเกอร์ มองไปทางนางิสะ ทั้งคู่หัวเราะออกมา
นางิสะถามริน
“นี่ วันนี้พวกเราจะว่ายกันกี่รอบ?”
“รอบเดียว”
“แล้ววันพรุ่งนี้ล่ะ?”
“ถ้าเกิดว่าติด 1 ใน 16 ของการแข่งวันนี้น่ะนะ ก็ได้เข้ารอบรอง แล้วถ้าเกิดติด 1 ใน 8 ก็ได้อยู่ในรอบชิง”
“ถ้างั้น เราตั้งชนะ 3 ครั้งสินะ”
“ใช่ ตอนนี้ถ้าพวกเราตั้งเป้าเอาไว้ให้ติด 1 ใน 4 ของกลุ่มก็พอแล้ว”
หลังจากที่กล่าวเสร็จ รินก็คิดว่านั่นเป็นข้อคิดเห็นที่ขาดสปิริตสิ้นดี เป็นไปได้ว่าในส่วนใดส่วนหนึ่งของความจริงจังนั้น ได้ทำให้เขากังวลใจ ว่าสภาพของทีมไม่ได้ดีขึ้นเลย เขามองไปยังฮารุกะที่หันหลังให้กับเขา เขาพยายามปิดประตูล็อคเกอร์ ฮารุกะต้องได้ยินเสียงนั้นด้วย ฮารุกะคิดว่าเขาขาดสปิริต ? แล้วฮารุกะคิดว่าตัวเองเป็นเหตุที่ทำให้รินขาดความมุ่งมันหรือเปล่า?
รินอยากบอกฮารุกะว่าไม่ต้องสนใจ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี เขาจึงทำได้แค่มองแผ่นหลังของอีกฝ่าย
การแข่งขันที่ได้จัดลำดับการแข่งเรียงตามอายุ ในทุกๆการแข่งขัน เด็กผู้หญิงแข่งก่อนเด็กผู้ชาย และตอนนี้การแข่งขันว่ายผลัดผสมของเด็กผู้หญิงก็ได้เริ่มขึ้นท่ามกลางเสียงให้กำลังใจ
อากิยืนอยู่บนแท่นกระโดด ในการแข่งรอบคัดเลือกเป็นการแข่งแบบคัดออก การแข่งขันของอากิและคนอื่นก็เผยให้เห็นพัฒนาการอย่างรุนแรงจนลืมหายใจ
ทันที่ที่เท้าของอากิถีบออกจากแท่นกระโดด คนข้างๆเธอก็กระโดดเช่นกัน ลงไปยังน้ำแล้วศีรษะขึ้นเหนือน้ำพร้อมๆกัน ราวกับว่ายผสาน แขนและขาของท่าวัดวานั้นผสานกัน จากนั้นจากด้านหลังทางขวาของเขา ก็มีนักว่ายน้ำคนหนึ่งที่ตามพวกเขาด้วยพลังอันมหาศาล ราวกับกับพวกเขาเกือบตามทันก่อนถึงเส้นชัย แต่ก็ห่างออกไป เธอสามารถผ่านรอบแรกด้วยเวลาเกือบเท่ากับที่สอง ถ้าเกิดมีอีก 5 เมตร เธออาจถูกนำได้ เมื่อเธอคิดเช่นนั้น ก็รู้สึกวูบที่สันหัลง
อากิและอีกสามคนเดินไปยังห้องล็อคเกอร์ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย ระหว่างทางเดิน พวกเธอก็ผ่านกลุ่มเด็กผู้ชายที่ไปยังจุดเริ่ม
“ยินดีด้วยนะซากิจัง”
มาโคโตะยกมือขึ้น
“ขอบใจจ๊ะ ขอให้ทาจิบานะคุงโชคดีด้วยนะ”
อากิเดินผ่านมาโคโตะโดยแตะมือของอีกฝ่ายสร้างเสียง แปะ ดังขึ้น
พวกเขามาเป็นที่สอง แต่ก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้เลย ทั้งสามก็ไม่ได้ยิ้มด้วยเช่นกัน แม้พวกเขาฝึกมามากและทำเวลาได้ดีขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงผลออกได้ตามที่ต้องการ ความรู้สึกนั่นหหนักอึ้งอยู่ในใจของทั้งสี่ พวกเขาอาจจะประหม่า? พวกเขากดดันตัวเอง? หรือฟอร์มของพวกเขาแย่ลง? พวกเขาจึงวิตกโดยที่ไม่รุ้สาเหตุ หากรอบหน้าพวกเขายังเป็นเช่นนี้ พวกเขาต้องหลุดออกจากการแข่งแน่นอน พวกเขาคิดเช่นนั้น เขาก็กังวลอย่างสิ้นหวัง
แต่ ไม่ว่าพวกวิตกกังวลมากอย่างไร ถ้าพวกเขาไม่รุ้สาเหตุ ก็มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้ นั่นก็คือ ว่ายตามที่ฝึก และถ้าพวกเขาทำเช่นนั้นได้ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของความมั่นใจในตนเอง อากิสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เยี่ยมมากทุกๆคน พรุ่งนี้เราก็มาพยายามกันอีกนะ”
คนในทีมยิ้มตามคำพูดของอากิ
“อืม จริงด้วย”
“ใช่ใช่ พรุ่งนี้สินะ”
“ใช่ พรุ่งนี้เราจะเป็นแชมป์!”
“พวกเราต้องทำได้ เราฝึกกันมาเยอะ มาพยายามกันเถอะ”
รอยยิ้มที่แท้จริงกลับมาสู่จิตใจของอากิ ด้วยรอยยิ้มของทุกๆคน ไม่ว่าการแสร้งทำเป็นกล้าหาญหรือเหนื่อย ก็ไม่เป็นไร ถ้าทุกคนในทีมร่าเริง จากนั้นการให้กำลังใจของทุกคนก็มอบรอยยิ้มที่แท้จริงให้กับพวกเขา นั่นคือสื่งที่เรียกว่าทีม เป็นพลังของทีม ถ้าพวกเขามีพลังนั่น แม้ไม่ชนะในวันพรุ่งนี้ แม้ต้องร้องไห้ พวกอาจได้คิดว่า พวกเขาดีใจที่ได้มาร่วมทีมกัน ความเชื่อมั่นที่ไม่สั่นคลอน สิ่งนั้นอยู่ในใจของอากิและคนอื่นๆ
ขณะที่ความรู้สึกใหม่เข้ามา อากิก็เริ่มเดิน เดินไปสู่วันพรุ่งนี้
ขณะคลายร่างกายเบาต่อหน้าแท่นกระโดด รินทำให้มันใจว่ามาโคโตะและนางิสะอยู่หน้าเขา เขารู้สึกว่าฮารุกะอยู่หลังเขา เขาไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรให้เรียกอีกฝ่าย แต่เขาอยากทำให้มั่นใจว่าเขาจะมั่นใจกับสมาชิเหล่านี้ตั้งแต่นี้ไป
การแข่งขันจัดขึ้นที่สระลู่สั้น พวกเขาว่ายทั้งหมด 400 เมตร คนละ 100 เมตร คนที่ว่ายคนแรกคือ มาโคโตะ คนที่สองคือนางิสะ คนต่อมาคือริน และคนสุดท้ายคือ ฮารุกะ ทีมแรกถูกขานตามชื่อสโมสรเริ่มจากลู่แรก ทีมที่ถูกขานยกมือขึ้นแล้วยืนอยู่ด้านข้างแท่นกระโดด เนื่องจากคนแรกว่ายกรรเชียง ก็เป็นการเริ่มจากน้ำ
หลังจากที่เสียงนกหวีดสั้นดังขึ้นสี่ครั้ง มาโคโตะก็ลงไปในน้ำตอนที่เสียงนกหวีดยาวดังขึ้น เขาจับที่จับเมื่อเสียงนกหวีดยาวดังครึ่งอีกครั้ง แล้วผลักขาข้างนึงจากกำแพง
“take your mark!”
เขาดึงร่างไปข้างหน้าด้วยแรงผลักอันทรงพลัง ความเงียบโรยตัวชั่วครู่ จากนั้นเสียงสัญญาณก็ดังขึ้น
เขากระโดดไปด้านหลังทันที หลังจากที่ร่างกายลงสู่ผิวหน้า เขาก็ยกเท้าขึ้นเพื่อเตะขา ขณะที่เริ่มสโตรค ใบหน้าก็ขึ้นเหนือผิวน้ำ ใบหน้าของมาโคโตะขึ้นเป็นใบหน้าแรก ท่าทางของเขาทำให้เกิดน้ำกระเซ็นขนาดใหญ่ด้วยสโตรคอันทรงพลัง ให้ความรู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตทะเล
รินรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแตกต่างจากการว่ายน้ำของมาโคโตะ ไม่ใช่แค่ในท่าวัดวาหรือท่ากรรเชียง เขาคิดว่าจุดสำคัญในการว่ายน้ำเปลี่ยนไป สไตล์การกวาดน้ำและการใช้พลังไปด้านหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่วิธีที่ใช้พลังทั้งหมดอย่างฝืนตัวได้หายไป บางทีอาจเรียกว่าความน่าสะพรึงกลัวอันทรงพลังด้วยซ้ำ เขาดูเหมือนว่ายน้ำอย่างสบายใจ ขณะให้ความรู้สึกราวกับวาฬแพชรฆาตหรือวาฬ และก็เร็วขึ้น มาโคโตะอาจจะพยายามพัฒนาไปเป็นสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ขณะที่คิดเช่นนั้น รินก็มองไปยังการว่ายน้ำของมาโคโตะ
มาโคโตะแตะกำแพงเป็นคนแรก เท้าทั้งสองของนางิสะก็กระโดดออกจากแท่นกระโดด เขากระโดดสูงเกินไปจึงตกสู่ผิวน้ำลึก จึงต้องใช้เวลาในการขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้จัดท่าได้ยาก การเคลื่อนไหวใต้น้ำหลังจากกระโดดทำได้แค่ดึงแขนครั้ง ถีบขาครั้งเท่านั้น หลังที่ขึ้นสู่เหนือน้ำ นางิสะก็ตกไปอยู่อันดับที่สอง ห่างจากสโมสรซาโนะครึ่งลำตัว
อย่าคิดมากนางิสะ มันมักเป็นอยู่นั้นอยู่แล้ว ความสามารถพิเศษของนายคือการตามคนอื่นทันหลังพลิกตัว
รินพึมพำในใจแล้วยืนบนแท่นกระโดด
<<มีต่อ>>