วันนี้ขอลงติดกันอีกวันนะคะ คิดว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่ได้ลงบท 4 อาจลงอีกทีวันศุกร์ไม่ก็วันเสาร์เลย อีกไม่กี่ชั่วโมงตอน 8 ก็จะฉายแล้ว
ตอนนี้ค่อนข้างกระจายบทไปทางมาโคะจัง แม่ยกเตรียมเฮฮฮ
*** เราแปลจากภาษาอังกฤษที่เขาแปลมาอีกทีนะคะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น หากพบข้อผิดพลาดใดๆสามารถบอกได้ค่ะ จะได้รีบแก้ไข
*** เราไม่มีพื้นฐานเรื่องว่ายน้ำเลย เราจึงเสิร์ชหาข้อมูลในอากู๋ หากใครพบเห็นว่ามันแปล่งแปลก มันไม่ใช่ รีบบอกเลยนะคะ
<<CR pt1>>
<<CR pt2>>
บทที่ 1 ว่ายน้ำ
บทที่ 2 น้ำ
บทที่ 3 ฟรี
ฮารุกะเข้ามาที่สโมสรหลังจากเกิดอุบัติเหตุ 4 วัน เขาเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อด้วยสีหน้าปกติ ทำให้มาโคโตะที่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่นั้นก็ถึงกับใจหาย
“ฮารุ ...”
“ไง”
“อย่ามาพุดว่า 'ไง' สิ เกิดอะไรขึ้น? หายแล้วเหรอ?”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
ฮารุกะพึมพำ แล้วมองไปยังสีหน้าเป็นกังวลของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรได้ยังไง นายหอบอยู่นะ ยังมีไข้อยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ฮารุกะปัดมือแสดงท่าทางว่าอีกฝ่ายนั้นน่ารำคาญ เขาเปิดประตูล็อคเกอร์ มาโคโตะกล่าวน้ำเสียงดุเล็กน้อย
“ฮารุ”
“ฉันวิ่งมา”
“จากที่ไหน?”
“จากที่บ้านน่ะสิ” ฮารุกะกล่าวพร้อมโยนกระเป๋าเข้าล็อคเกอร์
“นี่ ฮารุ วันนี้นายไม่ไปโรงเรียนเลยนะ”
“ฉันเพิ่งรู้สึกดีขึ้นตอนบ่าย”
ฮารุกะตอบขณะกำลังถอดเสื้อผ้า เขาไปอยากแม้แต่จะมองไปยังสีหน้าวิตกของมาโคโตะ
“ฮารุ ถ้านายเป็นหวัดขึ้นมาอีกจะทำยังไง?”
“มาโคโตะ!”
ฮารุกะกล่าวน้ำเสียงดังพร้อมปิดประตูล็อคเกอร์อย่างรุนแรง ทำให้มาโคโตะหยุดไป
“... ฮะ ?”
ฮารุกะเดินออกไป เขาวางมือซ้ายลงบนบ่าของมาโคโตะ ก่อนที่จะเดินผ่านอีกฝ่ายไป
“ขอบใจ” ฮารุกะกล่าวแล้วเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อ
เรี่ยวแรงพลันหายไปจากร่างกายของมาโคโตะ แก้มของเขาร้อนผ่าวจากคำพูดนั้น เขาไม่คาดว่าจะได้ยินคำพูดนั้นเลย เขาเลิกคิ้วเลขแปดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นความรู้สึกเป็นกังวลที่มีต่อฮารุกะก็หายไป
ฮารุกะพยายามว่ายฟรีสไตล์ 1000 เมตรเหมือนปกติ ลมหายใจอันถี่และรุนแรงหลังจากที่เขาวิ่งก็เป็นปกติ เมื่อเขาได้มาอยู่ในน้ำ ในทางกลับกัน เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาได้รับการเยียวยารักษา สำหรับฮารุกะ นี่เป็นน้ำปกติที่เขาได้สัมผัส
เขาโกหกว่าเขารู้สึกดีขึ้นเมื่อตอนบ่าย ที่จริงแล้วเป็นตอนนี้ต่างหากที่เขารู้สึกดีขึ้น ร่างกายและจิตใจของเขาไม่ได้นับการเยียวยาจากโรงเรียนหรอก เพราะงั้นเขาจึงหยุดเรียน ขณะที่เขารู้สึกได้ถึงพลังกายที่กลับมาจากน้ำ เขาก็ค่อยๆเร่งความเร็วขึ้น
หลังจากที่ฮารุกะว่ายเสร็จ เขาก็ยกศีรษะขึ้นจากน้ำ มือหนึ่งยื่นมาหาเขา มือที่บางกว่าและละเอียดละออกว่าของมาโคโตะ ฮารุกะลังเลชั่วครู่ เขาควรหยุดพักด้วยการจับมือนั่นดีไหม ฮารุกะถอดแว่นกันน้ำ เขามองขึ้นไปแล้วหรี่ตา
“ยินดีด้วยที่กลับมานะ ดีใจที่นายหายแล้วนะ”
อากิมองไปยังเขาด้วยรอยยิ้มดั่งดอกทานตะวันเบ่งบาน มือที่ยื่นมานั่นเป็นมือที่เขาปัดทิ้งตอนที่อยู่บนถนนต้นปอปลาร์ ฮารุกะจับมือนั้นแล้วขึ้นจากสระ
“ขอบใจ”
“อื้อ”
ขณะที่ฮารุกะเอียงหัวไปทางขวาเพื่อนำน้ำออกจากหู เขาก็กล่าวเสียงเบา
“ผ้าพันคอ”
มีเพียงแค่คำคำเดียวหลุดออกจากปากเขา แต่เป็นคำที่ทำให้รอยยิ้มดั่งทานตะวันหุบลงเล็กน้อย
“อืม”
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแบบนั้นไปแล้ว เธอยังต้องการมันอีกไหม”
ผ้าพันคอจะกลายเป็นสีน้ำตาล แม้ซักแล้วก็ไม่ได้ขาวขึ้น เขาฝากให้มาโคโตะจัดการแล้วให้เขาคืนให้อากิ
“อืม ฉันได้จากทาจิบานะคุงน่ะ”
อากิหลุบตาลงต่ำ เธออาจจะคิดว่ามันเป็นความผิดของเธอที่ทำให้ฮารุกะตกลงไปยังแม่น้ำ
“อย่าทำตกอีกล่ะ”
“ขอโทษ”
อย่าขอโทษสิ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ
“ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”
สีหน้าของอากิสดใสขึ้นจากคำพูดของฮารุกะ รอยยิ้มดุจทานตะวันกลับมาอีกครั้ง
“ไม่หรอก”
อากิหันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย
จากบทสนทนา ฮารุกะก็เข้าใจดีว่าเขาเป็นห่วงอากิขนาดไหน
ใครบางคนเรียกอากิจากข้างหลัง
“ซากิ จะเริ่มฝึกสำหรับว่ายผลัดแล้วนะ!”
“อืม!” กล่าวเสร็จ อากิก็ยกมือหาฮารุกะ
“เจอกันนะ”
“อืม”
อากิวิ่งพร้อมทิ้งร้อยยิ้มไว้ รินเขามาหาสวนทางกับอากิ
“นานาเสะ พวกเราก็ฝึกแข่งว่ายผลัดเหมือนกัน”
ว่ายผลัด? ทำไมต้องฝึกด้วย? ระหว่างที่ฮารุกะคิด มาโคโตะก็วิ่งมาอยู่หลงริน
“ไม่ได้นะ วันนี้ฮารุจะฝืนอีกไม่ได้แล้ว”
มาโคโตะฟังดูเหมือนผู้ปกครองมากกว่าจะเป็นห่วง ฮารุกะคิดว่าทั้งคู่จนตรอกเพราะเขา ใครไปสนเรื่องว่ายผลัดกัน แค่อยู่ในน้ำก็ดีกว่าเป็นไหนๆ
“ว่ายผลัดแบบไหน ฉันว่ายแต่ฟรีสไตล์” ฮารุกะทำริน โดยแสร้งทำเป็นไม่เห็นมาโคโตะ
“ว่ายผลัดฟรีสไตล์”
“ฮารุ” พอนึกถึงสีหน้าเป็นห่วงของมาโคโตะว่าไม่น่าดูเอาเสียเลย ฮารุกะก็เดินผ่านมาโคโตะ
“ฮารุ!” เสียงนกหวีดดังกลบเสียงของมาโคโตะ เขาจึงตะโกนไปยังหลังของฮารุกอีกครั้ง
การฝึกว่ายผลัดเน้นไปที่การกระโดดลงไปในน้ำ โดยใช้ลู่ 25 เมตร แต่ละคนจะต่อแถวอยู่ทั้งสองฝั่งของสระ หลังจากว่ายก็จะต่อแถวอีกครั้ง ทำซ้ำไปมาจนกว่าหมดเวลา
ในกรณีของว่ายผลัด เวลาการเริ่มและการแตะขอบสระเป็นเวลาที่ทำให้เกิดความแตกต่างมากที่สุด โดยปกติแล้ว การว่ายน้ำต้องการแรงดันขับเคลื่อน และสร้างแรงต้านของน้ำ หากกล่าวว่าการใส่แรงไปยังการกระโดดจากแท่นกระโดดนั้นสำคัญมากก็ไม่เกินจริงไปเท่าไหรนัก การฝึกฝนแบบนี้จึงสำคัญเนื่องจากต้องรู้ถึงองศาในการกระโดดและการจัดท่าใต้น้ำ
ในการแข่งขันว่ายน้ำฟรีสไตล์ จะมีการพุ่งลงน้ำทั้งหมด 4 แบบ ในการว่ายฟรีสไตล์ แม้ว่าสามารถว่ายท่าไหน แบบใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักนิยมใช้ forward crawl คำว่าฟรีสไตล์และ crawl มักถูกใช้ในความหมายคล้ายๆกัน ดังนั้นเขาจึงฝึกด้วยท่า forward crawl ด้วย
ฮารุกะกระโดดลงไปยังสระอย่างคล่องแคล่ว เขาสร้างรอยแยกบนผิวน้ำ ลำตัวลื่นไหลไปกับมัน แล้วว่ายด้วยสโตรคอันว่องไว เมื่อเขาแตะกำแพง รินกระโดดไป แม้ว่ารินสูงเท่ากับฮารุกะ แต่พลังขาของเขาเหนือกว่ามาโคโตะหรือฮารุกะ เป็นเพราะพลังกระโดดเป็นอาวุธสำคัญของเขา ทำให้รินโดดเด่นในลู่สั้น
ฮารุกะคิดถึงเรื่องนั้นเมื่อเขาปีนขึ้นมาจากขอบสระ ในการว่ายน้ำ 100 เมตร มีการพลิกตัวกลับมาทั้งหมด 3 ครั้ง ในลู่สั้นและ 1 ครั้งในลู่ยาว นั่นเป็นเหตุผลทำให้รินเร็วกว่าในลู่สั้น ระหว่างการแข่งขันรินจึงเร็วกว่าฮารุกะใน 70 เมตรแรก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ฮารุกะวิ่ง
เขาไม่ปฏิเสธว่ามีคนว่ายน้ำเร็วกว่า แต่ไม่ทางที่เขาจะแค่ยอมรับมันง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเขาอยากชนะหรือไม่ชอบแพ้ เขารับไม่ได้ง่ายๆที่ใครสักคนรู้สึกถึงน้ำได้มากกว่าเขา
ถ้าถามฮารุกะว่า การวิ่งทำให้เขากระโดดลงน้ำไปได้ไกลขึ้นไหม เขาคงตอบไปตรงๆว่าเขาไม่รู้ ตั้งแต่ที่มีคนพุ่งลงน้ำไปได้ไกลกว่าเขา คนนั้นวิ่ง ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เขาวิ่ง
ขณะที่ฮารุกะกำลังครุ่นคิด เขาก็สังเกตการว่ายน้ำของริน มาโคโตะยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม กำลังสวมหมวกและแว่นกันน้ำ มาโคโตะนั้นดูไม่เหมือนกับเด็กประถมเลย ทั้งอกผายไหล่ผึ่ง แม้เขาจะไม่ได้มีกล้ามเนื้อมากเท่าไหร เพียงแค่ยืนอยู่ที่แท่นกระโดด ก็ให้ความรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่
เมื่อรินแตะกำแพง มาโคโตะก็พุ่งลงไปในน้ำพร้อมกับน้ำกระเซ็นลูกใหญ่ เขาพุ่งลงไปอย่างแรง สโตรคนั้นเต็มไปด้วยพละกำลัง แม้พวกเขาไม่ได้จับเวลา มาโคโตะก็ว่ายด้วยพลังทั้งหมดที่มี นั่นเป็นมาโคโตะ เขาอยู่ในน้ำที่เหมือนเดิมตลอด
ไม่กี่เมตรก่อนถึงเส้นชัย มาโคโตะหยุดว่ายกระทันหัน เหมือนกับว่าเขากระอักน้ำ แต่รู้สึกว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ได้ดูเหมือนว่าขาเป็นตะคริว มาโคโตะแค่ยืนบนน้ำ หายใจหอบรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น ทาจิบานะ?”
มาโคโตะยกแว่นกันน้ำขึ้น แสดงร้อยยิ้มพร้อมคิ้วรูปแปด
“ขอโทษ ไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าแค่สภาพไม่ค่อยดีนิดหน่อยน่ะ”
ดูเหมือนว่าใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาจะแปรเป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาเพียงครู่เดียว ฮารุกะเสมองไปทางอื่น แล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำ
ไอเดียของอากิสำหรับพิธีจบการศึกษาได้รับการรับเลือกจากบรรดาไอเดียของตัวแทนห้องทุกห้อง พวกเขาตัดสินใจที่จะปลูกแปลงดอกไม้รอบต้นซากุระ เมื่อตัดสินใจได้แล้ว การเตรียมการก็ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วันผ่านไปก็มีดินเหนียวจำนวนมากอยู่ในห้องเรียน ห้องเรียนดูเหมือนกับห้องทำงานก่ออิฐ พื้นที่ขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยเอาโต๊ะเรียนไว้ด้านหลัง วางแผ่นสีน้ำเงินขนาดใหญ่ ดินได้กองอยู่ตรงนั้นคล้ายกับภูเขา แม้ว่าดินนั้นจะยังไม่เป็นสีแดง แต่ก็กลายเป็นสีแดงหลังจากทำการอบให้เหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในดิน
งานเริ่มขึ้นด้วยการนวดดินเหนียว หลังจากนั้นก็นำชิ้นส่วนของดินเดียวไปวางไว้ยังที่ที่พวกเขาต้องการ ขณะที่นวดนำอากาศออกจากดินเหนียว ก็ใส่น้ำหนักตัวข้าไป ถ้าหากพวกเขาไม่ปฎิบัติตามอย่างถูกต้อง ดินเหนียวกันจะแตกเมื่อนำอบ
ฮารุกะตั้งใจนวดดินเหนียว โดยพยายามไม่คิดว่า พวกดินพวกนี้จะถูกวางไว้รอบต้นซากุระ
“นี่ นานาเสะ”
ระหว่างที่นวดดินเหนียว รินเดินไปคุยกับฮารุกะ ฮารุกะมองอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตอบอะไร
“การแข่งขันครั้งหน้า อยากจะแข่งว่ายผลัดผสมไหม?”
การแข่งขันครั้งหน้าจะจัดขึ้นหลังจากพิธีจบการศึกษา ในปลายเดือนมีนาคม ทุกๆปีสโมสรท้องถิ่นจะรวมตัวกันและจัดขึ้นอย่างโอ่อ่า และก็เป็นการแข่งขันที่พวกเขาพวกกับรินเจอกันกันด้วย
ตั้งแต่ขึ้นประถม 6 มาโคโตะและฮารุกะเข้าร่วมแข่งขันมากที่สุด ผู้แข่งขันทั้งหมดจะถูกแบ่งตามอายุและเพศ คนหนึ่งสามารถแข่งขัยได้ 3 ถึง 4 แต่ฮารุกะลงแข่งแค่ฟรีสไตล์ เท่านั้น และก็เป็นแชมป์ 3 สมัย ส่วนมาโคโตะลงแข่งทั้งฟรีสไตล์และท่ากบ เขาเป็นแชมป์ท่ากบ 2 สมัย
“ไม่ นอกจากจะว่ายฟรีสไตล์” ฮารุกะกล่าวขณะมองไปยังดินเหนียว
“นายนี่ยึดติดจังนะนานาเสะ ไม่เป็นไร นายเด่นฟรีสไตล์อยู่แล้ว นี่ทาจิบานะ”
มือของมาโคโตะชะงักลง หลังจากถูกเอ่ยถามถึงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“ถ้าเกิดว่าเป็นว่ายผลัดผสม นายจะว่ายผีเสื้อไหม? หรือว่าว่ายผลัดฟรีสไตล์แทน?”
สำหรับการว่ายผลัดผสม ต้องมีสมาชิกในทีมที่ว่าย กรรเชียง กบ ผีเสื้อ และฟรีสไตล์ แต่ไม่มีใครอายุรุ่นราวคราวเดียวกันในสโมสรอิวาโทบิเลยที่ว่ายผีเสื้อได้เร็ว
รินตอบคำถามของมาโคโตะ ด้วยคำตอบที่ทำให้มาโคโตะตะลึง
“ว่ายผลัดผสมดีแล้ว ฉันจะว่ายผีเสื้อ ส่วนทาจิบานาะว่ายท่ากบ ที่เหลือก็เป็นกรรเชียง ถ้าไม่มีใครโดดเด่น แต่ ถ้าพอว่ายได้ เดี๋ยวฉันจะจัดการที่เหลือเอง มาหาคนที่เหมาะกรรเชียงดีกว่า”
มาโคโตะที่ได้ยินคำตอบแบบยัดเยียดของริน ก็กลับไปนวดดินเหนียวโดยไม่ได้ตอบอะไร
มือของฮารุกะหยุดลงแทนที่มาโคโตะ
“ถึงบอกไปว่าฉันว่ายแค่ฟรีสไตล์ อย่าด่วนสรุป พูดเองเออเองเรื่องว่ายผลัดได้ไหม”
ฮารุกะพยายามพูดแสดงถึงเจตนาของตนด้วยน้ำเสียงสงบ รินถอนหายใจใส่ดินเหนียว แล้วตอบฮารุกะ
“ฉันถึงบอกไงว่านานาเสะว่ายฟรีสไตล์ก็ได้ !”
รินเน้นเสียงไปที่คำว่าฟรีสไตล์ แม้เขาพยายามควบคุมน้ำเสียง แต่ก็สายเกินไป เพื่อนร่วมห้องที่อยู่ที่ผืนผ้าสีน้ำเงินก็ส่งสายตามองไปยังพวกเขา มาโคโตะก็มองไปยังเขาด้วย อยู่ๆรินก็ลุกขึ้น นึกถึงบางสิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ดึงดูดความสนใจจากเพื่อนร่วมห้องไปแล้ว เขาจึงทำทีท่ากลบเกลื่อน
“พะ .. เพราะงั้น เรามาเขียนข้อความลงบทอิฐกัน อย่างคำที่เราชอบ คำที่จะอยู่ไปกับความทรงจำ เขียนตามสบาย ตามสบายน่ะ”
รินคิดว่าจะมาทำท่าซื่อคงสายไปแล้ว อากิลุกขึ้น
“ฟังดูดีนี่”
เพียงแค่คำพูดเดียวของอากิก็เปลี่ยนบรรยากาศของคนในห้อง ทุกคนตื่นเต้นและพูดถึงข้อความที่พวกเขาจะเขียนกัน ห้องเรียนก็กลับมาครึกครื้น
รินถอนหายใจพร้อมห่อไหล่ลง ฮารุกะและมาโคโตะยังคงปั้นดินเหนียวต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น รินนั่งลงแล้วกลับไปปั้นดินเหนียวราวกับไม่เกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้พุดเกี่ยวกับว่ายผลัดไปอีกทั้งวัน
<<มีต่อ>>
[แปล]High speed! บทที่ 3
ตอนนี้ค่อนข้างกระจายบทไปทางมาโคะจัง แม่ยกเตรียมเฮฮฮ
*** เราแปลจากภาษาอังกฤษที่เขาแปลมาอีกทีนะคะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น หากพบข้อผิดพลาดใดๆสามารถบอกได้ค่ะ จะได้รีบแก้ไข
*** เราไม่มีพื้นฐานเรื่องว่ายน้ำเลย เราจึงเสิร์ชหาข้อมูลในอากู๋ หากใครพบเห็นว่ามันแปล่งแปลก มันไม่ใช่ รีบบอกเลยนะคะ
<<CR pt1>>
<<CR pt2>>
บทที่ 1 ว่ายน้ำ
บทที่ 2 น้ำ
บทที่ 3 ฟรี
ฮารุกะเข้ามาที่สโมสรหลังจากเกิดอุบัติเหตุ 4 วัน เขาเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อด้วยสีหน้าปกติ ทำให้มาโคโตะที่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่นั้นก็ถึงกับใจหาย
“ฮารุ ...”
“ไง”
“อย่ามาพุดว่า 'ไง' สิ เกิดอะไรขึ้น? หายแล้วเหรอ?”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
ฮารุกะพึมพำ แล้วมองไปยังสีหน้าเป็นกังวลของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรได้ยังไง นายหอบอยู่นะ ยังมีไข้อยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ฮารุกะปัดมือแสดงท่าทางว่าอีกฝ่ายนั้นน่ารำคาญ เขาเปิดประตูล็อคเกอร์ มาโคโตะกล่าวน้ำเสียงดุเล็กน้อย
“ฮารุ”
“ฉันวิ่งมา”
“จากที่ไหน?”
“จากที่บ้านน่ะสิ” ฮารุกะกล่าวพร้อมโยนกระเป๋าเข้าล็อคเกอร์
“นี่ ฮารุ วันนี้นายไม่ไปโรงเรียนเลยนะ”
“ฉันเพิ่งรู้สึกดีขึ้นตอนบ่าย”
ฮารุกะตอบขณะกำลังถอดเสื้อผ้า เขาไปอยากแม้แต่จะมองไปยังสีหน้าวิตกของมาโคโตะ
“ฮารุ ถ้านายเป็นหวัดขึ้นมาอีกจะทำยังไง?”
“มาโคโตะ!”
ฮารุกะกล่าวน้ำเสียงดังพร้อมปิดประตูล็อคเกอร์อย่างรุนแรง ทำให้มาโคโตะหยุดไป
“... ฮะ ?”
ฮารุกะเดินออกไป เขาวางมือซ้ายลงบนบ่าของมาโคโตะ ก่อนที่จะเดินผ่านอีกฝ่ายไป
“ขอบใจ” ฮารุกะกล่าวแล้วเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อ
เรี่ยวแรงพลันหายไปจากร่างกายของมาโคโตะ แก้มของเขาร้อนผ่าวจากคำพูดนั้น เขาไม่คาดว่าจะได้ยินคำพูดนั้นเลย เขาเลิกคิ้วเลขแปดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นความรู้สึกเป็นกังวลที่มีต่อฮารุกะก็หายไป
ฮารุกะพยายามว่ายฟรีสไตล์ 1000 เมตรเหมือนปกติ ลมหายใจอันถี่และรุนแรงหลังจากที่เขาวิ่งก็เป็นปกติ เมื่อเขาได้มาอยู่ในน้ำ ในทางกลับกัน เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาได้รับการเยียวยารักษา สำหรับฮารุกะ นี่เป็นน้ำปกติที่เขาได้สัมผัส
เขาโกหกว่าเขารู้สึกดีขึ้นเมื่อตอนบ่าย ที่จริงแล้วเป็นตอนนี้ต่างหากที่เขารู้สึกดีขึ้น ร่างกายและจิตใจของเขาไม่ได้นับการเยียวยาจากโรงเรียนหรอก เพราะงั้นเขาจึงหยุดเรียน ขณะที่เขารู้สึกได้ถึงพลังกายที่กลับมาจากน้ำ เขาก็ค่อยๆเร่งความเร็วขึ้น
หลังจากที่ฮารุกะว่ายเสร็จ เขาก็ยกศีรษะขึ้นจากน้ำ มือหนึ่งยื่นมาหาเขา มือที่บางกว่าและละเอียดละออกว่าของมาโคโตะ ฮารุกะลังเลชั่วครู่ เขาควรหยุดพักด้วยการจับมือนั่นดีไหม ฮารุกะถอดแว่นกันน้ำ เขามองขึ้นไปแล้วหรี่ตา
“ยินดีด้วยที่กลับมานะ ดีใจที่นายหายแล้วนะ”
อากิมองไปยังเขาด้วยรอยยิ้มดั่งดอกทานตะวันเบ่งบาน มือที่ยื่นมานั่นเป็นมือที่เขาปัดทิ้งตอนที่อยู่บนถนนต้นปอปลาร์ ฮารุกะจับมือนั้นแล้วขึ้นจากสระ
“ขอบใจ”
“อื้อ”
ขณะที่ฮารุกะเอียงหัวไปทางขวาเพื่อนำน้ำออกจากหู เขาก็กล่าวเสียงเบา
“ผ้าพันคอ”
มีเพียงแค่คำคำเดียวหลุดออกจากปากเขา แต่เป็นคำที่ทำให้รอยยิ้มดั่งทานตะวันหุบลงเล็กน้อย
“อืม”
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแบบนั้นไปแล้ว เธอยังต้องการมันอีกไหม”
ผ้าพันคอจะกลายเป็นสีน้ำตาล แม้ซักแล้วก็ไม่ได้ขาวขึ้น เขาฝากให้มาโคโตะจัดการแล้วให้เขาคืนให้อากิ
“อืม ฉันได้จากทาจิบานะคุงน่ะ”
อากิหลุบตาลงต่ำ เธออาจจะคิดว่ามันเป็นความผิดของเธอที่ทำให้ฮารุกะตกลงไปยังแม่น้ำ
“อย่าทำตกอีกล่ะ”
“ขอโทษ”
อย่าขอโทษสิ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ
“ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”
สีหน้าของอากิสดใสขึ้นจากคำพูดของฮารุกะ รอยยิ้มดุจทานตะวันกลับมาอีกครั้ง
“ไม่หรอก”
อากิหันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย
จากบทสนทนา ฮารุกะก็เข้าใจดีว่าเขาเป็นห่วงอากิขนาดไหน
ใครบางคนเรียกอากิจากข้างหลัง
“ซากิ จะเริ่มฝึกสำหรับว่ายผลัดแล้วนะ!”
“อืม!” กล่าวเสร็จ อากิก็ยกมือหาฮารุกะ
“เจอกันนะ”
“อืม”
อากิวิ่งพร้อมทิ้งร้อยยิ้มไว้ รินเขามาหาสวนทางกับอากิ
“นานาเสะ พวกเราก็ฝึกแข่งว่ายผลัดเหมือนกัน”
ว่ายผลัด? ทำไมต้องฝึกด้วย? ระหว่างที่ฮารุกะคิด มาโคโตะก็วิ่งมาอยู่หลงริน
“ไม่ได้นะ วันนี้ฮารุจะฝืนอีกไม่ได้แล้ว”
มาโคโตะฟังดูเหมือนผู้ปกครองมากกว่าจะเป็นห่วง ฮารุกะคิดว่าทั้งคู่จนตรอกเพราะเขา ใครไปสนเรื่องว่ายผลัดกัน แค่อยู่ในน้ำก็ดีกว่าเป็นไหนๆ
“ว่ายผลัดแบบไหน ฉันว่ายแต่ฟรีสไตล์” ฮารุกะทำริน โดยแสร้งทำเป็นไม่เห็นมาโคโตะ
“ว่ายผลัดฟรีสไตล์”
“ฮารุ” พอนึกถึงสีหน้าเป็นห่วงของมาโคโตะว่าไม่น่าดูเอาเสียเลย ฮารุกะก็เดินผ่านมาโคโตะ
“ฮารุ!” เสียงนกหวีดดังกลบเสียงของมาโคโตะ เขาจึงตะโกนไปยังหลังของฮารุกอีกครั้ง
การฝึกว่ายผลัดเน้นไปที่การกระโดดลงไปในน้ำ โดยใช้ลู่ 25 เมตร แต่ละคนจะต่อแถวอยู่ทั้งสองฝั่งของสระ หลังจากว่ายก็จะต่อแถวอีกครั้ง ทำซ้ำไปมาจนกว่าหมดเวลา
ในกรณีของว่ายผลัด เวลาการเริ่มและการแตะขอบสระเป็นเวลาที่ทำให้เกิดความแตกต่างมากที่สุด โดยปกติแล้ว การว่ายน้ำต้องการแรงดันขับเคลื่อน และสร้างแรงต้านของน้ำ หากกล่าวว่าการใส่แรงไปยังการกระโดดจากแท่นกระโดดนั้นสำคัญมากก็ไม่เกินจริงไปเท่าไหรนัก การฝึกฝนแบบนี้จึงสำคัญเนื่องจากต้องรู้ถึงองศาในการกระโดดและการจัดท่าใต้น้ำ
ในการแข่งขันว่ายน้ำฟรีสไตล์ จะมีการพุ่งลงน้ำทั้งหมด 4 แบบ ในการว่ายฟรีสไตล์ แม้ว่าสามารถว่ายท่าไหน แบบใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักนิยมใช้ forward crawl คำว่าฟรีสไตล์และ crawl มักถูกใช้ในความหมายคล้ายๆกัน ดังนั้นเขาจึงฝึกด้วยท่า forward crawl ด้วย
ฮารุกะกระโดดลงไปยังสระอย่างคล่องแคล่ว เขาสร้างรอยแยกบนผิวน้ำ ลำตัวลื่นไหลไปกับมัน แล้วว่ายด้วยสโตรคอันว่องไว เมื่อเขาแตะกำแพง รินกระโดดไป แม้ว่ารินสูงเท่ากับฮารุกะ แต่พลังขาของเขาเหนือกว่ามาโคโตะหรือฮารุกะ เป็นเพราะพลังกระโดดเป็นอาวุธสำคัญของเขา ทำให้รินโดดเด่นในลู่สั้น
ฮารุกะคิดถึงเรื่องนั้นเมื่อเขาปีนขึ้นมาจากขอบสระ ในการว่ายน้ำ 100 เมตร มีการพลิกตัวกลับมาทั้งหมด 3 ครั้ง ในลู่สั้นและ 1 ครั้งในลู่ยาว นั่นเป็นเหตุผลทำให้รินเร็วกว่าในลู่สั้น ระหว่างการแข่งขันรินจึงเร็วกว่าฮารุกะใน 70 เมตรแรก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ฮารุกะวิ่ง
เขาไม่ปฏิเสธว่ามีคนว่ายน้ำเร็วกว่า แต่ไม่ทางที่เขาจะแค่ยอมรับมันง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเขาอยากชนะหรือไม่ชอบแพ้ เขารับไม่ได้ง่ายๆที่ใครสักคนรู้สึกถึงน้ำได้มากกว่าเขา
ถ้าถามฮารุกะว่า การวิ่งทำให้เขากระโดดลงน้ำไปได้ไกลขึ้นไหม เขาคงตอบไปตรงๆว่าเขาไม่รู้ ตั้งแต่ที่มีคนพุ่งลงน้ำไปได้ไกลกว่าเขา คนนั้นวิ่ง ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เขาวิ่ง
ขณะที่ฮารุกะกำลังครุ่นคิด เขาก็สังเกตการว่ายน้ำของริน มาโคโตะยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม กำลังสวมหมวกและแว่นกันน้ำ มาโคโตะนั้นดูไม่เหมือนกับเด็กประถมเลย ทั้งอกผายไหล่ผึ่ง แม้เขาจะไม่ได้มีกล้ามเนื้อมากเท่าไหร เพียงแค่ยืนอยู่ที่แท่นกระโดด ก็ให้ความรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่
เมื่อรินแตะกำแพง มาโคโตะก็พุ่งลงไปในน้ำพร้อมกับน้ำกระเซ็นลูกใหญ่ เขาพุ่งลงไปอย่างแรง สโตรคนั้นเต็มไปด้วยพละกำลัง แม้พวกเขาไม่ได้จับเวลา มาโคโตะก็ว่ายด้วยพลังทั้งหมดที่มี นั่นเป็นมาโคโตะ เขาอยู่ในน้ำที่เหมือนเดิมตลอด
ไม่กี่เมตรก่อนถึงเส้นชัย มาโคโตะหยุดว่ายกระทันหัน เหมือนกับว่าเขากระอักน้ำ แต่รู้สึกว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ได้ดูเหมือนว่าขาเป็นตะคริว มาโคโตะแค่ยืนบนน้ำ หายใจหอบรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น ทาจิบานะ?”
มาโคโตะยกแว่นกันน้ำขึ้น แสดงร้อยยิ้มพร้อมคิ้วรูปแปด
“ขอโทษ ไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าแค่สภาพไม่ค่อยดีนิดหน่อยน่ะ”
ดูเหมือนว่าใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาจะแปรเป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาเพียงครู่เดียว ฮารุกะเสมองไปทางอื่น แล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำ
ไอเดียของอากิสำหรับพิธีจบการศึกษาได้รับการรับเลือกจากบรรดาไอเดียของตัวแทนห้องทุกห้อง พวกเขาตัดสินใจที่จะปลูกแปลงดอกไม้รอบต้นซากุระ เมื่อตัดสินใจได้แล้ว การเตรียมการก็ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วันผ่านไปก็มีดินเหนียวจำนวนมากอยู่ในห้องเรียน ห้องเรียนดูเหมือนกับห้องทำงานก่ออิฐ พื้นที่ขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยเอาโต๊ะเรียนไว้ด้านหลัง วางแผ่นสีน้ำเงินขนาดใหญ่ ดินได้กองอยู่ตรงนั้นคล้ายกับภูเขา แม้ว่าดินนั้นจะยังไม่เป็นสีแดง แต่ก็กลายเป็นสีแดงหลังจากทำการอบให้เหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในดิน
งานเริ่มขึ้นด้วยการนวดดินเหนียว หลังจากนั้นก็นำชิ้นส่วนของดินเดียวไปวางไว้ยังที่ที่พวกเขาต้องการ ขณะที่นวดนำอากาศออกจากดินเหนียว ก็ใส่น้ำหนักตัวข้าไป ถ้าหากพวกเขาไม่ปฎิบัติตามอย่างถูกต้อง ดินเหนียวกันจะแตกเมื่อนำอบ
ฮารุกะตั้งใจนวดดินเหนียว โดยพยายามไม่คิดว่า พวกดินพวกนี้จะถูกวางไว้รอบต้นซากุระ
“นี่ นานาเสะ”
ระหว่างที่นวดดินเหนียว รินเดินไปคุยกับฮารุกะ ฮารุกะมองอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตอบอะไร
“การแข่งขันครั้งหน้า อยากจะแข่งว่ายผลัดผสมไหม?”
การแข่งขันครั้งหน้าจะจัดขึ้นหลังจากพิธีจบการศึกษา ในปลายเดือนมีนาคม ทุกๆปีสโมสรท้องถิ่นจะรวมตัวกันและจัดขึ้นอย่างโอ่อ่า และก็เป็นการแข่งขันที่พวกเขาพวกกับรินเจอกันกันด้วย
ตั้งแต่ขึ้นประถม 6 มาโคโตะและฮารุกะเข้าร่วมแข่งขันมากที่สุด ผู้แข่งขันทั้งหมดจะถูกแบ่งตามอายุและเพศ คนหนึ่งสามารถแข่งขัยได้ 3 ถึง 4 แต่ฮารุกะลงแข่งแค่ฟรีสไตล์ เท่านั้น และก็เป็นแชมป์ 3 สมัย ส่วนมาโคโตะลงแข่งทั้งฟรีสไตล์และท่ากบ เขาเป็นแชมป์ท่ากบ 2 สมัย
“ไม่ นอกจากจะว่ายฟรีสไตล์” ฮารุกะกล่าวขณะมองไปยังดินเหนียว
“นายนี่ยึดติดจังนะนานาเสะ ไม่เป็นไร นายเด่นฟรีสไตล์อยู่แล้ว นี่ทาจิบานะ”
มือของมาโคโตะชะงักลง หลังจากถูกเอ่ยถามถึงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“ถ้าเกิดว่าเป็นว่ายผลัดผสม นายจะว่ายผีเสื้อไหม? หรือว่าว่ายผลัดฟรีสไตล์แทน?”
สำหรับการว่ายผลัดผสม ต้องมีสมาชิกในทีมที่ว่าย กรรเชียง กบ ผีเสื้อ และฟรีสไตล์ แต่ไม่มีใครอายุรุ่นราวคราวเดียวกันในสโมสรอิวาโทบิเลยที่ว่ายผีเสื้อได้เร็ว
รินตอบคำถามของมาโคโตะ ด้วยคำตอบที่ทำให้มาโคโตะตะลึง
“ว่ายผลัดผสมดีแล้ว ฉันจะว่ายผีเสื้อ ส่วนทาจิบานาะว่ายท่ากบ ที่เหลือก็เป็นกรรเชียง ถ้าไม่มีใครโดดเด่น แต่ ถ้าพอว่ายได้ เดี๋ยวฉันจะจัดการที่เหลือเอง มาหาคนที่เหมาะกรรเชียงดีกว่า”
มาโคโตะที่ได้ยินคำตอบแบบยัดเยียดของริน ก็กลับไปนวดดินเหนียวโดยไม่ได้ตอบอะไร
มือของฮารุกะหยุดลงแทนที่มาโคโตะ
“ถึงบอกไปว่าฉันว่ายแค่ฟรีสไตล์ อย่าด่วนสรุป พูดเองเออเองเรื่องว่ายผลัดได้ไหม”
ฮารุกะพยายามพูดแสดงถึงเจตนาของตนด้วยน้ำเสียงสงบ รินถอนหายใจใส่ดินเหนียว แล้วตอบฮารุกะ
“ฉันถึงบอกไงว่านานาเสะว่ายฟรีสไตล์ก็ได้ !”
รินเน้นเสียงไปที่คำว่าฟรีสไตล์ แม้เขาพยายามควบคุมน้ำเสียง แต่ก็สายเกินไป เพื่อนร่วมห้องที่อยู่ที่ผืนผ้าสีน้ำเงินก็ส่งสายตามองไปยังพวกเขา มาโคโตะก็มองไปยังเขาด้วย อยู่ๆรินก็ลุกขึ้น นึกถึงบางสิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ดึงดูดความสนใจจากเพื่อนร่วมห้องไปแล้ว เขาจึงทำทีท่ากลบเกลื่อน
“พะ .. เพราะงั้น เรามาเขียนข้อความลงบทอิฐกัน อย่างคำที่เราชอบ คำที่จะอยู่ไปกับความทรงจำ เขียนตามสบาย ตามสบายน่ะ”
รินคิดว่าจะมาทำท่าซื่อคงสายไปแล้ว อากิลุกขึ้น
“ฟังดูดีนี่”
เพียงแค่คำพูดเดียวของอากิก็เปลี่ยนบรรยากาศของคนในห้อง ทุกคนตื่นเต้นและพูดถึงข้อความที่พวกเขาจะเขียนกัน ห้องเรียนก็กลับมาครึกครื้น
รินถอนหายใจพร้อมห่อไหล่ลง ฮารุกะและมาโคโตะยังคงปั้นดินเหนียวต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น รินนั่งลงแล้วกลับไปปั้นดินเหนียวราวกับไม่เกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้พุดเกี่ยวกับว่ายผลัดไปอีกทั้งวัน
<<มีต่อ>>