คือมีเรื่องจะปรึกษาปัญหาครอบครัว พ่วงด้วยพ่อ-แม่ฝั่งผู้ชายครับ ผู้ชายให้ตัวย่อว่า ม.
ผู้หญิงให้ตัวย่อว่า อ.
นายม.แต่งงานกับนางอ.มา 5 ปี มีลูกผู้ชาย1คน(อายุ2ปี6เดือน) ตอนแต่งงานกันใหม่ๆ นายม.ได้ไปอาศัย ทำอาชีพ กู้เงินมาลงทุนทำธุรกิจกับที่บ้านนางอ. (พ่อแม่นางอ.เป็นคนกู้ให้) พ่อได้ทำธุรกิจไปได้ พอเริ่มมีเงินเข้ามา นายม. ต้องการเงินเพื่อจะส่งกลับไปให้พ่อแม่ของตนที่บ้าน แต่ทางฝั่งนางอ. ต้องการนำเงินก้อนนั้นไปใช้หนี้และสร้างครอบครัวก่อน (ตอนนั้นตั้งท้องแล้ว)จึงทำให้มีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ทะเลาะกัน
แล้วจากปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี+โควิด เข้าเล่นงาน จึงต้องเลิกทำกิจการไป จึงต้องไปทำงานที่จังหวัดใกล้เคียง ทั้ง2จึงได้ข้อตกลงว่า ให้พ่อแม่ฝั่งหญิงเลี้ยงดูลูกที่เกิด แล้วเอาเงินเดือนทั้งหมดของฝั่งผู้หญิงส่งให้เป็นค่าเลี้ยงดู(ฝ่ายหญิงให้เงินเดือนที่บ้านเดือนละ 15,000 รวมค่าผ่อนรถเครื่องให้ด้วย 2,500 ค่าใช้จ่าย นมเพมเพิด ทุกอย่างรวมอยู่ในนั่นหมดเลย พอคิดๆค่านมค่าเพมเพิดก็ปาไป 6-8 พันบาท) แล้วเงินผู้ชายนำมาจ่ายค่าห้องพักและพอตังไม่พอใช้ก็ขอจากที่บ้านฝ่ายหญิงอีกเป็นประจำ ฝ่ายหญิงขอแม่เขา จนเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินกับฝั่งผู้ชายอีกเรื่อยๆ จนช่วงปลายปีที่แล้ว ผู้ชายได้มีการแอบคุยกับผู้หญิง1คน จนนางอ.จับได้จึงทำให้ทะเลาะกัน ฝั่งผู้ชายยอมเลิก แล้วหลังจากนั้นได้ไปเยียม พ่อ-แม่ฝั่งผู้ชายที่ต่างจังหวัด(ต่างภูมิภาค) ทางครอบครัวฝั่งผู้ชาย ไม่ค่อยต้อนรับขับสู้ แขกเท่าที่ควร ตลอดเวลาที่ไปเยี่ยมจะหาเหตุผล ว่าติดงาน โน่น นี่ นั้นตลอด ทั้งๆที่แขกที่มาหาขับรถกว่าพันกิโล มาเยี่ยมเยียน หลังจากกลับจากบ้านพ่อ-แม่ฝ่ายชาย ผู้ชายมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป คืออ้างสารพัดปัญหา เพื่อที่จะออกไปใช้ชีวิตคนเดียว เพื่อที่จะได้มีตังส่งไปให้พ่อแม่ ได้กินได้ใช้ โดยคนเป็นพ่อนั้นได้เป็นโรคไต ต้องฟอกไตตลอด ซึ่งฝั่งนางอ.ก็เข้าใจ และพร้อมให้โอนเพิ่มไปได้ แต่ผู้ชาย ยังยืนยันที่จะออกไปใช้ชีวิตคนเดียว
*ระหว่างนั้น มีข่าวมาเข้าหูฝ่ายผู้หญิงว่า พ่อแม่ฝั่งผู้ชาย ได้ทำการเปรียบเทียบว่า "น้องมึ- ทำงานแล้วส่งตังมาให้ใช้มากกว่าที่มึ-ส่งมาอีก"และน้องสาวฝั่งผู้ชาย ชอบโทรมาขอเงินพี่ชายเรื่อยๆ
คนเป็นแม่ฝั่งผู้ชายจึงอยากให้ลูกเลิกกับภรรยาและลูก เพื่อไปทำงานในโรงงาน ให้ได้ตังเยอะๆส่งกลับไปให้ที่บ้านใช้
และตอนนี้ เหมื่อนกับคุยกับผู้หญิงคนที่เคยแอบคุยตอนแรก กลับมาคุยกันใหม่ และผู้หญิงคนนั้นทำงานที่เดียวกันด้วย(คนละแผนก)
พอฝั่งนางอ.โทรไปคุยกับแม่ฝั่งนายม. เรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น นายอ.กลับไม่พอใจ จึงขู่ว่า ถ้ายังไม่หยุด จะไม่โอนเงินค่าเลี้ยงดูลูกให้อีกต่อไป ซึ่งก่อนจะแยกกัน นายม.เสนอเงินเลี้ยงดูลูก8,000บาท/เดือน(เป็นคนเสนอขึ้นมาเอง) แต่ตอนปัจจุบัน ให้แค่3,000บาท
ณ ตอนนี้ ผู้ชายได้พาผู้หญิง กลับไปเปิดตัวที่บ้านแล้ว โดยที่ยังไม่ได้หย่ากับภรรยาคนปัจจุบัน
ส่วนฝั่งนางอ.กลับอยากยอมแพ้แล้ว เพราะต้องการเปลี่ยนนามสกุลให้ลูก
ผมจึงอยากให้มีการฟ้องร้อง แต่ทางฝั่งผู้หญิงกลัวเรื่องเงินที่จะต้องจ้างทนายกับนักสืบเพื่อหาหลักฐานมามัดตัว กลัวจะใช้เงินในการดำเนินการเยอะ
**เพิ่มเติม ฝั่งผู้ชาย นายม.เป็นพี่คนโต แล้วมีน้องสาว และน้องชายอีก1คน
***ขอไม่บอกจังหวัดและภูมิภาคฝั่งผู้ชายนะครับ..
ที่อยากจะถามคือ
1.ถ้าจะดำเนินการฟ้องร้อง จะใช้เงินคร่าวๆประมาณเท่าไร
2.ถ้าจ้างนักสืบในการรวบรวมหลักฐาน เขาคิดราคายังไง
ผู้หญิงโดนพ่อ-แม่ฝ่ายชาย ให้ลูกชายตนแยกกันอยู่กับภรรยา เพราะเรื่องเงิน แล้วยังไม่ขัดที่ลูกชายไปมีคนใหม่ (ยังไม่ได้หย่า)
ผู้หญิงให้ตัวย่อว่า อ.
นายม.แต่งงานกับนางอ.มา 5 ปี มีลูกผู้ชาย1คน(อายุ2ปี6เดือน) ตอนแต่งงานกันใหม่ๆ นายม.ได้ไปอาศัย ทำอาชีพ กู้เงินมาลงทุนทำธุรกิจกับที่บ้านนางอ. (พ่อแม่นางอ.เป็นคนกู้ให้) พ่อได้ทำธุรกิจไปได้ พอเริ่มมีเงินเข้ามา นายม. ต้องการเงินเพื่อจะส่งกลับไปให้พ่อแม่ของตนที่บ้าน แต่ทางฝั่งนางอ. ต้องการนำเงินก้อนนั้นไปใช้หนี้และสร้างครอบครัวก่อน (ตอนนั้นตั้งท้องแล้ว)จึงทำให้มีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ทะเลาะกัน
แล้วจากปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี+โควิด เข้าเล่นงาน จึงต้องเลิกทำกิจการไป จึงต้องไปทำงานที่จังหวัดใกล้เคียง ทั้ง2จึงได้ข้อตกลงว่า ให้พ่อแม่ฝั่งหญิงเลี้ยงดูลูกที่เกิด แล้วเอาเงินเดือนทั้งหมดของฝั่งผู้หญิงส่งให้เป็นค่าเลี้ยงดู(ฝ่ายหญิงให้เงินเดือนที่บ้านเดือนละ 15,000 รวมค่าผ่อนรถเครื่องให้ด้วย 2,500 ค่าใช้จ่าย นมเพมเพิด ทุกอย่างรวมอยู่ในนั่นหมดเลย พอคิดๆค่านมค่าเพมเพิดก็ปาไป 6-8 พันบาท) แล้วเงินผู้ชายนำมาจ่ายค่าห้องพักและพอตังไม่พอใช้ก็ขอจากที่บ้านฝ่ายหญิงอีกเป็นประจำ ฝ่ายหญิงขอแม่เขา จนเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินกับฝั่งผู้ชายอีกเรื่อยๆ จนช่วงปลายปีที่แล้ว ผู้ชายได้มีการแอบคุยกับผู้หญิง1คน จนนางอ.จับได้จึงทำให้ทะเลาะกัน ฝั่งผู้ชายยอมเลิก แล้วหลังจากนั้นได้ไปเยียม พ่อ-แม่ฝั่งผู้ชายที่ต่างจังหวัด(ต่างภูมิภาค) ทางครอบครัวฝั่งผู้ชาย ไม่ค่อยต้อนรับขับสู้ แขกเท่าที่ควร ตลอดเวลาที่ไปเยี่ยมจะหาเหตุผล ว่าติดงาน โน่น นี่ นั้นตลอด ทั้งๆที่แขกที่มาหาขับรถกว่าพันกิโล มาเยี่ยมเยียน หลังจากกลับจากบ้านพ่อ-แม่ฝ่ายชาย ผู้ชายมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป คืออ้างสารพัดปัญหา เพื่อที่จะออกไปใช้ชีวิตคนเดียว เพื่อที่จะได้มีตังส่งไปให้พ่อแม่ ได้กินได้ใช้ โดยคนเป็นพ่อนั้นได้เป็นโรคไต ต้องฟอกไตตลอด ซึ่งฝั่งนางอ.ก็เข้าใจ และพร้อมให้โอนเพิ่มไปได้ แต่ผู้ชาย ยังยืนยันที่จะออกไปใช้ชีวิตคนเดียว
*ระหว่างนั้น มีข่าวมาเข้าหูฝ่ายผู้หญิงว่า พ่อแม่ฝั่งผู้ชาย ได้ทำการเปรียบเทียบว่า "น้องมึ- ทำงานแล้วส่งตังมาให้ใช้มากกว่าที่มึ-ส่งมาอีก"และน้องสาวฝั่งผู้ชาย ชอบโทรมาขอเงินพี่ชายเรื่อยๆ
คนเป็นแม่ฝั่งผู้ชายจึงอยากให้ลูกเลิกกับภรรยาและลูก เพื่อไปทำงานในโรงงาน ให้ได้ตังเยอะๆส่งกลับไปให้ที่บ้านใช้
และตอนนี้ เหมื่อนกับคุยกับผู้หญิงคนที่เคยแอบคุยตอนแรก กลับมาคุยกันใหม่ และผู้หญิงคนนั้นทำงานที่เดียวกันด้วย(คนละแผนก)
พอฝั่งนางอ.โทรไปคุยกับแม่ฝั่งนายม. เรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น นายอ.กลับไม่พอใจ จึงขู่ว่า ถ้ายังไม่หยุด จะไม่โอนเงินค่าเลี้ยงดูลูกให้อีกต่อไป ซึ่งก่อนจะแยกกัน นายม.เสนอเงินเลี้ยงดูลูก8,000บาท/เดือน(เป็นคนเสนอขึ้นมาเอง) แต่ตอนปัจจุบัน ให้แค่3,000บาท
ณ ตอนนี้ ผู้ชายได้พาผู้หญิง กลับไปเปิดตัวที่บ้านแล้ว โดยที่ยังไม่ได้หย่ากับภรรยาคนปัจจุบัน
ส่วนฝั่งนางอ.กลับอยากยอมแพ้แล้ว เพราะต้องการเปลี่ยนนามสกุลให้ลูก
ผมจึงอยากให้มีการฟ้องร้อง แต่ทางฝั่งผู้หญิงกลัวเรื่องเงินที่จะต้องจ้างทนายกับนักสืบเพื่อหาหลักฐานมามัดตัว กลัวจะใช้เงินในการดำเนินการเยอะ
**เพิ่มเติม ฝั่งผู้ชาย นายม.เป็นพี่คนโต แล้วมีน้องสาว และน้องชายอีก1คน
***ขอไม่บอกจังหวัดและภูมิภาคฝั่งผู้ชายนะครับ..
ที่อยากจะถามคือ
1.ถ้าจะดำเนินการฟ้องร้อง จะใช้เงินคร่าวๆประมาณเท่าไร
2.ถ้าจ้างนักสืบในการรวบรวมหลักฐาน เขาคิดราคายังไง