ปริศนา “นางคุ้งน้ำ” ตอนที่ ๑
“อภินันท์ เจริญรักษ์วิทยา” เขียน
เมื่อประมาณสัก ๕๐ ปีก่อน... ณ ป่ารกชัฏแห่งหนึ่งในแถบชานเมือง สภาพรกร้างไร้ผู้คน บริเวณทุ่งหญ้ามีแต่พรรณไม้ต่างๆ เต็มไปทั่วผืนป่าแห่งนี้ เข้าไปข้างในประมาณสามสิบเมตรก็จะเจอคุ้งน้ำเล็กๆ อยู่คุ้งหนึ่ง ลึกประมาณสิบห้าเมตร (ประมาณตึก ๖ ชั้น) มีนักสำรวจสองคนกำลังเดินดุ่มๆ อยู่รอบๆ คุ้งน้ำกลางทุ่งหญ้านั้น คาดว่าน่าจะเป็นนักล่าสมบัติ ที่กำลังสำรวจป่าแห่งนี้เพื่อนหาของมีค่าที่คาดว่าอยู่ในคุ้งน้ำนั้นตามลายแทง...
“เฮ้ย! เอ็งดูดีๆ แล้วเหรอวะ ว่าไอ้คุ้งน้ำนั้นมีสมบัติจริงน่ะ” นายถาม
“ข้าดูดีแล้วเว้ย ข้างในนั้นมันมีสมบัติจริงๆ” ลูกน้องคนหนึ่งตอบด้วยความมั่นใจ ที่ใช้สรรพนามเทียบเสมอเพื่อนก็เพราะนายกับลูกน้องคนนี้เป็นเพื่อนสนิทมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“แต่ตรงนี้มันอันตราย สระลึกนะเว้ย” นายเตือนด้วยความหวังดี
“อันตรายยังไงข้าไม่สน ข้าคิดว่าข้างในมันต้องมีค่ามหาศาลแน่ๆ ฮะฮะฮ่า” ลูกน้องนี้หัวเราะด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย มั่นใจในตัวเขาเองว่าข้างในนั้นมีสมบัติวิเศษอันมหาศาลอย่างแน่นอน หัวโจกเตือนมันอย่างไรมันก็ดื้อตลอด ไม่เคยฟังนายของมันเลย
ไอ้หมอนี่ถึงมันหัวดื้อยังไงๆ แต่สุดท้ายมันก็ทำสำเร็จจนได้เพราะความสามารถของมันจริงๆ นายของมันจึงไม่ค่อยอยากจะเตือนมันเท่าไหร่นัก (เพราะเตือนยังไงก็ไม่ฟัง) พูดถึงการดำน้ำสำหรับมันแล้วถือว่าเป็นมือหนึ่งอย่าบอกใครเชียว เพราะมันเคยดำน้ำนานกว่าสิบนาทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ถ้าเป็นคนปกติถือว่าตายไปตั้งแต่ ๓ นาทีแรกที่ลงดำน้ำลึกไปแล้ว
ลูกน้องหัวแข็งกำลังแต่งชุดนักประดาน้ำอันประกอบไปด้วยผ้าขาวม้าหนึ่งผืน ไฟฉายกันน้ำที่ทำเองหนึ่งดวง คือเครื่องแบบของมันเอง ส่วนเครื่องช่วยหายใจคงไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับมัน เพราะมันปอดเหล็กเป็นไหนอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็เช็คความเรียบร้อยของตัวเองก่อนที่จะรีบโดดลงสระน้ำเพื่องมหาสมบัติในคุ้งน้ำนั้น
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที ขณะที่นายกำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างเพลิดเพลินใจ อยู่ๆ ก็มีเสียงของลูกน้อง...
“ช่วยข้าด้วย... ช่วยข้าด้วย... ข้ากำลังจะจมน้ำ”
“เฮ้ย! เอ็งก็รีบเข้าฝั่งมาดิ”
“ข้าว่ายเข้าฝั่งไม่ได้ มันมีอะไรติดขาข้าอยู่”
“เออๆ เอ็งประคองตัวเองไว้ก่อนนะเว้ย” ว่าแล้วนายก็ทิ้งบุหรี่ที่คาบไว้ ถอดเสื้อรีบกระโจนเข้าไปช่วยลูกน้องคนนั้น ผ่านไปไม่ถึงครึ่งนาทีทั้งนายและลูกน้องก็จมน้ำไปทั้งคู่... เหลือแต่เสื้อผ้าของเขาทั้งสองกับลายแทงที่เป็นปริศนาของนักสำรวจคู่นั้น เวลาผ่านไปก็มีแสงวูบที่คุ้งน้ำนั้น แล้วก็มีหญิงสาวคนหนึ่งผุดออกมาจากคุ้งน้ำนั่น เธอสวมชุดขาว ที่ขอบตาของเธอมีรอยคล้ำ ตัวซีดราวกับคนตาย ตัวสูงใหญ่กว่าคนทั่วไปมาก มีแสงสีเขียวออกจากร่างของเธอ ยืนลอยเหนือน้ำ
“พวกเอ็งบุกรุกที่ของข้า พวกเอ็งสมควรตายที่นี่! ฮะฮะฮ่า ฮะฮะฮ่า...” เสียงของหญิงสาวผู้นั้นดังก้องไปทั่วป่า แม้ผู้คนที่อยู่ไกลที่ได้ยินเสียงนี้ก็พากันเกรงกลัวว่าจะมีอาถรรพ์จากคุ้งน้ำแห่งนี้ หารู้ไหมว่า... คุ้งน้ำแห่งนี้เคยมีตำนานของ 'นางทาส' มาก่อนแล้ว
o o o o o o o o o o o o
หมู่บ้านแห่งหนึ่งในชานเมือง มีคนอาศัยอยู่กันค่อนข้างน้อย... ที่อยู่กันน้อยนั่นไม่ใช่เพราะอะไร... แต่เพราะบ้านแต่ละหลังนั้นใหญ่โตจะว่าเป็นคฤหาสน์ก็ไม่ปาน ที่กลางหมู่บ้านจากเดิมป่าที่รกชัฏอยู่ตรงกรลางหมู่บ้านก็เห็นคุ้งน้ำตรงนั้นได้อย่างชัดเจนเพราะคนงานเข้าไปถางป่าหมดแล้ว เหลือเพียงต้นไม้บางต้นที่ยังไม่ตัดเพราะต้องการรักษาความร่มรื่นเอาไว้โดยไม่ต้องลงทุนปลูกใหม่
อาเธอร์ เด็กหนุ่มวัยสิบหกกำลังเดินเข้าบ้านพร้อมกับหนังสือพิมพ์หัวสีกรอบเช้าที่ทางแผงหนังสือจัดส่งถึงบ้านมาให้คุณพ่อ เขาเข้ารับประทานอาหารเช้าพร้อมกับครอบครัวเป็นประจำ คุณพ่อหยิบอ่านหนังสือแล้วอ่านดูบทความสารคดีเรื่องหนึ่งซึ่งเขียนเรื่องที่เกี่ยวกับคุ้งน้ำพอดี
“ลูกเคยรู้จักตำนานนางคุ้งน้ำไหม?” พ่อของเขาถาม
“ไม่รู้จักฮะ” อาเธอร์ตอบ
“แต่เรื่องนี้มันน่าสนใจนะ มันเหมือนกับคล้ายๆ กับตำนานคุ้งน้ำกลางหมู่บ้านเลยนะ” พ่อแนะนำพร้อมกับชี้หน้าที่มีบทความเกี่ยวกับเรื่อง 'นางคุ้งน้ำ'
“แต่ฉันว่าเรื่องนี่มันเป็นเรื่องไร้สาระ มันเป็นเพียงแค่ตำนานปากต่อปากไม่ใช่หรือ” แม่แย้งบ้าง
“โถคุณ ถ้าเป็นเรื่องปากต่อปากไหนเลยจะมีลายแทงของคุ้งน้ำนี้ได้ล่ะ”
“เอ้าเชื่อก็เชื่อ... ไม่อยากเถียงให้คอเป็นเอ็น” แม่ตัดพ้อกับการ “โต้วาที” ของพ่อ ก่อนที่จะเก็บของบนโต๊ะไปทำความสะอาดในครัวต่อไป
“มันเป็นยังไงฮะพ่อ” อาเธอร์สงสัยอยากรู้
“มันเป็นอย่างนี้นะลูก... คือเมื่อสมัยร้อยกว่าปีแล้ว มีทาสนางหนึ่งชื่อ “ลำดวน” นางมีนายเงินชื่อ “อิน” นายเงินคนนี้เป็นคนดุมาก วันหนึ่งนางตกเป็นเมียของนายอินอย่างไม่เต็มใจ นายเงินผู้ใจโหดหลงใหล... อ้าว! ลูกไปไหนล่ะ”
“พอดีเพื่อนมันชวนเล่นสเก็ตที่ลานริมน้ำ ผมขอไปก่อนนะฮะพ่อ” อาเธอร์พูดเสร็จก็รีบเอาสเก็ตบอร์ดพร้อมกับไหว้คุณพ่อ ก่อนออกจากบ้านไปกับพวกกลุ่มเพื่อนๆ ที่รอคอยอยู่หน้าบ้าน ในขณะที่เขากำลังเดินไปยังลานริมคุ้งน้ำกลางหมู่บ้านทันใดนั้นเองเมฆที่กระจัดกระจายทำท่าว่าฟ้าสดใสก็ก่อตัวขึ้นกลางหมู่บ้าน กลุ่มเมฆขนาดใหญ่ได้สร้างความมืดมัวไปทั่วทั้งหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียง ลมพายุเริ่มแรงขึ้นจนต้นไม้เล็กๆ หักล้มลงไป ๒-๓ ต้น
คงอาจเป็นสัญญาณเล็กๆ ที่บ่งบอกว่ามีบางสิ่งที่มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ในหมู่บ้านนี้... แต่อาเธอร์และเพื่อนไม่ได้สนใจสิ่งนั้นแต่อย่างใด ยังเดินหน้าไปยังสนามข้างคุ้งน้ำแห่งนี้ต่อไป พวกเขากำลังเล่นสเก็ตบอร์ดอย่างสนุกสนาน แต่ทันใดนั้นเอง... อาเธอร์ก็เริ่มสังเกตเห็นท้องฟ้าที่มืดมัวกลับกลายเป็นท้องฟ้าสีแดงเหมือนสีเลือด ลมที่เคยแรงกลับแรงกว่าเดิมมาก มีสิ่งแปลกประหลาดจากคุ้งน้ำข้างลานสเก็ตบอร์ด แสงที่เห็นอยู่ใต้คุ้งน้ำไม่มีที่มาว่ามาจากทิศทางไหนของคุ้งน้ำ แต่ที่แน่ๆ คือเขาและเพื่อนๆ เริ่มหวาดกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นในคุ้งน้ำ
ผ่านไปประมาณสองสามนาทีก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังลั่นออกมา เหมือนกับที่เคยปรากฏตัวเมื่อราวห้าสิบปีก่อน เสียงนั้นเป็นลักษณะที่หลวงปู่ของ
โชติ เล่าให้ฟังเมื่อสมัยโชติยังเด็ก เขาเริ่มสงสัยในเสียงนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะโชติกลัวว่าถ้าพูดอะไรออกจากมาแล้วชีวิตคงจะหาไม่อย่างแน่นอน
“พวกเอ็งเป็นใคร... มาจากไหน... ไปให้พ้น!” หญิงสาวผู้นี้ชี้หน้าพร้อมส่งเสียงดังไล่พวกเด็กๆ พวกนี้ให้ออกจากพื้นที่ พวกเขากลัวเธอจะตามมาเอาชีวิตจึงพากันเผ่นหนีไป หลังจากนั้นฟ้าที่เคยเป็นสีโลหิตก็กลับมาเป็นเป็นท้องฟ้าโปร่งใสตามปกติ พวกเขาเริ่มหวาดกลัวกับคุ้งน้ำในตำนานที่เคยมีคนงานมาตัดไม้แล้วจมน้ำตายอย่างปริศนา!
อาเธอร์เริ่มหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นถึงขนาดต้องให้โชติเข้ามาปลอบ... เพื่อนที่เหลือเริ่มสงสัยในคุ้งน้ำนั้นว่า
“มันเกิดอะไรขึ้น”
--โปรดติดตามตอนต่อไป--
ปริศนานางคุ้งน้ำ ตอนที่ 1
ปริศนา “นางคุ้งน้ำ” ตอนที่ ๑
“อภินันท์ เจริญรักษ์วิทยา” เขียน
เมื่อประมาณสัก ๕๐ ปีก่อน... ณ ป่ารกชัฏแห่งหนึ่งในแถบชานเมือง สภาพรกร้างไร้ผู้คน บริเวณทุ่งหญ้ามีแต่พรรณไม้ต่างๆ เต็มไปทั่วผืนป่าแห่งนี้ เข้าไปข้างในประมาณสามสิบเมตรก็จะเจอคุ้งน้ำเล็กๆ อยู่คุ้งหนึ่ง ลึกประมาณสิบห้าเมตร (ประมาณตึก ๖ ชั้น) มีนักสำรวจสองคนกำลังเดินดุ่มๆ อยู่รอบๆ คุ้งน้ำกลางทุ่งหญ้านั้น คาดว่าน่าจะเป็นนักล่าสมบัติ ที่กำลังสำรวจป่าแห่งนี้เพื่อนหาของมีค่าที่คาดว่าอยู่ในคุ้งน้ำนั้นตามลายแทง...
“เฮ้ย! เอ็งดูดีๆ แล้วเหรอวะ ว่าไอ้คุ้งน้ำนั้นมีสมบัติจริงน่ะ” นายถาม
“ข้าดูดีแล้วเว้ย ข้างในนั้นมันมีสมบัติจริงๆ” ลูกน้องคนหนึ่งตอบด้วยความมั่นใจ ที่ใช้สรรพนามเทียบเสมอเพื่อนก็เพราะนายกับลูกน้องคนนี้เป็นเพื่อนสนิทมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“แต่ตรงนี้มันอันตราย สระลึกนะเว้ย” นายเตือนด้วยความหวังดี
“อันตรายยังไงข้าไม่สน ข้าคิดว่าข้างในมันต้องมีค่ามหาศาลแน่ๆ ฮะฮะฮ่า” ลูกน้องนี้หัวเราะด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย มั่นใจในตัวเขาเองว่าข้างในนั้นมีสมบัติวิเศษอันมหาศาลอย่างแน่นอน หัวโจกเตือนมันอย่างไรมันก็ดื้อตลอด ไม่เคยฟังนายของมันเลย
ไอ้หมอนี่ถึงมันหัวดื้อยังไงๆ แต่สุดท้ายมันก็ทำสำเร็จจนได้เพราะความสามารถของมันจริงๆ นายของมันจึงไม่ค่อยอยากจะเตือนมันเท่าไหร่นัก (เพราะเตือนยังไงก็ไม่ฟัง) พูดถึงการดำน้ำสำหรับมันแล้วถือว่าเป็นมือหนึ่งอย่าบอกใครเชียว เพราะมันเคยดำน้ำนานกว่าสิบนาทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ถ้าเป็นคนปกติถือว่าตายไปตั้งแต่ ๓ นาทีแรกที่ลงดำน้ำลึกไปแล้ว
ลูกน้องหัวแข็งกำลังแต่งชุดนักประดาน้ำอันประกอบไปด้วยผ้าขาวม้าหนึ่งผืน ไฟฉายกันน้ำที่ทำเองหนึ่งดวง คือเครื่องแบบของมันเอง ส่วนเครื่องช่วยหายใจคงไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับมัน เพราะมันปอดเหล็กเป็นไหนอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็เช็คความเรียบร้อยของตัวเองก่อนที่จะรีบโดดลงสระน้ำเพื่องมหาสมบัติในคุ้งน้ำนั้น
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที ขณะที่นายกำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างเพลิดเพลินใจ อยู่ๆ ก็มีเสียงของลูกน้อง...
“ช่วยข้าด้วย... ช่วยข้าด้วย... ข้ากำลังจะจมน้ำ”
“เฮ้ย! เอ็งก็รีบเข้าฝั่งมาดิ”
“ข้าว่ายเข้าฝั่งไม่ได้ มันมีอะไรติดขาข้าอยู่”
“เออๆ เอ็งประคองตัวเองไว้ก่อนนะเว้ย” ว่าแล้วนายก็ทิ้งบุหรี่ที่คาบไว้ ถอดเสื้อรีบกระโจนเข้าไปช่วยลูกน้องคนนั้น ผ่านไปไม่ถึงครึ่งนาทีทั้งนายและลูกน้องก็จมน้ำไปทั้งคู่... เหลือแต่เสื้อผ้าของเขาทั้งสองกับลายแทงที่เป็นปริศนาของนักสำรวจคู่นั้น เวลาผ่านไปก็มีแสงวูบที่คุ้งน้ำนั้น แล้วก็มีหญิงสาวคนหนึ่งผุดออกมาจากคุ้งน้ำนั่น เธอสวมชุดขาว ที่ขอบตาของเธอมีรอยคล้ำ ตัวซีดราวกับคนตาย ตัวสูงใหญ่กว่าคนทั่วไปมาก มีแสงสีเขียวออกจากร่างของเธอ ยืนลอยเหนือน้ำ
“พวกเอ็งบุกรุกที่ของข้า พวกเอ็งสมควรตายที่นี่! ฮะฮะฮ่า ฮะฮะฮ่า...” เสียงของหญิงสาวผู้นั้นดังก้องไปทั่วป่า แม้ผู้คนที่อยู่ไกลที่ได้ยินเสียงนี้ก็พากันเกรงกลัวว่าจะมีอาถรรพ์จากคุ้งน้ำแห่งนี้ หารู้ไหมว่า... คุ้งน้ำแห่งนี้เคยมีตำนานของ 'นางทาส' มาก่อนแล้ว
o o o o o o o o o o o o
หมู่บ้านแห่งหนึ่งในชานเมือง มีคนอาศัยอยู่กันค่อนข้างน้อย... ที่อยู่กันน้อยนั่นไม่ใช่เพราะอะไร... แต่เพราะบ้านแต่ละหลังนั้นใหญ่โตจะว่าเป็นคฤหาสน์ก็ไม่ปาน ที่กลางหมู่บ้านจากเดิมป่าที่รกชัฏอยู่ตรงกรลางหมู่บ้านก็เห็นคุ้งน้ำตรงนั้นได้อย่างชัดเจนเพราะคนงานเข้าไปถางป่าหมดแล้ว เหลือเพียงต้นไม้บางต้นที่ยังไม่ตัดเพราะต้องการรักษาความร่มรื่นเอาไว้โดยไม่ต้องลงทุนปลูกใหม่
อาเธอร์ เด็กหนุ่มวัยสิบหกกำลังเดินเข้าบ้านพร้อมกับหนังสือพิมพ์หัวสีกรอบเช้าที่ทางแผงหนังสือจัดส่งถึงบ้านมาให้คุณพ่อ เขาเข้ารับประทานอาหารเช้าพร้อมกับครอบครัวเป็นประจำ คุณพ่อหยิบอ่านหนังสือแล้วอ่านดูบทความสารคดีเรื่องหนึ่งซึ่งเขียนเรื่องที่เกี่ยวกับคุ้งน้ำพอดี
“ลูกเคยรู้จักตำนานนางคุ้งน้ำไหม?” พ่อของเขาถาม
“ไม่รู้จักฮะ” อาเธอร์ตอบ
“แต่เรื่องนี้มันน่าสนใจนะ มันเหมือนกับคล้ายๆ กับตำนานคุ้งน้ำกลางหมู่บ้านเลยนะ” พ่อแนะนำพร้อมกับชี้หน้าที่มีบทความเกี่ยวกับเรื่อง 'นางคุ้งน้ำ'
“แต่ฉันว่าเรื่องนี่มันเป็นเรื่องไร้สาระ มันเป็นเพียงแค่ตำนานปากต่อปากไม่ใช่หรือ” แม่แย้งบ้าง
“โถคุณ ถ้าเป็นเรื่องปากต่อปากไหนเลยจะมีลายแทงของคุ้งน้ำนี้ได้ล่ะ”
“เอ้าเชื่อก็เชื่อ... ไม่อยากเถียงให้คอเป็นเอ็น” แม่ตัดพ้อกับการ “โต้วาที” ของพ่อ ก่อนที่จะเก็บของบนโต๊ะไปทำความสะอาดในครัวต่อไป
“มันเป็นยังไงฮะพ่อ” อาเธอร์สงสัยอยากรู้
“มันเป็นอย่างนี้นะลูก... คือเมื่อสมัยร้อยกว่าปีแล้ว มีทาสนางหนึ่งชื่อ “ลำดวน” นางมีนายเงินชื่อ “อิน” นายเงินคนนี้เป็นคนดุมาก วันหนึ่งนางตกเป็นเมียของนายอินอย่างไม่เต็มใจ นายเงินผู้ใจโหดหลงใหล... อ้าว! ลูกไปไหนล่ะ”
“พอดีเพื่อนมันชวนเล่นสเก็ตที่ลานริมน้ำ ผมขอไปก่อนนะฮะพ่อ” อาเธอร์พูดเสร็จก็รีบเอาสเก็ตบอร์ดพร้อมกับไหว้คุณพ่อ ก่อนออกจากบ้านไปกับพวกกลุ่มเพื่อนๆ ที่รอคอยอยู่หน้าบ้าน ในขณะที่เขากำลังเดินไปยังลานริมคุ้งน้ำกลางหมู่บ้านทันใดนั้นเองเมฆที่กระจัดกระจายทำท่าว่าฟ้าสดใสก็ก่อตัวขึ้นกลางหมู่บ้าน กลุ่มเมฆขนาดใหญ่ได้สร้างความมืดมัวไปทั่วทั้งหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียง ลมพายุเริ่มแรงขึ้นจนต้นไม้เล็กๆ หักล้มลงไป ๒-๓ ต้น
คงอาจเป็นสัญญาณเล็กๆ ที่บ่งบอกว่ามีบางสิ่งที่มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ในหมู่บ้านนี้... แต่อาเธอร์และเพื่อนไม่ได้สนใจสิ่งนั้นแต่อย่างใด ยังเดินหน้าไปยังสนามข้างคุ้งน้ำแห่งนี้ต่อไป พวกเขากำลังเล่นสเก็ตบอร์ดอย่างสนุกสนาน แต่ทันใดนั้นเอง... อาเธอร์ก็เริ่มสังเกตเห็นท้องฟ้าที่มืดมัวกลับกลายเป็นท้องฟ้าสีแดงเหมือนสีเลือด ลมที่เคยแรงกลับแรงกว่าเดิมมาก มีสิ่งแปลกประหลาดจากคุ้งน้ำข้างลานสเก็ตบอร์ด แสงที่เห็นอยู่ใต้คุ้งน้ำไม่มีที่มาว่ามาจากทิศทางไหนของคุ้งน้ำ แต่ที่แน่ๆ คือเขาและเพื่อนๆ เริ่มหวาดกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นในคุ้งน้ำ
ผ่านไปประมาณสองสามนาทีก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังลั่นออกมา เหมือนกับที่เคยปรากฏตัวเมื่อราวห้าสิบปีก่อน เสียงนั้นเป็นลักษณะที่หลวงปู่ของ โชติ เล่าให้ฟังเมื่อสมัยโชติยังเด็ก เขาเริ่มสงสัยในเสียงนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะโชติกลัวว่าถ้าพูดอะไรออกจากมาแล้วชีวิตคงจะหาไม่อย่างแน่นอน
“พวกเอ็งเป็นใคร... มาจากไหน... ไปให้พ้น!” หญิงสาวผู้นี้ชี้หน้าพร้อมส่งเสียงดังไล่พวกเด็กๆ พวกนี้ให้ออกจากพื้นที่ พวกเขากลัวเธอจะตามมาเอาชีวิตจึงพากันเผ่นหนีไป หลังจากนั้นฟ้าที่เคยเป็นสีโลหิตก็กลับมาเป็นเป็นท้องฟ้าโปร่งใสตามปกติ พวกเขาเริ่มหวาดกลัวกับคุ้งน้ำในตำนานที่เคยมีคนงานมาตัดไม้แล้วจมน้ำตายอย่างปริศนา!
อาเธอร์เริ่มหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นถึงขนาดต้องให้โชติเข้ามาปลอบ... เพื่อนที่เหลือเริ่มสงสัยในคุ้งน้ำนั้นว่า
“มันเกิดอะไรขึ้น”
--โปรดติดตามตอนต่อไป--