ปริศนา “นางคุ้งน้ำ” ตอนที่ ๒
“อภินันท์ เจริญรักษ์วิทยา” เขียน
*ต่อจากตอนที่แล้ว*
* ตอนที่แล้วสามารถดูได้ที่
http://ppantip.com/topic/30918310 *
หลังจากที่โชติเข้าไปปลอบอาเธอร์จนหายหวาดกลัวกับสิ่งประหลาดที่คุ้งน้ำแห่งนั้นแล้ว... โชติคิดว่า 'คุ้งน้ำแห่งนี้คงจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ' เขาคิดจะ 'ท้าทาย' กับสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เชื่อในสิ่งที่งมงาย หรือเป็นเรื่องที่ไร้สาระเสียเท่าใด
โชติ เป็นคนที่กล้าในทุกเรื่อง โดยเฉพาะกล้าที่จะท้าทายในสิ่งลี้ลับ เพราะเขาเชื่อว่าพวกสิ่งลี้ลับนั้นไม่มีจริง... ตั้งแต่เด็กจนโตเขาถูกสอนด้วยการใช้ความคิดมากกว่าการเชื่อในสิ่งนั้นๆ ทันที โดยเฉพาะในเรื่องผีสางนางไม้ สัมภเวสีผีเดินได้ เขาจะท้าทายเป็นพิเศษ และแน่นอน โชติไม่เคยได้รับอันตรายหรือโดน 'เอาคืน' จากสิ่งที่ถูกท้าทายโดยเขาเลย
แต่แล้วความคิดของเขากลับหยุดชะงักลง... เมื่อเพื่อนๆ รีบหามอาเธอร์เข้าไปที่บ้านของเขาก่อน... เพราะอาเธอร์มีอาการดูเหมือนว่าคล้ายๆ กับคนที่จะเป็นลมไปเสียแล้ว... ร่างของอาเธอร์วางอยู่บนพื้นถนนที่มีผ้ายางที่ดูลักษณะคล้ายกับเตียงหามผู้ป่วยซึ่งวางอยู่บนถนน
เหตุการณ์นี้ทำให้คนในหมู่บ้านเริ่มตะลึงตั้งแต่ที่จู่ๆ ฟ้าที่สดใสกลับมืดลงและกลายเป็นสีเลือด หลังจากนั้นก็มีคนเป็นลมเพราะไปเจออะไรบางอย่างในคุ้งน้ำ ทุกอย่างดูชุลมุนวุ่นวายไปหมด เพราะนิสัยที่เรียกว่า 'ไทยมุง' นั่นแหละ คนในหมู่บ้านจึงต่างออกมารุมล้อมดูที่ร่างของอาเธอร์คนเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามทีเถิด... คนที่ต้องมาดูเป็นคนแรกก็ไม่พ้นคุณพ่อและคุณแม่ของเขา
สันติ หรือชื่อเดิมของเขา
สตีเฟ่น เป็นนักธุรกิจอังกฤษที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยมานานนับปีจนได้สัญชาติไทย บิดาของอาเธอร์เด็กหนุ่มจอมขี้กลัวคนนี้ เขาเป็นคนที่มีนิสัยอยากรู้เรื่องต่างๆ ที่เคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์หรือเรื่องที่เป็นสิ่งลี้ลับ ไสยศาสตร์เขาก็รู้มาจนแทบจะเรียกเขาว่า “ปรามจารย์” ได้เลยทีเดียว
เขาวิ่งกรูฝ่าวงล้อมของไทยมุงที่กำลังมุงดู ส่วนคนใช้พยายามกันไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ๆ อาเธอร์ จากนั้นสันติก็เขย่าร่างของลูกชายพร้อมกับตะโกนด้วยน้ำตาว่า...
“อาเธอร์ลูกพ่อ... เป็นอะไรล่ะเนี่ย!!!” สันติถาม
เพื่อนๆ เห็นก็รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือสันติก็รีบไหว้ โชติก็รีบไปบอกกับคุณพ่อว่า
“ผมกะเขาไปเล่นสเก็ตที่ลานริมคุ้งน้ำตรงนั้น แล้วอาเธอร์ก็เจออะไรที่ประหลาดๆ เข้า เลยเป็นลมไปครับคุณอา”
“แล้วพวกแกทำอะไรลูกกับฉันหรือเปล่า???”
“เปล่าครับ อาเธอร์เขาเป็นขึ้นมาเองครับ เขาเป็นคนหวาดกลัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“แล้วทำไมแกไม่บอกว่าตรงนั้นมันอันตรายล่ะ” สันติถามอีกข้อ
“ผมก็เจอมาครั้งแรก เท่าที่สังเกตได้คือผมกับเขาไปเล่นสเก็ตบอร์ดที่นั่น แล้วจู่ๆ ลมก็แรงดื้อๆ ทั้งๆ ที่เมื่อตะกี้ลมก็ยังสงบอยู่ ท้องฟ้าตอนนั้นมืดมาก มีแต่สีแดงเหมือนเลือด... เลือดเต็มไปทั่วท้องฟ้า มีแสงวูบมาจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบกว่าๆ สวมชุดสี...” โชติเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียด
“เดี๋ยวแกกับฉันคุยกันยาวแน่!” สันติรีบตัดบท แล้วก็รีบเรียกแม่ของอาเธอร์ทันทีว่า “แม่ๆ รีบพาลูกไปส่งโรง 'บาลก่อนเร็ว!!” จากนั้น
นวลศรี ภรรยาของ มร.สันติและแม่ของอาเธอร์ กำลังมาพร้อมกับคนใช้รีบพาอาเธอร์ส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน
รถคันหนึ่งที่คนใช้ของสันติกำลังวิ่งมาอย่างรวดเร็วมากจนไทยมุงต้องหลบหลีกไปคนละฟาก หลังจากนั้นนวลศรีอุ้มลูกชายที่นอนสลบอยู่ให้นอนอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนเธอนั่งอยู่ที่เบาะหน้า แล้วรถคันนั้นก็รีบวิ่งไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
o o o o o o o o o o o o
ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากบ้านมากนัก ที่นั่นมีตึกอยู่ประมาณ 2-3 หลัง แต่ละหลังมีความสูงไม่เท่ากัน เมื่อมองจากหน้าตึกหลังหนึ่ง ก็จะเห็นประตูใหญ่สำหรับเข้าห้องฉุกเฉินอยู่ตรงหน้า ส่วนประตูทางเข้าจะอยู่ข้างๆ กัน เมื่อเข้าไปข้างในก็จะมีโถงใหญ่ที่มีคนรอรับการตรวจอยู่ไม่มาก แต่ก็ไม่บางตนจนเกินไป อีกประตูหนึ่งของห้องฉุกเฉินจะเป็นม้านั่งของญาติที่มารอฟังผลการรักษาจากห้องฉุกเฉิน
โชติและเพื่อนๆ กำลังนั่งรออยู่ที่ม้านั่งหน้าโรงพยาบาล ส่วนสันติและภรรยากำลังนั่งรอฟังผลอาการลูกชายที่หน้าห้องฉุกเฉิน ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง แพทย์ที่มารักษาอาเธอร์ก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน พร้อมกับบอกสองสามีภรรยาว่า
“ลูกชายของคุณอาการปลอดภัยแล้วครับ แกแค่ตกใจจนช็อคเล็กน้อย เดี๋ยวให้พักที่นี่สักคืนสองคืนก็กลับบ้านได้นะครับ” หลังจากได้ฟังคำตอบแล้วทั้งสองก็ดีใจที่ลูกชายไม่เป็นอะไร
ที่กลุ่มเพื่อนๆ นอกจากโชติแล้วยังมีเพื่อนอีกสามสี่คนคือ
มอส อัพ วัน และ
เม่น ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่อยู่ก๊วนเดียวกันกับอาเธอร์และโชติ ต่างคนต่างคิดว่าในนั้นคงจะ
นจนน่ากลัวแน่นอน ต่อไปก็ไม่กล้าไปเล่นที่ลานตรงนั้นอีก คงต้องไปหาสวนสาธารณะเป็นลานเล่นสเก็ตบอร์ดใหม่ ถ้าจะไปสยามสแควร์ก็คงจะไกลไป มีแต่โชติเท่านั้นที่รู้จริงว่าในนั้นมันมีอะไรอยู่ข้างในอย่างแน่นอน
มอสเริ่มเปิดประเด็นถาม “เฮ้ยในคุ้งน้ำมันมีอะไรวะ ทำไมอาเธอร์ถึงสลบได้”
“ข้าไม่รู้ว่ะ แต่ที่แน่ๆ สงสัยอาเธอร์คงขวัญอ่อนไปว่ะ” วันตอบ จากที่เคยสงสัยว่าข้างในมีอะไร แต่วันกลับหักล้างเพราะวันรู้ดีว่าอาเธอร์เป็นคนขวัญอ่อน
“เออว่ะ ถ้ารู้ว่าอาเธอร์ขวัญอ่อนขนาดนั้นข้าคงไปเล่นที่อื่นดีกว่าว่ะ” อัพเสริมขึ้น ส่วนเม่นก็เห็นด้วยกับคำตอบของวันและอัพ
“แต่ข้าว่านะ... ข้างในมันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน ไม่งั้นผีในคุ้งน้ำคงไม่มาเล่นงานได้ถึงขนาดนี้หรอก” โชติแย้งขึ้น
“เฮ้ย! แล้วเอ็งรู้เหรอวะว่าข้างในมีอะไร” อัพพูดสวน “ก็รู้ดิ” “เอ็งจะไปรู้อะไรวะ... ถ้าเอ็งรู้ป่านนี้เอ็งคงปราบมันได้นานแล้ว” “ข้ามีอะไรไปปราบมันได้วะ รู้ทั้งรู้อยู่ว่ามันก็...” … เถียงกันไปเถียงกันมาจนสันติได้ยินเข้า เลยเดินปรี่เข้ามาถามด้วยความสงสัย แต่ถึงกระนั้นก็ยังอารมณ์เสียอยู่
“แกรู้มั๊ย?? ว่าที่นั่นมันมีอะไร” “ผมไม่รู้เหมือนกันฮะ...” อัพตอบ
โชติรีบมาตัดก่อนที่อัพจะพูดหมดประโยค สันติเตรียมที่จะชกหน้า โชคดีที่มอสกับเม่นห้ามได้ทันก่อนที่จะมีมวยขึ้นมา พร้อมบอกให้อัพเงียบๆ ไว้ ส่วนอาร์ต มอส และเม่นพยายามปลอบให้นายสันติอารมณ์เย็นลงก่อนจึงจะอธิบายได้
โชติเข้ามาขอโทษ พร้อมบอกกับสันติว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้จริงๆ แต่เรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปฮะ” “ที่มายังไงเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”
“คุณอาครับ ถ้าจะให้ผมเล่า คุณอาต้องสัญญาว่าจะต้องไปหาคุณปู่ด้วย” โชติยื่นเงื่อนไขให้สันติ
“โอเค... ยังไงก็ว่ามา”
“เรื่องยาวหน่อยนะครับคุณอา”
--โปรดติดตามตอนต่อไป--
ปริศนานางคุ้งน้ำ ตอนที่ 2
ปริศนา “นางคุ้งน้ำ” ตอนที่ ๒
“อภินันท์ เจริญรักษ์วิทยา” เขียน
*ต่อจากตอนที่แล้ว*
* ตอนที่แล้วสามารถดูได้ที่ http://ppantip.com/topic/30918310 *
หลังจากที่โชติเข้าไปปลอบอาเธอร์จนหายหวาดกลัวกับสิ่งประหลาดที่คุ้งน้ำแห่งนั้นแล้ว... โชติคิดว่า 'คุ้งน้ำแห่งนี้คงจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ' เขาคิดจะ 'ท้าทาย' กับสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เชื่อในสิ่งที่งมงาย หรือเป็นเรื่องที่ไร้สาระเสียเท่าใด
โชติ เป็นคนที่กล้าในทุกเรื่อง โดยเฉพาะกล้าที่จะท้าทายในสิ่งลี้ลับ เพราะเขาเชื่อว่าพวกสิ่งลี้ลับนั้นไม่มีจริง... ตั้งแต่เด็กจนโตเขาถูกสอนด้วยการใช้ความคิดมากกว่าการเชื่อในสิ่งนั้นๆ ทันที โดยเฉพาะในเรื่องผีสางนางไม้ สัมภเวสีผีเดินได้ เขาจะท้าทายเป็นพิเศษ และแน่นอน โชติไม่เคยได้รับอันตรายหรือโดน 'เอาคืน' จากสิ่งที่ถูกท้าทายโดยเขาเลย
แต่แล้วความคิดของเขากลับหยุดชะงักลง... เมื่อเพื่อนๆ รีบหามอาเธอร์เข้าไปที่บ้านของเขาก่อน... เพราะอาเธอร์มีอาการดูเหมือนว่าคล้ายๆ กับคนที่จะเป็นลมไปเสียแล้ว... ร่างของอาเธอร์วางอยู่บนพื้นถนนที่มีผ้ายางที่ดูลักษณะคล้ายกับเตียงหามผู้ป่วยซึ่งวางอยู่บนถนน
เหตุการณ์นี้ทำให้คนในหมู่บ้านเริ่มตะลึงตั้งแต่ที่จู่ๆ ฟ้าที่สดใสกลับมืดลงและกลายเป็นสีเลือด หลังจากนั้นก็มีคนเป็นลมเพราะไปเจออะไรบางอย่างในคุ้งน้ำ ทุกอย่างดูชุลมุนวุ่นวายไปหมด เพราะนิสัยที่เรียกว่า 'ไทยมุง' นั่นแหละ คนในหมู่บ้านจึงต่างออกมารุมล้อมดูที่ร่างของอาเธอร์คนเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามทีเถิด... คนที่ต้องมาดูเป็นคนแรกก็ไม่พ้นคุณพ่อและคุณแม่ของเขา
สันติ หรือชื่อเดิมของเขา สตีเฟ่น เป็นนักธุรกิจอังกฤษที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยมานานนับปีจนได้สัญชาติไทย บิดาของอาเธอร์เด็กหนุ่มจอมขี้กลัวคนนี้ เขาเป็นคนที่มีนิสัยอยากรู้เรื่องต่างๆ ที่เคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์หรือเรื่องที่เป็นสิ่งลี้ลับ ไสยศาสตร์เขาก็รู้มาจนแทบจะเรียกเขาว่า “ปรามจารย์” ได้เลยทีเดียว
เขาวิ่งกรูฝ่าวงล้อมของไทยมุงที่กำลังมุงดู ส่วนคนใช้พยายามกันไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ๆ อาเธอร์ จากนั้นสันติก็เขย่าร่างของลูกชายพร้อมกับตะโกนด้วยน้ำตาว่า...
“อาเธอร์ลูกพ่อ... เป็นอะไรล่ะเนี่ย!!!” สันติถาม
เพื่อนๆ เห็นก็รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือสันติก็รีบไหว้ โชติก็รีบไปบอกกับคุณพ่อว่า
“ผมกะเขาไปเล่นสเก็ตที่ลานริมคุ้งน้ำตรงนั้น แล้วอาเธอร์ก็เจออะไรที่ประหลาดๆ เข้า เลยเป็นลมไปครับคุณอา”
“แล้วพวกแกทำอะไรลูกกับฉันหรือเปล่า???”
“เปล่าครับ อาเธอร์เขาเป็นขึ้นมาเองครับ เขาเป็นคนหวาดกลัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“แล้วทำไมแกไม่บอกว่าตรงนั้นมันอันตรายล่ะ” สันติถามอีกข้อ
“ผมก็เจอมาครั้งแรก เท่าที่สังเกตได้คือผมกับเขาไปเล่นสเก็ตบอร์ดที่นั่น แล้วจู่ๆ ลมก็แรงดื้อๆ ทั้งๆ ที่เมื่อตะกี้ลมก็ยังสงบอยู่ ท้องฟ้าตอนนั้นมืดมาก มีแต่สีแดงเหมือนเลือด... เลือดเต็มไปทั่วท้องฟ้า มีแสงวูบมาจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบกว่าๆ สวมชุดสี...” โชติเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียด
“เดี๋ยวแกกับฉันคุยกันยาวแน่!” สันติรีบตัดบท แล้วก็รีบเรียกแม่ของอาเธอร์ทันทีว่า “แม่ๆ รีบพาลูกไปส่งโรง 'บาลก่อนเร็ว!!” จากนั้น นวลศรี ภรรยาของ มร.สันติและแม่ของอาเธอร์ กำลังมาพร้อมกับคนใช้รีบพาอาเธอร์ส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน
รถคันหนึ่งที่คนใช้ของสันติกำลังวิ่งมาอย่างรวดเร็วมากจนไทยมุงต้องหลบหลีกไปคนละฟาก หลังจากนั้นนวลศรีอุ้มลูกชายที่นอนสลบอยู่ให้นอนอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนเธอนั่งอยู่ที่เบาะหน้า แล้วรถคันนั้นก็รีบวิ่งไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
o o o o o o o o o o o o
ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากบ้านมากนัก ที่นั่นมีตึกอยู่ประมาณ 2-3 หลัง แต่ละหลังมีความสูงไม่เท่ากัน เมื่อมองจากหน้าตึกหลังหนึ่ง ก็จะเห็นประตูใหญ่สำหรับเข้าห้องฉุกเฉินอยู่ตรงหน้า ส่วนประตูทางเข้าจะอยู่ข้างๆ กัน เมื่อเข้าไปข้างในก็จะมีโถงใหญ่ที่มีคนรอรับการตรวจอยู่ไม่มาก แต่ก็ไม่บางตนจนเกินไป อีกประตูหนึ่งของห้องฉุกเฉินจะเป็นม้านั่งของญาติที่มารอฟังผลการรักษาจากห้องฉุกเฉิน
โชติและเพื่อนๆ กำลังนั่งรออยู่ที่ม้านั่งหน้าโรงพยาบาล ส่วนสันติและภรรยากำลังนั่งรอฟังผลอาการลูกชายที่หน้าห้องฉุกเฉิน ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง แพทย์ที่มารักษาอาเธอร์ก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน พร้อมกับบอกสองสามีภรรยาว่า
“ลูกชายของคุณอาการปลอดภัยแล้วครับ แกแค่ตกใจจนช็อคเล็กน้อย เดี๋ยวให้พักที่นี่สักคืนสองคืนก็กลับบ้านได้นะครับ” หลังจากได้ฟังคำตอบแล้วทั้งสองก็ดีใจที่ลูกชายไม่เป็นอะไร
ที่กลุ่มเพื่อนๆ นอกจากโชติแล้วยังมีเพื่อนอีกสามสี่คนคือ มอส อัพ วัน และเม่น ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่อยู่ก๊วนเดียวกันกับอาเธอร์และโชติ ต่างคนต่างคิดว่าในนั้นคงจะนจนน่ากลัวแน่นอน ต่อไปก็ไม่กล้าไปเล่นที่ลานตรงนั้นอีก คงต้องไปหาสวนสาธารณะเป็นลานเล่นสเก็ตบอร์ดใหม่ ถ้าจะไปสยามสแควร์ก็คงจะไกลไป มีแต่โชติเท่านั้นที่รู้จริงว่าในนั้นมันมีอะไรอยู่ข้างในอย่างแน่นอน
มอสเริ่มเปิดประเด็นถาม “เฮ้ยในคุ้งน้ำมันมีอะไรวะ ทำไมอาเธอร์ถึงสลบได้”
“ข้าไม่รู้ว่ะ แต่ที่แน่ๆ สงสัยอาเธอร์คงขวัญอ่อนไปว่ะ” วันตอบ จากที่เคยสงสัยว่าข้างในมีอะไร แต่วันกลับหักล้างเพราะวันรู้ดีว่าอาเธอร์เป็นคนขวัญอ่อน
“เออว่ะ ถ้ารู้ว่าอาเธอร์ขวัญอ่อนขนาดนั้นข้าคงไปเล่นที่อื่นดีกว่าว่ะ” อัพเสริมขึ้น ส่วนเม่นก็เห็นด้วยกับคำตอบของวันและอัพ
“แต่ข้าว่านะ... ข้างในมันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน ไม่งั้นผีในคุ้งน้ำคงไม่มาเล่นงานได้ถึงขนาดนี้หรอก” โชติแย้งขึ้น
“เฮ้ย! แล้วเอ็งรู้เหรอวะว่าข้างในมีอะไร” อัพพูดสวน “ก็รู้ดิ” “เอ็งจะไปรู้อะไรวะ... ถ้าเอ็งรู้ป่านนี้เอ็งคงปราบมันได้นานแล้ว” “ข้ามีอะไรไปปราบมันได้วะ รู้ทั้งรู้อยู่ว่ามันก็...” … เถียงกันไปเถียงกันมาจนสันติได้ยินเข้า เลยเดินปรี่เข้ามาถามด้วยความสงสัย แต่ถึงกระนั้นก็ยังอารมณ์เสียอยู่
“แกรู้มั๊ย?? ว่าที่นั่นมันมีอะไร” “ผมไม่รู้เหมือนกันฮะ...” อัพตอบ
โชติรีบมาตัดก่อนที่อัพจะพูดหมดประโยค สันติเตรียมที่จะชกหน้า โชคดีที่มอสกับเม่นห้ามได้ทันก่อนที่จะมีมวยขึ้นมา พร้อมบอกให้อัพเงียบๆ ไว้ ส่วนอาร์ต มอส และเม่นพยายามปลอบให้นายสันติอารมณ์เย็นลงก่อนจึงจะอธิบายได้
โชติเข้ามาขอโทษ พร้อมบอกกับสันติว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้จริงๆ แต่เรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปฮะ” “ที่มายังไงเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”
“คุณอาครับ ถ้าจะให้ผมเล่า คุณอาต้องสัญญาว่าจะต้องไปหาคุณปู่ด้วย” โชติยื่นเงื่อนไขให้สันติ
“โอเค... ยังไงก็ว่ามา”
“เรื่องยาวหน่อยนะครับคุณอา”
--โปรดติดตามตอนต่อไป--