ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) นี้ มีที่สุดอันตามไปไม่พบ ไม่ปรากฏเงื่อนเบื้องต้น เบื้องปลาย ของสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกมัด วิ่งไป ท่องเที่ยวไปอยู่. ควรเพื่อจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัดในสังขารทั้งปวง ควรที่จะพ้นไปเสีย." สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ๑๖/๒๑๙
ตามด้านบน คำว่า"สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น" มีความหมายอย่างไรกันแน่ครับ ตอนนี้ผมสบสันมากครับ
ภูมิรู้ความเข้าใจของผมยังตื้นเขินมากครับ จึงยังทำให้มืดบอดอยู่ครับ ผมพยายามสะสมสุตตะ จนตอนนี้ความเข้าใจของผมแยกเป็นสองกรณีครับคือ
1. เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มีอยู่จริง ประกอบกับอวิชชา จึงไปยึดครองขันธ์ห้าว่าเป็นตัวเรา
นั้นคือ สัตว์ ไม่ได้เป็นหนึ่งในขันธ์ห้า แต่เป็นธรรมชาติที่มีอยู่จริง
2. ไม่ได้มีอยู่จริงตั้งแต่แรก แต่ด้วยความไม่รู้ จึงหลงยึดว่าขันธ์ห้าเป็นตัวตน เป็นสัตว์เป็นบุคคล นั่นคือ ไม่มีอะไรที่แยกออกไปจากขันธ์ห้า
สัตตานังหรือสัตว์ ตามความหมายของพระศาสดาคืออะไรกันแน่ครับ
ตามด้านบน คำว่า"สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น" มีความหมายอย่างไรกันแน่ครับ ตอนนี้ผมสบสันมากครับ
ภูมิรู้ความเข้าใจของผมยังตื้นเขินมากครับ จึงยังทำให้มืดบอดอยู่ครับ ผมพยายามสะสมสุตตะ จนตอนนี้ความเข้าใจของผมแยกเป็นสองกรณีครับคือ
1. เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มีอยู่จริง ประกอบกับอวิชชา จึงไปยึดครองขันธ์ห้าว่าเป็นตัวเรา
นั้นคือ สัตว์ ไม่ได้เป็นหนึ่งในขันธ์ห้า แต่เป็นธรรมชาติที่มีอยู่จริง
2. ไม่ได้มีอยู่จริงตั้งแต่แรก แต่ด้วยความไม่รู้ จึงหลงยึดว่าขันธ์ห้าเป็นตัวตน เป็นสัตว์เป็นบุคคล นั่นคือ ไม่มีอะไรที่แยกออกไปจากขันธ์ห้า