สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 33
เข้าเรื่องกระทู้คำถาม : การเรียก"สัตว์" โดยใช้ศัพท์ว่า "สตฺตานํ" เป็นการใช้ศัพท์ผิดไวยากรณ์บาลี อย่างไร ?
ผมขอตอบว่า : 1. คำว่า สตฺตานํ คำนี้มีอยู่จริงในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้จริง
แต่ คึกฤทธิ์ ใช้ศัพท์ผิดหลักไวยากรณ์บาลี ดั่งที่ คุณเอิงเอยได้อธิบายในต้นกระทู้
2. เมื่อสนทนาอธิบายโดยใช้คำศัพท์ผิดหลักไวยากรณ์บาลี ทำให้ความหมายผิด
และเป็นความหมายใหม่ที่ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า

อธิบาย
เช่นใช้คำว่า สัตตานังไปเกิด ถ้าแปลความหมายตรงตามคำ บาลี คำว่า สตฺตนํ คือ ของสัตว์ทั้งหลาย (เป็นพหูพจน์)
ก็จะได้ความหมาย จตุถฺถีวิภตฺติ ว่า แห่งสัตว์ทั้งหลายไปเกิด !!! ในครรภ์มารดาในคราวเดียว งงไหม ?
(ฉฏฺฐีวิภตฺติ) ว่า ของสัตว์ทั้งหลายไปเกิด ? ในครรภ์มารดาในคราวเดียว งงไหม ?
งงไปอีกว่า สัตว์ผู้ไปเกิดนั้นเกิดได้คราวละ ๑ ตัว หรือว่าไปทีละเป็นฝูง !!!
งงไปอีกว่า อะไรของสัตว์ทั้งหลายไปเกิด !!!!
คึกฤทธิ์พูดว่า สัตตานังยึดขันธ์ ๕ แปลความหมายได้ว่า แห่งสัตว์ทั้งหลายยึดขันธ์ ๕ // ของสัตว์ทั้งหลายยึดขันธ์ ๕ !!!
งง ว่า >> อะไรแห่งสัตว์ทั้งหลายยึดขันธ์ ๕ >> อะไรของสัตว์ทั้งหลายยึดขันธ์ ๕
สตฺตานํ เป็นพหูพจน์ มีตั้งแต่ 2 ขึ้นไป
แปลใหม่ ให้ตรงตามหลักไวยากรณ์ว่า
แห่งสัตว์ ๒ ตัวขึ้นไป ไปเกิด // ของสัตว์๒ ตัวขึ้นไป ไปเกิด !!! งงไหม ครับ
สมมติสัตว์ตัวนั้นชื่อ วินโย ตาย ๑ ตัว
แต่เวลาที่จะไปเกิดกลายเป็น "ของสัตว์ชื่อ วินโย ๒ ตัวขึ้นไป ไปเกิด" เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ?
แปลใหม่ ให้เต็มสูบว่า ของสัตว์ ๒ ตัวขึ้นไปยึดขันธ์ ๕ !!!(ในคราวเดียว)
แห่งสัตว์ ๒ ตัวขึ้นไปยึดขันธ์ ๕ !!!(ในคราวเดียว)
ทุกครั้ง ที่คึกฤทธิ์ พูดว่า สัตตานังยึดขันธ์ ๕ , สัตตานังไปเกิด ก็จะแปลได้แปลกประหลาดแบบนี้
ดังนั้นแล้ว ทั้งคึกฤทธิ์ และบริวารที่เผยแพร่คลิป ที่คึกฤทธิ์พูดถึงสัตตานังยึดขันธ์ ๕ ก็คือการใช้คำที่ประหลาด
เป็นคำที่พระพุทธเจ้าไม่ได้แสดงไว้
ถ้าพวกคุณอ้างว่า คำที่คึกฤทธิ์พูดนี้ คือคำที่พระพุทธเจ้าได้แสดงไว้ พวกคุณก็คือพวกที่กล่าวตู่พระพุทธเจ้า นั่นเอง
ผมขอตอบว่า : 1. คำว่า สตฺตานํ คำนี้มีอยู่จริงในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้จริง
แต่ คึกฤทธิ์ ใช้ศัพท์ผิดหลักไวยากรณ์บาลี ดั่งที่ คุณเอิงเอยได้อธิบายในต้นกระทู้
2. เมื่อสนทนาอธิบายโดยใช้คำศัพท์ผิดหลักไวยากรณ์บาลี ทำให้ความหมายผิด
และเป็นความหมายใหม่ที่ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า

อธิบาย
เช่นใช้คำว่า สัตตานังไปเกิด ถ้าแปลความหมายตรงตามคำ บาลี คำว่า สตฺตนํ คือ ของสัตว์ทั้งหลาย (เป็นพหูพจน์)
ก็จะได้ความหมาย จตุถฺถีวิภตฺติ ว่า แห่งสัตว์ทั้งหลายไปเกิด !!! ในครรภ์มารดาในคราวเดียว งงไหม ?
(ฉฏฺฐีวิภตฺติ) ว่า ของสัตว์ทั้งหลายไปเกิด ? ในครรภ์มารดาในคราวเดียว งงไหม ?
งงไปอีกว่า สัตว์ผู้ไปเกิดนั้นเกิดได้คราวละ ๑ ตัว หรือว่าไปทีละเป็นฝูง !!!
งงไปอีกว่า อะไรของสัตว์ทั้งหลายไปเกิด !!!!
คึกฤทธิ์พูดว่า สัตตานังยึดขันธ์ ๕ แปลความหมายได้ว่า แห่งสัตว์ทั้งหลายยึดขันธ์ ๕ // ของสัตว์ทั้งหลายยึดขันธ์ ๕ !!!
งง ว่า >> อะไรแห่งสัตว์ทั้งหลายยึดขันธ์ ๕ >> อะไรของสัตว์ทั้งหลายยึดขันธ์ ๕
สตฺตานํ เป็นพหูพจน์ มีตั้งแต่ 2 ขึ้นไป
แปลใหม่ ให้ตรงตามหลักไวยากรณ์ว่า
แห่งสัตว์ ๒ ตัวขึ้นไป ไปเกิด // ของสัตว์๒ ตัวขึ้นไป ไปเกิด !!! งงไหม ครับ
สมมติสัตว์ตัวนั้นชื่อ วินโย ตาย ๑ ตัว
แต่เวลาที่จะไปเกิดกลายเป็น "ของสัตว์ชื่อ วินโย ๒ ตัวขึ้นไป ไปเกิด" เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ?
แปลใหม่ ให้เต็มสูบว่า ของสัตว์ ๒ ตัวขึ้นไปยึดขันธ์ ๕ !!!(ในคราวเดียว)
แห่งสัตว์ ๒ ตัวขึ้นไปยึดขันธ์ ๕ !!!(ในคราวเดียว)
ทุกครั้ง ที่คึกฤทธิ์ พูดว่า สัตตานังยึดขันธ์ ๕ , สัตตานังไปเกิด ก็จะแปลได้แปลกประหลาดแบบนี้
ดังนั้นแล้ว ทั้งคึกฤทธิ์ และบริวารที่เผยแพร่คลิป ที่คึกฤทธิ์พูดถึงสัตตานังยึดขันธ์ ๕ ก็คือการใช้คำที่ประหลาด
เป็นคำที่พระพุทธเจ้าไม่ได้แสดงไว้
ถ้าพวกคุณอ้างว่า คำที่คึกฤทธิ์พูดนี้ คือคำที่พระพุทธเจ้าได้แสดงไว้ พวกคุณก็คือพวกที่กล่าวตู่พระพุทธเจ้า นั่นเอง
ความคิดเห็นที่ 74
ล่าสุดประเด็นที่หัวหอมมันแปลพระบาลี
แล้วบอกว่าของเขานั้นตรงกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส
เท่านั้นแหละ
ผู้ที่เขาศึกษาพระธรรมมาตลอดเนิ่นนานหลายๆ สิบปี เขาก็ออกมาชี้ทางถูกให้
ก็เพราะไปกล่าวตู่พระศาสดาที่เขารพนับถือศึกษาคำสอนท่านมาเนิ่นนานนั่นแหละ
แต่เป็นเจ้าหัวหอมจอมเกเรนี่แหละ ที่สู้เขาไม่ได้ด้านความรู้
และไม่สามารถยอมรับได้ ว่าตนนั้นเอาพระธรรมผิดมาแสดง
โดยการอ้างว่า ตนนั้นแปลพระบาลีได้ถูกต้อง
คนที่เรียนบาลีไวยากรณ์เขาก็เข้ามาทำความเข้าใจให้ เผื่อผู้ศึกษาท่านอื่นๆ ด้วย
มีแต่เจ้าหัวหอม ไม่ยอมรับความจริง
คุณอ่านๆ มาไม่เห็นมันเบี่ยงประเด็นหรอกรึ
ต้นเรื่องอยู่นี่...กร่างคับซอย พอโดนเขาสั่งสอน ก็แถประเด็นดั่งคนพาลไปว่าเขาอีก.
https://ppantip.com/topic/41250170
แล้วบอกว่าของเขานั้นตรงกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส
เท่านั้นแหละ
ผู้ที่เขาศึกษาพระธรรมมาตลอดเนิ่นนานหลายๆ สิบปี เขาก็ออกมาชี้ทางถูกให้
ก็เพราะไปกล่าวตู่พระศาสดาที่เขารพนับถือศึกษาคำสอนท่านมาเนิ่นนานนั่นแหละ
แต่เป็นเจ้าหัวหอมจอมเกเรนี่แหละ ที่สู้เขาไม่ได้ด้านความรู้
และไม่สามารถยอมรับได้ ว่าตนนั้นเอาพระธรรมผิดมาแสดง
โดยการอ้างว่า ตนนั้นแปลพระบาลีได้ถูกต้อง
คนที่เรียนบาลีไวยากรณ์เขาก็เข้ามาทำความเข้าใจให้ เผื่อผู้ศึกษาท่านอื่นๆ ด้วย
มีแต่เจ้าหัวหอม ไม่ยอมรับความจริง
คุณอ่านๆ มาไม่เห็นมันเบี่ยงประเด็นหรอกรึ
ต้นเรื่องอยู่นี่...กร่างคับซอย พอโดนเขาสั่งสอน ก็แถประเด็นดั่งคนพาลไปว่าเขาอีก.
https://ppantip.com/topic/41250170

ความคิดเห็นที่ 32
ต้องขอบคุณ คุณเอิงเอย มาก ๆ (ชื่อในพันทิพ เอิงเอย ไม่ใช่ อิงเอย ใครที่เรียกผิด ๆ กรุณาเรียกเสียใหม่)
จากที่ได้สนทนากัน้ในกระทู้ https://ppantip.com/topic/41255425/comment15-1
ผมมองเห็นสภาพปัญหาที่มีสมาชิกพันทิพ และ ที่อื่น ๆ ได้มีการเผยแพร่คำพูดของคึกฤทธิ์
โดยเฉพาะคำว่า สตฺตานํ ในความหมายที่ไม่ตรงตามหลักบาลีไวยากรณ์
ไม่ตรงตามความหมายที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ รวบรวมไว้ในพระไตรปิฎกบาลี มีผู้แปลไว้เป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลก
คุณเอิงเอย ก็สละเวลามาเขียนให้
การศึกษาธรรมนั้น เริ่มที่ทำความเข้าใจอรรถของพยัญชนะ นั่นคือ ถ้าเข้าใจอรรถ (ความหมาย) ของพยัญชนะ (คำ ประโยค) นั้นถูก ก็จะไปต่อได้
ในทางตรงกันข้ามถ้าเข้าใจความหมายของพยัญชนะ ผิด คือ เข้าใจอรรถ (ความหมาย) ของพยัญชนะ (คำ ประโยค) นั้นผิด ก็จะทำให้เกิดความสับสน ไขว้เขว ไปต่อลำบาก
ดั่งที่พระพุทธเจ้าสอนสาวกของพระองค์อยู่เนือง ๆ ว่า "พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี" (ในมหาปเทส ๔ เป็นต้น)
ให้หมั่นสอบถามความหมายของอรรถและพยัญชนะ และเผยแพร่ให้ถูกต้อง
แม้กระนั้นก็ยังมีบางพวกที่อยากเด่นดัง ไม่ได้รู้ความหมายที่ถูกต้อง
แต่อาศัยความมีชื่อเสียง มีบริวารมาก มีบริวารที่พร้อมจะเชื่อ
ไม่ว่าฉัน ข้า...จะพูดผิด ประดิษฐ์คำขึ้นมาอย่างไร
ก็มีบริวารที่ยอมสยบเชื่อ และก็แสดงอาการท้าทาย เยาะเย้ยกดข่มผู้อื่น สำนักอื่นว่าโง่
เสมือนหนึ่งว่า ฉัน ข้า จะพูดจะแปลคำนี้ว่ามีความหมายอย่างที่ฉันต้องการ
แม้จะผิดไปจากความหมายที่พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้
ก็ไม่เห็นมีใครมาทำอะไรได้
บริวารพวกนี้ ไม่เพียงแต่เชื่อในคำพูด คำอธิบายที่ ผิด ๆ ของหัวหน้าสำนัก เท่านั้น
ไม่พยายามสอบถามจากผู้ที่มีความรู้ ในทางตรงกันข้ามกลับผลักไสคนที่เขารู้หลักการ ให้กลายเป็นคนดูแย่
แทนที่จะศึกษาตามแนวที่พระพุทธเจ้าสอน กล่าวคือ คำไหน ไม่รู้ความหมาย ก็ให้หมั่นสอบถามจากผู้ที่รู้ เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ
แต่กลับปักแน่น ไปเชื่อคนที่ไม่รู้ในเรื่องนั้น ๆ แล้วมีอาการความดันทุรังสูง
กลับมาเรื่อง การเรียนรู้ อรรถและพยัญชนะ มีความสำคัญอย่างไร
เขียนซ้ำ พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้ว่า "พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี"
อย่างที่เคยเขียนไปแล้วว่า ถ้าเข้าใจความหมายคำถูกต้องก็จะทำให้เข้าใจประโยคถูกต้อง
ก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้เข้าใจหลักธรรมถูกต้อง
จากที่ได้สนทนากัน้ในกระทู้ https://ppantip.com/topic/41255425/comment15-1
ผมมองเห็นสภาพปัญหาที่มีสมาชิกพันทิพ และ ที่อื่น ๆ ได้มีการเผยแพร่คำพูดของคึกฤทธิ์
โดยเฉพาะคำว่า สตฺตานํ ในความหมายที่ไม่ตรงตามหลักบาลีไวยากรณ์
ไม่ตรงตามความหมายที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ รวบรวมไว้ในพระไตรปิฎกบาลี มีผู้แปลไว้เป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลก
คุณเอิงเอย ก็สละเวลามาเขียนให้
การศึกษาธรรมนั้น เริ่มที่ทำความเข้าใจอรรถของพยัญชนะ นั่นคือ ถ้าเข้าใจอรรถ (ความหมาย) ของพยัญชนะ (คำ ประโยค) นั้นถูก ก็จะไปต่อได้
ในทางตรงกันข้ามถ้าเข้าใจความหมายของพยัญชนะ ผิด คือ เข้าใจอรรถ (ความหมาย) ของพยัญชนะ (คำ ประโยค) นั้นผิด ก็จะทำให้เกิดความสับสน ไขว้เขว ไปต่อลำบาก
ดั่งที่พระพุทธเจ้าสอนสาวกของพระองค์อยู่เนือง ๆ ว่า "พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี" (ในมหาปเทส ๔ เป็นต้น)
ให้หมั่นสอบถามความหมายของอรรถและพยัญชนะ และเผยแพร่ให้ถูกต้อง
แม้กระนั้นก็ยังมีบางพวกที่อยากเด่นดัง ไม่ได้รู้ความหมายที่ถูกต้อง
แต่อาศัยความมีชื่อเสียง มีบริวารมาก มีบริวารที่พร้อมจะเชื่อ
ไม่ว่าฉัน ข้า...จะพูดผิด ประดิษฐ์คำขึ้นมาอย่างไร
ก็มีบริวารที่ยอมสยบเชื่อ และก็แสดงอาการท้าทาย เยาะเย้ยกดข่มผู้อื่น สำนักอื่นว่าโง่
เสมือนหนึ่งว่า ฉัน ข้า จะพูดจะแปลคำนี้ว่ามีความหมายอย่างที่ฉันต้องการ
แม้จะผิดไปจากความหมายที่พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้
ก็ไม่เห็นมีใครมาทำอะไรได้
บริวารพวกนี้ ไม่เพียงแต่เชื่อในคำพูด คำอธิบายที่ ผิด ๆ ของหัวหน้าสำนัก เท่านั้น
ไม่พยายามสอบถามจากผู้ที่มีความรู้ ในทางตรงกันข้ามกลับผลักไสคนที่เขารู้หลักการ ให้กลายเป็นคนดูแย่
แทนที่จะศึกษาตามแนวที่พระพุทธเจ้าสอน กล่าวคือ คำไหน ไม่รู้ความหมาย ก็ให้หมั่นสอบถามจากผู้ที่รู้ เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ
แต่กลับปักแน่น ไปเชื่อคนที่ไม่รู้ในเรื่องนั้น ๆ แล้วมีอาการความดันทุรังสูง
กลับมาเรื่อง การเรียนรู้ อรรถและพยัญชนะ มีความสำคัญอย่างไร
เขียนซ้ำ พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้ว่า "พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี"
อย่างที่เคยเขียนไปแล้วว่า ถ้าเข้าใจความหมายคำถูกต้องก็จะทำให้เข้าใจประโยคถูกต้อง
ก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้เข้าใจหลักธรรมถูกต้อง
ความคิดเห็นที่ 37
สาธุ ครับ คุณเอิงเอย
สัตตานัง จากคำแต่งใหม่ของนักบวชคึก นี่มันพิลึกดีน่ะครับ
แต่สาวกอย่างคุณสัจ ฯ ก็เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา เลย
สัตตานัง จาก "คึกฤทธิ์กถา สาวกทุพภาษิต"
https://watnaprapong.blogspot.com/2014/11/blog-post_12.html
ท่านคึกฤทธิ์ผู้กล่าวว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมของพระศาสดาแล้ว แต่มิได้ทำตนเป็นมรรคานุคา กลับแสดงธรรมอธิบายธรรมเอง บทความนี้ ข้าพเจ้าผู้ไม่รู้ทั่วถึงธรรมอันลึกซึ้ง ประณีตของพระศาสดา ทำได้แต่เพียงเข้าเฝ้าพระองค์ผ่านพระไตรปิฎกเท่านั้น จะขอถามท่านคึกฤทธิ์ว่า “สัตตานัง” ของท่าน คืออะไร ท่านไปเอาที่ไหนมาอธิบายให้สาวกฟังเป็นตุเป็นตะ
สัตตานัง จากคำแต่งใหม่ของนักบวชคึก นี่มันพิลึกดีน่ะครับ
แต่สาวกอย่างคุณสัจ ฯ ก็เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา เลย
สัตตานัง จาก "คึกฤทธิ์กถา สาวกทุพภาษิต"
https://watnaprapong.blogspot.com/2014/11/blog-post_12.html
ท่านคึกฤทธิ์ผู้กล่าวว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมของพระศาสดาแล้ว แต่มิได้ทำตนเป็นมรรคานุคา กลับแสดงธรรมอธิบายธรรมเอง บทความนี้ ข้าพเจ้าผู้ไม่รู้ทั่วถึงธรรมอันลึกซึ้ง ประณีตของพระศาสดา ทำได้แต่เพียงเข้าเฝ้าพระองค์ผ่านพระไตรปิฎกเท่านั้น จะขอถามท่านคึกฤทธิ์ว่า “สัตตานัง” ของท่าน คืออะไร ท่านไปเอาที่ไหนมาอธิบายให้สาวกฟังเป็นตุเป็นตะ
แสดงความคิดเห็น
การเรียก"สัตว์" โดยใช้ศัพท์ว่า "สตฺตานํ" เป็นการใช้ศัพท์ผิดไวยากรณ์บาลี อย่างไร
-------------------------------------------------------------------------------------------
ถอดคลิปเสียงการสอนเรื่อง "สตฺตานํ"โดยพระคึกฤทธิ์
*พุทธวจน วิญญาณ สัตตานัง และอัตภาพของสัตตานัง - YouTube
https://youtu.be/KPILfmOB294
4:29
ค : ใครเป็นผู้แล่นไป ผู้ท่องไป พระองค์ตรัสกับภิกขุว่า ภิกขุทั้งหลาย สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น ตัณหาแล่นไปอยู่ ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏ เห็นไหมตรัสไว้ตรงๆ อยู่แล้วว่า สัตว์เป็นผู้แล่นไปท่องไปในสังสารวัฏ บางคราวแล่นจากโลกนี้สู่โลกอื่น บางคราวแล่นจากโลกอื่นสู่โลกนี้ เพราะความที่เขาไม่รู้ซึ่งอริยสัจทั้งสี่ พระองค์ไม่เคยตรัสว่า วิญญาณแล่นไปท่องเที่ยวไปไม่มี นี่คือความคมของบทพยัญชนะ ผิดนิดเดียวไม่ได้ และเป็นบทพยัญชนะที่สำคัญมาก เป็นการปล่อยวางจิตได้หรือไม่ได้ ดังนั้นสาติจึงโดนตำหนิอย่างรุนแรง และบอกว่า เธอยังนับเป็นภิกขุในธรรมวินัยนี้ได้หรือไม่ อูย จะไล่ออกจากความเป็นภิกขุเลยนะ สาติเลยก้มหน้านิ่ง คอตกซบเซา นะ แต่โยมเห็นว่า ปัจจุบันก็ยังมีภิกขุในธรรมวินัย พูดว่าวิญญาณเวียนว่ายตายเกิด ครูอาจารย์สอนว่าวิญญาณเวียนว่ายตายเกิดซึ่งมันก็คือมิจฉาทิฏฐิใช่มะ มันไม่มี เพราะวิญญาณเป็นสมุปปัณธรรมเกิดดับตลอดเวลา อย่างนี้ และพระองค์ก็ตรัสไว้เองว่า จิต มโน วิญญาณ เดียวกันนี่ ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ตลอดวันตลอดคืน และใครเป็นผู้แล่นไป ก็คือสัตว์ แล้วสัตว์คืออะไร บาลีใช้คำว่าอะไร บาลีใช้คำว่า สัตตะ สัตตา สัตตานัง นี่คือคำที่พระพุทธเจ้าใช้
---------------------------------------------------------------------------------------------------
จึงขออนุญาตอธิบาย ให้ทราบว่า ตามหลักไวยากรณ์เราใช้ศัพท์นี้อย่างไรบ้าง
ก่อนอื่น เรามาทบทวนไวยากรณ์บาลีเล็กน้อยนะคะ
ศัพท์บาลีนั้น ก่อนที่เราจะนำมาสื่อสาร เราต้องลงวิภัตติที่ท้ายศัพท์ ซึ่งวิภัตตินามก็จะมี 7 วิภัตติ คือ ปฐมา ถึง สัตตมีวิภัตติ
แต่ละวิภัตติก็แบ่งเป็นเอกพจน์และพหูพจน์ แต่ละพจน์ก็มีรูปต่างกัน
เมื่อใส่วิภัตติที่ท้ายศัพท์ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวอักษรบริเวณท้ายศัพท์ดังตาราง กรุณาอ่านคำอธิบายพร้อมดูตารางไปด้วยนะคะ
แต่ละวิภัตติก็จะมีคำแปลประจำหมวดวิภัตติ เวลาแปล ก็จะแปลคำแปลประจำวิภัตติตามด้วยความหมายของศัพท์นั้น
ตัวอย่าง ศัพท์ว่า "สตฺต" แปลว่า "สัตว์"
เมื่อยังเป็นรูป "สตฺต" ยังเป็นแค่ศัพท์ นำไปใช้งานไม่ได้ สื่อสารยังไม่ได้ เมื่อจะนำไปใช้ ต้องลงวิภัตติก่อน
เมื่อลง ปฐมาวิภัตติเอกพจน์ที่ท้ายศัพท์ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงจาก ศัพท์ สตฺต กลายเป็น สตฺโต แปลว่า อันว่าสัตว์
เมื่อลง ปฐมาวิภัตติพหูพจน์ที่ท้ายศัพท์ " สตฺต " สตฺตา " อันว่าสัตว์ ทั้งหลาย
เมื่อเราจะเรียก "สัตว์" จะเรียกว่า "สตฺโต" (เอกพจน์) หรือ "สตฺตา" (พหูพจน์)
เมื่อเราจะเรียก "ต้นไม้" จะเรียกว่า "รุกโข" หรือ "รุกขา" เป็นต้น
เมื่อเราจะ เขียนว่า "ต้นไม้ ของสัตว์ทั้งหลาย"
1.ศัพท์แรก เราก็ใช้ "รุกข" ลงปฐมาวิภัตติ ได้เป็น "รุกฺโข"
2.เราต้องหาวิภัตติที่มีความหมายว่า "ของ...ทั้งหลาย" มาแนบ ท้าย "สตฺต" ท่านผู้อ่าน หาพบไหมคะว่าต้องใช้วิภัตติไหน?
.........
วิภัตติที่มีความหมายว่า "ของ...ทั้งหลาย" ก็คือ ฉัฏฐีวิภัตติ ฝ่ายพหูพจน์ ซึ่งจะทำให้รูปศัพท์ จาก "สตฺต" เปลี่ยนไปเป็น "สตฺตานํ"
เมื่อนำสองศัพท์มาวางเรียงกัน (จะเรียงสลับกันกับการเรียงภาษาไทย)
ก็จะได้เป็น "สตฺตานํ รุกโข" แปลว่า "อันว่าต้นไม้ ของสัตว์ทั้งหลาย"
(บางแห่ง ท่านอาจแปลให้เข้ากับสำนวนไทยว่า "ต้นไม้ของหมู่สัตว์" หรือ "ต้นไม้ของสัตว์" โดยละความหมายประจำวิภัตติหรือความหมายของพจน์ไว้
ลองดูวลีที่ คล้ายๆ กันก็เช่น "บ้านฉัน" "รถฉัน" ท่านไม่ใส่คำแปลของวิภัตติและพจน์ ไว้ เราผู้อ่านก็จะต้องเข้าใจว่า "ฉัน" มีฐานะเป็น "เจ้าของ" ที่ลง "ฉัฏฐีวิภัตติ" แนบท้ายอยู่ ทำให้บางครั้งเมื่ออ่านคำแปลไทย แล้วต้องพลิกต้นฉบับบาลีเข้าไปดูวิภัตติดูว่า เราเข้าใจถูกต้องหรือไม่)
จะเห็นว่า คำว่า "สตฺตานํ" แปลว่า "ของสัตว์ทั้งหลาย" หรือ "แก่สัตว์ทั้งหลาย" ไม่นำมาใช้ เรียก คน สัตว์ สิ่งของ ทัพพะ ต่างๆ
ถ้าต้องการนำมาใช้ เรียก คน สัตว์ สิ่งของ เราจะลง ปฐมาวิภัตติ ฝ่ายเอกพจน์ หรือ พหูพจน์
ถ้า เอกพจน์ ก็จะได้เป็น "สตฺโต" ถ้า พหูพจน์ ก็ได้เป็น "สตฺตา"
ดัง พระพุทธวจนะดังภาพ
(หมายเหตุ สตฺโตติ มาจาก สตฺโต+อิติ แปลว่า "ว่าสัตว์" )
ดังนั้น ที่พระคึกฤทธิ์กล่าวว่า พระศาสดาบัญญัติศัพท์ "สัตตานัง" เพื่อใช้เรียก "สัตว์" จึงไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
ศัพท์ใดที่มีภาษาไทยง่ายๆ การเลือกใช้ภาษาไทยก็จะเป็นมิตรกับผู้ฟังมากกว่า เช่น การใช้ "สัตว์" "ภิกษุ" ก็ใช้ได้อย่างลื่นไหล ไม่จำเป็นต้องกล่าวเป็นบาลีก็ได้
แต่ถ้าจะกล่าวเป็นบาลี ก็น่าจะให้ถูกไวยากรณ์ และมีตัวอย่างใช้ในพระบาลี เราก็ใช้ได้อย่างไม่กังขา ไม่ผิดไวยากรณ์ และไม่สร้างคำใหม่ขึ้นมาเอง
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ _/\_
-------------------------------------
เพิ่มเติมค่ะ
ความหมายของคำว่า สตฺต
สตฺต ศัพท์ เป็นไปได้หลายความหมายขึ้นอยู่กับ บริบทเป็นอย่างไร
แต่ละความหมายก็มีลิงค์ต่างกัน การลงวิภัตติที่ประกอบเป็นบท ก็ต่างกันไป
ศัพท์ อื่นๆจำนวนมาก ก็เช่นเดียวกันที่มีหลายความหมาย ถ้าบูรพาจารย์ไม่รวบรวมไว้ให้เราเป็นหมวดหมู่เรียบร้อย รุ่นเราคงไม่สามารถศึกษาพระบาลีได้เลย
สมดังสูตร(กฎ) บาลี กัจจายนสูตร ข้อแรกคือ
"อตฺโถ อกฺขรสญฺญาโต"
เนื้อความ(พระพุทธพจน์) ย่อมเรียนรู้ได้ด้วยอักษร (บาลีไวยากรณ์)
🙏🙏🙏