ข้อคิดในการหางาน

กระทู้สนทนา
ตัวผมเองก็ไม่ได้มีปสกในการทำงานมากมายอะไรนัก แค่ 6-7 ปี แต่ว่าตัวผมเองก็ได้ผ่านการ interview รับพนักงานมามาก ได้พูดคุยและเห็นคนหลายประเภท จึงอยากจะแชร์ข้อคิดส่วนตัว (ไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้มากขนาดไหน)
ในฐานะของคนที่ interview รับงานพนักงานมาเยอะ ซึ่งอาจจะช่วยน้องๆพี่ๆที่หางานอยู่ได้ รวมไปถึงในการทำงาน (ซึ่งน่าจะใช้ได้แต่ในบ.ต่างชาติ เพราะผมค่อนข้างสุดโต่ง) นะครับ

สำหรับคนที่หางาน

ปรับความคิดตัวเองก่อน

บางคนอยากได้งานมากๆ ตอนที่ interview บอกว่าเงินเดือนเท่าไหร่ก็ได้ หรือกดเงินตัวเอง เพราะหวังอยากได้งานไปก่อน โดยที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีว่าเงินเดือนที่ได้มันจะพอใช้รึปล่าว
บางคนหวังแต่จะเรียกเงินเดือนสูงๆ แต่ไม่ได้ดูว่าตัวเองนั้นมีความสามารถ มีปสก ที่คุ้มค่ากับค่าตัวที่ตัวเองนั้นเรียกร้องหรือไม่
บางคนเปลี่ยนงานบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงใน CVยาวเหยียด ปสกทำงาน 5 ปี เปลี่ยนไป 6 บ.
บางคนหางานอะไรก็ได้ ตอนนี้ไม่อยากอยู่ที่เก่าแล้ว ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
บางคนหวังว่าอยากจะได้ตำแหน่งสูงๆ เป็นผู้จัดการ แต่ไม่เคยผ่านงานบริหาร หรือแม้แต่การเป็นหัวหน้าคุมทีม

ขอบอกก่อนเลยนะครับว่า งานสบายแล้วเงินดีไม่มีในโลก งานทุกงานมีปัญหาหมด ไม่งั้นบ.เขาไม่จ้างคนมาทำงานนั้นหรอก ยิ่งเงินสูงๆยิ่งกดดัน จริงอยู่ว่างานอาจจะน้อย แต่ว่าความรับผิดชอบนั้นคนละเรื่องแน่นอน โดยส่วนใหญ่แล้ว เงินเดือน
นั้นจะ scale ไปกับการรับผิดชอบของงานเสมอ ฉะนั้นทำใจโลด ถ้าหากคุณเจองานที่เงินดี 100k+ แล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก ทำงานสบายๆ ไม่มีความเสี่ยง ผมเรียนชอให้หลังไมค์ผมด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูงเพราะผมเองอยากทำมากๆ (ขอจริงนะครับ)

เอาละ ใครที่เคยบอก interviwer ไปว่า เอาเงินเดือนเท่าไหร่ก็ได้ โปรดจงหยุด เพราะมันไม่ดีกับคุณเลย จริงอยู่ว่ามันอาจให้คุณได้งาน แต่ว่ามันจะมีประโยชน์จะไรถ้าคุณจะไม่มีความสุข หรือว่าเงินคุณมีไม่พอใช้
ส่วนคนที่เรียกเงินเดือนสูงๆไว้ก่อน กรุณาดูตัวคุณเองด้วยว่าคุ้มค่ากับค่าตัวที่เรียกไปรึปล่าว? คิดง่ายๆ ถ้าคุณเป็นนายจ้าง คุณจะจ้างตัวเองด้วยค่าตัวที่เรียกรึปล่าว?
คนที่ใจร้อนเพราะตอนนี้ไม่เป็นสุข ขอให้ใจเย็นๆ เลือกงานดีๆ เวลา interview ก็ให้ดูท่าทีหัวหน้า องกรณ์ และถามข้อมูลเกี่ยวกับงาน ว่าเราจะอยู่ได้รึปล่าว? ถ้าได้งานแต่ทำได้แค่เดือนสองเดือนก็ออกนี่มันเสียเวลาเสียความรู้สึกกันทั้งคู่
คนไหนอยากเป็นผจก.เพราะคิดว่ามีปสกมามากแล้ว แต่ยังไม่เคยคุมทีมมาก่อน ขอบอกว่างานมันหินนะครับ จริงอยู่คุณมีลูกน้องทำงานให้ แต่คุณเป็นคนรับผิดชอบงานพวกนั้น งานล่มคุณโดนด่าก่อนเพื่อน ลูกน้องเองก็มีเรื่องดราม่าไม่มากก็น้อย คุณต้องคอยจัดการอีก ฯลฯ อย่าคิดง่ายๆ

ถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้แล้วคิดว่า..."ใครๆก็รู้เรื่องแบบนี้"...หยุดอ่านเลยครับ อ่านต่อก็เสียเวลา เพราะว่าคุณมีความคิดดีแล้ว แต่ใครอ่านแล้วรู้สึกว่า..."เฮ้ย..ตรงเลยยยย" อ่านต่ออีกนิดอาจช่วยคิดได้

แล้วจะให้คิดยังไง????

เอาเรื่องการเรียกเงินเดือนก่อน ผมอยากจะแนะนำว่าให้มองเหมือนเป็นการขายของครับ โดยมีตัวคุณเองเป็นสินค้า ส่วนนายจ้างเป็นผู้ซื้อ

เวลาซื้อของ พวกเราจะจัดประเภทสินค้าง่ายๆ สามประเภท

1. ของแพง
2. ของถูก
3. ของราคากลางๆ หรือพอดี

พอจะเดาทางได้แล้วใช่มั้ยว่าผมมาแนวไหน?

1. ของแพง ของแพงคือสินค้าที่เรารู้สึกว่าราคามันสูงกว่ามูลค่าของสินค้านั้นๆ ยกตัวอย่าง ถ้าไข่ไก่ฟองละสิบบาท...อันนี้ผมเรียกว่าแพง เคสนี้เปรียบเหมือนกับคนที่โก่งค่าตัวสูงเสียดฟ้า ถ้านายจ้างเห็นว่าราคามันแพงเกิน ใช้ยังไงก็ไม่คุ้ม ยังไงๆก็ไม่จ้างหรอกครับ (ยกเว้นว่าต้องการจริงๆ) ถึงจะจ้างก็อยู่ไม่นานหรอกครับ เป็น contractหมดงานก็ปล่อยไป

2. ของถูก แน่นอนว่าต้องกลับกันกับของแพง คือราคาน้อยกว่ามูลค่าของสินค้านั้นๆ ยกตัวอย่าง ไข่ไก่ AAAฟองละบาท...แน่นอนว่าลูกค้า หรือนายจ้างเราคว้าไว้ชัวร์ งานอะได้แน่ แต่ว่าเมื่อคุณทำงานไปสักพัก คุณจะรู้สึกได้เลยว่าคุณได้ค่าเหนื่อยไม่คุ้มค่า ที่อื่นให้เยอะกว่า แล้วคุณก็จะไม่มีความสุข สุดท้ายก็อยู่ได้ไม่นาน

3. พอดีๆ ของดีทำงานแม่นยำ รวดเร็ว ปรับเปลี่ยนง่าย ใช้คล่อง ราคาต้องสูงตาม ถ้าคุณภาพลด ราคาต้องลดตาม  แล้วคาราเท่าไรถึงจะพอดี? อันนี้คุณต้องไปหาข้อมูลเอง ไม่มีใครช่วยได้ ง่ายๆก็ถามคนที่คุณรุ้จักที่มีข้อมูลจริงๆ หรือเช็คกับพวก head hunter ถ้าคุณต้องมาถามใน pantip แสดงว่าคุณทำการบ้านไม่พอ กลับไปหาข้อมูลเอง คนในพันทิปแต่ละคนนี่เงินเดือนต่างกันราวกับฟ้ากับเหว เอามาเป็น benchmark ไม่ได้หรอกครับ

เลือกงานๆ

เป็นกระทู้ที่เห็นบ่อยสุดๆในพันพิท "เลือกที่ไหนทีครับ/คะ ระหว่าง xxxกับ xxx"
อันนี้ถามได้ครับ ไม่ผิดกติกา แต่ว่าคิดไว้ด้วยว่านายจ้างก็คิดเหมือนกันว่า "จะจ้างใครดี ระหว่าง xxxกับ xxx" และคนที่มาตอบในกระทู้ก็อาจจะมีความรู้สึกที่ไม่เป็นกลางกับองกรณ์ที่คุณถาม ฉะนั้นฟังหูไว้หู
การหาข้อมูลในการตัดสินใจเลือกงานที่ดีที่สุดคือตอนที่ interview ครับผม ช่วงที่เขาเปิดโอกาศให้ถามคำถาม จัดเต็มไปเลยครับ ไม่ต้องอาย แต่าเรื่องเงินนี่เอาพองามนะครับ แค่พอเอาชัวร์พอ ไม่ต้องเน้นมาก หลักๆก็ให้ถามว่างานที่ทำอยู่นั้นต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ส่วนใหญ่ปัญหามีอะไรบ้าง expectation ของนายจ้างต้องการเราคนมาทำอะไร นั่งต๊อกๆ รึว่ามาแก้ไขปัญหา ถ้าเป็นหัวหน้าทีมก็ถามดูว่ามีลูกน้องกี่คน
ถ้าคนที่ interview เป็นหัวหน้าแล้วตอบอะไรไม่ได้เลย ไม่ต้องไปทำครับ จริงอยู่ บ.อาจจะดีแต่หัวหน้านี่เฮงสวย(ตั้งใจสะกด)แน่นอน

ส่วนถ้าเป็นเคสยอดฮิตคือ "บ.กอไก่ ตอบรับแล้ว แต่ว่ารอ บ.ขอไข่ ที่อยากทำกว่า จะถามว่าไปทำที่ บ.กอไก่ หรือว่ารอ บ.ขอไข ดีกว่า?" อันนี้ตัดสินใจเองเลยครับ ไม่ต้องมาเสียเวลาถามคนในนี้ ถ้าคุณคิดว่ามันคุ้มกับการเสี่ยงรอ บ.ในดวงใจก็วัดดวงไปเลยครับ แต่ถ้าคุณต้องมาตั้งกระทู้ถามในนี้ ผมว่าคุณก็คงไม่ชัวร์ว่า บ.ขอไข่จะรับคุณใช่ไหม? ตัดสินใจเองครับ ชีวิตคุณเอง คิดดีๆ แต่ถ้าคุณตอบรับ บ.กอไก่ไปแล้ว อย่าไปทิ้งเขาเมื่อ บ.ขอไข่ตอบรับมานะครับ
ยกเว้นแต่ว่า reputation ที่ไม่ดีของคุณในบ.กอไก่จะไม่สร้างปัญหา หากคุณไม่ลำบากก็ทำไป แต่ระวังไว้ว่านายจ้างบางกลุ่มทำ black list แล้วส่งเวียนภายในวงการนะครับ ใครเซ็นสัญญากับผมแล้วมาทิ้งไปนี่ผมส่งชื่อเวียน เตือนเพื่อนๆในวงการทันที มันเสียเวลา และเสียโอกาศ

หากคุณอยากเปลี่ยนสายงาน ให้ประเมินตัวเองว่าคุณเหมาะกับสายงานนั้นรึปล่าว? support บางคนอยากเปลี่ยนเป็นเซล์ เพราะเห็นว่า เซล์ได้เงินเยอะ แต่ลืมคิดไปว่าตัวเองไม่ได้ชอบไป จิ๊จ๊ะกับใคร ไม่ใช่คนที่ชอบยอมคน ไม่ได้ชอบเดินทางตลอดเวลา พูดง่ายๆคือไม่เหมาะกับการเป็นเซล์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถเลยแต่ดันทุรังเพราะอยากได้เงินสุดท้ายก็เฟล์ ถึงจะเปลี่ยนสายงานแต่ว่าเอาให้เหมาะกับตัวเองนะครับ

Interview นั้นสำคัญไฉน?

ไม่ต้องบอกทุกคนก็รู้ว่า "สำคัญมว๊ากกกกก "แน่นอน เล่นเอาบางคนเครียดเสียจนเวลา interview เนี่ยประหม่าไปเลย พูดผิดพูดถูก ในหัวมันว่างเปล่า ถามอย่างตอบอย่างประมาณ "ไปไหนมา สามวาสองศอก" อันนี้มันขึ้นอยู่กับ ปสก ครับยิ่งผ่านการ interview มาก ความประหม่าก็จะลดลงไปเอง ประมาณว่า "เจนสังเวียน"
การ interview แต่ละ บ.ก็แตกต่างกันไปตาม culture ของ บ.นั้นๆ บางที interview กันรอบเดียว กับหัวหน้าเลย บางที่หลายรอบ บางที่เป็น pannel บางที่เดี่ยวๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้คล่อง

จงจำไว้ว่าการ interview เป็นการประเมินของบ.ต่อผู้สมัคร และเป็นโอกาศของผู้สมัครที่จะประเมินบ.ด้วย อย่าให้เขาเป็นฝ่ายเลือกเพียงฝ่ายเดียว อย่าที่ผมบอกไปแล้วว่าให้ใช้การ interview เป็นการหาข้อมูลในการตัดสินใจของเราด้วย

ส่วนการตอบคำถามนั้น อย่าเฟคเกิน ให้คงความเป็นตัวของตัวเองอย่างครึ่งนึง หากบางเรื่องที่รับไม่ได้ก็บอกไปเลย ไม่ต้องเสียดายงาน บางทีเขาอาจจะเลือกคุณแต่ไม่ให้คุณทำเรื่องที่รับไม่ได้ก็ได้ ความมั่นใจในตัวเองของคุณมีผลต่อความประทับใจสูง หากคุณไม่มั่นใจเลย คนที่จะจ้างคุณจะไปมีความมั่นใจในตัวคุณได้อย่างไร หากคุณเซล์ฟเกินเขาอาจจะคิดว่าคุณอาจจะสอนงานยาก ไม่ก็พาลไม่ถูกชะตาไปซะเฉยๆ
การ interview นั้นเป็นเรื่องที่แนะนำค่อนข้างจะยากเพราะต่างคนต่างแนว บางที่ถามแต่เรื่อง technical บางที่เน้นปสก บางที่เน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนที่ๆเป็น pannel จะโหดสุดๆเพราะจะโดนเกือยทุกแนว (งานที่ผมเพิ่งได้เขา Pannel 6 คน)
การฝึกง่ายๆคือลองๆนึกคำถามที่คุณคิดว่าเขาน่าจะถามแล้วคิดคำตอบไว้ หากคุณหาคนมาช่วยถามคุณด้วยจะช่วยได้มาก สุดท้ายแล้วหากคุณไป interview แล้วไม่ผ่าน อย่าท้อครับ ให้คิดไว้ว่าเป็นปสก. แล้วค่อยลองใหม่

CV & RESUME

มาถึงเรื่องที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดในการหางานซะที..นั่นคือ CV หรือ Resume (แล้วแต่จะเรียก)  
มันสำคัญสุดๆแล้วเพราะส่วนใหญ่ HR หรือ หัวหน้าจะเลือกใครมา interview ก็ต้องเลือกมาจาก CV เนี่ยแหละ (ยกเว้นเด็กฝาก เหอๆ)
แนะนำง่ายๆ

- อย่าใช้ อีเมล์แบ้วๆคุณสร้างไว้ตั้งแต่ม.ปลายเป็นเมล์ติดต่อ เช่น nuusomzaa@hotxxxx.com หรือ  googgig1984@gเมล์.com ไปทำอีเมล์ใหม่ซะ ใช้เชื่อจริงคุณจะเป็นตัวย่อก็ได้ จะได้ดูเป็นผู้ใหญ่ ผมคัดทิ้งเพราะอีเมล์แบ้วๆมาเยอะแล้ว
- อย่าอายที่จะใส่ เงินเดือนที่ต้องการ อย่างน้อยคุณก็จะไม่ต้องเสียเวลามา interview สุดท้ายมารู้ว่าบ.สู้เงินเดือนคุณไม่ได้ เสียเวลาปล่าวๆ
- อย่าเอาปสก. การทำงานร้านอาหารที่ต่างประเทศ มาใส่เป็น work experience หากอยากจะใส่จริงๆ ให้ใส่เป็น curriculum ในช่วงเรียนแทน
- อย่าคิดว่า CV ยาวๆจะดี พยายามให้ไม่เกิน 3 หน้า จะดีมากหากอยู่ที่ 2 หน้า, คนที่มาคัด CV เขาต้องอ่าน CV เป็นสิบๆ เจอของคุณซะ 8 หน้าดีไม่ดีเขาไม่อ่านเลย
- เปลี่ยนงานบ่อย? อย่าลง ปสก การทำงานกับ บ.ที่ทำไม่ถึงปี, จริงๆแล้ว ไม่สมควรเปลี่ยนงานบ่อยตั้งแต่แรกเพราะดูไม่ดีมากๆ (ยกเว้นบางสายงานที่ไม่ค่อยแคร์) แต่ว่าอันไหนที่คุณทำไม่ถึงปีอย่าไปใส่เลย เพราะมันไม่ได้วัดอะไร
- อย่าใช้ CV เดียวสมัครงาน, พยายามแก้ไข CV ให้เหมาะสมกับงานที่สมัคร จะได้ดูดีขึ้น
- เนื้อๆ เน้นๆ: การทำ CV คือการสรุป   ข้อมูลคุณให้กระชับมากที่สุดโดยที่เสียข้อมูลสำคัญมากที่สุด อะไรที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องใส่ พวก hobby นี่ผมไม่เคยดู ถ้าบ.ให้กรอกก็อีกเรื่องนะครัย

หวังว่าสิ่งที่ผมแชร์จะช่วยได้ไม่มากก็น้อย ภาษาไทยผมไม่แข็งแรงเท่าไหร่ หยวนได้หยวนไปนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่