กรุงเทพนิรมิตร ตอนที่ 7

กระทู้สนทนา
7

ดอกชมนาดโชยเอากลิ่นหอมสะอาดเข้ามาในเรือนในยามเช้า พิมพ์มาดามองร่างของแม่หญิงนิ่มที่หลับสนิทด้วยความเพลียตามวิสัยคนท้อง
ก่อนจะเดินออกไปสูดอากาศสดชื่นหลังฝนตก ล่วงเข้าฤดูฝนแล้วอากาศจึงค่อนข้างชื้นกว่าช่วงหลายเดือนก่อน ฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนพอ
ช่วงเช้าถึงได้เบาลงตามลำดับ ไอละอองฝนกระทบแขนเกลี้ยงเกลาข้างที่ไม่มีสไบพาดทำให้รู้สึกเย็นเล็กน้อย ลมเบาหอบความหอมอบอวล
ด้วยกลิ่นมวลดอกไม้ที่อิ่มชุ่มไปด้วยน้ำฝน สายตาที่เหม่อออกไปเพียงครู่เดียวก็หยุดจ้องร่างของชายผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในศาลาเรือนไทยที่หัน
หน้าออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ร่างกำยำนั่งถือดาบในมือทำท่าคล้ายว่ากำลังเช็ดทำความสะอาดดาบด้วยความทะนุถนอม ขุนรามเดชะพ่อเทวดา
ของเธอนั่นเอง  แปลกแฮะ นานๆทีจะเห็นอีตานั่นอยู่ติดบ้านติดเรือนกับเขาเสียที ดวงตาเรียวยาวมีความสงสัยขึ้นมาทันใดจึงตัดสินใจเดินลง
ไปหาร่างที่อยู่ในศาลานั้นทันที  แต่เพียงเวลาเพียงพริบตาเดียวศาลาทรงไทยนั้นก็เหลือแต่ความว่างเปล่ากับบรรยากาศขมุกขมัว

หายไปไหนนะ หรือว่าผีหลอก ไม่นะ เมื่อหันมองซ้ายขวาก็พลันไปเจอกับร่างของนางยิ้มงที่ถือถาดอาหารเต็มมือกำลังเดินมุ่งตรงไปที่เรือน
ใหญ่

“อ้าว พี่ยิ้มงทำไมวันนี้ถือมาเองเลยล่ะจ๊ะ บ่าวเรือนใหญ่ไม่มาหรือจ๊ะ” พิมพ์มาดาวิ่งออกมากุลีกุจอช่วยถือในทันใด

“มิเป็นไรหรอกเจ้าค่ะ นางแดงมันลากลับไปเยี่ยมแม่มันที่กรุงเก่าเจ้าค่ะ เห็นว่าแม่มันป่วยหนัก บ่าวเลยมาทำหน้าที่แทน”

“โธ่ แล้วแม่พี่แดงเป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ มาเถอะพี่ยิ้มง ฉันถือเอง พี่ยิ้มงไปเฝ้าแม่หญิงนิ่มเถอะจ๊ะ ตอนนี้หลับสนิทเลยพี่เตรียมอาหารเอา
ไปให้เธอเถอะจ๊ะ”

“น่าจักเป็นโรคลมป่วงธรรมดาเจ้าค่ะ แต่แม่มันก็แก่เฒ่าแล้วเลยอาการหนัก”

“ลมป่วง เป็นอย่างไรหรือจ๊ะ”

“อาเจียน ปวดท้องทั้งรากถ่ายกระปิดกระปอย น่ะเจ้าค่ะ”

“อ้อ แบบอาหารเป็นพิษเนอะ” พิมพ์มาดาเหมือนจะพูดกับตัวเองเพราะคนที่สนทนาด้วยก็มีสีหน้าไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่คร้านจะถามก็ไม่กล้า
เพราะนายคนนี้มีทีท่าคำพูดคำจาไม่เหมือนใครอยู่แล้วจึงได้แต่ยอมให้สาวนางนั้นถือถาดอาหารไปแต่โดยดี

เมื่อเดินขึ้นไปบนเรือนพิมพ์มาดาถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายที่หายตัวไปราวกับเทวดา

“คุณแม่ขอรับ วันนี้ข้าจักไปย่านคลองบางหลวง คุณแม่อยากได้อะไรฤาไม่ขอรับ”

“จักไปทำไมฤา นานๆทีจักอยู่บ้านให้แม่ชมเสียหน่อยมิได้ฤา” ผู้เป็นแม่กระเซ้า

“ข้าจักไปวัดบังยิงเรือมอญไปไหว้อัฐิของท่านอาจารย์ขอรับ”  

“พิโธ่เอ๋ย พ่อรามแม่ก็นึกดีใจว่าเจ้าจักไปแอบมองลูกสาวคหบดีแถวคลองบางหลวง อายุก็มากโขแล้วหนา มิอยากมีเมียบ้างฤา ตอนพ่อเจ้าอายุ
เท่าเจ้านี้ก็มีเด็กๆวิ่งเต็มเรือนแล้ว”  

“ตัวข้ามันยศศักดิ์ต่ำต้อย ไม่มีใครเขาอยากรับเป็นเขยบ้านเขาหรอกขอรับ”

“หากเจ้าเปิดตามอง จักเห็นหญิงในบางกอกเพียงได้ยินชื่อพ่อขุนรามเดชะ ทหารกล้าแกล้ววังหน้า ก็มีอันต้องหน้าแดงด้วยความเขินอายเป็นแน่
แท้” เสียงของผู้เป็นแม่มีแววเหนื่อยใจอยู่บ้างเนื่องจากมีลูกชายทั้งที ลูกชายก็มิคิดจะรีบสร้างครอบครัวสืบทอดวงศ์ตระกูล วันๆเอาแต่คิดจะรบ
จะฟันอยู่ถ่ายเดียว

“หากคุณแม่มิหวังสิ่งใด ลูกจักไปจักได้รีบกลับนะขอรับ”

พอได้ยินดังนี้พิมพ์มาดาจึงรีบหาที่ซ่อนตัวในทันใด รอเวลาให้ผ่านไปสักพักจึงถือถาดสำรับเข้าไปให้คุณหญิงนวล

“แม่พิม มาก็ดีหนา ของกำนัลจากพระยาท้ายน้ำเหตุใดไม่เอาไปใช้เสียล่ะ”

พอได้ยินดังนี้พิมพ์มาดาที่กำลังจะคลานเข่าออกไปก็ถึงกับชะงักลง  แต่ก็หันไปตอบเสียงใส

“ตัวข้ามีเสื้อผ้าได้จากแม่หญิงนิ่มเยอะแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าคงมิอาจเอื้อมใช้ของเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”

ผู้ใหญ่ตรงหน้าส่ายหน้าอย่างอารมณ์เสีย พิมพ์มาดาจึงรีบอาศัยจังหวะนี้แล้ววิ่งออกมาหวังจะให้ทันขุนรามเดชะ เพราะจากการแอบฟังนั้นทำให้
พิมพ์มาดารู้ได้ว่านี่จะเป็นโอกาสอันดีที่เธอจะได้ตามผู้ชายคนนี้ออกไปเดินเล่นเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง ช่วงนี้พิมพ์มาดาไม่ได้ออกจากบ้าน
มาหลายเดือนแล้ว ครั้นจะออกไปกับคุณหญิงนวลก็กลัวว่าจะกลายเป็นอันตรายไปได้ เพราะเดี๋ยวหากไปเจอใครต่อใครพิมพ์มาดาอาจจะถูกจับ
พลัดจับผลูเป็นเมียของขุนนางที่ไหนอีกก็ไม่รู้  ส่วนแม่หญิงนิ่มตอนนี้ก็ท้องโตออกจากบ้านก็ไม่ได้ หากจะไปเองก็คงไปที่ไหนไม่ถูก แถมเงิน
ติดตัวก็ไม่มีสักบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่