เมื่อเรายังไม่พบแสงสว่าง(สัมมาสัมโพธิญาณ) ก็ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสงสารวัฏ
กล่าวคือ ความเกิดแล้วเกิดอีก เป็นอเนกชาติ,
แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน คือตัณหาผู้ก่อสร้างภพ(คืออัตตภาพ), การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไปทุกชาติ.
นายช่างผู้ปลูกสร้างเรือนเอ๋ย ! เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว ; เจ้าจะสร้างเรือนให้เราต่อไปอีกไม่ได้. โครงเรือนทั้งหมด(คือกิเลสที่เหลือเป็นเชื้อเกิดใหม่)ของเจ้า
เราหักเสียยับเยิน หมแล้ว;ยอดเรือน(ช่อฟ้าคืออวิชาา) เราก็รื้อเสียแล้ว. จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่ปัจจัยปรุงแต่งต่อไปอีกไม่ได้
เพราะได้บรรลุถึงความหมดอยากทุกอย่างเสียแล้ว.
-ธ. ขุ. ๒๕/๓๕/๒๑.
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า!“
.
ไม่ทราบว่าไม่มีผู้สร้างจริงหรือ
กล่าวคือ ความเกิดแล้วเกิดอีก เป็นอเนกชาติ,
แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน คือตัณหาผู้ก่อสร้างภพ(คืออัตตภาพ), การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไปทุกชาติ.
นายช่างผู้ปลูกสร้างเรือนเอ๋ย ! เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว ; เจ้าจะสร้างเรือนให้เราต่อไปอีกไม่ได้. โครงเรือนทั้งหมด(คือกิเลสที่เหลือเป็นเชื้อเกิดใหม่)ของเจ้า
เราหักเสียยับเยิน หมแล้ว;ยอดเรือน(ช่อฟ้าคืออวิชาา) เราก็รื้อเสียแล้ว. จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่ปัจจัยปรุงแต่งต่อไปอีกไม่ได้
เพราะได้บรรลุถึงความหมดอยากทุกอย่างเสียแล้ว.
-ธ. ขุ. ๒๕/๓๕/๒๑.
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า!“
.