@@@@@@@ เสียงสวด พระธรรมและแปลแต่ละวรรค ปฐมพุทธภาสิตคาถาและพระธรรมอื่น ของท่านพระอาจารย์เอกราช เขมานันโท @@@@@@

กระทู้สนทนา
ดาวน์โหลด

017 ปฐมพุทธภาสิตคาถา.mp3
http://www.mediafire.com/download/dcdr19erurgwb1g/017_%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2(4).mp3


****************************************************************************************************************************
https://sites.google.com/site/gotodhama/pthm-phuthth-pha-sit-khatha

ปฐมพุทธภาสิตคาถา



(หันทะ มะยัง ปะฐะมะพุทธะภาสิตะคาถาโย ภะณามะ เส)
เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวคาถาพุทธภาษิตครั้งแรกของพระพุทธเจ้าเถิด


อะเนกะชาติสังสารัง สันธาวิสสัง อะนิพพิสัง
เมื่อเรายังไม่พบญาณ, ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสงสารอันเป็นอเนกชาติ

คะหะการัง คะเวสันโต ทุกขา ชาติ ปุนัปปุนัง,
แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน, คือตัณหาผู้สร้างภพ, การเกิดทุกคราวเป็ทุกข์ร่ำไป

คะหะการะกะ ทิฏโฐสิ ปุนะ เคหัง นะ กาหะสิ
นี่แน่ะ นายช่างปลูกเรือน, เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว, เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป

สัพพา เต ผาสุกา ภัคคา คะหะกูฏัง วิสังขะตัง,
โครงเรือนทั้งหมดของเจ้าเราหักเสียแล้ว, ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว

วิสังขาระคะตัง จิตตัง ตัณหานัง ขะยะมัชฌะคา
จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป,มันได้ถึงแล้วซึ่งความสิ้นไปแห่งตัณหา
(คือ ถึงนิพพาน)

**************************************************************************************************************************

===========================================================================================
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=21&p=8

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙]
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ชราวรรคที่ ๑๑
หน้าต่างที่   ๘ / ๙.

               ๘. เรื่องปฐมโพธิกาล [๑๒๕]               
               ข้อความเบื้องต้น   

         
               พระศาสดาประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ ทรงเปล่งอุทานด้วยสามารถเบิกบานพระหฤทัย ในสมัยอื่น พระอานนทเถระทูลถาม
               จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อเนกชาติสํสารํ" เป็นต้น.

            

ทรงกำจัดมารแล้วเปล่งอุทาน   

         
               พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล ประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ เมื่อพระอาทิตย์ยังไม่อัสดงคตเทียว ทรงกำจัดมารและพลแห่งมารแล้ว
               ในปฐมยาม ทรงทำลายความมืดที่ปกปิดปุพเพนิวาสญาณ,
               ในมัชฌิมยาม ทรงชำระทิพยจักษุให้หมดจดแล้ว,
               ในปัจฉิมยาม ทรงอาศัยความกรุณาในหมู่สัตว์ ทรงหยั่งพระญาณลงในปัจจยาการแล้ว ทรงพิจารณาปัจจยาการนั้น ด้วยสามารถแห่งอนุโลมปฏิโลม.
               ในเวลาอรุณขึ้น ทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณพร้อมด้วยอัศจรรย์หลายอย่าง
               เมื่อจะทรงเปล่งอุทาน ที่พระพุทธเจ้ามิใช่แสนเดียวไม่ทรงละแล้ว
               จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
                         ๘.     อเนกชาติสํสารํ        สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ
                             คหการกํ คเวสนฺโต        ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ
                             คหการก ทิฏฺโฐสิ        ปุน เคหํ น กาหสิ
                             สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา        คหกูฏํ วิสงฺขตํ
                             วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ        ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา.

                             เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยว
                             ไปสู่สงสาร มีชาติเป็นอเนก ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์๑-
                              แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่านแล้ว, ท่านจะทำเรือน
                             อีกไม่ได้, ซี่โครงทุกซี่๒- ของท่านเราหักเสียแล้ว
                             ยอดเรือน เราก็รื้อเสียแล้ว, จิตของเราถึงธรรมปราศจากเครื่อง
                             ปรุงแต่งแล้ว, เพราะเราบรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว.
____________________________
๑- ความเกิด เป็นทุกข์ร่ำไป.
๒- อีกนัยหนึ่ง ผาสุกา เป็นคำเปรียบกับเครื่องเรือน แปลว่า จันทันเรือนของท่านเราหักเสียหมดแล้ว.

               แก้อรรถ               
               บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า คหการ๑-, คเวสนฺโต ความว่า เราเมื่อแสวงหานายช่าง คือตัณหาผู้ทำเรือน กล่าวคืออัตภาพนี้มีอภินิหารอันทำไว้แล้ว แทบบาทมูลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร เพื่อประโยชน์แก่พระญาณ อันเป็นเครื่องอาจเห็นนายช่างนั้นได้ คือพระโพธิญาณ
               เมื่อไม่ประสบ ไม่พบ คือไม่ได้พระญาณนั้นแล จึงท่องเที่ยว คือเร่ร่อน ได้แก่วนเวียนไปๆ มาๆ สู่สงสารมีชาติเป็นอเนก คือสู่สังสารวัฏนี้ อันนับได้หลายแสนชาติ สิ้นกาลมีประมาณเท่านี้.
               คำว่า ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ นี้ เป็นคำแสดงเหตุแห่งการแสวงหาช่างผู้ทำเรือน. เพราะชื่อว่าชาตินี้ คือการเข้าถึงบ่อยๆ ชื่อว่าเป็นทุกข์ เพราะภาวะที่เจือด้วยชราพยาธิและมรณะ, ก็ชาตินั้น เมื่อนายช่างผู้ทำเรือนนั้น อันใครๆ ไม่พบแล้ว ย่อมไม่กลับ, ฉะนั้น เราเมื่อแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน จึงได้ท่องเที่ยวไป.
               บทว่า ทิฏฺโฐสิ ความว่า บัดนี้ เราตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ พบท่านแล้วแน่นอน.
               บทว่า ปุน เคหํ ความว่า ท่านจักทำเรือนของเรา กล่าวคืออัตภาพในสังสารวัฏนี้อีกไม่ได้.
               บาทพระคาถาว่า สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา ความว่า ซี่โครง๒- กล่าวคือ กิเลสที่เหลือทั้งหมดของท่าน เราหักเสียแล้ว.
               บาทพระคาถาว่า คหกูฏํ วิสงฺขตํ ความว่า ถึงมณฑลช่อฟ้า กล่าวคืออวิชชา แห่งเรือนคืออัตภาพที่ท่านสร้างแล้วนี้ เราก็รื้อเสียแล้ว.
               บาทพระคาถาว่า วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ ความว่า บัดนี้ จิตของเราถึง คือเข้าไปถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว คือพระนิพพาน ด้วยสามารถแห่งอันกระทำให้เป็นอารมณ์.
               บาทพระคาถาว่า ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา ความว่า เราบรรลุพระอรหัต กล่าวคือธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหาแล้ว.
____________________________
๑- บาลีเป็น คหการกํ.
๒- หรือ จันทันเรือน กล่าวคือกิเลสที่เหลือทั้งหมด.

               เรื่องปฐมโพธิกาล จบ.               
               ------------------------------               
.. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ชราวรรคที่ ๑๑
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙]

อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=662&Z=691
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------


===========================================================================================
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่