มะม่วงสายพันธุ์ใหม่ "อาร์จีสยาม" เป็นมะม่วงลูกผสมระหว่างพันธุ์พ่อ "น้ำดอกไม้สีทอง" กับพันธุ์แม่ "อาร์ทูอีทู" ที่พัฒนาขึ้นโดย นายราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ส่งออกมะม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี หลังใช้เวลาวิจัยและทดลองกว่า 15 ปี ขณะนี้ได้รับการจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่จากกรมวิชาการเกษตร และเริ่มปลูกเชิงพาณิชย์เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_9521916
สัปดาห์นี้พาไปดูความสำเร็จในการทดลองนำมะม่วง 2 สายพันธุ์ มาผสมกันจนได้ลูกพันธุ์ผสมใหม่เจ้าแรกของประเทศไทย หรือจะเรียกว่าของโลกก็ว่าได้ ขณะนี้ได้จดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ จากกรมวิชาการเกษตรเรียบร้อยแล้ว
เป็นมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ “อาร์จีสยาม”
ที่มาที่ไปเริ่มจาก นายราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ส่งออกมะม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี ทดลองนำมะม่วงสายพันธุ์พ่อ คือ พันธุ์ “น้ำดอกไม้สีทอง” มาผสมกับสายพันธุ์แม่คือ พันธุ์ “อาร์ทูอีทู” ลองผิดลองถูกผสมหลายสายพันธุ์ ยาวนานกว่า 15 ปี
จนประสบความสำเร็จได้ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ออกมาชื่อว่า พันธุ์ “อาร์จีสยาม”
คุณสมบัติเด่น คือ ผลมีลักษณะคล้ายมะม่วงน้ำดอกไม้ สีแดงสด ผสมเหลือง เปลือกหนาต้านทานโรคและแมลงทำลายได้ดี โดยไม่ต้องห่อถุงเมื่ออยู่บนต้นเหมือนมะม่วงทั่วไป รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จะเก็บลูกมาบ่มหนักประมาณ 4-4.50 ขีด
กำลังเป็นน้องใหม่ในวงการมะม่วงไทย และเป็นที่สนใจของชาวต่างประเทศโดยเฉพาะแถบยุโรป จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่จะชอบมะม่วงผลสีแดงสด มากกว่าสีเหลืองทอง
ราเชนทร์เล่าให้ฟังว่า มะม่วงพันธุ์อาร์จีสยาม เกิดจากต้นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมา ต้นแม่เป็นพันธุ์อาร์ทูอีทู ต้นพ่อเป็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง นำมาผสมที่ดอกของพันธุ์อาร์ทูอีทู แล้วเอาเม็ดของอาร์ทูอีทู ไปเพาะแล้วเกิดขึ้นมาเป็นอาร์จีสยาม
ตอนนี้ทดลองทำมา 15 ปีแล้ว จนมั่นใจว่าสามารถนำมาเผยแพร่ได้ เป็นพืชทางเลือกของมะม่วงไทย จากที่ปัจจุบันจะเห็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองเป็นตัวหลัก
สีเนื้อของอาร์จีสยาม จะเหลืองอมส้ม รสชาติค่อนข้างหวานประมาณสูงสุดถึง 20 บริกซ์ ด้วยคุณลักษณะของมะม่วงทั้งสองสายพันธุ์ ได้รูปทรงของพันธุ์น้ำดอกไม้ และได้สีของพันธุ์อาร์ทูอีทู
จุดเด่นคือ ทนต่อโรค ทนต่อการขนส่งได้ดี ติดผลดี อย่างที่เห็นนี้เป็นต้นที่เสียบยอดของมะม่วงสายพันธุ์อาร์จีสยาม
ปัจจุบันมีขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เช่น เดอะมอลล์ ท็อปส์ และยังส่งจำหน่ายต่างประเทศ ตอนนี้ปลูกไว้ประมาณ 1 พันต้น กำลังติดผลประมาณ 300 ต้น มั่นใจว่าให้เป็นพืชทางเลือกแก่เกษตรกรที่สนใจในการปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริม
ใช้เวลานานในการพัฒนาสายพันธุ์ ผลผลิตที่มีออกมาได้ประมาณ 5 ปี ถึงนำออกมาสู่ตลาดโลก ปัจจุบันมีวางขายแล้ว เคยส่งต่างประเทศ ถ้าเป็นพันธุ์น้ำดอกไม้ประมาณกิโลกรัมละ 60 บาท แต่พันธุ์อาร์จีสยามส่งขายได้ถึงกิโลกรัมละ 110 บาท ลูกค้าถูกใจ
มาปีนี้เป็นการออกทวายรุ่นที่ 2 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกรที่สนใจอยากปลูกมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ เป็นรายได้เสริมอีกทางที่จะช่วยสร้างรายได้
ด้าน นายสุพัฒน์ อ่อนคง เกษตรจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ราชบุรีมีการปลูกมะม่วงกว่า 2 หมื่นไร่ ในพื้นที่ อ.บางแพ อ.ปากท่อ อ.จอมบึง พันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นที่ต้องการของตลาดคือ พันธุ์น้ำดอกไม้ และน้ำดอกไม้เบอร์ 4
ส่วนสายพันธุ์ใหม่คือ อาร์จีสยาม เริ่มมีการทำช่องทางการตลาด และจดลิขสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นของเกษตรกรที่มีความโดดเด่นเรื่องการปรับปรุงและพัฒนามะม่วง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
สำหรับการปลูกเนื้อที่ประมาณ 120 ไร่ มีการยกร่องให้สูง ในสวนมีการปลูกหลายพันธุ์ เช่น น้ำดอกไม้สีทอง น้ำดอกไม้เบอร์ 4 อาร์จีสยาม พันธุ์อาร์ทู อีทู และอีกหลายสายพันธุ์ การดูแลก็คล้ายๆ กับมะม่วงทั่วไป
แต่พันธุ์อาร์จีสยาม ต้องคอยแต่งกิ่งที่อยู่ใกล้ลูกออกเพื่อให้โดนแดด จะทำให้ลูกมีสีแดงสด ขายได้ราคาดี การปลูกใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงให้ผลผลิต ส่วนการติดผลใช้เวลาประมาณ 105-120 วัน จึงจะเก็บผลผลิตได้
ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นเจ้าแรกในการใช้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดมาใช้ห่อมะม่วง ซึ่งทำจากยางพารา สามารถย่อยสลายได้ใน 1 ปี 6 เดือน มีประโยชน์ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม กันกระแทกได้ดีในการขนส่งในระยะทางที่ไกลๆ อีกด้วย...
หลาก&หลาย - เกษตรกรผสมมะม่วงพันธุ์ใหม่ ‘อาร์จีสยาม’ผลแดง-หวานต่างชาติชอบ
มะม่วงสายพันธุ์ใหม่ "อาร์จีสยาม" เป็นมะม่วงลูกผสมระหว่างพันธุ์พ่อ "น้ำดอกไม้สีทอง" กับพันธุ์แม่ "อาร์ทูอีทู" ที่พัฒนาขึ้นโดย นายราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ส่งออกมะม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี หลังใช้เวลาวิจัยและทดลองกว่า 15 ปี ขณะนี้ได้รับการจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่จากกรมวิชาการเกษตร และเริ่มปลูกเชิงพาณิชย์เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_9521916
สัปดาห์นี้พาไปดูความสำเร็จในการทดลองนำมะม่วง 2 สายพันธุ์ มาผสมกันจนได้ลูกพันธุ์ผสมใหม่เจ้าแรกของประเทศไทย หรือจะเรียกว่าของโลกก็ว่าได้ ขณะนี้ได้จดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ จากกรมวิชาการเกษตรเรียบร้อยแล้ว
เป็นมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ “อาร์จีสยาม”
ที่มาที่ไปเริ่มจาก นายราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ส่งออกมะม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี ทดลองนำมะม่วงสายพันธุ์พ่อ คือ พันธุ์ “น้ำดอกไม้สีทอง” มาผสมกับสายพันธุ์แม่คือ พันธุ์ “อาร์ทูอีทู” ลองผิดลองถูกผสมหลายสายพันธุ์ ยาวนานกว่า 15 ปี
จนประสบความสำเร็จได้ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ออกมาชื่อว่า พันธุ์ “อาร์จีสยาม”
คุณสมบัติเด่น คือ ผลมีลักษณะคล้ายมะม่วงน้ำดอกไม้ สีแดงสด ผสมเหลือง เปลือกหนาต้านทานโรคและแมลงทำลายได้ดี โดยไม่ต้องห่อถุงเมื่ออยู่บนต้นเหมือนมะม่วงทั่วไป รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จะเก็บลูกมาบ่มหนักประมาณ 4-4.50 ขีด
กำลังเป็นน้องใหม่ในวงการมะม่วงไทย และเป็นที่สนใจของชาวต่างประเทศโดยเฉพาะแถบยุโรป จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่จะชอบมะม่วงผลสีแดงสด มากกว่าสีเหลืองทอง
ราเชนทร์เล่าให้ฟังว่า มะม่วงพันธุ์อาร์จีสยาม เกิดจากต้นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมา ต้นแม่เป็นพันธุ์อาร์ทูอีทู ต้นพ่อเป็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง นำมาผสมที่ดอกของพันธุ์อาร์ทูอีทู แล้วเอาเม็ดของอาร์ทูอีทู ไปเพาะแล้วเกิดขึ้นมาเป็นอาร์จีสยาม
ตอนนี้ทดลองทำมา 15 ปีแล้ว จนมั่นใจว่าสามารถนำมาเผยแพร่ได้ เป็นพืชทางเลือกของมะม่วงไทย จากที่ปัจจุบันจะเห็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองเป็นตัวหลัก
สีเนื้อของอาร์จีสยาม จะเหลืองอมส้ม รสชาติค่อนข้างหวานประมาณสูงสุดถึง 20 บริกซ์ ด้วยคุณลักษณะของมะม่วงทั้งสองสายพันธุ์ ได้รูปทรงของพันธุ์น้ำดอกไม้ และได้สีของพันธุ์อาร์ทูอีทู
จุดเด่นคือ ทนต่อโรค ทนต่อการขนส่งได้ดี ติดผลดี อย่างที่เห็นนี้เป็นต้นที่เสียบยอดของมะม่วงสายพันธุ์อาร์จีสยาม
ปัจจุบันมีขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เช่น เดอะมอลล์ ท็อปส์ และยังส่งจำหน่ายต่างประเทศ ตอนนี้ปลูกไว้ประมาณ 1 พันต้น กำลังติดผลประมาณ 300 ต้น มั่นใจว่าให้เป็นพืชทางเลือกแก่เกษตรกรที่สนใจในการปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริม
ใช้เวลานานในการพัฒนาสายพันธุ์ ผลผลิตที่มีออกมาได้ประมาณ 5 ปี ถึงนำออกมาสู่ตลาดโลก ปัจจุบันมีวางขายแล้ว เคยส่งต่างประเทศ ถ้าเป็นพันธุ์น้ำดอกไม้ประมาณกิโลกรัมละ 60 บาท แต่พันธุ์อาร์จีสยามส่งขายได้ถึงกิโลกรัมละ 110 บาท ลูกค้าถูกใจ
มาปีนี้เป็นการออกทวายรุ่นที่ 2 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกรที่สนใจอยากปลูกมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ เป็นรายได้เสริมอีกทางที่จะช่วยสร้างรายได้
ด้าน นายสุพัฒน์ อ่อนคง เกษตรจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ราชบุรีมีการปลูกมะม่วงกว่า 2 หมื่นไร่ ในพื้นที่ อ.บางแพ อ.ปากท่อ อ.จอมบึง พันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นที่ต้องการของตลาดคือ พันธุ์น้ำดอกไม้ และน้ำดอกไม้เบอร์ 4
ส่วนสายพันธุ์ใหม่คือ อาร์จีสยาม เริ่มมีการทำช่องทางการตลาด และจดลิขสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นของเกษตรกรที่มีความโดดเด่นเรื่องการปรับปรุงและพัฒนามะม่วง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
สำหรับการปลูกเนื้อที่ประมาณ 120 ไร่ มีการยกร่องให้สูง ในสวนมีการปลูกหลายพันธุ์ เช่น น้ำดอกไม้สีทอง น้ำดอกไม้เบอร์ 4 อาร์จีสยาม พันธุ์อาร์ทู อีทู และอีกหลายสายพันธุ์ การดูแลก็คล้ายๆ กับมะม่วงทั่วไป
แต่พันธุ์อาร์จีสยาม ต้องคอยแต่งกิ่งที่อยู่ใกล้ลูกออกเพื่อให้โดนแดด จะทำให้ลูกมีสีแดงสด ขายได้ราคาดี การปลูกใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงให้ผลผลิต ส่วนการติดผลใช้เวลาประมาณ 105-120 วัน จึงจะเก็บผลผลิตได้
ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นเจ้าแรกในการใช้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดมาใช้ห่อมะม่วง ซึ่งทำจากยางพารา สามารถย่อยสลายได้ใน 1 ปี 6 เดือน มีประโยชน์ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม กันกระแทกได้ดีในการขนส่งในระยะทางที่ไกลๆ อีกด้วย...