6
“คุณพี่จะว่าอะไรฤาไม่ หากน้องจะรับแม่พิมมาเป็นหลานบุญธรรม”จู่ๆคุณหญิงนวลก็พูดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังจากที่กินข้าวเสร็จเนื่องจากเห็น
ว่าคนในบ้านอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา รวมถึงแม่พิมว่าที่หลานสาวคนใหม่ สายตาทั้งหมดบนเรือนถึงกับตื่นตะลึงเมื่อได้ยินคำบอกเล่า
นั้น แต่หลังจากหายอาการตื่นตะลึงแล้วก็เปลี่ยนแปลงเป็นตามอากัปกิริยาของผู้นั้น สายตาสุขุมของพระยาเทพวิจิตรมองตรงไปที่คุณหญิงนวล
เหมือนจะหาความจริงอะไรบางอย่าง สายตาหวานโศกของแม่หญิงนิ่มมีแต่ความยินดีปรีดา ส่วนสายตาคู่สุดท้ายที่พิมพ์มาดาแทบไม่กล้าหัน
ไปมองก็คือสายตาหวานน้ำผึ้งบนปลายคมดาบของขุนรามเดชะที่มองมาที่พิมพ์มาดาตาแทบไม่กระพริบ มิเอ่ยถึงสายตาของบ่าวในเรือนที่เงย
หน้ามองด้วยความประหลาดใจ บ้างก็แสดงความอิจฉา บ้างก็แสดงความกลัวอย่างลนลานซึ่งเห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งในสายตาของนาง
ง
คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องอย่างพิมพ์มาดาก็ได้แต่ก้มมองไปที่พื้นไม้กระดานอย่างกับจะมองหาตัวเลข มือก็กำชายผ้านุ่งแน่นด้วยความตึง
เครียด
ความเงียบที่เต็มไปด้วยความน่าอึดอัดใจนี้ถูกทำลายลงด้วยเสียงเยียบเย็นของคุณหญิงนวลซึ่งตอนนี้ดูเป็นคนที่คุมสถานการณ์ในห้องไว้ได้ทั้ง
หมด
“หากมิมีความเห็นอันใด น้องจะถือว่าเป็นการตกลง”
“นางมีเวทย์มนต์อันใดฤา ที่ทำให้คุณแม่เห็นดีเห็นงามเยี่ยงนี้” ขุนรามเดชะพูดขึ้น
“แม่มิได้ถามความเห็นเจ้า พ่อราม”
“แล้วแต่คุณหญิงเถิด แม้ข้าจะยังมิแจ้งใจคุณหญิง แต่ข้าเชื่อว่าคุณหญิงคงคิดถี่ถ้วนแล้ว ข้าคงขัดใจมิได้”
“คุณพ่อขอรับ” ขุนรามเดชะพยายามทักท้วง
ผู้เป็นพ่อยกมือขึ้นปรามลูกชาย “แม่เจ้าคงมีเหตุผลบางประการ”
“น้องเพียงแต่ถูกชะตาแม่พิม เมื่อน้องเห็นนางก็เหมือนเห็นตัวน้องสมัยหนีเข้ามาพึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ครอบครัวแตกกระจาย
พลัดพราก โชคดีที่ได้พระพันวสาใหญ่เมตตาคอยชุบเลี้ยงข้าจึงได้มีวันนี้”
“คุณแม่ขอรับ ชุบเลี้ยงไว้เป็นบ่าวก็น่าจักพอแล้วมิใช่ฤา เหตุใดจึ่งต้องนับเชื้อเกี่ยวดองกับสายเลือดของตระกูลด้วย นางเป็นใครมาจากที่ใดก็มิ
มีใครรู้ มิง่ายไปหน่อยฤาขอรับ”
คราวนี้พิมพ์มาดาไม่ได้ขัดหูอะไรเลยกับคำพูดท้วงของชายตรงหน้า เธอกลับดีใจด้วยซ้ำ ใจจริงเธอก็ไม่ได้อยากจะยกระดับฐานะมาเป็นหลาน
เลย เป็นบ่าวไพร่ธรรมดาใช้ชีวิตแบบปกติในช่วงเวลาที่ไม่ปกติก็ดีถมไปแล้ว หากเป็นหลานจริงแล้วต้องยกแต่งงานกับชายที่แก่คราวพ่อแบบ
นั้น เธอไปตายเอาดาบหน้าเสียดีกว่า
“ข้าตัดสินใจแล้ว” เสียงเฉียบขาดแบบที่ไม่ได้ยินบ่อยๆของพระยาเทพวิจิตรประมุขของบ้านทำให้ไม่มีใครพูดอะไรอีก คุณหญิงนวลยิ้มพราย
แล้วมองมาที่พิมพ์มาดาที่ตอนนี้นั่งห่อไหล่สับสนระคนทุกข์ใจ แม้ใบหน้างามจะดูหมองแต่เมื่อยิ่งพิศมองก็ยิ่งเห็นแต่ความงามแบบที่ไม่เคย
เห็นมาก่อนในกรุงสยาม สวยแบบระคนไปหมดทั้งผิวงามแบบชาวล้านนาแต่กลับอมชมพูระเรื่อจับรัศมีกาย จมูกโด่งเหมือนพวกแขก ดวงตา
เรียวยาวสวยเหมือนหญิงมอญ โครงหน้าได้รูปเหมือนชาวสยาม ริมฝีปากบางเชิดเหมือนชาวจีน คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่านางผู้นี้ได้เอาส่วน
ดีๆของแต่ละเชื้อชาติมาปรุงแต่งให้เกิดความงามอย่างหมดจดในร่างอ้อนแอ้นอรชรร่างนี้
กรุงเทพนิรมิตร ตอนที่ 6
“คุณพี่จะว่าอะไรฤาไม่ หากน้องจะรับแม่พิมมาเป็นหลานบุญธรรม”จู่ๆคุณหญิงนวลก็พูดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังจากที่กินข้าวเสร็จเนื่องจากเห็น
ว่าคนในบ้านอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา รวมถึงแม่พิมว่าที่หลานสาวคนใหม่ สายตาทั้งหมดบนเรือนถึงกับตื่นตะลึงเมื่อได้ยินคำบอกเล่า
นั้น แต่หลังจากหายอาการตื่นตะลึงแล้วก็เปลี่ยนแปลงเป็นตามอากัปกิริยาของผู้นั้น สายตาสุขุมของพระยาเทพวิจิตรมองตรงไปที่คุณหญิงนวล
เหมือนจะหาความจริงอะไรบางอย่าง สายตาหวานโศกของแม่หญิงนิ่มมีแต่ความยินดีปรีดา ส่วนสายตาคู่สุดท้ายที่พิมพ์มาดาแทบไม่กล้าหัน
ไปมองก็คือสายตาหวานน้ำผึ้งบนปลายคมดาบของขุนรามเดชะที่มองมาที่พิมพ์มาดาตาแทบไม่กระพริบ มิเอ่ยถึงสายตาของบ่าวในเรือนที่เงย
หน้ามองด้วยความประหลาดใจ บ้างก็แสดงความอิจฉา บ้างก็แสดงความกลัวอย่างลนลานซึ่งเห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งในสายตาของนางง
คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องอย่างพิมพ์มาดาก็ได้แต่ก้มมองไปที่พื้นไม้กระดานอย่างกับจะมองหาตัวเลข มือก็กำชายผ้านุ่งแน่นด้วยความตึง
เครียด
ความเงียบที่เต็มไปด้วยความน่าอึดอัดใจนี้ถูกทำลายลงด้วยเสียงเยียบเย็นของคุณหญิงนวลซึ่งตอนนี้ดูเป็นคนที่คุมสถานการณ์ในห้องไว้ได้ทั้ง
หมด
“หากมิมีความเห็นอันใด น้องจะถือว่าเป็นการตกลง”
“นางมีเวทย์มนต์อันใดฤา ที่ทำให้คุณแม่เห็นดีเห็นงามเยี่ยงนี้” ขุนรามเดชะพูดขึ้น
“แม่มิได้ถามความเห็นเจ้า พ่อราม”
“แล้วแต่คุณหญิงเถิด แม้ข้าจะยังมิแจ้งใจคุณหญิง แต่ข้าเชื่อว่าคุณหญิงคงคิดถี่ถ้วนแล้ว ข้าคงขัดใจมิได้”
“คุณพ่อขอรับ” ขุนรามเดชะพยายามทักท้วง
ผู้เป็นพ่อยกมือขึ้นปรามลูกชาย “แม่เจ้าคงมีเหตุผลบางประการ”
“น้องเพียงแต่ถูกชะตาแม่พิม เมื่อน้องเห็นนางก็เหมือนเห็นตัวน้องสมัยหนีเข้ามาพึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ครอบครัวแตกกระจาย
พลัดพราก โชคดีที่ได้พระพันวสาใหญ่เมตตาคอยชุบเลี้ยงข้าจึงได้มีวันนี้”
“คุณแม่ขอรับ ชุบเลี้ยงไว้เป็นบ่าวก็น่าจักพอแล้วมิใช่ฤา เหตุใดจึ่งต้องนับเชื้อเกี่ยวดองกับสายเลือดของตระกูลด้วย นางเป็นใครมาจากที่ใดก็มิ
มีใครรู้ มิง่ายไปหน่อยฤาขอรับ”
คราวนี้พิมพ์มาดาไม่ได้ขัดหูอะไรเลยกับคำพูดท้วงของชายตรงหน้า เธอกลับดีใจด้วยซ้ำ ใจจริงเธอก็ไม่ได้อยากจะยกระดับฐานะมาเป็นหลาน
เลย เป็นบ่าวไพร่ธรรมดาใช้ชีวิตแบบปกติในช่วงเวลาที่ไม่ปกติก็ดีถมไปแล้ว หากเป็นหลานจริงแล้วต้องยกแต่งงานกับชายที่แก่คราวพ่อแบบ
นั้น เธอไปตายเอาดาบหน้าเสียดีกว่า
“ข้าตัดสินใจแล้ว” เสียงเฉียบขาดแบบที่ไม่ได้ยินบ่อยๆของพระยาเทพวิจิตรประมุขของบ้านทำให้ไม่มีใครพูดอะไรอีก คุณหญิงนวลยิ้มพราย
แล้วมองมาที่พิมพ์มาดาที่ตอนนี้นั่งห่อไหล่สับสนระคนทุกข์ใจ แม้ใบหน้างามจะดูหมองแต่เมื่อยิ่งพิศมองก็ยิ่งเห็นแต่ความงามแบบที่ไม่เคย
เห็นมาก่อนในกรุงสยาม สวยแบบระคนไปหมดทั้งผิวงามแบบชาวล้านนาแต่กลับอมชมพูระเรื่อจับรัศมีกาย จมูกโด่งเหมือนพวกแขก ดวงตา
เรียวยาวสวยเหมือนหญิงมอญ โครงหน้าได้รูปเหมือนชาวสยาม ริมฝีปากบางเชิดเหมือนชาวจีน คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่านางผู้นี้ได้เอาส่วน
ดีๆของแต่ละเชื้อชาติมาปรุงแต่งให้เกิดความงามอย่างหมดจดในร่างอ้อนแอ้นอรชรร่างนี้