4
ชีวิตและกิจวัตรประจำวันอันแสนซ้ำซากของพิมพ์มาดายังคงดำเนินต่อไปไม่เว้นวันหยุด ตอนนี้เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันไหนกันแน่ แต่
ถ้านับวันจากเส้นที่เธอขีดบนต้นไม้ริมคลองก็น่าจะเกือบเดือนหนึ่งแล้ว ไม่มีวี่แววเลยว่าเธอจะได้ย้อนกลับคืนสู่ยุคที่เธอจากมา หรือจะต้องกลับ
ไปยังจุดเกิดเรื่อง ที่แรกที่เธอตื่นขึ้นมา แล้วที่นั่นมันที่ไหนล่ะแค่รู้สึกตัวก็เอาแต่จะหนีอย่างเดียว แต่ถ้าไม่หนีมีหวังป่านนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้
ถึงแม้จะช่วงเวลาเดียวกัน แต่เวลาของสองสาวกลับเดินต่างกัน นาฬิกาของพิมพ์มาดาช้าจนแทบจะหยุดนิ่งส่วนวันเวลาแห่งความสุขของแม่
หญิงนิ่มกลับผ่านไปอย่างรวดเร็วจนทระทั่งออกพระอุไทยธานีต้องกลับไปเมืองปราจีนบุรีก่อนกำหนดเพราะเกิดความวุ่นวายขึ้นในเมือง ในคืน
นั้นเองพิมพ์มาดาจึงได้กลับมานอนที่เรือนของแม่หญิงนิ่มอีกครั้ง
“ข้าดีใจที่ได้เจ้ามานอนบนเรือนข้า ข้าจักได้มีเพื่อนคุย”
“เจ้าค่ะ แล้วแม่หญิงได้ทำตามที่ข้าบอกหรือเปล่าเจ้าคะ” พิมพ์มาดาถามเบาๆขณะที่หวีผมดำตรงที่ยาวสลวยนุ่มลื่นดุจกำมะหยี่ของแม่หญิงนิ่ม
ดวงหน้างามเอียงอายก้มหน้าลงต่ำทำให้พิมพ์มาดารู้ได้ในทันใด แต่ใบหน้างามนั้นก็ยังมีแววความเศร้าใจ
“ลางทีบุญวาสนาข้าอาจจะยังไม่เพียงพอที่เด็กจะเกิดกับข้าได้ ข้าก็ได้แต่หวังว่าเมืองเขมรจะสงบเสียที ข้าและสามีข้าจักได้อยู่อย่างมีความสุข
เสียที มิต้องจำพรากจากกันเยี่ยงนี้ หากจำเป็นจริงๆสามีข้าจะมีเมียอีกมากมายข้าก็มิได้ขัดเคือง ด้วยข้าทำหน้าที่เมียบกพร่อง มิอาจมีลูกสืบ
สกุลได้”
“อย่าคิดมากสิเจ้าคะ อุตส่าห์นวดหน้าไปตั้งหลายที ถ้าเครียดบ่อยๆเดี๋ยวมันจะไม่เห็นผลนะเจ้าคะ” พิมพ์มาดารีบปลอบ
“ข้าเอ็นดูเจ้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือ หากข้าช่วยได้ก็จักช่วย”
“เจ้าค่ะ” พิมพ์มาดารับคำเบาๆแล้ววางศีรษะลงบนตักของแม่หญิงนิ่ม ขอบคุณจริงๆที่โชคชะตาพาเธอมาให้ได้เจอผู้หญิงคนนี้ พิมพ์มาดาอยาก
จะบอกเหมือนกันว่าแม่หญิงนิ่มกับน้าสาวของเธอก็คล้ายกันเหลือเกิน
“ดูสิ อ้อนเก่งเสียด้วย” แม่หญิงนิ่มได้แต่เอามือลูบผมเธอเบาๆคล้ายจะกล่อมเด็กน้อยที่หลงทางมา
เช้าวันต่อมาพิมพ์มาดาถูกคุณหญิงนวลเรียกตัวให้ไปช่วยงานที่เรือนใหญ่
“เห็นแม่นิ่มแจ้งว่าเจ้าอยากเรียนวิชาทำเครื่องหอมฤา”
“เจ้าค่ะ ข้าเคยเห็นแป้งขมิ้นที่แม่หญิงนิ่มใช้มีกลิ่นหอมเหลือเกิน ข้าจึงอยากเรียนรู้วิธีการทำเจ้าค่ะ เห็นแม่หญิงนิ่มบอกว่าฝีมือของคุณหญิง
นวลนี่ยากที่จะหาใครทัดเทียมได้ในแผ่นดิน” พิมพ์มาดาได้ทีเยินยอแล้วก็ดูท่าว่าจะได้ผลเสียด้วย
“เจ้าก็พูดเกินไป ข้าเพียงโชคดีได้ร่ำเรียนวิชาในวังมาทั้งจากของมอญแลอโยธยา อีกสามสี่วันข้าจะไปเข้าเฝ้าเจ้าครอกฟ้าศรีอโนชาที่วังหน้า
แลจักนำน้ำอบไปถวาย แม่พิมเจ้าจงไปหาดอกมะลิ กระดังงา พิกุล พุทธชาด ชมนาด แลจำปามาที”
“เอ่อ มะลิ กระดังงา พิกุล แล้วอะไรต่อนะเจ้าคะ ข้าฟังไม่ทัน”
“พุทธชาด ชมนาด แลจำปา ดอกพวกนี้มีกลิ่นหอมแรงจักช่วยให้ความหอมอยู่นาน” คุณหญิงนวลต่อให้
“แล้วจะไปหาจากที่ไหนล่ะเจ้าคะ ไปซื้อเอาหรือเจ้าคะ”
“เอ๊ะ แม่นี้ เจ้ามิใช่เพิ่งมาอยู่เรือนข้า ดอกไม้พวกนี้ก็ปลูกอยู่เต็มสวนไปทั่ว มีตาหามีแววไม่” คุณหญิงนวลถึงกับตบเข่า ทำอย่างไรดีล่ะ พิมพ์
มาดาเอ๋ย จะบอกคุณหญิงว่าดอกอะไรไม่เห็นคุ้นชื่อเลยสักดอกก็เห็นจะไม่ได้ ดอกมะลิ กระดังงา ก็พอไหวอยู่ แต่ไอ้ต่อจากนี้ล่ะสิ หน้าตาเป็น
อย่างไรก็ไม่รู้
พิมพ์มาดารีบรับคำแต่สีหน้าท่าทางคิดหนักระหว่างเดินลงจากเรือน
กรุงเทพนิรมิตร ตอน ที่ 4
ชีวิตและกิจวัตรประจำวันอันแสนซ้ำซากของพิมพ์มาดายังคงดำเนินต่อไปไม่เว้นวันหยุด ตอนนี้เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันไหนกันแน่ แต่
ถ้านับวันจากเส้นที่เธอขีดบนต้นไม้ริมคลองก็น่าจะเกือบเดือนหนึ่งแล้ว ไม่มีวี่แววเลยว่าเธอจะได้ย้อนกลับคืนสู่ยุคที่เธอจากมา หรือจะต้องกลับ
ไปยังจุดเกิดเรื่อง ที่แรกที่เธอตื่นขึ้นมา แล้วที่นั่นมันที่ไหนล่ะแค่รู้สึกตัวก็เอาแต่จะหนีอย่างเดียว แต่ถ้าไม่หนีมีหวังป่านนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้
ถึงแม้จะช่วงเวลาเดียวกัน แต่เวลาของสองสาวกลับเดินต่างกัน นาฬิกาของพิมพ์มาดาช้าจนแทบจะหยุดนิ่งส่วนวันเวลาแห่งความสุขของแม่
หญิงนิ่มกลับผ่านไปอย่างรวดเร็วจนทระทั่งออกพระอุไทยธานีต้องกลับไปเมืองปราจีนบุรีก่อนกำหนดเพราะเกิดความวุ่นวายขึ้นในเมือง ในคืน
นั้นเองพิมพ์มาดาจึงได้กลับมานอนที่เรือนของแม่หญิงนิ่มอีกครั้ง
“ข้าดีใจที่ได้เจ้ามานอนบนเรือนข้า ข้าจักได้มีเพื่อนคุย”
“เจ้าค่ะ แล้วแม่หญิงได้ทำตามที่ข้าบอกหรือเปล่าเจ้าคะ” พิมพ์มาดาถามเบาๆขณะที่หวีผมดำตรงที่ยาวสลวยนุ่มลื่นดุจกำมะหยี่ของแม่หญิงนิ่ม
ดวงหน้างามเอียงอายก้มหน้าลงต่ำทำให้พิมพ์มาดารู้ได้ในทันใด แต่ใบหน้างามนั้นก็ยังมีแววความเศร้าใจ
“ลางทีบุญวาสนาข้าอาจจะยังไม่เพียงพอที่เด็กจะเกิดกับข้าได้ ข้าก็ได้แต่หวังว่าเมืองเขมรจะสงบเสียที ข้าและสามีข้าจักได้อยู่อย่างมีความสุข
เสียที มิต้องจำพรากจากกันเยี่ยงนี้ หากจำเป็นจริงๆสามีข้าจะมีเมียอีกมากมายข้าก็มิได้ขัดเคือง ด้วยข้าทำหน้าที่เมียบกพร่อง มิอาจมีลูกสืบ
สกุลได้”
“อย่าคิดมากสิเจ้าคะ อุตส่าห์นวดหน้าไปตั้งหลายที ถ้าเครียดบ่อยๆเดี๋ยวมันจะไม่เห็นผลนะเจ้าคะ” พิมพ์มาดารีบปลอบ
“ข้าเอ็นดูเจ้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือ หากข้าช่วยได้ก็จักช่วย”
“เจ้าค่ะ” พิมพ์มาดารับคำเบาๆแล้ววางศีรษะลงบนตักของแม่หญิงนิ่ม ขอบคุณจริงๆที่โชคชะตาพาเธอมาให้ได้เจอผู้หญิงคนนี้ พิมพ์มาดาอยาก
จะบอกเหมือนกันว่าแม่หญิงนิ่มกับน้าสาวของเธอก็คล้ายกันเหลือเกิน
“ดูสิ อ้อนเก่งเสียด้วย” แม่หญิงนิ่มได้แต่เอามือลูบผมเธอเบาๆคล้ายจะกล่อมเด็กน้อยที่หลงทางมา
เช้าวันต่อมาพิมพ์มาดาถูกคุณหญิงนวลเรียกตัวให้ไปช่วยงานที่เรือนใหญ่
“เห็นแม่นิ่มแจ้งว่าเจ้าอยากเรียนวิชาทำเครื่องหอมฤา”
“เจ้าค่ะ ข้าเคยเห็นแป้งขมิ้นที่แม่หญิงนิ่มใช้มีกลิ่นหอมเหลือเกิน ข้าจึงอยากเรียนรู้วิธีการทำเจ้าค่ะ เห็นแม่หญิงนิ่มบอกว่าฝีมือของคุณหญิง
นวลนี่ยากที่จะหาใครทัดเทียมได้ในแผ่นดิน” พิมพ์มาดาได้ทีเยินยอแล้วก็ดูท่าว่าจะได้ผลเสียด้วย
“เจ้าก็พูดเกินไป ข้าเพียงโชคดีได้ร่ำเรียนวิชาในวังมาทั้งจากของมอญแลอโยธยา อีกสามสี่วันข้าจะไปเข้าเฝ้าเจ้าครอกฟ้าศรีอโนชาที่วังหน้า
แลจักนำน้ำอบไปถวาย แม่พิมเจ้าจงไปหาดอกมะลิ กระดังงา พิกุล พุทธชาด ชมนาด แลจำปามาที”
“เอ่อ มะลิ กระดังงา พิกุล แล้วอะไรต่อนะเจ้าคะ ข้าฟังไม่ทัน”
“พุทธชาด ชมนาด แลจำปา ดอกพวกนี้มีกลิ่นหอมแรงจักช่วยให้ความหอมอยู่นาน” คุณหญิงนวลต่อให้
“แล้วจะไปหาจากที่ไหนล่ะเจ้าคะ ไปซื้อเอาหรือเจ้าคะ”
“เอ๊ะ แม่นี้ เจ้ามิใช่เพิ่งมาอยู่เรือนข้า ดอกไม้พวกนี้ก็ปลูกอยู่เต็มสวนไปทั่ว มีตาหามีแววไม่” คุณหญิงนวลถึงกับตบเข่า ทำอย่างไรดีล่ะ พิมพ์
มาดาเอ๋ย จะบอกคุณหญิงว่าดอกอะไรไม่เห็นคุ้นชื่อเลยสักดอกก็เห็นจะไม่ได้ ดอกมะลิ กระดังงา ก็พอไหวอยู่ แต่ไอ้ต่อจากนี้ล่ะสิ หน้าตาเป็น
อย่างไรก็ไม่รู้
พิมพ์มาดารีบรับคำแต่สีหน้าท่าทางคิดหนักระหว่างเดินลงจากเรือน