บรรยายกาศเงียบสงบและเย็นสบายในตอนรุ่งเช้า นกร้องส่งเสียงประสานกันไปมาเหมือนกำลังทักทายกันในยามรุ่งอรุณ ช่างเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ชวิตราเด้งตัวตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ นี่สิ..ถึงจะเรียกได้ว่าธรรมชาติที่สมบูรณ์ รอยยิ้มค่อยๆปรากฏบนใบหน้างามงอนโดยไม่รู้ตัว ขาทั้งสองข้างค่อยๆ ก้าวมาหยุดยืนที่หน้าต่าง ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจและน่าจดจำไปตลอดทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลัดเลาะขึ้นบนขอบฟ้าอย่างช้าๆ ส่งผลให้แสงที่สะท้อนกับต้นไม้ ใบหญ้าเป็นสีเหลืองทองอ่อนๆ ดูแล้วก็อดที่จะอิจฉาคนแถวๆนี้ไม่ได้ ที่ได้อยู่ชื่นชมธรรมชาติสวยงามอย่างนี้ทุกวัน ชวิตราค่อยๆสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างช้าๆ นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้มาพักผ่อนแบบนี้ ดีจัง...เมื่อคิดได้ถึงข้อนี้ เธอก็ต้องคิดเลยไปถึงว่า - ไม่ได้มาคนเดียว – แล้วคนที่มาด้วยอยู่ไหนนะ...
คน บนโซฟายังคงไม่มีท่าทีที่จะตื่นเลยแม้แต่น้อย ก็นะ...เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับลงได้ก็เล่นเอาเกือบตี 3 จะให้ตื่นยังไงไหว แบบนี้ ถึงเอาช้างมาฉุดฉันก็....ไม๊...ตื่น....
ชวิตราหยุดยืนดูคนขี้เซาอยู่ชั่วขณะ คนอะไรบรรยากาศออกจะดีขนาดนี้กลับเอาแต่นอนหลับ ไม่มีความใส่ใจหรือว่าสนใจคนรอบข้างเลยสิน่า..ให้ตายเหอะ...เธอก้มมองดูคน ที่หลับเป็นตายอย่างพินิจพิเคราะห์ ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตที่ตอนนี้กำลังปิดสนิทอยู่ จมูกเป็นสันรับกับใบหน้าได้อย่างลงตัว รอยยิ้มค่อยๆเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น พร้อมสายสายตาที่มาสะดุดที่ริมฝีปากเล็กบางแต่ดูมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ
ชวิตราเอื้อมมือไปแตะใบหน้าจิ้มลิ้มของคนตรงหน้าอย่างลืมตัว แต่แล้วก็ต้องรีบชักกลับและรีบปรับสีหน้าให้กลับเป็นปรติมากที่สุดทั้งๆที่ ตอนนี้สัมผัสได้ว่าหัวใจของเธอเต้นแรงผิดปรกติ แต่คนอย่างเธอมีหรือจะให้คนตรงหน้าจับได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่...เอ..เกิดอะไรขึ้นล่ะ ไม่เห็นมีอะไรให้น่าตื่นเต้นเลย ทำไมเลยถึงรู้สึกเช่นนะนี้
แปลกจริง - -
“ นึกว่าจะหลับยาวไม่ตื่นแล้วซะอีก ”
ชวิตราเชิดหน้าพูดจนอีกคนคิดไปต่างๆนาๆ โถ โถ โถ แม่คู้ณ...ถึงฉันยังไม่ได้ล้างหน้า แปลงฟัน แล้วก็อาบน้ำฉันก็ไม่เหม็นขนาดนั้นหรอกนะ ดูสิ แสดงออกซะ *-* (คิดอย่างนี้จริงเหรอกีรดา - - ) แต่ทว่าคนที่เชิดหน้าก็รีบเดินออกไปจากบริเวณที่เป็นสถานที่เกิดเหตุที่ทำ ให้เกิดความรู้สึกแปลกๆอย่างนี้ ขืนอยู่นานยัยนั้นคงต้องสังเกตเห็นความผิดปรกติแน่ๆ....
“ ห๊าว...ตื่นเช้าจังนะค่ะ ”
คนที่เพิ่งตื่นนอนบิดขี้เกียจและเดินเข้ามาทักทายคนที่นั่งตรงหน้าระเบียง อย่างงัวเงีย พร้อมกับยื่นแก้วกาแฟไปให้ คนที่นั่งอยู่ก็รับแก้วกาแฟนั้นไปอย่างอัตโนมัติแต่ไม่มีคำใดหลุดออกมาจาก ปากเลย กีรดาชายตามองคนที่รับแก้วกาแฟไปอย่างหมั่นไส้ คนอะไร...ขอบคุณ...สักคำก็ไม่มีหลุดออกมาให้ได้ยิน สงสัยกลัวดอกพิกุลจะร่วง อิอิ เมื่อคิดได้อย่างนั้นกีรดาก็อดอมยิ้มกับความคิดตัวเองไม่ได้....
“ เป็นบ้าอะไรของเธอ ”
คำ ถามนี้ทำให้คนอมยิ้มหุบรอยยิ้มเกือบโดยทันที คนเขาอุตสาห์แอบหัวเราะแล้วยั๊ง ยังจะเห็นอีกนะ คนอาไร.....ฟร่ะ...- -
“ เปล่า....เปล่า.....ค่ะ กำลังชื่นชมธรรมชาติอยู่ค่ะ สวยดีนะค่ะ ”
ชวิตราชายตาแลคนข้างๆ อย่างสงสัย แต่ก็ช่างเถอะ....ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องรู้เรื่องของยัยนี่รู้ แค่เท่าที่จำเป็นก็พอไม่เห็นต้องเอามาให้รกสมองเลย เปลืองพื้นที่....
“ วันนี้เราจะไปไหนกันบ้างค่ะ ”
กีรดาเอ่ยถามออกมาหลังจากที่ทั้งสองเงียบกันอยู่นาน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ปรกติเธอเป็นคนพูดเก่ง ไม่จำเป็นต้องได้รับการโต้ตอบจากอีกฝ่ายเธอก็สามารถสรรหาเรื่องต่างๆมาพูด ได้ แต่กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเธอกลับไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมากพูด หรือหากมีก็ต้องเรียบเรียงคำพูดให้ดีก่อนถึงจะกล้าพูด อาจจะเพราะผู้หญิงคนนี้คือนายจ้างของเธอก็เป็นได้ เธอถึงได้รู้สึกเกรงเสมอเวลาอยู่ใกล้ๆ กีรดามักหาเหตุผลให้ตัวเองเสมอ แม้บางครั้งอาจเป็นเหตุผลจอมปลอมแต่เธอก็ยินดีที่จะรับมัน เพราะเธอคิดว่าการทีเราเกิดคำถามขึ้นมาในใจ แล้วไม่รีบหาคำตอบจะทำให้เราจมปลักและไม่สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการรีบหาคำตอบและจบคำถามนั้นเสียอย่างให้มัน กลับมา ซึ่งในชีวิตที่ผ่านมาของเธฮก็ทำสำเร็จ เพราะไม่เคยมีคำถามไหนเลยที่เคยผ่านเข้ามาแล้ววนกลับมาในชีวิตเธออีก
ชวิตราลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างช้าๆ พร้อมกับยื่นใบหน้าหวานๆเข้ามาใกล้อีกฝ่ายจนจมูกแทบจะชนกันก็ว่าได้ เล่นเอาคนที่นั่งอยู่ถึงกับผงะทำอะไรไม่ถูก ได้แต่แสดงอาการตกใจออกมาจนเวอร์มากมาย ฝ่ายคนที่ยื่นหน้ามาก็อดขำกับอาการของคนตรงหน้าไม่ได้ มากไปเปล่าหล่อน...^-^
“ เดี๋ยวก็รู้ ”
ชวิตราพูดเสร็จก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกินชึ้น แหม!!! พูดซะดังขนาดนี้ก็ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นก็ได้มั้งจ้า...ตะเอง - -
“ พี่ๆ ระวัง!!!...เอ้ย เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ”
เสียงเอะอะของกีรดาดังออกมาเป็นพักๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ค่อยจะปลื้มกับการทำแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีทางเลือก....จะรอดมั้ยฉัน T0T
ทางด้านชวิตราก็ดูจะถูกใจกับการมาล่องแพในครั้งนี้เป็นที่สุด ทั้งตื่นเต้น หวาดเสียวและที่เรียกรอยยิ้มได้ดีที่สุดเห็นจะเป็นเสียงโหยหวนของคนข้างๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูไม่น่าจะกลัวอะไร แถมยังดูเก่งไปซะทุกอย่างจะมาตกม้าตายในเรื่องนี้ ฮ่าฮ่า ^-^ ยัยนี่กลัวน้ำเพิ่งรู้นะเนื่ยไม่งั้นล่ะ น่าดูกว่านี้อีก...
“ เฮ้ย...เฮ้ย...นั่นอะไรลอยมาอะคุณ ”
กีรดาเปลื่ยนอาการจากการโวยวาย มาเป็นคำถามที่ชวนน่าหัวเราะสำหรับใครบางคนที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ โดยการตอบส่งๆไปแบบไม่คิดว่าคนถามจะทำตามจริงๆ
“ อยากรู้ก็เอามือไปจับดูสิ ”
หากแต่กีรดาตั้งใจฟังและมองหน้าคนพูดสักนิดเธอก็จะต้องนึกเอะใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากเจ้าสิ่งนั้นก็ไล่ตามมาทันแพที่ทั้งสองสาวนั่ง และแน่นอนที่สุด มือยาวๆก็รีบคว้าหมับเข้าที่เจ้าสิ่งของที่ลอยมา อย่างน้อยมันก็กัดเธอไม่ได้เพราะมันไม่มีชีวิต หุหุ
“ โอ้ววววว....นี่มัน......อย่าบอกนะว่าเป็น......”
กีรดาหันหน้ามามองคนที่บังคับแพอยู่ด้วยสายตาวิงวอน อย่านะ ไม่นะ ขอร้องเถอะ......
“ ครับ ขี้ช้าง ”
คนบังคับแพตอบออกมา พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่สื่อถึงความเห็นใจ ( ซะที่ไหนล่ะ ที่บ้านเขาเรียกยิ้มเยาะยิ้มอย่างนี้หัวเราะออกมาดังๆเลยก็ได้นะ ไม่ว่ากันนนน T0T )
ไม่ต้องฟังอะไรอีกต่อไป กีรดาก็รีบสะบัดมือออกจากเจ้าสิ่งนั้น พร้อมๆกับเสียงหัวเราะลั่นของคนข้างๆ ท่าทางคงจะสะใจมากสินะที่หลอกเธอได้ อึม....เดี๋ยว รอเดี๋ยว ก่อนอื่นขอล้างมือให้หายเหม็นก่อนเถอะแหวะ......หยะแหยง.....ที่สุด แล้วงี้จะเอามือปั้นข้าวเหนียวได้มั้ยเนื่ยฉัน................น่านนนน ยังเอามาผสมกับเรื่องกิน ได้อีกนะกีรดา - -
ในที่สุดการล่องแพก็จบลงด้วยความสุขของใครคนหนึ่งและความทุกข์ที่ฝั่งใจของ ใครอีกคน มันช่างเป็นความน่าประทับใจที่ไม่รู้ลืมจริงๆ ^-^ / T0T
“ สนุกดีว่ามั้ย ”
คนนั่งข้างๆ ยังคงแสดงออกนอกหน้าว่าวันนี้สนุกที่สุด ซึ้งช่างแตกต่างจากคนขับที่หน้างอไม่ยอมรับรู้ว่าคนข้างๆจะพูดอะไร
“ นี่...จะเครียดอะไรห๊า...แค่จับนิดจับหน่อยล้างมันก็ออกแล้ว ไม่ได้ติดมือมาซะหน่อย ”
คำพูดกับน้ำเสียงช่างจริงใจจริงๆนะแม่คู๊น!!! ถ้าเธอเป็นฉันแล้วเธอจะรู้สึก เอ๊า เอาเข้าไป จะกลั้นหัวเราะทำไม๊... ทำหน้าอย่างนี้หัวเราะออกมาเลยเซ่...
“ นี่..คุณ..มัน.... ”
กีรดาสบัดน้ำเสียงออกมาด้วยความโมโห แต่แล้วก็ต้องรีบสะกดอารมณ์ไว้ เอาเถอะนะยังไงผู้หญิงคนนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายของเธอ ยังไงก็คงต้องยอม....ยอม....อืม.....ยอม.......โว้ยยยยยยย กัดฟันพูดเลยนะเนื่ย
“ อะไร อยู่ไกล้แค่นี้เรียกทำไมเสียงดัง ”
น้ำเสียงที่ฟังแล้วไม่นุ่มหูของคนข้างๆ เล่นเอาชวิตราหมดอารมณ์ไปโดยปริยาย ไม่น่าเชื่อว่าอารมณ์ของคนข้างๆจะมีอิทธิพลกับเธอได้มากขณะนี้ แต่ก็ช่างเถอะ
“ กลับที่พัก ”
การออกคำสั่งที่สั้น ห้วน ขนาดนี้บ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจอย่างแรงของคนพูด แต่คนที่ก่อเรื่องกลับไม่ได้สัมผัสถึงความหายนะที่กำลังจะมาเยืยน เดี๋ยวได้ตายคารถหรอกกีรดา.....
“ อ้าว นี่เพิ่งจะบ่าย 2 เองนะค่ะ จะกลับแล้วเหรอ ”
คำถามกวนโอ๊ย แบบไม่รู้ตัวของกีรดาเล่นไปกระตุ้นต่อมจี๊ดของคนข้างๆอย่างจัง ชวิตราค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ ใจเย็น ใจเย็นแต่การกระทำกลับตรงกันข้ามความคิดโดยสิ้นเชิง ชวิตราเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อคนข้างๆอย่างแรง กีรดาเซไปตามแรงดึงเลยทำให้รถเสียหลักไปเล็กน้อย และด้วยความกลัวตาย..เอ้ย..ว่องไวของกีรดาก็สามารถควบคุมรถเอาไว้ได้ โดยการกระทืบ..เอ้ยไม่ใช่..ไม่ใช่ เหยียบเบรคต่างหาก...เกือบตาบแล้วช่ายยยย .T0T
“ คุณทำบ้าอะไรของคุณเนื่ย คนกำลังขับรถอยู่ไม่เห็นหรือไง ”
หลังจากที่ตั้งสติได้กีรดาที่ตอนนี้อยู่ในสภาพอารมณ์ทั้งตกใจ ทั้งโมโหก้ำกึ่งกันก็เริ่มควบคุมอาการติสแตกของตัวเองไม่ได้ มันจะอะไรกันนักกันหนานะ นี่ถึงขั้นเกือบพากันไปตาย มันมากไปแล้วจริงๆ
แต่ทว่าคนที่ดึงคอเสื้อเธอกลับไม่สะทกสะท้ายกับเหตุการณ์เฉียดตายในครั้งนี้ เลยแม้แต่น้อย สายตาที่จับจองมองคนตรงหน้าเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อ มือที่ตอนนี้เริ่มจับคอเสื้อพับเข้าหากันทำให้คนที่ถูกกระทำเริ่มใจตุ้มๆ ต่อมๆอย่างบอกไม่ถูก ตอนแรกเธอก็ยอมรับว่ารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เพราะถึงยังไงชีวิตก็เป็นสิ่งมีค่าไม่ควรเอามาล้อเล่น แต่เมื่อหันมาเห็นใบหน้าคนที่เป็นต้นเหตุให้รถต้องหยุดชะงัดแบบนี้ ก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าเธอโกรธคนตรงหน้าไม่ลงจริงๆ ไม่รู้ทำไมกันนะ ให้ตายสิ...มันเรื่องบ้าอะไรเนื่ย...
แต่แล้ว ชวิตราก็ค่อยๆปล่อยมือออกจากคอเสื้อของคนตรงหน้า พร้อมกับการหันหน้าไปอีกทางโดยปล่อยให้กีรดา งง....งง....งง เป็นอันว่า ..งง..ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรว้า
ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri ตอนที่ 7 อาการผิดปรกติระยะที่ 1
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลัดเลาะขึ้นบนขอบฟ้าอย่างช้าๆ ส่งผลให้แสงที่สะท้อนกับต้นไม้ ใบหญ้าเป็นสีเหลืองทองอ่อนๆ ดูแล้วก็อดที่จะอิจฉาคนแถวๆนี้ไม่ได้ ที่ได้อยู่ชื่นชมธรรมชาติสวยงามอย่างนี้ทุกวัน ชวิตราค่อยๆสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างช้าๆ นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้มาพักผ่อนแบบนี้ ดีจัง...เมื่อคิดได้ถึงข้อนี้ เธอก็ต้องคิดเลยไปถึงว่า - ไม่ได้มาคนเดียว – แล้วคนที่มาด้วยอยู่ไหนนะ...
คน บนโซฟายังคงไม่มีท่าทีที่จะตื่นเลยแม้แต่น้อย ก็นะ...เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับลงได้ก็เล่นเอาเกือบตี 3 จะให้ตื่นยังไงไหว แบบนี้ ถึงเอาช้างมาฉุดฉันก็....ไม๊...ตื่น....
ชวิตราหยุดยืนดูคนขี้เซาอยู่ชั่วขณะ คนอะไรบรรยากาศออกจะดีขนาดนี้กลับเอาแต่นอนหลับ ไม่มีความใส่ใจหรือว่าสนใจคนรอบข้างเลยสิน่า..ให้ตายเหอะ...เธอก้มมองดูคน ที่หลับเป็นตายอย่างพินิจพิเคราะห์ ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตที่ตอนนี้กำลังปิดสนิทอยู่ จมูกเป็นสันรับกับใบหน้าได้อย่างลงตัว รอยยิ้มค่อยๆเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น พร้อมสายสายตาที่มาสะดุดที่ริมฝีปากเล็กบางแต่ดูมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ
ชวิตราเอื้อมมือไปแตะใบหน้าจิ้มลิ้มของคนตรงหน้าอย่างลืมตัว แต่แล้วก็ต้องรีบชักกลับและรีบปรับสีหน้าให้กลับเป็นปรติมากที่สุดทั้งๆที่ ตอนนี้สัมผัสได้ว่าหัวใจของเธอเต้นแรงผิดปรกติ แต่คนอย่างเธอมีหรือจะให้คนตรงหน้าจับได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่...เอ..เกิดอะไรขึ้นล่ะ ไม่เห็นมีอะไรให้น่าตื่นเต้นเลย ทำไมเลยถึงรู้สึกเช่นนะนี้
แปลกจริง - -
“ นึกว่าจะหลับยาวไม่ตื่นแล้วซะอีก ”
ชวิตราเชิดหน้าพูดจนอีกคนคิดไปต่างๆนาๆ โถ โถ โถ แม่คู้ณ...ถึงฉันยังไม่ได้ล้างหน้า แปลงฟัน แล้วก็อาบน้ำฉันก็ไม่เหม็นขนาดนั้นหรอกนะ ดูสิ แสดงออกซะ *-* (คิดอย่างนี้จริงเหรอกีรดา - - ) แต่ทว่าคนที่เชิดหน้าก็รีบเดินออกไปจากบริเวณที่เป็นสถานที่เกิดเหตุที่ทำ ให้เกิดความรู้สึกแปลกๆอย่างนี้ ขืนอยู่นานยัยนั้นคงต้องสังเกตเห็นความผิดปรกติแน่ๆ....
“ ห๊าว...ตื่นเช้าจังนะค่ะ ”
คนที่เพิ่งตื่นนอนบิดขี้เกียจและเดินเข้ามาทักทายคนที่นั่งตรงหน้าระเบียง อย่างงัวเงีย พร้อมกับยื่นแก้วกาแฟไปให้ คนที่นั่งอยู่ก็รับแก้วกาแฟนั้นไปอย่างอัตโนมัติแต่ไม่มีคำใดหลุดออกมาจาก ปากเลย กีรดาชายตามองคนที่รับแก้วกาแฟไปอย่างหมั่นไส้ คนอะไร...ขอบคุณ...สักคำก็ไม่มีหลุดออกมาให้ได้ยิน สงสัยกลัวดอกพิกุลจะร่วง อิอิ เมื่อคิดได้อย่างนั้นกีรดาก็อดอมยิ้มกับความคิดตัวเองไม่ได้....
“ เป็นบ้าอะไรของเธอ ”
คำ ถามนี้ทำให้คนอมยิ้มหุบรอยยิ้มเกือบโดยทันที คนเขาอุตสาห์แอบหัวเราะแล้วยั๊ง ยังจะเห็นอีกนะ คนอาไร.....ฟร่ะ...- -
“ เปล่า....เปล่า.....ค่ะ กำลังชื่นชมธรรมชาติอยู่ค่ะ สวยดีนะค่ะ ”
ชวิตราชายตาแลคนข้างๆ อย่างสงสัย แต่ก็ช่างเถอะ....ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องรู้เรื่องของยัยนี่รู้ แค่เท่าที่จำเป็นก็พอไม่เห็นต้องเอามาให้รกสมองเลย เปลืองพื้นที่....
“ วันนี้เราจะไปไหนกันบ้างค่ะ ”
กีรดาเอ่ยถามออกมาหลังจากที่ทั้งสองเงียบกันอยู่นาน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ปรกติเธอเป็นคนพูดเก่ง ไม่จำเป็นต้องได้รับการโต้ตอบจากอีกฝ่ายเธอก็สามารถสรรหาเรื่องต่างๆมาพูด ได้ แต่กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเธอกลับไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมากพูด หรือหากมีก็ต้องเรียบเรียงคำพูดให้ดีก่อนถึงจะกล้าพูด อาจจะเพราะผู้หญิงคนนี้คือนายจ้างของเธอก็เป็นได้ เธอถึงได้รู้สึกเกรงเสมอเวลาอยู่ใกล้ๆ กีรดามักหาเหตุผลให้ตัวเองเสมอ แม้บางครั้งอาจเป็นเหตุผลจอมปลอมแต่เธอก็ยินดีที่จะรับมัน เพราะเธอคิดว่าการทีเราเกิดคำถามขึ้นมาในใจ แล้วไม่รีบหาคำตอบจะทำให้เราจมปลักและไม่สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการรีบหาคำตอบและจบคำถามนั้นเสียอย่างให้มัน กลับมา ซึ่งในชีวิตที่ผ่านมาของเธฮก็ทำสำเร็จ เพราะไม่เคยมีคำถามไหนเลยที่เคยผ่านเข้ามาแล้ววนกลับมาในชีวิตเธออีก
ชวิตราลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างช้าๆ พร้อมกับยื่นใบหน้าหวานๆเข้ามาใกล้อีกฝ่ายจนจมูกแทบจะชนกันก็ว่าได้ เล่นเอาคนที่นั่งอยู่ถึงกับผงะทำอะไรไม่ถูก ได้แต่แสดงอาการตกใจออกมาจนเวอร์มากมาย ฝ่ายคนที่ยื่นหน้ามาก็อดขำกับอาการของคนตรงหน้าไม่ได้ มากไปเปล่าหล่อน...^-^
“ เดี๋ยวก็รู้ ”
ชวิตราพูดเสร็จก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกินชึ้น แหม!!! พูดซะดังขนาดนี้ก็ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นก็ได้มั้งจ้า...ตะเอง - -
“ พี่ๆ ระวัง!!!...เอ้ย เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ”
เสียงเอะอะของกีรดาดังออกมาเป็นพักๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ค่อยจะปลื้มกับการทำแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีทางเลือก....จะรอดมั้ยฉัน T0T
ทางด้านชวิตราก็ดูจะถูกใจกับการมาล่องแพในครั้งนี้เป็นที่สุด ทั้งตื่นเต้น หวาดเสียวและที่เรียกรอยยิ้มได้ดีที่สุดเห็นจะเป็นเสียงโหยหวนของคนข้างๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูไม่น่าจะกลัวอะไร แถมยังดูเก่งไปซะทุกอย่างจะมาตกม้าตายในเรื่องนี้ ฮ่าฮ่า ^-^ ยัยนี่กลัวน้ำเพิ่งรู้นะเนื่ยไม่งั้นล่ะ น่าดูกว่านี้อีก...
“ เฮ้ย...เฮ้ย...นั่นอะไรลอยมาอะคุณ ”
กีรดาเปลื่ยนอาการจากการโวยวาย มาเป็นคำถามที่ชวนน่าหัวเราะสำหรับใครบางคนที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ โดยการตอบส่งๆไปแบบไม่คิดว่าคนถามจะทำตามจริงๆ
“ อยากรู้ก็เอามือไปจับดูสิ ”
หากแต่กีรดาตั้งใจฟังและมองหน้าคนพูดสักนิดเธอก็จะต้องนึกเอะใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากเจ้าสิ่งนั้นก็ไล่ตามมาทันแพที่ทั้งสองสาวนั่ง และแน่นอนที่สุด มือยาวๆก็รีบคว้าหมับเข้าที่เจ้าสิ่งของที่ลอยมา อย่างน้อยมันก็กัดเธอไม่ได้เพราะมันไม่มีชีวิต หุหุ
“ โอ้ววววว....นี่มัน......อย่าบอกนะว่าเป็น......”
กีรดาหันหน้ามามองคนที่บังคับแพอยู่ด้วยสายตาวิงวอน อย่านะ ไม่นะ ขอร้องเถอะ......
“ ครับ ขี้ช้าง ”
คนบังคับแพตอบออกมา พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่สื่อถึงความเห็นใจ ( ซะที่ไหนล่ะ ที่บ้านเขาเรียกยิ้มเยาะยิ้มอย่างนี้หัวเราะออกมาดังๆเลยก็ได้นะ ไม่ว่ากันนนน T0T )
ไม่ต้องฟังอะไรอีกต่อไป กีรดาก็รีบสะบัดมือออกจากเจ้าสิ่งนั้น พร้อมๆกับเสียงหัวเราะลั่นของคนข้างๆ ท่าทางคงจะสะใจมากสินะที่หลอกเธอได้ อึม....เดี๋ยว รอเดี๋ยว ก่อนอื่นขอล้างมือให้หายเหม็นก่อนเถอะแหวะ......หยะแหยง.....ที่สุด แล้วงี้จะเอามือปั้นข้าวเหนียวได้มั้ยเนื่ยฉัน................น่านนนน ยังเอามาผสมกับเรื่องกิน ได้อีกนะกีรดา - -
ในที่สุดการล่องแพก็จบลงด้วยความสุขของใครคนหนึ่งและความทุกข์ที่ฝั่งใจของ ใครอีกคน มันช่างเป็นความน่าประทับใจที่ไม่รู้ลืมจริงๆ ^-^ / T0T
“ สนุกดีว่ามั้ย ”
คนนั่งข้างๆ ยังคงแสดงออกนอกหน้าว่าวันนี้สนุกที่สุด ซึ้งช่างแตกต่างจากคนขับที่หน้างอไม่ยอมรับรู้ว่าคนข้างๆจะพูดอะไร
“ นี่...จะเครียดอะไรห๊า...แค่จับนิดจับหน่อยล้างมันก็ออกแล้ว ไม่ได้ติดมือมาซะหน่อย ”
คำพูดกับน้ำเสียงช่างจริงใจจริงๆนะแม่คู๊น!!! ถ้าเธอเป็นฉันแล้วเธอจะรู้สึก เอ๊า เอาเข้าไป จะกลั้นหัวเราะทำไม๊... ทำหน้าอย่างนี้หัวเราะออกมาเลยเซ่...
“ นี่..คุณ..มัน.... ”
กีรดาสบัดน้ำเสียงออกมาด้วยความโมโห แต่แล้วก็ต้องรีบสะกดอารมณ์ไว้ เอาเถอะนะยังไงผู้หญิงคนนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายของเธอ ยังไงก็คงต้องยอม....ยอม....อืม.....ยอม.......โว้ยยยยยยย กัดฟันพูดเลยนะเนื่ย
“ อะไร อยู่ไกล้แค่นี้เรียกทำไมเสียงดัง ”
น้ำเสียงที่ฟังแล้วไม่นุ่มหูของคนข้างๆ เล่นเอาชวิตราหมดอารมณ์ไปโดยปริยาย ไม่น่าเชื่อว่าอารมณ์ของคนข้างๆจะมีอิทธิพลกับเธอได้มากขณะนี้ แต่ก็ช่างเถอะ
“ กลับที่พัก ”
การออกคำสั่งที่สั้น ห้วน ขนาดนี้บ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจอย่างแรงของคนพูด แต่คนที่ก่อเรื่องกลับไม่ได้สัมผัสถึงความหายนะที่กำลังจะมาเยืยน เดี๋ยวได้ตายคารถหรอกกีรดา.....
“ อ้าว นี่เพิ่งจะบ่าย 2 เองนะค่ะ จะกลับแล้วเหรอ ”
คำถามกวนโอ๊ย แบบไม่รู้ตัวของกีรดาเล่นไปกระตุ้นต่อมจี๊ดของคนข้างๆอย่างจัง ชวิตราค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ ใจเย็น ใจเย็นแต่การกระทำกลับตรงกันข้ามความคิดโดยสิ้นเชิง ชวิตราเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อคนข้างๆอย่างแรง กีรดาเซไปตามแรงดึงเลยทำให้รถเสียหลักไปเล็กน้อย และด้วยความกลัวตาย..เอ้ย..ว่องไวของกีรดาก็สามารถควบคุมรถเอาไว้ได้ โดยการกระทืบ..เอ้ยไม่ใช่..ไม่ใช่ เหยียบเบรคต่างหาก...เกือบตาบแล้วช่ายยยย .T0T
“ คุณทำบ้าอะไรของคุณเนื่ย คนกำลังขับรถอยู่ไม่เห็นหรือไง ”
หลังจากที่ตั้งสติได้กีรดาที่ตอนนี้อยู่ในสภาพอารมณ์ทั้งตกใจ ทั้งโมโหก้ำกึ่งกันก็เริ่มควบคุมอาการติสแตกของตัวเองไม่ได้ มันจะอะไรกันนักกันหนานะ นี่ถึงขั้นเกือบพากันไปตาย มันมากไปแล้วจริงๆ
แต่ทว่าคนที่ดึงคอเสื้อเธอกลับไม่สะทกสะท้ายกับเหตุการณ์เฉียดตายในครั้งนี้ เลยแม้แต่น้อย สายตาที่จับจองมองคนตรงหน้าเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อ มือที่ตอนนี้เริ่มจับคอเสื้อพับเข้าหากันทำให้คนที่ถูกกระทำเริ่มใจตุ้มๆ ต่อมๆอย่างบอกไม่ถูก ตอนแรกเธอก็ยอมรับว่ารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เพราะถึงยังไงชีวิตก็เป็นสิ่งมีค่าไม่ควรเอามาล้อเล่น แต่เมื่อหันมาเห็นใบหน้าคนที่เป็นต้นเหตุให้รถต้องหยุดชะงัดแบบนี้ ก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าเธอโกรธคนตรงหน้าไม่ลงจริงๆ ไม่รู้ทำไมกันนะ ให้ตายสิ...มันเรื่องบ้าอะไรเนื่ย...
แต่แล้ว ชวิตราก็ค่อยๆปล่อยมือออกจากคอเสื้อของคนตรงหน้า พร้อมกับการหันหน้าไปอีกทางโดยปล่อยให้กีรดา งง....งง....งง เป็นอันว่า ..งง..ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรว้า