กีรดาค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ จะว่าไปเมื่อคืนเธอแทบจะไม่ได้นอนเลยก็ว่าได้ สาเหตุคงมาจากความตื่นเต้น แต่.......เอ.......จะเรียกให้ถูก เรียกว่า....ตื่นตกใจ น่าจะเข้ากับสถานการณ์ที่สุด เฮ้ย….. กีรดาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนอันแสนสุขของเธออย่างอาลัยอาวรณ์ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวลงจากเตียงเสียงโทรศัพท์(มรณะ) ก็ดังขึ้นเล่นเอาคนบนเตียงตกใจจนถึงกับกลิ้นตกเตียงเลยทีเดียว โอ้......ตกใจเวอร์ได้อีกนะ
กีรดา - -
“ ชักช้าจริง มัวแต่ทำอะไรอยู่ ปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน รู้มั้ยว่ามันเสียเวลา แล้วนี่ฟังฉันพูดอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวเหอะกีรดา ”
คนปลายสายส่งเสียงทักทายมาแต่เช้าเล่นเอาคนฟังชวัญกระเจิงแทบเรียกกลับมาไม่ ทัน ขวัญเฮ้ยขวัญมา...อย่างเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะ ขนาดมีแกฉันยังกลัวแทบหัวหด แล้วนี้ถ้าไม่มีแกแล้วฉันจะหดหัวไว้ที่ไหนนนนนนนน
กีรดามาถึงสถานที่ นัดพบอย่างรวดเร็วเพราะแค่นี้หูเธอก็ชาจนคิดว่าตัวเองกลายเป็นปลาไหลไปเสีย แล้ว คนอะไรพูด พูด พูด แล้วก็พูด อยู่ได้แต่เอ....ตะกี้ยัยนั้นหายใจทางไหนนะ หุหุ คิดแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ตอนนี้ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาอย่างแน่นถนัด มองไปทางไหนก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีที่ยืน แล้วนี่
ชวิตรายังไม่มาอีกดูสิปล่อยให้คนอื่นรอตั้งนาน นัด 8 โมง แต่นี่มันปาเข้าไปจะ 9 โมงแล้ว แย่จริง กีรดาหันไปรอบทิศก็ยังไม่พบคนที่นัดเธอเลยแม้แต่เงา อยู่ไหนนะ....??? กีรดาจึงตัดสินใจโทรหาชวิตราอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่จะให้เธอมารออย่างไรจุดหมายอย่างนี้ก็คงไม่ไหว เป็นไงเป็นกัน สู้โว๊ยยยย.....>-<
“ สวัสดีค่ะคุณชวิตรา พอดีกีมารอคุณแถวหน้าสวนสนุกแล้วอะค่ะ คุณอยู่แถวไหนค่ะ ”
“ อยู่บ้าน ”
คำตอบสั้น แต่ทั้งน้ำเสียงและความหมายช่างกระตุ้นต่อมโมโหได้ดีแท้
“ อยู่บ้าน ”
กีรดาทวนคำออกมาอย่างสะกดกั้นเอาไว้ไม่อยู่ อะไรฟร่ะ...นัดคนอื่นไว้แล้วไหงเจ้าตัวกลับยังไม่ออกมาอีก อย่างนี้มันน่า...น่า....ซัดสักเปรี้ยง!!! อื่ม อื่ม
“ ทำน้ำเสียงอย่างนี้มีปัญหาเหรอ ”
เสียงกระแทกกลับมาจากปลายสาย เรียกสติของกีรดากลับมาได้เป็นอย่างดี และแล้วคำตอบที่เต็มไปด้วยอารมณ์โมโหของคนโดนเบี้ยวก็ค่อยๆปล่อยเสียง ตอบกลับมา
“ ปล๊ะ ปล๊ะ เปล่า ค่ะ ไม่มี ข้อเดียวก็ไม่มี ”
“ กวนฉันเหรอ ”
เอ่อนะคนเรา จากน้ำเสียงก็พอจะเดาออกว่ากีรดาหงอมากแค่ไหน แต่ก็นะ ยังมากวนเธอได้อีกนี่สิ แปลกจริงยัยคนนี้
“ เอาล่ะ ข้อแรกของวันนี้ที่เธอจะรู้เกี่ยวกับฉันก็คือ ฉันไม่ชอบคนผิดนัด และก็ไม่ได้ชอบไปสวนสนุกด้วย จำไว้ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ”
คำพูดของคนปลายสายเล่น เอาคนฟังมึนตื๊บ! อะไรว้า....มันเกี่ยวกับตรงไหนอะเรื่องนี้??? แล้วจาบอกให้ฉันมาที่นี่ทำแปะอะไรห๊า!!! แล้วอีกอย่าง สุวรรณภูมิ เฮ้ย!
“ เราจะไปไหนกันเหรอค่ะ ”
“ อย่าถามมาก นี่ก็คืออีกเรื่องหนึ่งที่เธอควรรู้ ฉันไม่ชอบคนซอกแซก บอกอะไรก็ทำๆไปเถอะอย่างมาเรื่องมาก ”
ตุ๊ดๆๆๆๆๆ ชวิตราวางสายไปแล้ว โอ้...นี่มันนรกชัดๆ ยัยนี่เป็นแม่มดชัวร์เธอฟันธง!!! แต่ตอนนี้จะมัวคิดอะไรมากไม่ได้แล้ว ต้องรีบๆ ฮื่อๆๆ
และแล้วการเดินทาง ที่ไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ของกีรดาก็เริ่มต้น โดยที่เจ้าตัวรู้เพียงแต่ว่า เป้าหมายคือเชียงใหม่ นอกนั้นไม่รู้เลยซักอย่าง แต่ก็ช่างเถอะตกกระไดพลอยโจนมาถึงขนาดนี้ก็คงจะถอนตัวยากเสียแล้ว เพราะจากการประเมินความอำมหิตของคนข้างๆ รู้ได้เลยว่าไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน >-<
“ สวัสดีค่ะ ล้านนาสปาแอนท์รีสอร์ท ยินดีต้อนรับค่ะ ”
คำทักทายแบบเป็นกันเองของพนักงานต้อนรับของรีสอร์ทแห่งนี้ดังขึ้นมาทุกครั้งที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาหน้าเคาร์เตอร์
“ สวัสดีค่ะ ฉันต้องการห้องพัก 2 ห้อง ”
พนักงาน ที่ยืนให้บริการอยู่หันมาส่งยิ้มให้สองสาว ก่อนจะก้มหน้าลงเช็กห้องว่างในคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว และคำตอบที่ได้รับจากพนักงานยิ้มเก่งคนนี้ก็คือ เหลือห้องว่างเพียงห้องเดียว!!!
“ ไม่ใช่ช่วงเทศกาลทำไมคนเยอะจัง ”
เสียงบ่นอุบอิบๆของชวิตราดังขึ้น
“ เขาก็คงมาพักผ่อนเหมือนเราอะค่ะ ”
กีรดาเผลอตอบออกมาเพราะคิดว่านั้นคือคำถามที่ต้องการคนตอบ แต่เมื่อหันมาสบสายตากับคนพูดก็พอจะรู้ลางๆว่า ไม่ได้ขอความเห็น เล่นเอาคนตอบเสียวสันหลังวูบใหญ่เลยทีเดียว
“ งั้นเราลองไปดูที่โรงแรมอื่นมั้ยค่ะ ”
กีรดารีบเปลื่ยนเรื่องเพราะตอนนี้รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตของคนข้างๆ ว่าเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ขืนเป็นอย่างนี้ได้ตายกันหมดทั้งรัสอร์ทแน่ อึ๋ย!!! คิดแล้วสยอง.....
“ ค่ะ ตกลงเอาห้องนั้นล่ะค่ะ ”
กีรดาที่คิดว่าจะได้เปลื่ยนโรงแรมหรือรีสอร์ทอื่นได้ยินเข้าเข่าอ่อนแทบทรุดลง กับพื้น หันไปหาคนที่เอ่ยปากตกลงก็ไม่ทันเสียแล้ว แม่คุณเดินตามพนักงานไปลิ่วๆ นี่คิดว่ามาคนเดียวหรือไงนะ
ชวิตราเดิน สำรวจห้องพักไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงระเบียงห้อง บรรยากาศเข้าท่าดีจัง การตกแต่งและเครื่องใช้ภายในห้องก็ถูกออกแบบมาพิเศษอยู่ในห้องนี้ได้ความ รู้สึกล้านนา สมกับชื่อรีสอร์ทจริงๆ ความผ่อนคลายเริ่มทำให้หญิงสาวเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และรอยยิ้มนั้นก็สร้างรอยยิ้มจากคนที่อยู่ภายในห้องได้ไม่ยากนัก กีรดามองคนที่ยืนยิ้มอยู่ที่ระเบียงอย่างพิจาราณา คนอะไรสวย สง่า แถมเซ๊กซี่อีกต่างหาก ยิ่งบวกเข้ากับรอยยิ้มที่เผยออกมาจากริมฝีปากอันอวบอิ่มแล้ว ยิ่งเพอร์เฟคกันเข้าไปใหญ่ จะสวยอะไรกันนักกันหนาจ๊ะแม่คู้ณณณณณ
ชวิตรายืนนิ่งมองออกไปข้างนอกระเบียงอย่างชื่นชม ธรรมชาติที่นี่ช่างสวยงามและสมบูรณ์สมกับคำคุยของนรินจริงๆ
“ สวยจริงๆนะแก ฉันเอาตัวกับหัวเป็นประกัน ”
คำยืนยันที่เอาทั้งตัวและหัวของเพื่อนสาวเป็นประกันทำให้เธออยากลองมาพักดูสัก ครั้ง ทีแรกก็คิดว่าบางทียัยเพื่อนตัวดีอาจจะได้ค่านายหน้า อื่ม...ถ้าไม่มีดีอย่างที่คุย กลับไปเธอเจอดีแน่ยัยริน ~ ~ แต่เมื่อมาเห็นสถานที่จริงๆ ก็พูดได้คำเดียวว่า รีสอร์ทสวย บรรยากาศดี สมกับที่ได้ยินมาจริงๆ แต่แล้วการชื่นชมบรรยากาศของเธฮก็ต้องขะงัก เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้อง ชวิตราจึงหันหน้ามาหากีรดาอย่างรวดเร็วจนคนที่แอบมองอยู่แทบจะเก็บสีหน้าที่ ชื่นชมเจ้าของความเพอร์เฟคแทบไม่ทัน ยังดีนะที่คนตรงหน้าไม่ทันสังเกตเห็นไม่งั้นเรื่องยาวววววว.....~ ~
“ มองอะไร ไม่รีบเก็บกระเป๋าล่ะ อีกข้อหนึ่งที่เธอควรจะรู้ ฉันไม่คนชักช้าอึดอาด ”
ใน ที่สุดทุกอย่างก็กลับมาสู้โลกแห่งความจริง ชวิตรายังไงก็คือชวิตรา เฮ้ย...ชื่นชมได้ไม่ถึง 5 นาที ความสยองก็กลับมาอีกครั้ง ปรื้นๆๆ น่ากลัวได้อีก
แสงจากปลายเทียนส่องให้ความสว่างรอบโต๊ะอาหาร บรรยากาศยามต่ำคืนก็สวยไปอีกแบบ จะเรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศนี้เหมาะสำหรับคู่รัก ช่างโรแมนติกอะไรจะขนาดนี้ แต่ดูคู่เธอสิ เห็นหน้าแล้วอารมณ์สุนทรีตะกี้หายไปในพริบตา สามารถจริงๆนะยัยคนนี้
“ อยากทานอะไรก็สั่งได้นะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ”
ชวิตราละสายตาจากความสวยงามรอบข้าง หันมาพูดกับคนตรงหน้า เธอเป็นคนแฟร์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หากให้คนอื่นช่วย เธอก็จะมีค่าตอบแทนให้เสมอ เพราะถือว่าแลกกัน เมื่อจบก็ไม่มีใครติดค้างกัน ยังไงๆ เงินก็คือพระเจ้าเสมอสำหรับทุกคน คงไม่ต้องบอกว่าความคิดนี้เธอได้เหมารวมเอาคนตรงหน้าเข้าไปไว้ด้วยเรียบร้อย แล้ว
กีรดาชายตามองชวิตราแวบหนึ่งก่อนจะรีบเก็บสายตา เนื่องด้วยยังไม่อยากเจอสายตาพิฆาตของคนตรงหน้าขืนโดนเข้าไปมีหวังทานข้าวไม่ลงแน่
และ แล้วอาหารมื้ออร่อยก็จบลงเป็นที่เรียบร้อย ฝีมือสุดยอดจริงๆ ที่พัก บรรยากาศ อาหาร เรียกได้ว่าไม่มีที่ติเลยก็ว่าได้ แล้วความคิดก็ต้องยุติลงเมื่อเห็นหน้าที่เรียกได้ว่าใสจนซื่อบื่อของกีรดา แล้วยัยนี่จะจำที่เธอบอกทั้งหมดได้มั้ยนะ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงแค่นั่งอธิบายให้ก็พอแล้วว่าเธอเป็นคนยังไง ชอบ ไม่ชอบอะไร แต่ดันมาเป็นยัยนี่ ถึงต้องพามาให้เรียนรู้ด้วยตัวเองเพราะการสัมผัสกันจริงๆย่อมทำให้อีกฝ่าย เข้าใจและเรียนรู้กันและกันได้ไม่มากก็น้อย แต่ไม่รู้ว่าทฤษฏีนี้จะใช้ได้กับยัยนี่หรือเปล่าก็ไม่รู้....
“ รู้มั้ยว่าการมาทานข้าวในวันนี้ของเราได้อะไร ”
คำถามที่ยากจะเดาคำตอบของชวิตราดังขึ้น ทำเอากีรดาอึ้งไปพักใหญ่ สีหน้าคนถามช่างเป็นตัวกระตุ้นให้คนที่กำลังคิดยิ่งต้องรีบใช้ความคิดอย่าง หนัก ติ๊กต๊อกๆๆๆ
“ ว่าไง ชักช้าอยู่ได้พึ่งบอกไปตะกี้นี้ว่าไม่ชอบ ”
“ ก็...คุณชวิตราไม่ชอบอาหารรสจัด ไม่ชอบกลิ่นกระเทียม ชอบทานอาหารประเภทผักมากกว่าเนื้อหรือหมู ที่สำคัญคุณชอบบรรยากาศของที่นี่เป็นพิเศษ เลยทำให้วันนี้คุณทานข้าวได้มากกว่าปกติ ออ...อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ”
กีรดาส่งยิ้มแสดงความเป็น มิตรต่อคนที่ตอนนี้เริ่มแสดงสีหน้า งง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่น่าเชื่อว่า กีรดาจะสังเกตุเธอได้ละเอียดขนาดนี้ นี่เธอมองคนๆนี้ผิดไปหรือเปล่าน้า......
“ คุณยิ้มได้สวยมากค่ะ ”
จบประโยคเด็ดกีรดาก็รีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้คนฟังนิ่ง งง เป็นไก่ตาแตก สงสัยท่าจะเพี้ยน ปรกติเห็นกลัวเธอจะตาย แต่ไหงวันนี้ถึงกล้าพูดอย่างนี้ แล้วยังมีหน้ามาทำหน้าระลื่นส่งยิ้มหวานมาให้เธออีก คนบ้า...แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นแก้วไวน์ตรงหน้าของคนที่เพิ่งไปเข้าห้อง น้ำ ก็ทำให้ชวิตราถึงบางอ้อ นี่สินะตัวต้นเหตุที่ทำให้ยัยบ้านั่นเปลื่ยนไป แต่รอยยิ้มที่มุมปากก็เกิดขึ้นมาเองโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว ยิ้มสวย งั้นเหรอ เชอะ....จะยิ้มหรือทำหน้าบึ้งฉันก็สวยทั้งนั้นแหล่ะย่ะ ยัยบ๊องส์เอ้ย
“ ที่นี่สวยมากเลยนะค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเมืองไทยยังเหลือสถานที่ที่เพียบพร้อม อุดมสมบูรณ์แบบนี้
อยู่ ”
กีรดาเอ่ยทำลายความเงียบที่คนตรงหน้าสร้างขึ้นอย่างหมดสิ้น ก็เธอเห็นชวิตรายืนเหม่อมองบริเวณนี้อยู่นานมาก จนเธออดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะถึงบรรยากาศจะดียังไง แต่มันก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็น สถานที่อื่น ไม่ใช่ในบ้านของตนเอง ความปลอดภัยจึงเป็นอีกข้อหนึ่งที่หากสามารถระวังได้เป็นดีที่สุด แต่ก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมต้องเป็นห่วงคนๆนี้ด้วย แต่ก็เอาเถอะนะ ยังไงก็มาด้วยกันแล้วก็ต้องดูแลกันดีๆ เพราะถึงเป็นคนอื่นเธอก็ต้องทำอย่างนี้อยู่แล้ว
“ ท่าทางคุณจะชอบธรรมชาติมากนะคะ เห็นคุณมองทีไร ยิ้มทุกที ”
คำพูดออกจากปากของคนมาใหม่ แสดงให้เห็นว่าทุกอิริยาบถของเธอไม่มีทางพลาดไปได้จากสายตาคนๆนี้ ชวิตราค่อยๆหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับคนที่พูดจ้อไม่หยุด ใบหน้าที่สะท้อนโดยไปข้างทางแถบจะเรียกได้ว่าไม่เห็นหน้ากันเลยก็ว่าได้ แต่โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย แสงสว่างที่ตกมากระทบจึงทำให้สามารถมองเห็นใบหน้าคนตรงหน้าได้ ถึงไม่ชัดเจนแต่ก็พอเห็นลางๆ
ใบหน้ารูปไข่ จมูกเป็นสันได้รูป ปากเล็กๆ คิ้วโค้งได้รูป เข้ากับใบหน้า ดูๆไปยัยนี่ก็น่ารักดีนะ เอ่อ...ไม่ใช่ ชวิตรารีบสะบัดความคิดออกไป นี่เธอคิดออกมาได้ไงน่ารัก แหว่ะ......
“ มันเรื่องของฉัน เธอไม่เกี่ยว ทำหน้าที่ของเธอให้ดีเถอะ เรื่องจะได้จบๆซะที ”
ชวิตรารีบกลบเกลือนความคิดที่เริ่มจะฟุ้งซ่านของตัวเอง ด้วยการหันกลับมาทำหน้ายักษ์ขู่กีรดาอีกครั้ง ได้ผลคนฟังเริ่มหน้าถอดสี และคอยๆก้าวถอยออกมาห่างๆ อุตสาห์เริ่มทำใจได้แล้วเชียว กระเจิงอีกแล้วขวัญจ้ากลับมามะ กลับมาก่อนเหอะ กลับมา....กลับมา >-<
“ ออ...อีกอย่างลืมบอกไป ฉันไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับใคร คงไม่ต้องบอกนะว่าเธอควรทำยังไง ”
คำพูดบวกกับรอยยิ้มปิดท้าย ช่างเสียดแทงต่อมความกลัวของกีรดาได้ดีแท้ โอ้ว....แล้วเมื่อไหร่ฉันจะชินกับยัยนี่ได้ซะทีนะ แต่เอ....จะมีวันนั้นมั้ยนะ
ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri ตอนที่ 6 การเดินทาง
กีรดา - -
“ ชักช้าจริง มัวแต่ทำอะไรอยู่ ปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน รู้มั้ยว่ามันเสียเวลา แล้วนี่ฟังฉันพูดอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวเหอะกีรดา ”
คนปลายสายส่งเสียงทักทายมาแต่เช้าเล่นเอาคนฟังชวัญกระเจิงแทบเรียกกลับมาไม่ ทัน ขวัญเฮ้ยขวัญมา...อย่างเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะ ขนาดมีแกฉันยังกลัวแทบหัวหด แล้วนี้ถ้าไม่มีแกแล้วฉันจะหดหัวไว้ที่ไหนนนนนนนน
กีรดามาถึงสถานที่ นัดพบอย่างรวดเร็วเพราะแค่นี้หูเธอก็ชาจนคิดว่าตัวเองกลายเป็นปลาไหลไปเสีย แล้ว คนอะไรพูด พูด พูด แล้วก็พูด อยู่ได้แต่เอ....ตะกี้ยัยนั้นหายใจทางไหนนะ หุหุ คิดแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ตอนนี้ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาอย่างแน่นถนัด มองไปทางไหนก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีที่ยืน แล้วนี่
ชวิตรายังไม่มาอีกดูสิปล่อยให้คนอื่นรอตั้งนาน นัด 8 โมง แต่นี่มันปาเข้าไปจะ 9 โมงแล้ว แย่จริง กีรดาหันไปรอบทิศก็ยังไม่พบคนที่นัดเธอเลยแม้แต่เงา อยู่ไหนนะ....??? กีรดาจึงตัดสินใจโทรหาชวิตราอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่จะให้เธอมารออย่างไรจุดหมายอย่างนี้ก็คงไม่ไหว เป็นไงเป็นกัน สู้โว๊ยยยย.....>-<
“ สวัสดีค่ะคุณชวิตรา พอดีกีมารอคุณแถวหน้าสวนสนุกแล้วอะค่ะ คุณอยู่แถวไหนค่ะ ”
“ อยู่บ้าน ”
คำตอบสั้น แต่ทั้งน้ำเสียงและความหมายช่างกระตุ้นต่อมโมโหได้ดีแท้
“ อยู่บ้าน ”
กีรดาทวนคำออกมาอย่างสะกดกั้นเอาไว้ไม่อยู่ อะไรฟร่ะ...นัดคนอื่นไว้แล้วไหงเจ้าตัวกลับยังไม่ออกมาอีก อย่างนี้มันน่า...น่า....ซัดสักเปรี้ยง!!! อื่ม อื่ม
“ ทำน้ำเสียงอย่างนี้มีปัญหาเหรอ ”
เสียงกระแทกกลับมาจากปลายสาย เรียกสติของกีรดากลับมาได้เป็นอย่างดี และแล้วคำตอบที่เต็มไปด้วยอารมณ์โมโหของคนโดนเบี้ยวก็ค่อยๆปล่อยเสียง ตอบกลับมา
“ ปล๊ะ ปล๊ะ เปล่า ค่ะ ไม่มี ข้อเดียวก็ไม่มี ”
“ กวนฉันเหรอ ”
เอ่อนะคนเรา จากน้ำเสียงก็พอจะเดาออกว่ากีรดาหงอมากแค่ไหน แต่ก็นะ ยังมากวนเธอได้อีกนี่สิ แปลกจริงยัยคนนี้
“ เอาล่ะ ข้อแรกของวันนี้ที่เธอจะรู้เกี่ยวกับฉันก็คือ ฉันไม่ชอบคนผิดนัด และก็ไม่ได้ชอบไปสวนสนุกด้วย จำไว้ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ”
คำพูดของคนปลายสายเล่น เอาคนฟังมึนตื๊บ! อะไรว้า....มันเกี่ยวกับตรงไหนอะเรื่องนี้??? แล้วจาบอกให้ฉันมาที่นี่ทำแปะอะไรห๊า!!! แล้วอีกอย่าง สุวรรณภูมิ เฮ้ย!
“ เราจะไปไหนกันเหรอค่ะ ”
“ อย่าถามมาก นี่ก็คืออีกเรื่องหนึ่งที่เธอควรรู้ ฉันไม่ชอบคนซอกแซก บอกอะไรก็ทำๆไปเถอะอย่างมาเรื่องมาก ”
ตุ๊ดๆๆๆๆๆ ชวิตราวางสายไปแล้ว โอ้...นี่มันนรกชัดๆ ยัยนี่เป็นแม่มดชัวร์เธอฟันธง!!! แต่ตอนนี้จะมัวคิดอะไรมากไม่ได้แล้ว ต้องรีบๆ ฮื่อๆๆ
และแล้วการเดินทาง ที่ไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ของกีรดาก็เริ่มต้น โดยที่เจ้าตัวรู้เพียงแต่ว่า เป้าหมายคือเชียงใหม่ นอกนั้นไม่รู้เลยซักอย่าง แต่ก็ช่างเถอะตกกระไดพลอยโจนมาถึงขนาดนี้ก็คงจะถอนตัวยากเสียแล้ว เพราะจากการประเมินความอำมหิตของคนข้างๆ รู้ได้เลยว่าไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน >-<
“ สวัสดีค่ะ ล้านนาสปาแอนท์รีสอร์ท ยินดีต้อนรับค่ะ ”
คำทักทายแบบเป็นกันเองของพนักงานต้อนรับของรีสอร์ทแห่งนี้ดังขึ้นมาทุกครั้งที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาหน้าเคาร์เตอร์
“ สวัสดีค่ะ ฉันต้องการห้องพัก 2 ห้อง ”
พนักงาน ที่ยืนให้บริการอยู่หันมาส่งยิ้มให้สองสาว ก่อนจะก้มหน้าลงเช็กห้องว่างในคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว และคำตอบที่ได้รับจากพนักงานยิ้มเก่งคนนี้ก็คือ เหลือห้องว่างเพียงห้องเดียว!!!
“ ไม่ใช่ช่วงเทศกาลทำไมคนเยอะจัง ”
เสียงบ่นอุบอิบๆของชวิตราดังขึ้น
“ เขาก็คงมาพักผ่อนเหมือนเราอะค่ะ ”
กีรดาเผลอตอบออกมาเพราะคิดว่านั้นคือคำถามที่ต้องการคนตอบ แต่เมื่อหันมาสบสายตากับคนพูดก็พอจะรู้ลางๆว่า ไม่ได้ขอความเห็น เล่นเอาคนตอบเสียวสันหลังวูบใหญ่เลยทีเดียว
“ งั้นเราลองไปดูที่โรงแรมอื่นมั้ยค่ะ ”
กีรดารีบเปลื่ยนเรื่องเพราะตอนนี้รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตของคนข้างๆ ว่าเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ขืนเป็นอย่างนี้ได้ตายกันหมดทั้งรัสอร์ทแน่ อึ๋ย!!! คิดแล้วสยอง.....
“ ค่ะ ตกลงเอาห้องนั้นล่ะค่ะ ”
กีรดาที่คิดว่าจะได้เปลื่ยนโรงแรมหรือรีสอร์ทอื่นได้ยินเข้าเข่าอ่อนแทบทรุดลง กับพื้น หันไปหาคนที่เอ่ยปากตกลงก็ไม่ทันเสียแล้ว แม่คุณเดินตามพนักงานไปลิ่วๆ นี่คิดว่ามาคนเดียวหรือไงนะ
ชวิตราเดิน สำรวจห้องพักไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงระเบียงห้อง บรรยากาศเข้าท่าดีจัง การตกแต่งและเครื่องใช้ภายในห้องก็ถูกออกแบบมาพิเศษอยู่ในห้องนี้ได้ความ รู้สึกล้านนา สมกับชื่อรีสอร์ทจริงๆ ความผ่อนคลายเริ่มทำให้หญิงสาวเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และรอยยิ้มนั้นก็สร้างรอยยิ้มจากคนที่อยู่ภายในห้องได้ไม่ยากนัก กีรดามองคนที่ยืนยิ้มอยู่ที่ระเบียงอย่างพิจาราณา คนอะไรสวย สง่า แถมเซ๊กซี่อีกต่างหาก ยิ่งบวกเข้ากับรอยยิ้มที่เผยออกมาจากริมฝีปากอันอวบอิ่มแล้ว ยิ่งเพอร์เฟคกันเข้าไปใหญ่ จะสวยอะไรกันนักกันหนาจ๊ะแม่คู้ณณณณณ
ชวิตรายืนนิ่งมองออกไปข้างนอกระเบียงอย่างชื่นชม ธรรมชาติที่นี่ช่างสวยงามและสมบูรณ์สมกับคำคุยของนรินจริงๆ
“ สวยจริงๆนะแก ฉันเอาตัวกับหัวเป็นประกัน ”
คำยืนยันที่เอาทั้งตัวและหัวของเพื่อนสาวเป็นประกันทำให้เธออยากลองมาพักดูสัก ครั้ง ทีแรกก็คิดว่าบางทียัยเพื่อนตัวดีอาจจะได้ค่านายหน้า อื่ม...ถ้าไม่มีดีอย่างที่คุย กลับไปเธอเจอดีแน่ยัยริน ~ ~ แต่เมื่อมาเห็นสถานที่จริงๆ ก็พูดได้คำเดียวว่า รีสอร์ทสวย บรรยากาศดี สมกับที่ได้ยินมาจริงๆ แต่แล้วการชื่นชมบรรยากาศของเธฮก็ต้องขะงัก เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้อง ชวิตราจึงหันหน้ามาหากีรดาอย่างรวดเร็วจนคนที่แอบมองอยู่แทบจะเก็บสีหน้าที่ ชื่นชมเจ้าของความเพอร์เฟคแทบไม่ทัน ยังดีนะที่คนตรงหน้าไม่ทันสังเกตเห็นไม่งั้นเรื่องยาวววววว.....~ ~
“ มองอะไร ไม่รีบเก็บกระเป๋าล่ะ อีกข้อหนึ่งที่เธอควรจะรู้ ฉันไม่คนชักช้าอึดอาด ”
ใน ที่สุดทุกอย่างก็กลับมาสู้โลกแห่งความจริง ชวิตรายังไงก็คือชวิตรา เฮ้ย...ชื่นชมได้ไม่ถึง 5 นาที ความสยองก็กลับมาอีกครั้ง ปรื้นๆๆ น่ากลัวได้อีก
แสงจากปลายเทียนส่องให้ความสว่างรอบโต๊ะอาหาร บรรยากาศยามต่ำคืนก็สวยไปอีกแบบ จะเรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศนี้เหมาะสำหรับคู่รัก ช่างโรแมนติกอะไรจะขนาดนี้ แต่ดูคู่เธอสิ เห็นหน้าแล้วอารมณ์สุนทรีตะกี้หายไปในพริบตา สามารถจริงๆนะยัยคนนี้
“ อยากทานอะไรก็สั่งได้นะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ”
ชวิตราละสายตาจากความสวยงามรอบข้าง หันมาพูดกับคนตรงหน้า เธอเป็นคนแฟร์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หากให้คนอื่นช่วย เธอก็จะมีค่าตอบแทนให้เสมอ เพราะถือว่าแลกกัน เมื่อจบก็ไม่มีใครติดค้างกัน ยังไงๆ เงินก็คือพระเจ้าเสมอสำหรับทุกคน คงไม่ต้องบอกว่าความคิดนี้เธอได้เหมารวมเอาคนตรงหน้าเข้าไปไว้ด้วยเรียบร้อย แล้ว
กีรดาชายตามองชวิตราแวบหนึ่งก่อนจะรีบเก็บสายตา เนื่องด้วยยังไม่อยากเจอสายตาพิฆาตของคนตรงหน้าขืนโดนเข้าไปมีหวังทานข้าวไม่ลงแน่
และ แล้วอาหารมื้ออร่อยก็จบลงเป็นที่เรียบร้อย ฝีมือสุดยอดจริงๆ ที่พัก บรรยากาศ อาหาร เรียกได้ว่าไม่มีที่ติเลยก็ว่าได้ แล้วความคิดก็ต้องยุติลงเมื่อเห็นหน้าที่เรียกได้ว่าใสจนซื่อบื่อของกีรดา แล้วยัยนี่จะจำที่เธอบอกทั้งหมดได้มั้ยนะ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงแค่นั่งอธิบายให้ก็พอแล้วว่าเธอเป็นคนยังไง ชอบ ไม่ชอบอะไร แต่ดันมาเป็นยัยนี่ ถึงต้องพามาให้เรียนรู้ด้วยตัวเองเพราะการสัมผัสกันจริงๆย่อมทำให้อีกฝ่าย เข้าใจและเรียนรู้กันและกันได้ไม่มากก็น้อย แต่ไม่รู้ว่าทฤษฏีนี้จะใช้ได้กับยัยนี่หรือเปล่าก็ไม่รู้....
“ รู้มั้ยว่าการมาทานข้าวในวันนี้ของเราได้อะไร ”
คำถามที่ยากจะเดาคำตอบของชวิตราดังขึ้น ทำเอากีรดาอึ้งไปพักใหญ่ สีหน้าคนถามช่างเป็นตัวกระตุ้นให้คนที่กำลังคิดยิ่งต้องรีบใช้ความคิดอย่าง หนัก ติ๊กต๊อกๆๆๆ
“ ว่าไง ชักช้าอยู่ได้พึ่งบอกไปตะกี้นี้ว่าไม่ชอบ ”
“ ก็...คุณชวิตราไม่ชอบอาหารรสจัด ไม่ชอบกลิ่นกระเทียม ชอบทานอาหารประเภทผักมากกว่าเนื้อหรือหมู ที่สำคัญคุณชอบบรรยากาศของที่นี่เป็นพิเศษ เลยทำให้วันนี้คุณทานข้าวได้มากกว่าปกติ ออ...อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ”
กีรดาส่งยิ้มแสดงความเป็น มิตรต่อคนที่ตอนนี้เริ่มแสดงสีหน้า งง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่น่าเชื่อว่า กีรดาจะสังเกตุเธอได้ละเอียดขนาดนี้ นี่เธอมองคนๆนี้ผิดไปหรือเปล่าน้า......
“ คุณยิ้มได้สวยมากค่ะ ”
จบประโยคเด็ดกีรดาก็รีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้คนฟังนิ่ง งง เป็นไก่ตาแตก สงสัยท่าจะเพี้ยน ปรกติเห็นกลัวเธอจะตาย แต่ไหงวันนี้ถึงกล้าพูดอย่างนี้ แล้วยังมีหน้ามาทำหน้าระลื่นส่งยิ้มหวานมาให้เธออีก คนบ้า...แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นแก้วไวน์ตรงหน้าของคนที่เพิ่งไปเข้าห้อง น้ำ ก็ทำให้ชวิตราถึงบางอ้อ นี่สินะตัวต้นเหตุที่ทำให้ยัยบ้านั่นเปลื่ยนไป แต่รอยยิ้มที่มุมปากก็เกิดขึ้นมาเองโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว ยิ้มสวย งั้นเหรอ เชอะ....จะยิ้มหรือทำหน้าบึ้งฉันก็สวยทั้งนั้นแหล่ะย่ะ ยัยบ๊องส์เอ้ย
“ ที่นี่สวยมากเลยนะค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเมืองไทยยังเหลือสถานที่ที่เพียบพร้อม อุดมสมบูรณ์แบบนี้
อยู่ ”
กีรดาเอ่ยทำลายความเงียบที่คนตรงหน้าสร้างขึ้นอย่างหมดสิ้น ก็เธอเห็นชวิตรายืนเหม่อมองบริเวณนี้อยู่นานมาก จนเธออดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะถึงบรรยากาศจะดียังไง แต่มันก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็น สถานที่อื่น ไม่ใช่ในบ้านของตนเอง ความปลอดภัยจึงเป็นอีกข้อหนึ่งที่หากสามารถระวังได้เป็นดีที่สุด แต่ก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมต้องเป็นห่วงคนๆนี้ด้วย แต่ก็เอาเถอะนะ ยังไงก็มาด้วยกันแล้วก็ต้องดูแลกันดีๆ เพราะถึงเป็นคนอื่นเธอก็ต้องทำอย่างนี้อยู่แล้ว
“ ท่าทางคุณจะชอบธรรมชาติมากนะคะ เห็นคุณมองทีไร ยิ้มทุกที ”
คำพูดออกจากปากของคนมาใหม่ แสดงให้เห็นว่าทุกอิริยาบถของเธอไม่มีทางพลาดไปได้จากสายตาคนๆนี้ ชวิตราค่อยๆหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับคนที่พูดจ้อไม่หยุด ใบหน้าที่สะท้อนโดยไปข้างทางแถบจะเรียกได้ว่าไม่เห็นหน้ากันเลยก็ว่าได้ แต่โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย แสงสว่างที่ตกมากระทบจึงทำให้สามารถมองเห็นใบหน้าคนตรงหน้าได้ ถึงไม่ชัดเจนแต่ก็พอเห็นลางๆ
ใบหน้ารูปไข่ จมูกเป็นสันได้รูป ปากเล็กๆ คิ้วโค้งได้รูป เข้ากับใบหน้า ดูๆไปยัยนี่ก็น่ารักดีนะ เอ่อ...ไม่ใช่ ชวิตรารีบสะบัดความคิดออกไป นี่เธอคิดออกมาได้ไงน่ารัก แหว่ะ......
“ มันเรื่องของฉัน เธอไม่เกี่ยว ทำหน้าที่ของเธอให้ดีเถอะ เรื่องจะได้จบๆซะที ”
ชวิตรารีบกลบเกลือนความคิดที่เริ่มจะฟุ้งซ่านของตัวเอง ด้วยการหันกลับมาทำหน้ายักษ์ขู่กีรดาอีกครั้ง ได้ผลคนฟังเริ่มหน้าถอดสี และคอยๆก้าวถอยออกมาห่างๆ อุตสาห์เริ่มทำใจได้แล้วเชียว กระเจิงอีกแล้วขวัญจ้ากลับมามะ กลับมาก่อนเหอะ กลับมา....กลับมา >-<
“ ออ...อีกอย่างลืมบอกไป ฉันไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับใคร คงไม่ต้องบอกนะว่าเธอควรทำยังไง ”
คำพูดบวกกับรอยยิ้มปิดท้าย ช่างเสียดแทงต่อมความกลัวของกีรดาได้ดีแท้ โอ้ว....แล้วเมื่อไหร่ฉันจะชินกับยัยนี่ได้ซะทีนะ แต่เอ....จะมีวันนั้นมั้ยนะ