ทีเซอร์ ฉิมพลีสวาท
บทนำ
สดายุมองชายผ้านุ่งของผู้เป็นชายาที่ถูกรั้งให้ร่นขึ้นไปอยู่บริเวณกลางขา ขณะที่มือของนางกำนัลได้ลูบไล้ขัดสี โดยแทรกมือผ่านชายผ้าขาวเนื้อเบาบางที่เมื่อเปียกน้ำแล้วแทบไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย
เขามองตามมือที่แทรกเข้าไปภายใต้เนื้อผ้าเพื่อขัดสีให้สิมันตรา การได้เห็นผิวกายนวลขาวของเธอโดนลูบไล้อย่างนั้น ทำให้ความปรารถนาของเขาลุกโชน
สกุณีได้นำยาสระผมที่ทำมาจากพฤกษาซึ่งให้กลิ่นหอมสดชื่นชโลมลงบนศีรษะของผู้เป็นราชินี
ผู้ครองสุบรรณสูดกลิ่นหอมที่ส่งกลิ่นมายังอีกฝั่งที่เขานั่งอยู่ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน อยากครอบครองร่างหอมเย้ายวนของชายา
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา และได้เห็นสดายุที่มองมาราวกับปรารถนาจะร่วมรักกับเธอ นั่นเองที่ทำให้หน้าแดง เลือดในกายสูบฉีด เพราะนึกถึงบทรักที่หนักหน่วงของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกติดใจในรสสัมผัสที่มอบให้มา
สิมันตราไม่ปฏิเสธว่า มีความสุข และชอบรสสวาทที่เขาใช้เป็นบ่วงพันธนาการเธอ
ผู้ครองสุบรรณมองร่างของชายาที่กำลังถูกชำระล้าง หลังจากขัดสีถูตัวเสร็จแล้ว
ฟองของยาสระผมที่ค่อยๆ ไหลลงมา ทำให้สิมันตราหลับตาอีกครั้ง
เขามองผิวกายที่ลื่นไปด้วยฟองสบู่ของเธอแล้วก็ไม่สามารถบังคับความเป็นชายที่ค่อยๆ ผงาดขึ้นมา
“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”สดายุสั่ง
“เพคะ”เหล่านางกำนัลรีบวางมือก่อนจะรีบออกไป
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
เขาแววตากรุ้มกริ่ม ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ลุกจากบันได แล้วเดินวนมายังบันไดฝั่งที่ชายานั่งอยู่
สดายุนั่งลงด้านหลังของสิมันตรา มือของเขาโอบสัมผัสร่างนุ่มนิ่มของเธอด้วยแรงแห่งความปรารถนา
สิมันตราเลือดในกายแล่นพล่าน รู้สึกรุมร้อนแม้ร่างกายจะเปียกปอนไปด้วยน้ำก็ตาม และยิ่งเมื่อมือขวาของเขาบีบนวดเนินอกนุ่มหยุ่น ก็ยิ่งทำให้เธอดั่งโดนไฟแผดเผา
*_____________________________*
ลิงค์ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34084184
ลิงค์ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34086863
ลิงค์ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/34090542
ลิงค์ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/34095537
บทที่ 5 ขอแต่งงาน
สดายุเดินไปเดินมาพยายามขบคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถรับรู้ความเป็นไปของเรื่องราวบนโลกมนุษย์
“มีอะไรให้เกล้ากระหม่อมช่วยคิดไหมพระองค์”เสียงของทหารคนสนิทถาม
“ข้าอยากรู้เรื่องราวบนโลกมนุษย์ เจ้าจะช่วยข้าได้ไหม ..วิรุณหก”สดายุถามด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“แล้วจะยากอะไรหรือพระเจ้าค่ะ”นั่นคือคำตอบที่ได้รับกลับมา
สดายุหันไปมองทหารคนสนิททันใด ต้องการคำพูดที่กระจ่างขึ้น
“พระองค์อาจจะเคร่งเครียดเกินไปจนทำให้ลืมนึกถึงสระอโนดาต”วิรุณหกกล่าว
“จริงด้วย”สดายุยิ้มออก “ทำไมข้าคิดไม่ถึง”
“ก็พระองค์มัวแต่คิดว่าบนโลกจะเป็นอย่างไร คิดอยู่แค่เพียงเท่านั้น เลยลืมทุกสิ่งต่างๆ รอบกายไป”คำพูดของวิรุณหกทำให้ผู้ครองสุบรรณส่ายหน้า
“พูดมากตลอดกาลนะเจ้า”สดายุกล่าวก่อนจะเดินไปยังประตู จากนั้นก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
“รอด้วยพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกรีบบินตามขึ้นไป
ทั้งสองมุ่งหน้าไปสู่สระอโนดาต ซึ่งอยู่บริเวณตีนเขาไกรลาสอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
“รอด้วยพระองค์”วิรุณหกมองสดายุที่บินพุ่งไปอย่างรวดเร็วจนเขาตามแทบไม่ทัน
*_____________________________*
สุเรนโทรหาภูผาเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับสิมันตรา เพราะมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ทำให้เขารู้ว่าไม่ควรให้เวลาผ่านไปจนถึงการเกิดคราสครั้งต่อไป
“ว่าไงเรน”ภูผาทักทายมาทางโทรศัพท์
“ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษานาย”สุเรนกล่าว
“เรื่องอะไร ว่ามาเลย”ภูผาตอบรับด้วยความยินดี
“ฉันอยากแต่งงานกับสิมันตรา”สุเรนบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอ่อ ..”ภูผาอึ้ง “มันจะเร็วไปไหม นายกับน้องสาวฉันรู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ เองนะ”
“มันอาจจะช้าไปต่างหาก”สุเรนเสียงเครียด “ฉันไม่อยากให้มันสายเกินไป ฉันไม่อยากเสียเธอให้ใคร”
“หมายความว่าไง”ภูผาสงสัย
“เขาจะมาแน่นอน”สุเรนกล่าว
“สุริยะคราสคงไม่ได้จะเกิดในเร็วๆ นี้หรอกนา”ภูผาแสดงความเห็น
“การเกิดสุริยะคราสไม่ใช่ทางเดียวที่ชาวนครฉิมพลีจะมายังโลกมนุษย์”สุเรนเพิ่งนึกได้ว่ายังมีหนทางอื่นอีก
“แล้วนายจะให้ฉันทำไง”ภูผาถาม
“ช่วยพูดกับที่บ้านนาย แล้วก็น้องสาวนายให้ที”สุเรนบอกจุดประสงค์ให้อีกฝ่ายรับรู้
“เรื่องพูดฉันช่วยแน่ แต่เรื่องการตัดสินใจต้องแล้วแต่สิกับที่บ้านฉัน ว่าจะตัดสินใจยังไง”ภูผาบอก
“เอาอย่างนี้ ฉันจะพูดกับสิเอง ส่วนพ่อแม่นายก็ช่วยพูดให้หน่อย”สุเรนกล่าว
“ได้ งั้นวันนี้นายมาที่บ้านฉันดีไหม วันนี้วันอาทิตย์ ทุกคนอยู่พร้อมหน้าเลย”ภูผาเชิญชวน
“ตกลง ตามนี้แล้วกัน”สุเรนตัดบท
*_____________________________*
สิมันตราเดินลงบันไดมา มองซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นใคร มีเพียงทิพย์กัญญาและทิพย์ผกาเท่านั้นที่กำลังยกน้ำและผลไม้ตรงไปยังห้องรับแขก
“เดี๋ยวก่อนพี่ผกา ทำไมบ้านเงียบจัง”สิมันตราถาม
“ทุกคนอยู่ที่ห้องรับแขกค่ะคุณสิ”ทิพย์ผกาตอบ
“เหรอ”สิมันตรายิ้มให้ก่อนจะรีบเดินนำไป
เมื่อมาถึงห้องรับแขกเธอก็ช่วยเปิดประตูให้ทั้งสองได้ยกน้ำและผลไม้เข้าไป หลังจากนั้นตัวเองก็เดินตามเข้าไป
สิมันตรางุนงงกับสายตาทุกคนที่มองมาที่เธอเป็นตาเดียว
“ย่าว่า เรนไปคุยและตกลงกับน้องก่อนดีไหม ทางบ้านเราไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เจ้าตัวมากกว่า”พันทราเทวีกล่าว ขณะที่มองหลานสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณย่า”สิมันตราถามอย่างงงๆ
“สิไปคุยแล้วก็ตกลงกับพี่เรนก่อนนะ แล้วสรุปยังไงมาบอกย่าอีกที”พันทราเทวีสั่ง “พาพี่เขาไปเดินเล่นหน่อยนะ”
“ค่ะ”สิมันตราพยักหน้าน้อยๆ “เชิญค่ะพี่เรน”
เมื่อสุเรนเดินตามสิมันตราออกไปข้างนอกแล้ว ภายในห้องรับแขกก็เกิดการพูดคุยกัน โดยความคิดเห็นได้แตกเป็นสองฝ่าย
“ลูกสาวผมยังเด็กเกินไปนะครับคุณแม่”สายน้ำพูด
“ยี่สิบสอง ไม่เด็กแล้วนะ ตอนแม่กับคุณพ่อจำได้ว่าแค่สิบแปดเอง แล้วตอนแกกับลูกมัทก็อายุประมาณนี้”พันทราเทวีกล่าว
“แต่ยังไงผมก็คิดว่ายังเด็กเกินไปที่จะแต่งงาน”สายน้ำโต้แย้ง
“ให้สิมันตราตัดสินใจเองดีไหม หลานแม่ว่าไงก็ตามนั้น”พันทราเทวีกล่าวสรุป
สายน้ำหันมามองมัทนาที่นั่งเงียบ ไม่ออกความเห็นใดๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ
“อย่าบอกว่าคุณพ่อก็เห็นด้วย”สายน้ำหันไปมองพัทติยะ
“พ่อก็ แล้วแต่หลาน ก็ตามโบราณเขาพูด ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่”พัทติยะกล่าว
“คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ เพื่อนผมคนนี้ไม่เจ้าชู้ ผมรับรองได้”ภูผาแสดงความคิดเห็น
“แกมันชักศึกเข้าบ้านชัดๆ”สายน้ำหันมามองลูกชายตัวดีด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ภูผาได้แต่หันไปมองผู้เป็นย่าแล้วยิ้มอย่างปลงตก
“ใจเย็นเถอะค่ะ รอดูก่อนว่าลูกจะตัดสินใจยังไง”มัทนายื่นมือไปกุมมือสายน้ำราวกับจะให้กำลังใจ
*_____________________________*
สิมันตรากับสุเรนกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน โดยที่ต่างฝ่ายต่างเงียบ
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ”ในที่สุดเธอก็ถามขึ้น
“วันนี้พี่โทรมา แต่สิไม่รับสายเลย”เขาหันมามอง
“สงสัยแบตเตอรี่หมด”สิมันตราคาดเดา “มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ”
“มันไม่ใช่เรื่องด่วนหรอก แต่มันเป็นเรื่องสำคัญ”สุเรนยื่นมือไปจับมือเธอ
สิมันตราหยุดเดิน แล้วยืนเผชิญหน้ากับเขา
“แต่งงานกับพี่นะ”สุเรนมองสบตาเธอนิ่งนาน
“เอ่อ ..”สิมันตราตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะรีบร้อนขนาดนี้
“ได้โปรด อย่าปฏิเสธ พี่ไม่สามารถรอได้ พี่ไม่อยากเสียสิไป”เขาให้เหตุผล
“ยังไงคะ สิไม่เข้าใจ”เธอสงสัย
“พี่เชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะมา”สุเรนกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล
“หมายถึง ..”สิมันตราพอจะรับรู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงใคร
“ใช่”สุเรนพยักหน้า
เธอนิ่งเงียบ ใคร่ครวญคิด
“สิขอถามอย่างหนึ่ง”สิมันตรารู้สึกค้างคาใจ
“พี่จะตอบทุกอย่างที่รู้”เขามองสบตาเธอ
“อุ้ม เอ่อ ฉันหมายถึง อุมานิการักผู้ชายคนนั้นใช่ไหม”สิมันตราใคร่รู้
สุเรนนิ่งงันไปชั่วครู่ เพราะไม่คิดว่าเธอจะถามเช่นนี้
“ใช่ พวกเขารักกัน”สุเรนหลับตาลง รวดร้าวในความรู้สึก “พวกเขาเป็นชู้กัน”
“อะไรนะ”สิมันตราตกใจ จุกเสียดในอก
“หลังจากเสด็จพ่อรับรู้เรื่องนี้ อุมานิกาก็ต้องโทษประหาร แต่เสด็จพี่สดายุกลับทักท้วง เพื่อให้นางพ้นจากโทษตาย จนเรื่องยืดเยื้อบานปลาย”สุเรนเล่าต่อ
“เพราะเหตุนี้ ฉันเลยเป็นคนเอายาพิษให้อุมานิกาดื่ม เพื่อให้เธอตายจากชีวิตเขา”สิมันตราพอจะประติดประต่อเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกัน
“ก็แนวๆ นั้น”สุเรนสรุปตัดบท เพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องราวเมื่อครั้งเก่าก่อน
สิมันตรานิ่งเงียบ และครุ่นคิดอย่างหนัก
สุเรนเองก็เงียบไปเหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ควรไถ่โทษ”เธอพูดขึ้น
“อย่างไร”เขาสงสัย
“ในเมื่ออุมานิกาและสดายุรักกัน ฉันก็ควรหลีกทาง”สิมันตราตัดสินใจ
“หมายความว่า”สุเรนยิ้มให้
“ค่ะ สิจะแต่งงานกับพี่เรน”เธอยิ้มตอบ
*_____________________________*
สดายุและวิรุณหกมาถึงสระอโนดาต ทั้งสองได้มองลงไปยังน้ำที่ใสสะอาดราวกระจก
“ข้าไม่เห็นอะไรเลย”สดายุกล่าว
“ตั้งจิตให้มั่นพระองค์ อย่าวอกแวก แล้วระลึกถึงบุคคลที่พระองค์อยากเห็น”วิรุณหกเตือนสติผู้ครองสุบรรณ
สดายุสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลงเพื่อรวบรวมสติก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วมองลงไปยังน้ำในสระที่ค่อยๆ ปรากฏภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังสวมกอดกัน
“เราจะแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด สิไม่ขัดข้องใช่ไหม”สุเรนถาม
“ค่ะ ไม่ขัดข้อง”สิมันตราซบหน้าลงบนอกของเขาราวกับจะใช้เขาเป็นที่พึงในการยึดเหนี่ยวจิตใจ
ภาพและสิ่งที่ได้ยินทำให้สดายุถึงกับเซ แทบจะหมดแรงยืน
“พระองค์”วิรุณหกเป็นห่วง รีบเข้ามาช่วยพยุง แต่โดนยกมือห้าม
“ข้าไม่เป็นไร”ผู้ครองสุบรรณกล่าว “คงจะเป็นเพราะรีบบินมา เลยหมดแรง"
“หมดแรงเพราะบินมา หรือหมดแรงเพราะพวกเขาจะแต่งงานกันแน่พระองค์”วิรุณหกถามทีเล่นทีจริง
แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายเขาก็ต้องรีบขอโทษทันที
“ขออภัยพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกก้มศีรษะลงน้อยๆ
สดายุไม่พูดสิ่งได้ ได้แต่เดินจากมา ก่อนจะบินพุ่งขึ้นสู่เบื้องบนเพื่อกลับไปยังมหานคร
ทว่า วิรุณหกยังคงอยู่ต่อ สายตาเขาหันกลับไปมองยังสระอโนดาต จากนั้นก็เดินกลับไปมองดูภาพในน้ำอีกครั้ง
*_____________________________*
ครั้นเมื่อกลับมาถึงนครฉิมพลี สดายุก็เรียกหาเหล้ามาดื่มทันที
“ไปเอาเหล้าที่แรงที่สุดมาให้ข้า”เขาบอกกับทหารที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง
“พระเจ้าค่ะ”ผู้รับคำสั่งรีบปฏิบัติตามโดยพลัน
สดายุเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเฝ้ารอการเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา ซึ่งอีกนานกว่าจะเกิดขึ้นอีก
“ป่านนั้นก็คงจะสายเกินการณ์”เขาเดินไปเดินมาอย่างคิดไม่ตก
“วิรุณหก”สดายุเรียกทหารคนสนิท แต่ไร้วี่แววว่าเขาจะเข้ามา
“วิรุณหก”ผู้ครองสุบรรณตะโกนเรียกอีกครั้ง
“ท่านวิรุณออกไปพร้อมพระองค์ ตอนนี้ยังไม่กลับมาพระเจ้าค่ะ”ทหารที่เฝ้ายามอยู่หน้าห้องโถงเข้ามารายงาน
“อืม”สดายุพยักหน้า รับรู้ “ออกไป”
“พระเจ้าค่ะ”ทหารผู้นั้นโค้งคำนับให้ก่อนจะกลับออกไปตามคำสั่ง
ทางด้านวิรุณหกได้ยืนมองเหตุการณ์บนโลกผ่านม่านน้ำแห่งสระอโนดาต เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ
“อีกหนึ่งเดือน”วิรุณหกย้ำกับตัวเอง “ยังพอมีเวลา”
สายตาเขาพยายามมองหาภาชนะ เพื่อนำน้ำจากสระอโนดาตกลับไปยังนครฉิมพลี
“แล้วข้าจะเอาน้ำใส่อะไรไป”วิรุณหกมองเห็นใบบัวขนาดยักษ์แล้วก็ยิ้มออก
“ถ้าเอาหลายๆ ใบซ้อนกัน ก็คงจะห่อน้ำกลับไปได้”เขาบอกกับตัวเอง
*_____________________________*
วิรุณหกนำน้ำจากสระอโนดาตกลับมาด้วย เพื่อให้สดายุได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกโดยไม่ขาดช่วงตอน
เมื่อกลับมาถึงเขาก็รีบเอาน้ำใส่ภาชนะ จากนั้นก็ให้ทหารช่วยกันยกเข้ามาในห้องของผู้ครองสุบรรณ
“องค์สดายุอยู่หนใด”วิรุณหกถาม
“อยู่ห้องโถงขอรับ”ทหารกล่าวรายงาน
“ออ ขอบใจ”วิรุณหกรีบเดินตรงไปยังห้องโถง แล้วก็ได้เห็นสดายุเมามายไร้สติ
“พระองค์”วิรุณหกถอนหายใจ “อกหักทีไรเป็นอย่างนี้ทุกที”
“อาวหล้าวมาอีก”สดายุกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนจะนอนลง แล้วเงียบไป
วิรุณมองผู้ครองสุบรรณด้วยความสงสาร
“ข้าจะช่วยพระองค์ได้อย่างไร”เขาถามตัวเอง
*_____________________________*
ฉิมพลีสวาท
บทนำ
สดายุมองชายผ้านุ่งของผู้เป็นชายาที่ถูกรั้งให้ร่นขึ้นไปอยู่บริเวณกลางขา ขณะที่มือของนางกำนัลได้ลูบไล้ขัดสี โดยแทรกมือผ่านชายผ้าขาวเนื้อเบาบางที่เมื่อเปียกน้ำแล้วแทบไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย
เขามองตามมือที่แทรกเข้าไปภายใต้เนื้อผ้าเพื่อขัดสีให้สิมันตรา การได้เห็นผิวกายนวลขาวของเธอโดนลูบไล้อย่างนั้น ทำให้ความปรารถนาของเขาลุกโชน
สกุณีได้นำยาสระผมที่ทำมาจากพฤกษาซึ่งให้กลิ่นหอมสดชื่นชโลมลงบนศีรษะของผู้เป็นราชินี
ผู้ครองสุบรรณสูดกลิ่นหอมที่ส่งกลิ่นมายังอีกฝั่งที่เขานั่งอยู่ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน อยากครอบครองร่างหอมเย้ายวนของชายา
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา และได้เห็นสดายุที่มองมาราวกับปรารถนาจะร่วมรักกับเธอ นั่นเองที่ทำให้หน้าแดง เลือดในกายสูบฉีด เพราะนึกถึงบทรักที่หนักหน่วงของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกติดใจในรสสัมผัสที่มอบให้มา
สิมันตราไม่ปฏิเสธว่า มีความสุข และชอบรสสวาทที่เขาใช้เป็นบ่วงพันธนาการเธอ
ผู้ครองสุบรรณมองร่างของชายาที่กำลังถูกชำระล้าง หลังจากขัดสีถูตัวเสร็จแล้ว
ฟองของยาสระผมที่ค่อยๆ ไหลลงมา ทำให้สิมันตราหลับตาอีกครั้ง
เขามองผิวกายที่ลื่นไปด้วยฟองสบู่ของเธอแล้วก็ไม่สามารถบังคับความเป็นชายที่ค่อยๆ ผงาดขึ้นมา
“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”สดายุสั่ง
“เพคะ”เหล่านางกำนัลรีบวางมือก่อนจะรีบออกไป
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
เขาแววตากรุ้มกริ่ม ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ลุกจากบันได แล้วเดินวนมายังบันไดฝั่งที่ชายานั่งอยู่
สดายุนั่งลงด้านหลังของสิมันตรา มือของเขาโอบสัมผัสร่างนุ่มนิ่มของเธอด้วยแรงแห่งความปรารถนา
สิมันตราเลือดในกายแล่นพล่าน รู้สึกรุมร้อนแม้ร่างกายจะเปียกปอนไปด้วยน้ำก็ตาม และยิ่งเมื่อมือขวาของเขาบีบนวดเนินอกนุ่มหยุ่น ก็ยิ่งทำให้เธอดั่งโดนไฟแผดเผา
*_____________________________*
ลิงค์ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/34084184
ลิงค์ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34086863
ลิงค์ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/34090542
ลิงค์ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/34095537
บทที่ 5 ขอแต่งงาน
สดายุเดินไปเดินมาพยายามขบคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถรับรู้ความเป็นไปของเรื่องราวบนโลกมนุษย์
“มีอะไรให้เกล้ากระหม่อมช่วยคิดไหมพระองค์”เสียงของทหารคนสนิทถาม
“ข้าอยากรู้เรื่องราวบนโลกมนุษย์ เจ้าจะช่วยข้าได้ไหม ..วิรุณหก”สดายุถามด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“แล้วจะยากอะไรหรือพระเจ้าค่ะ”นั่นคือคำตอบที่ได้รับกลับมา
สดายุหันไปมองทหารคนสนิททันใด ต้องการคำพูดที่กระจ่างขึ้น
“พระองค์อาจจะเคร่งเครียดเกินไปจนทำให้ลืมนึกถึงสระอโนดาต”วิรุณหกกล่าว
“จริงด้วย”สดายุยิ้มออก “ทำไมข้าคิดไม่ถึง”
“ก็พระองค์มัวแต่คิดว่าบนโลกจะเป็นอย่างไร คิดอยู่แค่เพียงเท่านั้น เลยลืมทุกสิ่งต่างๆ รอบกายไป”คำพูดของวิรุณหกทำให้ผู้ครองสุบรรณส่ายหน้า
“พูดมากตลอดกาลนะเจ้า”สดายุกล่าวก่อนจะเดินไปยังประตู จากนั้นก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
“รอด้วยพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกรีบบินตามขึ้นไป
ทั้งสองมุ่งหน้าไปสู่สระอโนดาต ซึ่งอยู่บริเวณตีนเขาไกรลาสอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
“รอด้วยพระองค์”วิรุณหกมองสดายุที่บินพุ่งไปอย่างรวดเร็วจนเขาตามแทบไม่ทัน
*_____________________________*
สุเรนโทรหาภูผาเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับสิมันตรา เพราะมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ทำให้เขารู้ว่าไม่ควรให้เวลาผ่านไปจนถึงการเกิดคราสครั้งต่อไป
“ว่าไงเรน”ภูผาทักทายมาทางโทรศัพท์
“ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษานาย”สุเรนกล่าว
“เรื่องอะไร ว่ามาเลย”ภูผาตอบรับด้วยความยินดี
“ฉันอยากแต่งงานกับสิมันตรา”สุเรนบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอ่อ ..”ภูผาอึ้ง “มันจะเร็วไปไหม นายกับน้องสาวฉันรู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ เองนะ”
“มันอาจจะช้าไปต่างหาก”สุเรนเสียงเครียด “ฉันไม่อยากให้มันสายเกินไป ฉันไม่อยากเสียเธอให้ใคร”
“หมายความว่าไง”ภูผาสงสัย
“เขาจะมาแน่นอน”สุเรนกล่าว
“สุริยะคราสคงไม่ได้จะเกิดในเร็วๆ นี้หรอกนา”ภูผาแสดงความเห็น
“การเกิดสุริยะคราสไม่ใช่ทางเดียวที่ชาวนครฉิมพลีจะมายังโลกมนุษย์”สุเรนเพิ่งนึกได้ว่ายังมีหนทางอื่นอีก
“แล้วนายจะให้ฉันทำไง”ภูผาถาม
“ช่วยพูดกับที่บ้านนาย แล้วก็น้องสาวนายให้ที”สุเรนบอกจุดประสงค์ให้อีกฝ่ายรับรู้
“เรื่องพูดฉันช่วยแน่ แต่เรื่องการตัดสินใจต้องแล้วแต่สิกับที่บ้านฉัน ว่าจะตัดสินใจยังไง”ภูผาบอก
“เอาอย่างนี้ ฉันจะพูดกับสิเอง ส่วนพ่อแม่นายก็ช่วยพูดให้หน่อย”สุเรนกล่าว
“ได้ งั้นวันนี้นายมาที่บ้านฉันดีไหม วันนี้วันอาทิตย์ ทุกคนอยู่พร้อมหน้าเลย”ภูผาเชิญชวน
“ตกลง ตามนี้แล้วกัน”สุเรนตัดบท
*_____________________________*
สิมันตราเดินลงบันไดมา มองซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นใคร มีเพียงทิพย์กัญญาและทิพย์ผกาเท่านั้นที่กำลังยกน้ำและผลไม้ตรงไปยังห้องรับแขก
“เดี๋ยวก่อนพี่ผกา ทำไมบ้านเงียบจัง”สิมันตราถาม
“ทุกคนอยู่ที่ห้องรับแขกค่ะคุณสิ”ทิพย์ผกาตอบ
“เหรอ”สิมันตรายิ้มให้ก่อนจะรีบเดินนำไป
เมื่อมาถึงห้องรับแขกเธอก็ช่วยเปิดประตูให้ทั้งสองได้ยกน้ำและผลไม้เข้าไป หลังจากนั้นตัวเองก็เดินตามเข้าไป
สิมันตรางุนงงกับสายตาทุกคนที่มองมาที่เธอเป็นตาเดียว
“ย่าว่า เรนไปคุยและตกลงกับน้องก่อนดีไหม ทางบ้านเราไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เจ้าตัวมากกว่า”พันทราเทวีกล่าว ขณะที่มองหลานสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณย่า”สิมันตราถามอย่างงงๆ
“สิไปคุยแล้วก็ตกลงกับพี่เรนก่อนนะ แล้วสรุปยังไงมาบอกย่าอีกที”พันทราเทวีสั่ง “พาพี่เขาไปเดินเล่นหน่อยนะ”
“ค่ะ”สิมันตราพยักหน้าน้อยๆ “เชิญค่ะพี่เรน”
เมื่อสุเรนเดินตามสิมันตราออกไปข้างนอกแล้ว ภายในห้องรับแขกก็เกิดการพูดคุยกัน โดยความคิดเห็นได้แตกเป็นสองฝ่าย
“ลูกสาวผมยังเด็กเกินไปนะครับคุณแม่”สายน้ำพูด
“ยี่สิบสอง ไม่เด็กแล้วนะ ตอนแม่กับคุณพ่อจำได้ว่าแค่สิบแปดเอง แล้วตอนแกกับลูกมัทก็อายุประมาณนี้”พันทราเทวีกล่าว
“แต่ยังไงผมก็คิดว่ายังเด็กเกินไปที่จะแต่งงาน”สายน้ำโต้แย้ง
“ให้สิมันตราตัดสินใจเองดีไหม หลานแม่ว่าไงก็ตามนั้น”พันทราเทวีกล่าวสรุป
สายน้ำหันมามองมัทนาที่นั่งเงียบ ไม่ออกความเห็นใดๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ
“อย่าบอกว่าคุณพ่อก็เห็นด้วย”สายน้ำหันไปมองพัทติยะ
“พ่อก็ แล้วแต่หลาน ก็ตามโบราณเขาพูด ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่”พัทติยะกล่าว
“คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ เพื่อนผมคนนี้ไม่เจ้าชู้ ผมรับรองได้”ภูผาแสดงความคิดเห็น
“แกมันชักศึกเข้าบ้านชัดๆ”สายน้ำหันมามองลูกชายตัวดีด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ภูผาได้แต่หันไปมองผู้เป็นย่าแล้วยิ้มอย่างปลงตก
“ใจเย็นเถอะค่ะ รอดูก่อนว่าลูกจะตัดสินใจยังไง”มัทนายื่นมือไปกุมมือสายน้ำราวกับจะให้กำลังใจ
*_____________________________*
สิมันตรากับสุเรนกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน โดยที่ต่างฝ่ายต่างเงียบ
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ”ในที่สุดเธอก็ถามขึ้น
“วันนี้พี่โทรมา แต่สิไม่รับสายเลย”เขาหันมามอง
“สงสัยแบตเตอรี่หมด”สิมันตราคาดเดา “มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ”
“มันไม่ใช่เรื่องด่วนหรอก แต่มันเป็นเรื่องสำคัญ”สุเรนยื่นมือไปจับมือเธอ
สิมันตราหยุดเดิน แล้วยืนเผชิญหน้ากับเขา
“แต่งงานกับพี่นะ”สุเรนมองสบตาเธอนิ่งนาน
“เอ่อ ..”สิมันตราตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะรีบร้อนขนาดนี้
“ได้โปรด อย่าปฏิเสธ พี่ไม่สามารถรอได้ พี่ไม่อยากเสียสิไป”เขาให้เหตุผล
“ยังไงคะ สิไม่เข้าใจ”เธอสงสัย
“พี่เชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะมา”สุเรนกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล
“หมายถึง ..”สิมันตราพอจะรับรู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงใคร
“ใช่”สุเรนพยักหน้า
เธอนิ่งเงียบ ใคร่ครวญคิด
“สิขอถามอย่างหนึ่ง”สิมันตรารู้สึกค้างคาใจ
“พี่จะตอบทุกอย่างที่รู้”เขามองสบตาเธอ
“อุ้ม เอ่อ ฉันหมายถึง อุมานิการักผู้ชายคนนั้นใช่ไหม”สิมันตราใคร่รู้
สุเรนนิ่งงันไปชั่วครู่ เพราะไม่คิดว่าเธอจะถามเช่นนี้
“ใช่ พวกเขารักกัน”สุเรนหลับตาลง รวดร้าวในความรู้สึก “พวกเขาเป็นชู้กัน”
“อะไรนะ”สิมันตราตกใจ จุกเสียดในอก
“หลังจากเสด็จพ่อรับรู้เรื่องนี้ อุมานิกาก็ต้องโทษประหาร แต่เสด็จพี่สดายุกลับทักท้วง เพื่อให้นางพ้นจากโทษตาย จนเรื่องยืดเยื้อบานปลาย”สุเรนเล่าต่อ
“เพราะเหตุนี้ ฉันเลยเป็นคนเอายาพิษให้อุมานิกาดื่ม เพื่อให้เธอตายจากชีวิตเขา”สิมันตราพอจะประติดประต่อเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกัน
“ก็แนวๆ นั้น”สุเรนสรุปตัดบท เพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องราวเมื่อครั้งเก่าก่อน
สิมันตรานิ่งเงียบ และครุ่นคิดอย่างหนัก
สุเรนเองก็เงียบไปเหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ควรไถ่โทษ”เธอพูดขึ้น
“อย่างไร”เขาสงสัย
“ในเมื่ออุมานิกาและสดายุรักกัน ฉันก็ควรหลีกทาง”สิมันตราตัดสินใจ
“หมายความว่า”สุเรนยิ้มให้
“ค่ะ สิจะแต่งงานกับพี่เรน”เธอยิ้มตอบ
*_____________________________*
สดายุและวิรุณหกมาถึงสระอโนดาต ทั้งสองได้มองลงไปยังน้ำที่ใสสะอาดราวกระจก
“ข้าไม่เห็นอะไรเลย”สดายุกล่าว
“ตั้งจิตให้มั่นพระองค์ อย่าวอกแวก แล้วระลึกถึงบุคคลที่พระองค์อยากเห็น”วิรุณหกเตือนสติผู้ครองสุบรรณ
สดายุสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลงเพื่อรวบรวมสติก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วมองลงไปยังน้ำในสระที่ค่อยๆ ปรากฏภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังสวมกอดกัน
“เราจะแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด สิไม่ขัดข้องใช่ไหม”สุเรนถาม
“ค่ะ ไม่ขัดข้อง”สิมันตราซบหน้าลงบนอกของเขาราวกับจะใช้เขาเป็นที่พึงในการยึดเหนี่ยวจิตใจ
ภาพและสิ่งที่ได้ยินทำให้สดายุถึงกับเซ แทบจะหมดแรงยืน
“พระองค์”วิรุณหกเป็นห่วง รีบเข้ามาช่วยพยุง แต่โดนยกมือห้าม
“ข้าไม่เป็นไร”ผู้ครองสุบรรณกล่าว “คงจะเป็นเพราะรีบบินมา เลยหมดแรง"
“หมดแรงเพราะบินมา หรือหมดแรงเพราะพวกเขาจะแต่งงานกันแน่พระองค์”วิรุณหกถามทีเล่นทีจริง
แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายเขาก็ต้องรีบขอโทษทันที
“ขออภัยพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกก้มศีรษะลงน้อยๆ
สดายุไม่พูดสิ่งได้ ได้แต่เดินจากมา ก่อนจะบินพุ่งขึ้นสู่เบื้องบนเพื่อกลับไปยังมหานคร
ทว่า วิรุณหกยังคงอยู่ต่อ สายตาเขาหันกลับไปมองยังสระอโนดาต จากนั้นก็เดินกลับไปมองดูภาพในน้ำอีกครั้ง
*_____________________________*
ครั้นเมื่อกลับมาถึงนครฉิมพลี สดายุก็เรียกหาเหล้ามาดื่มทันที
“ไปเอาเหล้าที่แรงที่สุดมาให้ข้า”เขาบอกกับทหารที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง
“พระเจ้าค่ะ”ผู้รับคำสั่งรีบปฏิบัติตามโดยพลัน
สดายุเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเฝ้ารอการเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา ซึ่งอีกนานกว่าจะเกิดขึ้นอีก
“ป่านนั้นก็คงจะสายเกินการณ์”เขาเดินไปเดินมาอย่างคิดไม่ตก
“วิรุณหก”สดายุเรียกทหารคนสนิท แต่ไร้วี่แววว่าเขาจะเข้ามา
“วิรุณหก”ผู้ครองสุบรรณตะโกนเรียกอีกครั้ง
“ท่านวิรุณออกไปพร้อมพระองค์ ตอนนี้ยังไม่กลับมาพระเจ้าค่ะ”ทหารที่เฝ้ายามอยู่หน้าห้องโถงเข้ามารายงาน
“อืม”สดายุพยักหน้า รับรู้ “ออกไป”
“พระเจ้าค่ะ”ทหารผู้นั้นโค้งคำนับให้ก่อนจะกลับออกไปตามคำสั่ง
ทางด้านวิรุณหกได้ยืนมองเหตุการณ์บนโลกผ่านม่านน้ำแห่งสระอโนดาต เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ
“อีกหนึ่งเดือน”วิรุณหกย้ำกับตัวเอง “ยังพอมีเวลา”
สายตาเขาพยายามมองหาภาชนะ เพื่อนำน้ำจากสระอโนดาตกลับไปยังนครฉิมพลี
“แล้วข้าจะเอาน้ำใส่อะไรไป”วิรุณหกมองเห็นใบบัวขนาดยักษ์แล้วก็ยิ้มออก
“ถ้าเอาหลายๆ ใบซ้อนกัน ก็คงจะห่อน้ำกลับไปได้”เขาบอกกับตัวเอง
*_____________________________*
วิรุณหกนำน้ำจากสระอโนดาตกลับมาด้วย เพื่อให้สดายุได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกโดยไม่ขาดช่วงตอน
เมื่อกลับมาถึงเขาก็รีบเอาน้ำใส่ภาชนะ จากนั้นก็ให้ทหารช่วยกันยกเข้ามาในห้องของผู้ครองสุบรรณ
“องค์สดายุอยู่หนใด”วิรุณหกถาม
“อยู่ห้องโถงขอรับ”ทหารกล่าวรายงาน
“ออ ขอบใจ”วิรุณหกรีบเดินตรงไปยังห้องโถง แล้วก็ได้เห็นสดายุเมามายไร้สติ
“พระองค์”วิรุณหกถอนหายใจ “อกหักทีไรเป็นอย่างนี้ทุกที”
“อาวหล้าวมาอีก”สดายุกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนจะนอนลง แล้วเงียบไป
วิรุณมองผู้ครองสุบรรณด้วยความสงสาร
“ข้าจะช่วยพระองค์ได้อย่างไร”เขาถามตัวเอง
*_____________________________*