ดูทีเซอร์ได้ที่นี่ค่ะ
ลิงค์ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34084184
บทที่ 2 แดนฉิมพลี
ณ ฉิมพลีวิมานเมืองฟ้า เหล่าปักษาบนอัมพร
แลกินนรวาริน พากันโบยบินบนเวหา
ดาษดาดาษดื่น น่าตื่นตาตื่นใจ
สามทหารครุฑกลับมายังนครฉิมพลีในวันที่เกิดสุริยุปราคาพอดี เพราะการที่ดวงดาวทั้งสามบรรจบมาอยู่ในระนาบเดียวกัน ทำให้ประตูมิติทั้งสามโลกเปิดออก
ทหารครุฑทั้งสามเข้ามาในท้องพระโรง เพื่อรอเข้าเฝ้าองค์เหนือหัวแห่งตน
“องค์ผู้ครองสุบรรณเสด็จแล้ว”เสียงของทหารหน้าท้องพระโรงดังขึ้น
ขณะนั้นเองสดายุได้เดินผ่านประตูท้องพระโรงเข้ามา เขาอยู่ในเครื่องแต่งกายนุ่งผ้าสีขาวยาวตั้งแต่เอวถึงตาตุ่ม ช่วงบนของร่างกายเปล่าเปลือยจนเห็นแผงอกกำยำ ยิ่งสร้อยกำไลรัดต้นแขนที่มีกล้ามเป็นมัดๆ ก็ยิ่งเพิ่มความสง่า องอาจ ทุกนิ้วสวมแหวนที่ทำจากอัญมณีล้ำค่า ข้อมือสวมกำไลขนาดพอดีที่ครอบยาวจากต้นข้อมือขึ้นมา ดูคล้ายกำบัง
ขณะที่ผู้ครองสุบรรณเดินไปบนพรมที่ทอดสู่บัลลังก์ ได้มีเหล่าเสนาอำมาตย์พากันถวายบังคมตลอดเส้นทาง
พระองค์เดินผ่านทหารทั้งสามไปยังบัลลังก์ทองที่อยู่เบื้องหน้า
เมื่อสดายุมานั่งอยู่บนบัลลังก์ซึ่งเบื้องล่างขนาบข้างด้วยเหล่าเสนาบริวารผู้ภักษ์ดี สายตาก็ได้จับจ้องไปยังสามทหารครุฑ
“สุเรนไม่ยอมกลับมาอีกหรือ”สดายุถาม
“พระเจ้าค่ะ”ทหารทั้งสามตอบพร้อมกัน
“เขาต้องการให้ข้าไปตามด้วยตัวเองหรือไร”ผู้ครองสุบรรณกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นพระเจ้าค่ะ”ทหารหนึ่งในสามที่ถูกส่งไปพยายามอธิบาย “องค์สุเรนคงยังไม่พร้อมมากกว่าพระเจ้าค่ะ”
“แล้วน้องชายข้ามีคำพูดใดฝากมาถึงข้าบ้างไหม”สดายุถาม
“เอ่อ ..”ทหารทั้งสามอ้ำอึ้ง ราวกับจะถามว่าใครจะพูด
“มีอะไร”ผู้ปกครองสุบรรณสงสัย “เขาพูดอะไร บอกมา”
“คือ ..เอ่อ”หนึ่งในทหารพยายามรวบรวมความกล้า “องค์สุเรนบอกว่าเคยชินกับโลกมนุษย์มากกว่า หากต้องกลับมายังวิมานฉิมพลีคงจะไม่เคยชิน พระองค์จึงไม่คิดจะหวนคืนมาที่นี่”
“แล้วอะไรอีก”สดายุถามต่อ
“เอ่อ ..”ผู้กล่าวรายงานตัวสั่นน้อยๆ
“บอกมา”เสียงของผู้ครองสุบรรณบ่งบอกให้รู้ว่าพร้อมจะพิโรธและทำลายล้างได้ทุกเมื่อ
พญาครุฑมีฤทธานุภาพรองจากเทวดาชั้นสูงเท่านั้น ผู้ที่ปกครองวิมานชั้นฟ้าจึงมีอิทธิฤทธิ์ที่ยากจะมีผู้ใดจะเทียบเทียม
เมื่อครั้งที่เหล่าครุฑชั้นปกครองสุบรรณถือกำเนิด พวกเขาจะเกิดจากท้องมารดาออกมาเป็นไข่ จากนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกจากไข่จะมีแสงสว่างไปทั่วชั้นฟ้า อัมพรร้อนดั่งไฟ สายฟ้าแลบแปลบปลาบ
ทว่า ด้วยครุฑนั้นไม่เหมือนเหล่าเทวดาก็ตรงที่ พวกเขายังคงมีกิเลสตัณหาซึ่งประกอบด้วยรัก โลภ โกรธ หลง คล้ายกับมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องบำเพ็ญเพียรเพื่อให้บรรลุ เพื่อไปเกิดในภพภูมิเทวดา
หากแต่ พวกครุฑส่วนใหญ่พอใจแค่เพียงการเป็นครุฑมากกว่าการหลุดพ้น ดังนั้น ชีวิตของพวกเขาจึงมีกิเลสคล้ายๆ กับมนุษย์ จะต่างกันก็แค่เพียงพวกเขามีปีกบินได้ มีอิทธิฤทธิ์ที่น่าเกรงกลัว
“จะบอกได้หรือยัง หรือจะให้ข้าเผาพวกเจ้าเสียก่อน”สดายุถาม
“พระเจ้าค่ะ บอกแล้วพระเจ้าค่ะ”ทหารผู้นั้นเกรงกลัวอาญาจึงรีบพูดออกไป “คือ องค์สุเรนฝากบอกว่า ผู้หญิงอย่างอุมานิกาเหมาะกับพระองค์ที่สุด หากนางยังมีชีวิตอยู่องค์สุเรนยินดีจะยกให้ ..เพราะอับอายที่มีเมียเป็นนางกากีแบบนั้น แต่ถ้าพระองค์ไม่อายก็เอานางไปยกย่องเชิดชูต่อได้เลย แต่ต้องมีข้อแม้ว่า พระองค์จะต้องยกพระชายาสิมันตราให้เป็นการแลกเปลี่ยน เพราะองค์สุเรนชอบผู้หญิงที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในรักอย่างนาง แต่ก็น่าเสียดายที่นางก็สิ้นชีพไปแล้ว”
“เขากล้าพูดอย่างนั้นเลยเหรอ”สดายุโมโหแต่ก็ต้องกำมือแน่นเพื่อระงับโทสะ
“องค์สุเรนยังบอกอีกว่า พระองค์ได้สิ่งดีๆ ไปมากพอแล้ว มากจนพระองค์ไม่รู้ว่ามีสิ่งดีอะไรอยู่บ้าง เลยไม่เคยเห็นค่าของสิ่งที่มีอยู่ ผิดกับองค์สุเรนที่ไม่เคยมีสิ่งเหล่านั้นเลย ..แต่อีกไม่นาน องค์สุเรนก็จะได้มา”ทหารคนเดิมกล่าวรายงานจนจบ
“เขากำลังจะได้อะไร”สดายุถามด้วยความสงสัย
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบพระเจ้าค่ะ”ทหารคนนั้นตอบ
*_____________________________*
หลังจากกลับมาจากท้องพระโรง สดายุก็กลับมาประทับยังปราสาทเจ็ดสี ที่ได้ชื่อนี้เพราะตัวปราสาทสร้างจากหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง และได้มีการประดับตกแต่งด้วยอัญมณีเจ็ดอย่าง ..เจ็ดสี
ตัวมหาปราสาทมีรูปทรงสี่เหลี่ยม ส่วนบนสุดเป็นหินอ่อนที่สร้างเป็นทรงครึ่งวงกลมคว่ำคล้ายศิลปะของอินเดีย
ตัวปราสาทรองทั้งสี่ทิศถูกสร้างให้ลดหลั่นความสูงลงมา ส่วนบนสุดยังคงมีลักษณะเช่นเดียวกับตัวมหาปราสาท
ในสมองของผู้ครองสุบรรณกำลังครุ่นคิดว่าสุเรนกำลังจะได้ของดีอะไร ในเมื่อทุกอย่างที่พญาครุฑสามารถครอบครอง บัดนี้เป็นของเขาแทบทั้งสิ้น เช่นนั้นจะยังมีสิ่งใดที่คู่ควรกับพญาครุฑแล้วเขายังไม่ได้มา
“สุเรนหมายถึงสิ่งใด”สดายุพยายามขบคิด
“กว่าสองร้อยปีที่เขาถูกเนรเทศไป มันทำให้ไม่อาจรับรู้อุปนิสัยใจคอที่เปลี่ยนไปของน้องชายผู้นี้ได้”ผู้ปกครองสุบรรณถอนหายใจ
“กว่าสองร้อยปี”สดายุสะดุดคิด “หรือว่า คำทำนายของโหรที่บอกว่าพวกนางจะคืนชีพในอีกสองร้อยปีข้างหน้าหลังจากความตายมาพราก จะเกิดขึ้นแล้ว”
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขาก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ รีบเดินตรงไปยังประตู แล้วบอกนายทวารให้ไปตามโหรหลวงมาโดยพลัน
“ต้องใช่แน่”สดายุยิ้มน้อยๆ รู้สึกมีความหวัง
“แล้วถ้าหากสุเรนเจอนาง ..”เขาแทบไม่อยากจะคิด
“ในที่สุดแล้วข้าดีใจที่จะได้เจอนางใดกันแน่”สดายุยังคงไม่รู้ใจตัวเอง
ต่อให้เวลาผ่านไปนับร้อยปี แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่ารักใคร
เมื่อหันไปเห็นโหรหลวง สดายุก็รีบเดินเข้ามาหา
“ช่วยทำนายให้ข้าที”เขาบอก
“พระเจ้าค่ะ”โหรหลวงน้อมรับ
*_____________________________*
สิมันตรามาทำงานที่บริษัทของสุเรนตามคำสั่งของพี่ชาย และเธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
“พี่เรนจะให้สิทำงานในห้องนี้เหรอคะ”เธอถาม
“ใช่ ก็เรามาเป็นเลขาของพี่นี่ ก็ต้องทำงานใกล้ๆ พี่”เขาให้เหตุผล
“ค่ะ”สิมันตรายิ้มให้ ไม่ได้ว่าอะไร “แล้วงานที่จะต้องทำ สิสามารถเรียนรู้ได้จากใครบ้างคะ”
“ก็เรียนรู้จากพี่นี่ไง”สุเรนกล่าวทีเล่นทีจริง “คือพี่หมายถึง สามารถเรียนรู้จากพี่ได้โดยตรง ส่วนน้องสิจะเรียนรู้จากใครเพิ่มเติมอีกก็ได้เลยครับ”
“ประสบการณ์จากพี่เรนนี่ สิคงเรียนรู้ได้ไม่หมดหรอกค่ะ”สิมันตรายิ้มให้
“มันก็ไม่เยอะแยะอะไรหรอก”เขาบอก
“พวกครุฑมีชีวิตได้ยาวนานพอๆ กับพญานาค หรืออาจจะมากกว่า แล้วจะบอกว่าไม่เยอะได้เหรอคะ”เธอกล่าว
“แปลว่าภูผานินทาพี่ให้เราฟังไม่มากก็น้อย”สุเรนยิ้มให้
“พี่ภูชื่นชมพี่เรนต่างหากค่ะ สิสาบานได้”สิมันตรารีบแก้ต่างให้พี่ชาย
“ฟังแล้วค่อยชื่นใจหน่อย”เขามองสบตาเธอนิ่ง
สิมันตามองสบตาเขาเช่นนั้น ความรู้สึกผูกพันและคุ้นเคยราวกับเคยรู้จักกันมานานแสนนาน
“ทำไม สิรู้สึกเหมือนสนิทใจกับพี่เรน เหมือนเราเคยรู้จักกันมาก่อน”เธอพูดขึ้นมาลอยๆ
“เราเคยรู้จักกัน แต่สิจำไม่ได้เองเท่านั้น”สุเรนยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“สิเคยเกิดเป็นพวกครุฑใช่ไหม”สิมันตราถามเพื่อความมั่นใจ
“ใช่”เขาตอบ
“เราเลยรู้จักกัน”เธอยังคงมองสบตาอีกฝ่าย
“ใช่”สุเรนพยักหน้าน้อยๆ
“เรา ..”สิมันตราอยากรู้ แต่ก็ไม่กล้าถาม
“..”เขารอฟังนิ่ง อยากรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ไม่
ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของสิมันตราดังขึ้น
“ขออนุญาตรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”เธอบอกก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงาน
เขาจึงเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ว่าไงอุ้ม ถึงบริษัทแล้วใช่ไหม”สิมันตราถาม
“ใช่ ถึงแล้ว แต่ไม่รู้จะเริ่มอะไรตรงไหนก่อน”อุมานิกาบอก
“แล้วพี่ภูไม่อยู่เหรอ”สิมันตราถามถึงพี่ชาย
“ไม่อยู่นะ เห็นบอกว่ามีนัดกับลูกค้า วันนี้ไม่น่าจะเข้าบริษัท”อุมานิกากล่าว
“โอเค วันนี้เธอเรียนรู้จากเลขาของพี่ภูก่อนก็แล้วกันนะ”สิมันตราบอกแนวทาง
“ได้เลย งั้นแค่นี้นะ เธอก็ตั้งใจทำงานล่ะ”อุมานิกาบอกก่อนจะวางสายไป
*_____________________________*
หลังจากที่สดายุให้โหรหลวงตรวจดวงชะตา เขาก็ได้รู้ว่าตอนนี้สิมันตราและอุมานิกาได้มาเกิดใหม่แล้ว
“พวกนางได้ฟื้นคืนจากชีวิตหลังความตาย”สดายุพยายามขบคิด
“แล้วข้าจะต้องทำอย่างไร”เขาไร้หนทางที่จะนำนางกลับมา
“กว่าจะเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคาอีกครั้งก็อีกว่าสามเดือน แล้วข้าจะทำฉันท์ใด”ผู้ครองสุบรรณไม่อาจนิ่งนอนใจ ทั้งๆ ที่อยากจะลงไปยังโลกมนุษย์เดี๋ยวนี้ แต่ก็ไม่อาจฝืนกฎของสวรรค์ เพราะประตูระหว่างมิติของสามโลกจะมาบรรจบและเปิดออกก็ต่อเมื่อเกิดสุริยุปะราคาหรือจันทรุปราคาเท่านั้น
พิภพของหิมพานต์นั้นแตกต่างไปจากพิภพของเทวดาที่สัมพันธ์กับพิภพโลก เพราะเหล่าเทวาสามารถไปมายังโลกและสวรรค์ได้ทุกเวลา ในขณะที่พิภพของหิมพานต์จะเปิดออกเมื่อดวงดาวทั้งสามเรียงตัวในแนวเดียวกันเท่านั้น
“ข้าอยากรู้นักว่าสุเรนกำลังคิดจะทำอะไร”สดายุรู้สึกสังหรณ์ใจ
ฉิมพลีสวาท (ภาคต่อเสน่ห์นาคา)
ลิงค์ตอนที่ 1
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/923509884352300/
ลิงค์ตอนที่ 2-3
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/926311324072156/
ลิงค์ตอนที่ 4-6
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/929323717104250/
ลิงค์ตอนที่ 7-8
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/930989640270991/
สามารถเข้ามาอ่านนิยายตอนต่อไปล่วงหน้าได้ที่ในกลุ่ม ฟินกับ -ฟินนิกซ์ (นิยาย)
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/
เป็นเพื่อนกันได้ที่
https://www.facebook.com/amarna.phoenix
หรือจะทวิทกันได้ที่
https://twitter.com/Phoeinxall
อินสตาร์แกรม
https://instagram.com/samnakphimphoenix/
*_____________________________*
ฉิมพลีสวาท ตอนที่ 2
ดูทีเซอร์ได้ที่นี่ค่ะ
ลิงค์ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34084184
บทที่ 2 แดนฉิมพลี
ณ ฉิมพลีวิมานเมืองฟ้า เหล่าปักษาบนอัมพร
แลกินนรวาริน พากันโบยบินบนเวหา
ดาษดาดาษดื่น น่าตื่นตาตื่นใจ
สามทหารครุฑกลับมายังนครฉิมพลีในวันที่เกิดสุริยุปราคาพอดี เพราะการที่ดวงดาวทั้งสามบรรจบมาอยู่ในระนาบเดียวกัน ทำให้ประตูมิติทั้งสามโลกเปิดออก
ทหารครุฑทั้งสามเข้ามาในท้องพระโรง เพื่อรอเข้าเฝ้าองค์เหนือหัวแห่งตน
“องค์ผู้ครองสุบรรณเสด็จแล้ว”เสียงของทหารหน้าท้องพระโรงดังขึ้น
ขณะนั้นเองสดายุได้เดินผ่านประตูท้องพระโรงเข้ามา เขาอยู่ในเครื่องแต่งกายนุ่งผ้าสีขาวยาวตั้งแต่เอวถึงตาตุ่ม ช่วงบนของร่างกายเปล่าเปลือยจนเห็นแผงอกกำยำ ยิ่งสร้อยกำไลรัดต้นแขนที่มีกล้ามเป็นมัดๆ ก็ยิ่งเพิ่มความสง่า องอาจ ทุกนิ้วสวมแหวนที่ทำจากอัญมณีล้ำค่า ข้อมือสวมกำไลขนาดพอดีที่ครอบยาวจากต้นข้อมือขึ้นมา ดูคล้ายกำบัง
ขณะที่ผู้ครองสุบรรณเดินไปบนพรมที่ทอดสู่บัลลังก์ ได้มีเหล่าเสนาอำมาตย์พากันถวายบังคมตลอดเส้นทาง
พระองค์เดินผ่านทหารทั้งสามไปยังบัลลังก์ทองที่อยู่เบื้องหน้า
เมื่อสดายุมานั่งอยู่บนบัลลังก์ซึ่งเบื้องล่างขนาบข้างด้วยเหล่าเสนาบริวารผู้ภักษ์ดี สายตาก็ได้จับจ้องไปยังสามทหารครุฑ
“สุเรนไม่ยอมกลับมาอีกหรือ”สดายุถาม
“พระเจ้าค่ะ”ทหารทั้งสามตอบพร้อมกัน
“เขาต้องการให้ข้าไปตามด้วยตัวเองหรือไร”ผู้ครองสุบรรณกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นพระเจ้าค่ะ”ทหารหนึ่งในสามที่ถูกส่งไปพยายามอธิบาย “องค์สุเรนคงยังไม่พร้อมมากกว่าพระเจ้าค่ะ”
“แล้วน้องชายข้ามีคำพูดใดฝากมาถึงข้าบ้างไหม”สดายุถาม
“เอ่อ ..”ทหารทั้งสามอ้ำอึ้ง ราวกับจะถามว่าใครจะพูด
“มีอะไร”ผู้ปกครองสุบรรณสงสัย “เขาพูดอะไร บอกมา”
“คือ ..เอ่อ”หนึ่งในทหารพยายามรวบรวมความกล้า “องค์สุเรนบอกว่าเคยชินกับโลกมนุษย์มากกว่า หากต้องกลับมายังวิมานฉิมพลีคงจะไม่เคยชิน พระองค์จึงไม่คิดจะหวนคืนมาที่นี่”
“แล้วอะไรอีก”สดายุถามต่อ
“เอ่อ ..”ผู้กล่าวรายงานตัวสั่นน้อยๆ
“บอกมา”เสียงของผู้ครองสุบรรณบ่งบอกให้รู้ว่าพร้อมจะพิโรธและทำลายล้างได้ทุกเมื่อ
พญาครุฑมีฤทธานุภาพรองจากเทวดาชั้นสูงเท่านั้น ผู้ที่ปกครองวิมานชั้นฟ้าจึงมีอิทธิฤทธิ์ที่ยากจะมีผู้ใดจะเทียบเทียม
เมื่อครั้งที่เหล่าครุฑชั้นปกครองสุบรรณถือกำเนิด พวกเขาจะเกิดจากท้องมารดาออกมาเป็นไข่ จากนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกจากไข่จะมีแสงสว่างไปทั่วชั้นฟ้า อัมพรร้อนดั่งไฟ สายฟ้าแลบแปลบปลาบ
ทว่า ด้วยครุฑนั้นไม่เหมือนเหล่าเทวดาก็ตรงที่ พวกเขายังคงมีกิเลสตัณหาซึ่งประกอบด้วยรัก โลภ โกรธ หลง คล้ายกับมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องบำเพ็ญเพียรเพื่อให้บรรลุ เพื่อไปเกิดในภพภูมิเทวดา
หากแต่ พวกครุฑส่วนใหญ่พอใจแค่เพียงการเป็นครุฑมากกว่าการหลุดพ้น ดังนั้น ชีวิตของพวกเขาจึงมีกิเลสคล้ายๆ กับมนุษย์ จะต่างกันก็แค่เพียงพวกเขามีปีกบินได้ มีอิทธิฤทธิ์ที่น่าเกรงกลัว
“จะบอกได้หรือยัง หรือจะให้ข้าเผาพวกเจ้าเสียก่อน”สดายุถาม
“พระเจ้าค่ะ บอกแล้วพระเจ้าค่ะ”ทหารผู้นั้นเกรงกลัวอาญาจึงรีบพูดออกไป “คือ องค์สุเรนฝากบอกว่า ผู้หญิงอย่างอุมานิกาเหมาะกับพระองค์ที่สุด หากนางยังมีชีวิตอยู่องค์สุเรนยินดีจะยกให้ ..เพราะอับอายที่มีเมียเป็นนางกากีแบบนั้น แต่ถ้าพระองค์ไม่อายก็เอานางไปยกย่องเชิดชูต่อได้เลย แต่ต้องมีข้อแม้ว่า พระองค์จะต้องยกพระชายาสิมันตราให้เป็นการแลกเปลี่ยน เพราะองค์สุเรนชอบผู้หญิงที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในรักอย่างนาง แต่ก็น่าเสียดายที่นางก็สิ้นชีพไปแล้ว”
“เขากล้าพูดอย่างนั้นเลยเหรอ”สดายุโมโหแต่ก็ต้องกำมือแน่นเพื่อระงับโทสะ
“องค์สุเรนยังบอกอีกว่า พระองค์ได้สิ่งดีๆ ไปมากพอแล้ว มากจนพระองค์ไม่รู้ว่ามีสิ่งดีอะไรอยู่บ้าง เลยไม่เคยเห็นค่าของสิ่งที่มีอยู่ ผิดกับองค์สุเรนที่ไม่เคยมีสิ่งเหล่านั้นเลย ..แต่อีกไม่นาน องค์สุเรนก็จะได้มา”ทหารคนเดิมกล่าวรายงานจนจบ
“เขากำลังจะได้อะไร”สดายุถามด้วยความสงสัย
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบพระเจ้าค่ะ”ทหารคนนั้นตอบ
*_____________________________*
หลังจากกลับมาจากท้องพระโรง สดายุก็กลับมาประทับยังปราสาทเจ็ดสี ที่ได้ชื่อนี้เพราะตัวปราสาทสร้างจากหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง และได้มีการประดับตกแต่งด้วยอัญมณีเจ็ดอย่าง ..เจ็ดสี
ตัวมหาปราสาทมีรูปทรงสี่เหลี่ยม ส่วนบนสุดเป็นหินอ่อนที่สร้างเป็นทรงครึ่งวงกลมคว่ำคล้ายศิลปะของอินเดีย
ตัวปราสาทรองทั้งสี่ทิศถูกสร้างให้ลดหลั่นความสูงลงมา ส่วนบนสุดยังคงมีลักษณะเช่นเดียวกับตัวมหาปราสาท
ในสมองของผู้ครองสุบรรณกำลังครุ่นคิดว่าสุเรนกำลังจะได้ของดีอะไร ในเมื่อทุกอย่างที่พญาครุฑสามารถครอบครอง บัดนี้เป็นของเขาแทบทั้งสิ้น เช่นนั้นจะยังมีสิ่งใดที่คู่ควรกับพญาครุฑแล้วเขายังไม่ได้มา
“สุเรนหมายถึงสิ่งใด”สดายุพยายามขบคิด
“กว่าสองร้อยปีที่เขาถูกเนรเทศไป มันทำให้ไม่อาจรับรู้อุปนิสัยใจคอที่เปลี่ยนไปของน้องชายผู้นี้ได้”ผู้ปกครองสุบรรณถอนหายใจ
“กว่าสองร้อยปี”สดายุสะดุดคิด “หรือว่า คำทำนายของโหรที่บอกว่าพวกนางจะคืนชีพในอีกสองร้อยปีข้างหน้าหลังจากความตายมาพราก จะเกิดขึ้นแล้ว”
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขาก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ รีบเดินตรงไปยังประตู แล้วบอกนายทวารให้ไปตามโหรหลวงมาโดยพลัน
“ต้องใช่แน่”สดายุยิ้มน้อยๆ รู้สึกมีความหวัง
“แล้วถ้าหากสุเรนเจอนาง ..”เขาแทบไม่อยากจะคิด
“ในที่สุดแล้วข้าดีใจที่จะได้เจอนางใดกันแน่”สดายุยังคงไม่รู้ใจตัวเอง
ต่อให้เวลาผ่านไปนับร้อยปี แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่ารักใคร
เมื่อหันไปเห็นโหรหลวง สดายุก็รีบเดินเข้ามาหา
“ช่วยทำนายให้ข้าที”เขาบอก
“พระเจ้าค่ะ”โหรหลวงน้อมรับ
*_____________________________*
สิมันตรามาทำงานที่บริษัทของสุเรนตามคำสั่งของพี่ชาย และเธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
“พี่เรนจะให้สิทำงานในห้องนี้เหรอคะ”เธอถาม
“ใช่ ก็เรามาเป็นเลขาของพี่นี่ ก็ต้องทำงานใกล้ๆ พี่”เขาให้เหตุผล
“ค่ะ”สิมันตรายิ้มให้ ไม่ได้ว่าอะไร “แล้วงานที่จะต้องทำ สิสามารถเรียนรู้ได้จากใครบ้างคะ”
“ก็เรียนรู้จากพี่นี่ไง”สุเรนกล่าวทีเล่นทีจริง “คือพี่หมายถึง สามารถเรียนรู้จากพี่ได้โดยตรง ส่วนน้องสิจะเรียนรู้จากใครเพิ่มเติมอีกก็ได้เลยครับ”
“ประสบการณ์จากพี่เรนนี่ สิคงเรียนรู้ได้ไม่หมดหรอกค่ะ”สิมันตรายิ้มให้
“มันก็ไม่เยอะแยะอะไรหรอก”เขาบอก
“พวกครุฑมีชีวิตได้ยาวนานพอๆ กับพญานาค หรืออาจจะมากกว่า แล้วจะบอกว่าไม่เยอะได้เหรอคะ”เธอกล่าว
“แปลว่าภูผานินทาพี่ให้เราฟังไม่มากก็น้อย”สุเรนยิ้มให้
“พี่ภูชื่นชมพี่เรนต่างหากค่ะ สิสาบานได้”สิมันตรารีบแก้ต่างให้พี่ชาย
“ฟังแล้วค่อยชื่นใจหน่อย”เขามองสบตาเธอนิ่ง
สิมันตามองสบตาเขาเช่นนั้น ความรู้สึกผูกพันและคุ้นเคยราวกับเคยรู้จักกันมานานแสนนาน
“ทำไม สิรู้สึกเหมือนสนิทใจกับพี่เรน เหมือนเราเคยรู้จักกันมาก่อน”เธอพูดขึ้นมาลอยๆ
“เราเคยรู้จักกัน แต่สิจำไม่ได้เองเท่านั้น”สุเรนยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“สิเคยเกิดเป็นพวกครุฑใช่ไหม”สิมันตราถามเพื่อความมั่นใจ
“ใช่”เขาตอบ
“เราเลยรู้จักกัน”เธอยังคงมองสบตาอีกฝ่าย
“ใช่”สุเรนพยักหน้าน้อยๆ
“เรา ..”สิมันตราอยากรู้ แต่ก็ไม่กล้าถาม
“..”เขารอฟังนิ่ง อยากรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ไม่
ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของสิมันตราดังขึ้น
“ขออนุญาตรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”เธอบอกก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงาน
เขาจึงเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ว่าไงอุ้ม ถึงบริษัทแล้วใช่ไหม”สิมันตราถาม
“ใช่ ถึงแล้ว แต่ไม่รู้จะเริ่มอะไรตรงไหนก่อน”อุมานิกาบอก
“แล้วพี่ภูไม่อยู่เหรอ”สิมันตราถามถึงพี่ชาย
“ไม่อยู่นะ เห็นบอกว่ามีนัดกับลูกค้า วันนี้ไม่น่าจะเข้าบริษัท”อุมานิกากล่าว
“โอเค วันนี้เธอเรียนรู้จากเลขาของพี่ภูก่อนก็แล้วกันนะ”สิมันตราบอกแนวทาง
“ได้เลย งั้นแค่นี้นะ เธอก็ตั้งใจทำงานล่ะ”อุมานิกาบอกก่อนจะวางสายไป
*_____________________________*
หลังจากที่สดายุให้โหรหลวงตรวจดวงชะตา เขาก็ได้รู้ว่าตอนนี้สิมันตราและอุมานิกาได้มาเกิดใหม่แล้ว
“พวกนางได้ฟื้นคืนจากชีวิตหลังความตาย”สดายุพยายามขบคิด
“แล้วข้าจะต้องทำอย่างไร”เขาไร้หนทางที่จะนำนางกลับมา
“กว่าจะเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคาอีกครั้งก็อีกว่าสามเดือน แล้วข้าจะทำฉันท์ใด”ผู้ครองสุบรรณไม่อาจนิ่งนอนใจ ทั้งๆ ที่อยากจะลงไปยังโลกมนุษย์เดี๋ยวนี้ แต่ก็ไม่อาจฝืนกฎของสวรรค์ เพราะประตูระหว่างมิติของสามโลกจะมาบรรจบและเปิดออกก็ต่อเมื่อเกิดสุริยุปะราคาหรือจันทรุปราคาเท่านั้น
พิภพของหิมพานต์นั้นแตกต่างไปจากพิภพของเทวดาที่สัมพันธ์กับพิภพโลก เพราะเหล่าเทวาสามารถไปมายังโลกและสวรรค์ได้ทุกเวลา ในขณะที่พิภพของหิมพานต์จะเปิดออกเมื่อดวงดาวทั้งสามเรียงตัวในแนวเดียวกันเท่านั้น
“ข้าอยากรู้นักว่าสุเรนกำลังคิดจะทำอะไร”สดายุรู้สึกสังหรณ์ใจ
ฉิมพลีสวาท (ภาคต่อเสน่ห์นาคา)
ลิงค์ตอนที่ 1 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/923509884352300/
ลิงค์ตอนที่ 2-3 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/926311324072156/
ลิงค์ตอนที่ 4-6 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/929323717104250/
ลิงค์ตอนที่ 7-8 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/930989640270991/
สามารถเข้ามาอ่านนิยายตอนต่อไปล่วงหน้าได้ที่ในกลุ่ม ฟินกับ -ฟินนิกซ์ (นิยาย)
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/
เป็นเพื่อนกันได้ที่
https://www.facebook.com/amarna.phoenix
หรือจะทวิทกันได้ที่
https://twitter.com/Phoeinxall
อินสตาร์แกรม
https://instagram.com/samnakphimphoenix/
*_____________________________*