ฉิมพลีสวาท

กระทู้สนทนา
ทีเซอร์
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
บทนำ

สดายุมองชายผ้านุ่งของผู้เป็นชายาที่ถูกรั้งให้ร่นขึ้นไปอยู่บริเวณกลางขา ขณะที่มือของนางกำนัลได้ลูบไล้ขัดสี โดยแทรกมือผ่านชายผ้าขาวเนื้อเบาบางที่เมื่อเปียกน้ำแล้วแทบไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย
เขามองตามมือที่แทรกเข้าไปภายใต้เนื้อผ้าเพื่อขัดสีให้สิมันตรา การได้เห็นผิวกายนวลขาวของเธอโดนลูบไล้อย่างนั้น ทำให้ความปรารถนาของเขาลุกโชน

สกุณีได้นำยาสระผมที่ทำมาจากพฤกษาซึ่งให้กลิ่นหอมสดชื่นชโลมลงบนศีรษะของผู้เป็นราชินี
ผู้ครองสุบรรณสูดกลิ่นหอมที่ส่งกลิ่นมายังอีกฝั่งที่เขานั่งอยู่ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน อยากครอบครองร่างหอมเย้ายวนของชายา
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา และได้เห็นสดายุที่มองมาราวกับปรารถนาจะร่วมรักกับเธอ นั่นเองที่ทำให้หน้าแดง เลือดในกายสูบฉีด เพราะนึกถึงบทรักที่หนักหน่วงของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกติดใจในรสสัมผัสที่มอบให้มา
สิมันตราไม่ปฏิเสธว่า มีความสุข และชอบรสสวาทที่เขาใช้เป็นบ่วงพันธนาการเธอ
ผู้ครองสุบรรณมองร่างของชายาที่กำลังถูกชำระล้าง หลังจากขัดสีถูตัวเสร็จแล้ว
ฟองของยาสระผมที่ค่อยๆ ไหลลงมา ทำให้สิมันตราหลับตาอีกครั้ง
เขามองผิวกายที่ลื่นไปด้วยฟองสบู่ของเธอแล้วก็ไม่สามารถบังคับความเป็นชายที่ค่อยๆ ผงาดขึ้นมา

“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”สดายุสั่ง
“เพคะ”เหล่านางกำนัลรีบวางมือก่อนจะรีบออกไป
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
เขาแววตากรุ้มกริ่ม ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ลุกจากบันได แล้วเดินวนมายังบันไดฝั่งที่ชายานั่งอยู่

สดายุนั่งลงด้านหลังของสิมันตรา มือของเขาโอบสัมผัสร่างนุ่มนิ่มของเธอด้วยแรงแห่งความปรารถนา
สิมันตราเลือดในกายแล่นพล่าน รู้สึกรุมร้อนแม้ร่างกายจะเปียกปอนไปด้วยน้ำก็ตาม และยิ่งเมื่อมือขวาของเขาบีบนวดเนินอกนุ่มหยุ่น ก็ยิ่งทำให้เธอดั่งโดนไฟแผดเผา

*_____________________________*

ลิงค์ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/34084184
ลิงค์ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34086863
ลิงค์ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/34090542
ลิงค์ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/34095537
ลิ้งค์ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/34101345

บทที่ 6 พรีเวดดิ้ง

    ภูผากำลังนั่งทำงาน แต่แล้วเมื่อนึกได้ว่าวันนี้สิมันตราและสุเรนจะไปถ่ายรูปแต่งงานก็รีบโทรถามทันที
    “เอ้ย เรน ถ่ายพรีเวดดิ้งที่ไหนนะ”เขาถามไปทางโทรศัพท์มือถือ
    “ ...”อีกฝ่ายตอบกลับ
    “ออ ได้ๆ เดี๋ยวฉันตามไป”ภูผากล่าว ก่อนจะตัดสาย
    เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงาน ก็ได้พบอุมานิกาที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของเธอ

    “วันนี้สิจะถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง อุ้มไปด้วยกันไหม”ภูผาถามเพื่อนของน้องสาว
    “ค่ะ”เธอตอบรับ แล้วพยายามยิ้มให้ ทั้งๆ ที่ในใจหนักอึ้ง
    “งั้นไปพร้อมกันเลยไหม”เขาถาม
    “ไม่เป็นไรค่ะ อุ้มขับรถไปเองดีกว่า”อุมานิกากล่าว
    “โอเค เดี๋ยวเจอกันที่สตูดิโอเลย”ภูผาบอกก่อนจะเดินออกไป
    เธอได้แต่ยืนนิ่ง พยายามรวบรวมกำลังใจให้ตัวเองโดยการสูดหายใจลึกๆ
    “วันนี้กลับก่อนนะคะ”อุมานิกาวางแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ พร้อมทั้งพูดกับเพื่อนร่วมงาน
    “คุณสิจะแต่งงานแล้วเหรอ ได้ข่าวแว่วๆ มาอย่างนั้น จริงหรือเปล่าอุ้ม”นั่นคือสิ่งที่คนในบริษัทอยากรู้
    “ค่ะ ก็คงเร็วๆ นี้”อุมานิกายิ้มให้ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป
*_____________________________*

    ว่าที่เจ้าสาวอยู่ในห้องแต่งตัวโดยมีช่างแต่งหน้าและช่างทำผมช่วยกันแต่งตัวให้เธอ
    “สวยมากเลยค่ะ เป็นผู้หญิงที่ใส่ชุดไทยแล้วสวยมากๆ”ช่างแต่งหน้าชม
    “ขอบคุณค่ะ”สิมันตรายิ้มให้
    “อย่างกับนางในวรรณคดีเลยเนอะ”ช่างแต่งผมเสริมขึ้น
    “คุณน้องมาเกิดผิดยุคหรือเปล่าคะ ดูเลอค่ามากเลย”ช่างแต่งหน้ามองอย่างชื่นชม
    สิมันตราสะดุดกับคำพูดนั้นนิดหนึ่ง แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร จึงได้แต่ยิ้มตอบ

    “เจ้าสาวพร้อมหรือยังครับ”ช่างถ่ายภาพเดินเข้ามาถามช่างแต่งหน้าและช่างทำผม
    “ความสวยพร้อม ความงามเป็นเลิศ ขอบอกว่าเจิดมากค่ะงานนี้”ช่างแต่งหน้ากล่าว
    “งั้นพาน้องมาหาเจ้าบ่าวได้เลย ทางนั้นพร้อมแล้ว”ช่างถ่ายภาพบอก
    “จัดให้ค่ะ”ช่างผมและช่างแต่งหน้าตอบรับ

    สุเรนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย นานมากแล้วที่ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้
    “เจ้าสาวมาแล้วค่า”เสียงของช่างแต่หน้าพูดขึ้น ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวหันไปมองอย่างสนใจ
    และสิ่งที่เขาได้เห็นคือ สิมันตราในชุดไทย ดูงดงามและเลอค่าเหนือคำบรรยาย
    สุเรนยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ไม่คิดฝันว่าจะมีวันนี้
    “พี่โชคดีจริงๆ”เขาเดินเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
    “เช่นกันค่ะ”สิมันตรายิ้มตอบ
    
    “ว๊าย ตายแล้ว ฟังซิ อิจฉา”ช่างทำผมร่างชายแต่ใจหญิงทั้งสองนางกรี๊ดกร๊าดกับความเหมาะสมของทั้งคู่
    “พี่โชคดี”ช่างทำผมลอกเลียนแบบคำพูดของสุเรน พร้อมทั้งยกมือเพื่อนที่เป็นช่างแต่งหน้าขึ้นมา แล้วมองกันด้วยสายตาซึ้ง
    “น้องก็โชคดี”ช่างแต่งหน้าเลียนแบบคำพูดของสิมันตรา
    “อยากได้แบบนี้บ้างอะเธอ”ช่างแต่งหน้าทำผมทั้งสองหันมาทางว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว
    นั่นเองที่ทำให้สิมันตราและสุเรนยิ้มให้กันอย่างอายๆ รู้สึกเขินที่โดนแซว

    “เชิญทางนี้ดีกว่าครับ อย่าไปฟังสองคนนี้มากเลย ปากพวกเขาก็แบบนี้ล่ะ”เจ้าของสตูดิโอซึ่งเป็นช่างภาพกล่าว “เอ่อ ภาพที่ผมจะถ่ายให้เดี๋ยวจะมีภาพซีเปียให้ด้วย เพราะคิดว่า มันน่าจะเหมาะกับคอนเซ็ปต์ของงาน แล้วก็จะมีภาพสีปกติให้ด้วย”
    “แล้วแต่คุณศักดิ์เลยค่ะ”สิมันตรายิ้มให้ “แต่ขอภาพสวยๆ นะคะ งานแต่งครั้งเดียวในชีวิตสิอยากให้มันออกมาดีที่สุด”

    คำพูดของเธอทำให้สุเรนหันมามองแล้วยิ้มด้วยความดีใจ
    สิมันตราเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มตอบ รู้สึกตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานกับเขา

    ขณะนั้นเองภูผาและอุมานิกาได้เข้ามาในสตูดิโอพร้อมๆ กัน
    “พี่ภู อุ้ม”สิมันตรายิ้มให้ก่อนจะหันมาพูดกับช่างภาพ “ขอตัวสักครู่นะคะ”
    “ครับ”
    สิมันตราเดินไปหาพี่ชายและเพื่อนที่เพิ่งเข้ามาในสตูดิโอ

    “ชุดนี้เป็นไงบ้าง”เธอถาม
    “สวยสมที่จะเป็นเจ้าสาว”ภูผากล่าว
    “สวยมากเลยสิ ชุดสีเขียวตัดกับผิวขาว ขับผิวเด่นมาก”อุมานิกาชื่นชมด้วยความจริงใจ
    “เธอก็สวย เมื่อถึงวันของเธอ ..เธอจะสวยยิ่งกว่าฉันอีก”สิมันตรายกมือขึ้นสัมผัสหน้าเพื่อนรัก “ไม่ว่าอะไรที่ฉันติดค้างเธอไว้ ฉันจะชดใช้ให้ในชาตินี้”
    “พูดอะไรของเธอ”อุมานิกาถาม
    “เขาจะเป็นของเธอ ความรักของเธอจะสมหวัง”สิมันตรากล่าว
    “เขาไหน ใครกัน”อุมานิกาไม่เข้าใจ

    “สักวัน เธอจะได้เจอเขา รออีกหน่อยเถอะนะ ..อีกไม่นานหรอก”สิมันตรามั่นใจว่าสดายุจะต้องมาพาคนรักของเขากลับนครฉิมพลีอย่างแน่นอน ..แต่จะมาเมื่อไหร่เธอก็ไม่สามารถรู้ได้
    “เธอนี่ พูดจาแปลกๆ”อุมานิกาส่ายหน้า แล้วยิ้มให้ รู้สึกยินดีที่เพื่อนกำลังจะมีความสุข แม้ส่วนลึกในใจจะรู้สึกแปลบๆ แต่ก็อดรู้สึกยินดีกับสิมันตราไม่ได้จริงๆ “รีบไปถ่ายรูปเถอะ เดี๋ยวเครื่องสำอางลบหมดนะ”

    “โอเค งั้นไปถ่ายรูปก่อนแล้วกัน”สิมันตราเดินกลับไปหาสุเรนที่ยืนรอเธออยู่หน้ากล้องแล้ว
    “เชิญนั่งก่อนดีกว่าค่ะ”ช่างแต่งหน้าเชิญให้ภูผาและอุมานิกานั่ง พร้อมทั้งเสิร์ฟน้ำให้ที่โต๊ะ
    “ขอบคุณครับ” “ขอบคุณค่ะ” ภูผาและอุมานิกาพูดพร้อมๆ กัน

    ทางด้านช่างภาพกำลังช่วยจัดท่าให้ว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาว เพราะทั้งสองยังคงรู้สึกเขินๆ อยู่ เลยต้องมีการช่วยจัดท่าทางให้
    “โอเค นิ่งไว้แบบนี้นะครับ”ช่างภาพบอก จากนั้นก็รีบกลับไปที่กล้องถ่าย แล้วกดชัตเตอร์ระรัวเพื่อเก็บภาพไว้หลายๆ ภาพเพราะเป็นการกันความผิดพลาด

    “คราวนี้ลองเปลี่ยนท่าดูบ้างครับ ไปตามสบายๆ อย่าเกร็ง”ช่างภาพบอก
    สิมันตราและสุเรนมองหน้ากัน รู้สึกเก้ๆ กังๆ เพราะยังไม่เคยชินกับการโพสต์ท่าทาง  
    “พี่ขอโทษนะ”เขาพูดก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือซ้ายมาโอบรอบเอวเธอ
    สิมันตราเงยขึ้นมองสบตาสุเรนก่อนจะก้มลงหลบสายตาคมกล้านั้น
    เขายกมือขวาขึ้นมาเชยคางเธอให้เงยขึ้นมองสบตากัน
    ทั้งสองต่างมองกันและกัน แววตาหวานซึ้ง รวมถึงรอยยิ้มบนใบหน้าแสดงถึงความปรีดาของทั้งคู่

    อุมานิกามองแล้วก็ได้แต่เจ็บลึก รู้สึกเหมือนความสูญเสียบังเกิด เธอไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมรู้สึกหึงหวงสุเรนในส่วนลึกของใจ
    อุมานิกาเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองภาพหวานซึ้งของว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว
*_____________________________*

    สดายุฟื้นจากอาการเมาค้าง เขาค่อยๆ พยุงตัวลุกจากเตียงเพื่อไปยังอ่างล้างหน้า
    แต่เมื่อได้เห็นอ่างวางอยู่สองใบ เขาก็เลือกไม่ถูกว่าจะใช้น้ำจากใบไหนดี
    สดายุเดินตรงมายังอ่างน้ำใบใหญ่กว่า จากนั้นก็ใช้มือจับขอบอ่างเพื่อทรงตัวยืน ขณะที่สายตามองลงไปในน้ำ
    ทันใดนั้นเอง ภาพของสุเรนและสิมันตราก็ปรากฏให้เห็น

    “นั่นมัน”เขาพยายามขยี้ตา เพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด หรือคิดมากไปเอง
     ทว่า เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งภาพนั้นก็ยังสะท้อนให้เห็น
    สดายุเพ่งมองลงไป เพื่อมองดูให้ชัดเจนมากขึ้น และได้เห็นสุเรนก้มลงมาจูบขมับของสิมันตรา ขณะที่นางหลับตาพริ้ม ยินยอมพร้อมใจให้จูบแต่โดยดี
    สิมันตราค่อยๆ ลืมตา และมองสบตาสุเรน ก่อนที่เขาจะก้มลงมาหอมแก้มนาง
    “ม้ายยยย!!!”สดายุไม่อาจทนมอง จึงปัดอ่างให้ร่วงตกแตกกระจาย

    ทางด้านวิรุณหกได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องบรรทมของผู้ครองสุบรรณก็รีบวิ่งเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
    “องค์สดายุ เกิดอะไรขึ้นพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น และได้เห็นอ่างแตกกระจายพร้อมน้ำที่เอ่อนองไปบนพื้นห้อง
    “ข้าคงตาฝาดไป เลยมองเห็นนางแต่งงานกับสุเรน ข้าคงคิดมากไปเอง”สดายุกล่าว
    “เอ่อ น้ำในอ่างนั่น เป็นน้ำจากสระอโนดาตพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกบอก
    “เจ้าว่าอะไรนะ”ผู้ครองสุบรรณหันไปมองอย่างต้องการคำตอบ
    “น้ำในอ่าง เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จากสระอโนดาต และภาพที่พระองค์เห็น ย่อมหมายความว่า มันเป็นเรื่องจริงที่สะท้อนมาจากโลกมนุษย์”วิรุณหกชี้แจง
“พวกเขาแต่งงานกันแล้วหรือ”สดายุรู้สึกสิ้นหวัง
“ไม่หรอกพระองค์ ข้าได้ยินว่าพวกเขาจะแต่งกันภายในหนึ่งเดือน แต่นี่ผ่านไปแค่สองสามวันเองนะพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกกล่าว
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขายังไม่แต่งกัน ก็ข้าเห็นเต็มสองตา”ผู้ครองสุบรรณเถียงกลับ
“แล้วถ้าพวกเขาแต่งงานกันแล้วจริง พระองค์จะทรงทำอย่างไรหรือพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกถาม
“นางเป็นเมียข้า”สดายุโมโห เจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอคอยเวลา
“เคยเป็นพระเจ้าค่ะ ตอนนี้ไม่ใช่”วิรุณหกย้ำเตือน

“เจ้าจะอยู่ฝ่ายข้าหรือฝ่ายใครกันแน่”เมื่อเถียงไม่ออกสดายุก็เอาอำนาจเข้าข่ม
“ก็ต้องอยู่ฝ่ายพระองค์อยู่แล้วพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกรีบประจบทันใด

“เจ้าบอกว่า พวกเขายังไม่แต่งงานใช่ไหม”ผู้ครองสุบรรณถามเพื่อความแน่ใจ
“พระเจ้าค่ะ”
“แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ยังคงต้องรอเวลาให้เกิดสุริยะคราสหรือจันทะคราสเสียก่อน”สดายุคิดไม่ตก
“หม่อมฉันไปตามหาผู้ที่จะนำทางเราไปยังโลกมนุษย์ โดยที่ไม่ต้องรอให้ประตูมิติเปิดมาแล้วพระเจ้าค่ะ”วิรุณหกกล่าวรายงาน
คำพูดนั้นเองที่ทำให้ผู้ครองสุบรรณหันมามองอย่างสนใจ

*_____________________________*

    หลังจากถ่ายภาพพรีเวดดิ้งในสตูดิโอเสร็จ ช่างภาพก็เดินมาหาว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว
    “การถ่ายภาพในสตูดีโอเรียบร้อยแล้วครับ เหลือแต่ถ่ายภาพนอกสถานที่”ช่างภาพกล่าว
    “ก็อย่างที่บอกนะคะ สิอยากได้วิวทะเล”สิมันตราหันมามองสุเรนราวกับจะถามความคิดเห็น
    “ผมตามใจเธออยู่แล้วครับ”สุเรนบอกกับช่างภาพ
    “ครับ แล้วมีทะเลที่อยากจะไปถ่ายแล้วหรือยัง”
    “สิอยากได้ใกล้ๆ เพราะครอบครัวจะได้เดินทางไปกันสะดวก คืออยากให้ครอบครัวอยู่ในภาพถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย”เธออธิบายโดยคร่าวๆ
    “ได้ครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”ช่างภาพยิ้มให้
    “ส่วนเรื่องที่พักเดี๋ยวทางเราจะจัดการให้เองค่ะ ทางคุณแค่เอาอุปกรณ์การถ่ายแล้วก็ช่างแต่งหน้าทำผมไปก็พอ”สิมันตราสรุป
    “อย่างนั้นก็ดีเลยครับ ขอบคุณมากจริงๆ”ช่างภาพกล่าว
    “ขอเป็นวันเสาร์หน้านะคะ ไม่ทราบว่าทางคุณจะสะดวกไหม”เธอใคร่รู้
    “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นเจอกันวันเสาร์หน้า”

*_____________________________*
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่