บทนำ
สดายุมองชายผ้านุ่งของผู้เป็นชายาที่ถูกรั้งให้ร่นขึ้นไปอยู่บริเวณกลางขา ขณะที่มือของนางกำนัลได้ลูบไล้ขัดสี โดยแทรกมือผ่านชายผ้าขาวเนื้อเบาบางที่เมื่อเปียกน้ำแล้วแทบไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย
เขามองตามมือที่แทรกเข้าไปภายใต้เนื้อผ้าเพื่อขัดสีให้สิมันตรา การได้เห็นผิวกายนวลขาวของเธอโดนลูบไล้อย่างนั้น ทำให้ความปรารถนาของเขาลุกโชน
สกุณีได้นำยาสระผมที่ทำมาจากพฤกษาซึ่งให้กลิ่นหอมสดชื่นชโลมลงบนศีรษะของผู้เป็นราชินี
ผู้ครองสุบรรณสูดกลิ่นหอมที่ส่งกลิ่นมายังอีกฝั่งที่เขานั่งอยู่ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน อยากครอบครองร่างหอมเย้ายวนของชายา
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา และได้เห็นสดายุที่มองมาราวกับปรารถนาจะร่วมรักกับเธอ นั่นเองที่ทำให้หน้าแดง เลือดในกายสูบฉีด เพราะนึกถึงบทรักที่หนักหน่วงของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกติดใจในรสสัมผัสที่มอบให้มา
สิมันตราไม่ปฏิเสธว่า มีความสุข และชอบรสสวาทที่เขาใช้เป็นบ่วงพันธนาการเธอ
ผู้ครองสุบรรณมองร่างของชายาที่กำลังถูกชำระล้าง หลังจากขัดสีถูตัวเสร็จแล้ว
ฟองของยาสระผมที่ค่อยๆ ไหลลงมา ทำให้สิมันตราหลับตาอีกครั้ง
เขามองผิวกายที่ลื่นไปด้วยฟองสบู่ของเธอแล้วก็ไม่สามารถบังคับความเป็นชายที่ค่อยๆ ผงาดขึ้นมา
“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”สดายุสั่ง
“เพคะ”เหล่านางกำนัลรีบวางมือก่อนจะรีบออกไป
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
เขาแววตากรุ้มกริ่ม ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ลุกจากบันได แล้วเดินวนมายังบันไดฝั่งที่ชายานั่งอยู่
สดายุนั่งลงด้านหลังของสิมันตรา มือของเขาโอบสัมผัสร่างนุ่มนิ่มของเธอด้วยแรงแห่งความปรารถนา
สิมันตราเลือดในกายแล่นพล่าน รู้สึกรุมร้อนแม้ร่างกายจะเปียกปอนไปด้วยน้ำก็ตาม และยิ่งเมื่อมือขวาของเขาบีบนวดเนินอกนุ่มหยุ่น ก็ยิ่งทำให้เธอดั่งโดนไฟแผดเผา
*_____________________________*
ลิงค์ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34084184
ลิงค์ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34086863
ลิงค์ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/34090542
บทที่ 4 เพื่อนรัก
บริษัทของสุเรนมีโปรเจคที่ต้องร่วมงานกับบริษัทของภูผา วันนี้พวกเขาจึงได้มาประชุมร่วมกัน
“เป็นไงบ้างอุ้ม พี่ภูใช้งานหนักไหม”สิมันตราถาม
“ไม่เลย งานสนุกดี”อุมานิกายิ้มให้
“อืม”สิมันตรามองหน้าเพื่อนรักอย่างกระอักกระอ่วน ความฝันบ้าๆ นั่นทำให้รู้สึกละลายใจจนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ จนต้องหันมองไปทางอื่น
“เป็นอะไรไป มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าสิ”อุมานิกาถาม
“ออ เปล่าหรอก”สิมันตรายิ้มกลบเกลื่อน “เข้าห้องประชุมเถอะ ป่านนี้พี่ภูกับพี่เรนแล้วก็ทีมงานคงมากันแล้ว”
“อืม”อุมานิกาเดินตามไป
ทันทีที่ประตูห้องประชุมเปิดออก สุเรนก็เงยหน้าขึ้นจากการอ่านเอกสาร แล้วยิ้มให้เมื่อเห็นสิมันตราเดินเข้ามา
ทว่า ทันทีที่สายตาหันไปเห็นหญิงสาวอีกคนที่เดินตามเข้ามา รอยยิ้มก็ค่อยๆ จางหาย ใบหน้าพลันบึ้งตึง
อุมานิกามองไปยังสุเรน ความรู้สึกของเธอราวกับถูกกระแสไฟดูด รู้สึกชาไปทั้งตัว
สิมันตราสังเกตสีหน้าของสุเรนแล้วก็เริ่มมั่นใจว่าความฝันนั้นเป็นเรื่องจริง ..อุมานิกาเป็นอีกคนที่เกี่ยวข้องกับอดีตชาติของเธอ
สิมันตราถึงกับเซเมื่อรับรู้อดีตของตัวเอง ทั้งๆ ที่พยายามจะหลีกหนีแต่ก็หนีไม่พ้น
“สิเป็นไรไหม”อุมานิกาถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก
“ไม่ ไม่เป็นไร”สิมันตราหันมามองอุมานิกาด้วยสีหน้าซีดเผือด
“แต่สิหน้าซีด ไปนั่งก่อนเถอะ”อุมานิกาพยุงเพื่อนให้เดินไปนั่ง
ขณะที่สุเรนและภูผาได้เดินมาดูอาการของสิมันตราอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปสิ”ภูผาถาม
“แค่หน้ามืดเองพี่ภู ไม่เป็นไรหรอก”สิมันตราบอกก่อนจะเงยขึ้นมองสุเรนซึ่งมองมาที่เธอก่อนแล้ว
“มีอะไรกันหรือเปล่า”ภูผามองน้องสาวก่อนจะหันไปมองสุเรนอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ภู”สิมันตรากล่าว ก่อนจะค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้ “สิว่าเราเริ่มประชุมกันเลยดีกว่า”
“จะไหวเหรอ”สุเรนถามอย่างเป็นห่วง
“ไหวค่ะ”เธอยิ้มน้อยๆ
*_____________________________*
ขณะที่ประชุมร่วมกันนั้น สิมันตราดูเหมือนจะเหม่อลอย ไม่มีสมาธิกับงาน
สุเรนซึ่งนั่งอยู่ใกล้หันมามองอย่างเป็นห่วง เพราะมั่นใจว่าสิมันตรามีเรื่องกลุ้มใจ
ขณะที่อุมานิกานั่งอยู่ใกล้ภูผาในฐานะเลขา ทั้งสองนั่งอยู่ฝั่งตรงตรงข้าม จึงสามารถเห็นสายตาของสุเรนที่มองสิมันตราอย่างเป็นห่วง
อุมานิกาบอกไม่ได้ว่าทำไมรู้สึกหน่วงๆ ในใจ ภาพนั้นทำให้เธอรีบหลบตาลงมองเอกสาร เพื่อบังคับตัวเองไม่ให้มองไปยังฝั่งตรงข้าม
“ไม่สบายหรือเปล่า”สุเรนถาม พร้อมทั้งยื่นมือมาแตะหน้าผากสิมันตราอย่างเป็นห่วง
“ไม่ได้ป่วยค่ะ แค่ยังทำใจกับบางอย่างไม่ได้”เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ดังพอจะได้ยินกันแค่เพียงสองคนเท่านั้น “เอาไว้ค่อยคุยกัน แล้วสิจะเล่าให้ฟัง”
“ได้”เขาพยักหน้า ก่อนจะหันมาสนใจกับการประชุมอีกครั้ง
อุมานิกาอดไม่ได้ที่จะแอบมองไป ความใกล้ชิดและสนิทสนมกันของพวกเขา ทำให้เธอได้แต่มองอย่างปวดใจ
บอกไม่ได้ว่าทำไมรู้สึกแบบนั้น ทำไมต้องรู้สึกหึงหวงเขา ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเธอมีสิทธิ์ในตัวเขา
สุเรนเงยหน้าจากเอกสารเมื่อรู้สึกเหมือนโดนจับจ้อง แล้วก็ได้เห็นอุมานิกาที่มองอยู่ก่อนแล้ว
แววตาของเธอเศร้า ตัดพ้อ น้อยใจ สิ่งเหล่านั้นเองที่ทำให้สุเรนหน้าบึ้ง ไม่สบอารมณ์
อุมานิการีบหลบสายตา รู้สึกหน้าชา เมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ
*_____________________________*
หลังจากที่ประชุมกันนานกว่าสามชั่วโมงก็ถึงเวลาพักเที่ยง สุเรนและภูผาจึงพาทีมงานไปทานอาหารที่โรงแรมซึ่งไม่ไกลจากบริษัทมากนัก
สิมันตรายังคงเงียบงัน ไม่ร่าเริงเหมือนทุกวันที่ผ่านมา เพราะยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับความฝันอย่างไม่สร่างซา
“เดี๋ยวตอนกลับบริษัท กลับรถพี่นะ”สุเรนหันมาพูดกับสิมันตรา “แล้วตอนเย็นพี่จะขับไปส่งที่บ้าน”
“เป็นการรบกวนเปล่าๆ ค่ะ สิขับรถไปเองได้”เธอรู้สึกเกรงใจ
“แต่พี่ว่าไม่น่าจะได้นะ ใจคอเลื่อนลอยแบบนี้ ดีไม่ดีจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น”เขาให้เหตุผล “หรือจะกลับบ้านไปพักผ่อนก็ได้นะ ถ้ารู้สึกยังไม่สบายใจก็อย่าเพิ่งไปทำงานเลย”
“ขอบคุณค่ะ แต่สิไหวอยู่ อีกอย่าง ตอนนี้ก็สบายใจขึ้นแล้วด้วย”สิมันตรายิ้มให้
ทั้งสองพูดคุยกันโดยไม่รู้ว่าโดนหลายคนจับตามองอยู่ โดยเฉพาะภูผาและอุมานิกาที่มองไปอย่างไม่คลาดสายตา
สีหน้าของภูผานั้นยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นสุเรนและน้องสาวดูราวกับคู่รัก ทว่า สีหน้าของอุมานิกากลับเศร้าสลด
“ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”อุมานิกาพูดกับเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินจากไป
อุมานิกาสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามเตือนตัวเองให้ทำใจ
ทางด้านภูผามองสุเรนและสิมันตราที่พูดคุยและยิ้มให้กันก็แอบยิ้มไปด้วย
“เทคแคร์กันดีนะ เจ้านาย เลขาคู่นี้”ภูผาแซว
“แล้วไม่ดีใจเหรอที่ฉันดีกับน้องนาย”สุเรนถาม
“ก็ดีไง จะได้มีใครมาดูแลสิแทนฉันซะที ฉันขี้เกียจดูแลน้องสาวคนนี้เต็มทีแล้ว”ภูผากล่าวทีเล่นทีจริง
“พี่ภูอะ”สิมันตราหน้างอ งอนพี่ชาย
“ดูๆ ดูทำหน้าเข้า พี่ล้อเล่นนา”ภูผากล่าว
นั่นเองที่ทำให้สิมันตรายิ้มได้
“ฉันอยากดูแลน้องสาวนาย แล้วก็เต็มใจจะดูแล ถ้านายจะเปิดโอกาสให้”สุเรนพูดเป็นนัยๆ
“เรื่องนั้น ฉันว่านายถามน้องสาวฉันเองดีกว่าว่าจะยอมให้นายดูแลไหม ถ้าเธอโอเค ฉันก็ไม่ว่าอะไร”ภูผาตอบกลับ
สิมันตราหน้าเหวอ เมื่อพี่ชายพูดราวกับจะยกเธอให้สุเรน
“เค้าดูแลตัวเองได้นาพี่ภู”เธอรีบออกตัว
ทางด้านอุมานิกาพยายามสะลัดภาพใบหน้าสุเรนออกจากหัว แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งพยายามจะไม่จำเกี่ยวกับเขาก็ยิ่งเหมือนมันจะยิ่งตอกย้ำให้ไม่ลืม
“ทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับผู้ชายคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก”เธอมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ
“แล้วทำไมต้องรู้สึกแบบนี้”อุมานิกายกมือขึ้นทาบอกด้านซ้าย รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะ
สุเรนได้เดินไปเข้าห้องน้ำ เป็นเวลาเดียวกับที่อุมานิกาเดินออกมาจากห้องน้ำหญิง เธอกำลังเดินกลับไปยังห้องอาหาร แต่เมื่อเลี้ยวตรงหัวมุมก็ได้ชนกับร่างของใครเข้าอย่างจัง
“ขอโทษค่ะ”อุมานิกาเงยหน้าขึ้นมอง และได้เห็นใบหน้าสุเรนในระยะใกล้ “เอ่อ ..”
“ ..”เขานิ่ง เงียบ ไม่พูดอะไร ไม่มีแม้คำขอโทษ
อุมานิกาถอยเท้าออกมา เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกัน
นั่นเองที่ทำให้สุเรนสามารถเดินผ่านเธอไปอย่างสะดวก เขาเดินจากไปอย่างไม่ไยดี ราวกับเธอไม่มีตัวตนในสายตา
อุมานิกาหันกลับไปมองร่างที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยความรวดร้าว ก่อนจะตัดใจ แล้วหันกลับมา จากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องอาหาร
*_____________________________*
สิมันตรานั่งรถสุเรนกลับไปยังบริษัทของเขา ท่าทีเหม่อลอยของเธอทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ สามารถเล่าให้พี่ฟังได้นะ แต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร”สุเรนกล่าว
“สิมีเรื่องที่สงสัย และคิดว่าพี่เรนน่าจะให้คำตอบได้”สิมันตราพูด พร้อมทั้งหันมามองเขา
“ถ้าให้เดา เกี่ยวกับเรื่องอดีตชาติของสิใช่ไหม”สุเรนพอจะรู้ว่าเธอคิดอะไร
“ค่ะ สิมีคำถามที่ต้องการคำตอบ”สิมันตรามองเขานิ่ง “สิฝันว่า เคยเอายาพิษให้อุ้มดื่ม”
“หมายถึงอุมานิกานะเหรอ”เขาถอนหายใจหนักหน่วง
“ค่ะ”เธอพยักหน้า “อุ้มมีอดีตที่เกี่ยวพันกับสิมาตั้งแต่ชาติปางก่อนใช่ไหม”
“อืม”สุเรนพยักหน้ารับ โดยที่ไม่ได้หันมามองเจ้าของคำถาม สายตาเขามองไปยังถนนเบื้องหน้า
“พี่เรนเองก็รู้จักอุมานิกาใช่ไหม”สิมันตราถามต่อ
“ใช่”เขาตอบรับตามตรง
นั่นเองที่ทำให้เธอนิ่งเงียบ ครุ่นคิดประติดประต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน
“แล้วสิล่ะคะ สิตายยังไง”สิมันตราราวกับถามตัวเองมากกว่า “บางคำถามพี่เรนก็ไม่จำเป็นต้องตอบนะคะ เพราะบางคำถามสิแค่สงสัย แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆ”
“แล้วคำถามนี้ จะให้พี่ตอบไหม”สุเรนใคร่รู้
“ไม่ค่ะ สิก็แค่นึกสงสัยขึ้นมา แต่ไม่อยากได้คำตอบจริงๆ”เธอถอนหายใจ “เพราะในหลายๆ ครั้ง สิกลัวคำตอบที่จะได้รับ”
“ด้วยเหตุนี้ใช่ไหม เลยไม่ยอมตั้งจิตระลึกชาติ”เขาถามต่อ
“การระลึกชาติ เป็นสิ่งสุดท้ายที่สิจะทำ แค่ความฝันที่คอยหลอกหลอนอยู่ทุกวันนี้ ก็ทำให้สิกลัวเต็มทีแล้ว”สิมันตราสีหน้าเคร่งเครียด ไม่อยากรับรู้เรื่องราวที่เคยผ่านมา “คนเราไม่ควรยึดติดกับอดีต”
“คิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว”สุเรนหันมายิ้มให้ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือข้างหนึ่งมาจับมือเธอไว้
สิมันตราจะดึงมือกลับก็กลัวจะเป็นการเสียมารยาท จึงปล่อยให้เขาจับมือไว้อย่างนั้น
“มาเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะ ปล่อยในอดีตเป็นแค่เพียงอดีตที่ผ่านพ้นไป”สุเรนมองสบตาเธอ
“ค่ะ”สิมันตรายิ้มน้อยๆ
*_____________________________*
ค่ำคืนนั้นเองที่อุมานิกาได้ฝันถึงสุเรน ซึ่งในความฝันนั้นแตกต่างจากความเป็นจริงที่เธอได้พบเจอกัน
ในความเป็นจริงนั้นเขาแทบจะไม่เหลียวหันมามองเธอด้วยซ้ำ ทว่า ในความฝัน เธอกลับฝันว่ากำลังแต่งงานกับเขา
ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม มีความสุขกับงานวิวาห์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอที่ดูเหมือนจะไม่ได้ยินดีกับการแต่งงานสักเท่าไหร่
สายตาของอุมานิกามองเลยผ่านเจ้าบ่าวของตัวเอง ไปมองยังชายอีกคนที่กำลังเดินเคียงคู่มากับหญิงอีกนาง
อุมานิกามองสดายุที่เดินมาพร้อมกับสิมันตรา ในฐานะรัชทายาทและพระชายา
“เสด็จพี่”สุเรนยิ้มให้พี่ชายตัวเอง
“ดีใจด้วยนะ”สดายุพูดกับน้องชาย ขณะที่สายตามองไปยังเจ้าสาวราวกับตัดพ้อนาง
อุมานิกาหลบสายตามองต่ำ ไม่กล้าสบตาคมกล้าที่มองมาราวกับการตำหนินั้น
“เจ้าสาวของท่านสวยสมคำเล่าลือจริงเชียว”สิมันตรายิ้มให้คู่บ่าวสาว
“ขอบพระทัยพระชายา”สุเรนยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ
“ฉิมพลียินดีต้อนรับ”สิมันตราพูดกับอุมานิกา
“ขอบพระทัยเพคะ”เจ้าสาวของงานตอบกลับ
“การจากบ้านจากเมืองมาไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ข้าเองก็ไม่ใช่ชาวนครฉิมพลีตั้งแต่แรกเริ่มเช่นกัน”สิมันตราให้กำลังใจอีกฝ่าย เพราะเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกัน
“เพคะ”อุมานิกายิ้มน้อยๆ
ฉิมพลีสวาท
บทนำ
สดายุมองชายผ้านุ่งของผู้เป็นชายาที่ถูกรั้งให้ร่นขึ้นไปอยู่บริเวณกลางขา ขณะที่มือของนางกำนัลได้ลูบไล้ขัดสี โดยแทรกมือผ่านชายผ้าขาวเนื้อเบาบางที่เมื่อเปียกน้ำแล้วแทบไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย
เขามองตามมือที่แทรกเข้าไปภายใต้เนื้อผ้าเพื่อขัดสีให้สิมันตรา การได้เห็นผิวกายนวลขาวของเธอโดนลูบไล้อย่างนั้น ทำให้ความปรารถนาของเขาลุกโชน
สกุณีได้นำยาสระผมที่ทำมาจากพฤกษาซึ่งให้กลิ่นหอมสดชื่นชโลมลงบนศีรษะของผู้เป็นราชินี
ผู้ครองสุบรรณสูดกลิ่นหอมที่ส่งกลิ่นมายังอีกฝั่งที่เขานั่งอยู่ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน อยากครอบครองร่างหอมเย้ายวนของชายา
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา และได้เห็นสดายุที่มองมาราวกับปรารถนาจะร่วมรักกับเธอ นั่นเองที่ทำให้หน้าแดง เลือดในกายสูบฉีด เพราะนึกถึงบทรักที่หนักหน่วงของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกติดใจในรสสัมผัสที่มอบให้มา
สิมันตราไม่ปฏิเสธว่า มีความสุข และชอบรสสวาทที่เขาใช้เป็นบ่วงพันธนาการเธอ
ผู้ครองสุบรรณมองร่างของชายาที่กำลังถูกชำระล้าง หลังจากขัดสีถูตัวเสร็จแล้ว
ฟองของยาสระผมที่ค่อยๆ ไหลลงมา ทำให้สิมันตราหลับตาอีกครั้ง
เขามองผิวกายที่ลื่นไปด้วยฟองสบู่ของเธอแล้วก็ไม่สามารถบังคับความเป็นชายที่ค่อยๆ ผงาดขึ้นมา
“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”สดายุสั่ง
“เพคะ”เหล่านางกำนัลรีบวางมือก่อนจะรีบออกไป
สิมันตราค่อยๆ ลืมตา มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
เขาแววตากรุ้มกริ่ม ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ลุกจากบันได แล้วเดินวนมายังบันไดฝั่งที่ชายานั่งอยู่
สดายุนั่งลงด้านหลังของสิมันตรา มือของเขาโอบสัมผัสร่างนุ่มนิ่มของเธอด้วยแรงแห่งความปรารถนา
สิมันตราเลือดในกายแล่นพล่าน รู้สึกรุมร้อนแม้ร่างกายจะเปียกปอนไปด้วยน้ำก็ตาม และยิ่งเมื่อมือขวาของเขาบีบนวดเนินอกนุ่มหยุ่น ก็ยิ่งทำให้เธอดั่งโดนไฟแผดเผา
*_____________________________*
ลิงค์ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/34084184
ลิงค์ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34086863
ลิงค์ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/34090542
บทที่ 4 เพื่อนรัก
บริษัทของสุเรนมีโปรเจคที่ต้องร่วมงานกับบริษัทของภูผา วันนี้พวกเขาจึงได้มาประชุมร่วมกัน
“เป็นไงบ้างอุ้ม พี่ภูใช้งานหนักไหม”สิมันตราถาม
“ไม่เลย งานสนุกดี”อุมานิกายิ้มให้
“อืม”สิมันตรามองหน้าเพื่อนรักอย่างกระอักกระอ่วน ความฝันบ้าๆ นั่นทำให้รู้สึกละลายใจจนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ จนต้องหันมองไปทางอื่น
“เป็นอะไรไป มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าสิ”อุมานิกาถาม
“ออ เปล่าหรอก”สิมันตรายิ้มกลบเกลื่อน “เข้าห้องประชุมเถอะ ป่านนี้พี่ภูกับพี่เรนแล้วก็ทีมงานคงมากันแล้ว”
“อืม”อุมานิกาเดินตามไป
ทันทีที่ประตูห้องประชุมเปิดออก สุเรนก็เงยหน้าขึ้นจากการอ่านเอกสาร แล้วยิ้มให้เมื่อเห็นสิมันตราเดินเข้ามา
ทว่า ทันทีที่สายตาหันไปเห็นหญิงสาวอีกคนที่เดินตามเข้ามา รอยยิ้มก็ค่อยๆ จางหาย ใบหน้าพลันบึ้งตึง
อุมานิกามองไปยังสุเรน ความรู้สึกของเธอราวกับถูกกระแสไฟดูด รู้สึกชาไปทั้งตัว
สิมันตราสังเกตสีหน้าของสุเรนแล้วก็เริ่มมั่นใจว่าความฝันนั้นเป็นเรื่องจริง ..อุมานิกาเป็นอีกคนที่เกี่ยวข้องกับอดีตชาติของเธอ
สิมันตราถึงกับเซเมื่อรับรู้อดีตของตัวเอง ทั้งๆ ที่พยายามจะหลีกหนีแต่ก็หนีไม่พ้น
“สิเป็นไรไหม”อุมานิกาถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก
“ไม่ ไม่เป็นไร”สิมันตราหันมามองอุมานิกาด้วยสีหน้าซีดเผือด
“แต่สิหน้าซีด ไปนั่งก่อนเถอะ”อุมานิกาพยุงเพื่อนให้เดินไปนั่ง
ขณะที่สุเรนและภูผาได้เดินมาดูอาการของสิมันตราอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปสิ”ภูผาถาม
“แค่หน้ามืดเองพี่ภู ไม่เป็นไรหรอก”สิมันตราบอกก่อนจะเงยขึ้นมองสุเรนซึ่งมองมาที่เธอก่อนแล้ว
“มีอะไรกันหรือเปล่า”ภูผามองน้องสาวก่อนจะหันไปมองสุเรนอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ภู”สิมันตรากล่าว ก่อนจะค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้ “สิว่าเราเริ่มประชุมกันเลยดีกว่า”
“จะไหวเหรอ”สุเรนถามอย่างเป็นห่วง
“ไหวค่ะ”เธอยิ้มน้อยๆ
*_____________________________*
ขณะที่ประชุมร่วมกันนั้น สิมันตราดูเหมือนจะเหม่อลอย ไม่มีสมาธิกับงาน
สุเรนซึ่งนั่งอยู่ใกล้หันมามองอย่างเป็นห่วง เพราะมั่นใจว่าสิมันตรามีเรื่องกลุ้มใจ
ขณะที่อุมานิกานั่งอยู่ใกล้ภูผาในฐานะเลขา ทั้งสองนั่งอยู่ฝั่งตรงตรงข้าม จึงสามารถเห็นสายตาของสุเรนที่มองสิมันตราอย่างเป็นห่วง
อุมานิกาบอกไม่ได้ว่าทำไมรู้สึกหน่วงๆ ในใจ ภาพนั้นทำให้เธอรีบหลบตาลงมองเอกสาร เพื่อบังคับตัวเองไม่ให้มองไปยังฝั่งตรงข้าม
“ไม่สบายหรือเปล่า”สุเรนถาม พร้อมทั้งยื่นมือมาแตะหน้าผากสิมันตราอย่างเป็นห่วง
“ไม่ได้ป่วยค่ะ แค่ยังทำใจกับบางอย่างไม่ได้”เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ดังพอจะได้ยินกันแค่เพียงสองคนเท่านั้น “เอาไว้ค่อยคุยกัน แล้วสิจะเล่าให้ฟัง”
“ได้”เขาพยักหน้า ก่อนจะหันมาสนใจกับการประชุมอีกครั้ง
อุมานิกาอดไม่ได้ที่จะแอบมองไป ความใกล้ชิดและสนิทสนมกันของพวกเขา ทำให้เธอได้แต่มองอย่างปวดใจ
บอกไม่ได้ว่าทำไมรู้สึกแบบนั้น ทำไมต้องรู้สึกหึงหวงเขา ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเธอมีสิทธิ์ในตัวเขา
สุเรนเงยหน้าจากเอกสารเมื่อรู้สึกเหมือนโดนจับจ้อง แล้วก็ได้เห็นอุมานิกาที่มองอยู่ก่อนแล้ว
แววตาของเธอเศร้า ตัดพ้อ น้อยใจ สิ่งเหล่านั้นเองที่ทำให้สุเรนหน้าบึ้ง ไม่สบอารมณ์
อุมานิการีบหลบสายตา รู้สึกหน้าชา เมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ
*_____________________________*
หลังจากที่ประชุมกันนานกว่าสามชั่วโมงก็ถึงเวลาพักเที่ยง สุเรนและภูผาจึงพาทีมงานไปทานอาหารที่โรงแรมซึ่งไม่ไกลจากบริษัทมากนัก
สิมันตรายังคงเงียบงัน ไม่ร่าเริงเหมือนทุกวันที่ผ่านมา เพราะยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับความฝันอย่างไม่สร่างซา
“เดี๋ยวตอนกลับบริษัท กลับรถพี่นะ”สุเรนหันมาพูดกับสิมันตรา “แล้วตอนเย็นพี่จะขับไปส่งที่บ้าน”
“เป็นการรบกวนเปล่าๆ ค่ะ สิขับรถไปเองได้”เธอรู้สึกเกรงใจ
“แต่พี่ว่าไม่น่าจะได้นะ ใจคอเลื่อนลอยแบบนี้ ดีไม่ดีจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น”เขาให้เหตุผล “หรือจะกลับบ้านไปพักผ่อนก็ได้นะ ถ้ารู้สึกยังไม่สบายใจก็อย่าเพิ่งไปทำงานเลย”
“ขอบคุณค่ะ แต่สิไหวอยู่ อีกอย่าง ตอนนี้ก็สบายใจขึ้นแล้วด้วย”สิมันตรายิ้มให้
ทั้งสองพูดคุยกันโดยไม่รู้ว่าโดนหลายคนจับตามองอยู่ โดยเฉพาะภูผาและอุมานิกาที่มองไปอย่างไม่คลาดสายตา
สีหน้าของภูผานั้นยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นสุเรนและน้องสาวดูราวกับคู่รัก ทว่า สีหน้าของอุมานิกากลับเศร้าสลด
“ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”อุมานิกาพูดกับเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินจากไป
อุมานิกาสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามเตือนตัวเองให้ทำใจ
ทางด้านภูผามองสุเรนและสิมันตราที่พูดคุยและยิ้มให้กันก็แอบยิ้มไปด้วย
“เทคแคร์กันดีนะ เจ้านาย เลขาคู่นี้”ภูผาแซว
“แล้วไม่ดีใจเหรอที่ฉันดีกับน้องนาย”สุเรนถาม
“ก็ดีไง จะได้มีใครมาดูแลสิแทนฉันซะที ฉันขี้เกียจดูแลน้องสาวคนนี้เต็มทีแล้ว”ภูผากล่าวทีเล่นทีจริง
“พี่ภูอะ”สิมันตราหน้างอ งอนพี่ชาย
“ดูๆ ดูทำหน้าเข้า พี่ล้อเล่นนา”ภูผากล่าว
นั่นเองที่ทำให้สิมันตรายิ้มได้
“ฉันอยากดูแลน้องสาวนาย แล้วก็เต็มใจจะดูแล ถ้านายจะเปิดโอกาสให้”สุเรนพูดเป็นนัยๆ
“เรื่องนั้น ฉันว่านายถามน้องสาวฉันเองดีกว่าว่าจะยอมให้นายดูแลไหม ถ้าเธอโอเค ฉันก็ไม่ว่าอะไร”ภูผาตอบกลับ
สิมันตราหน้าเหวอ เมื่อพี่ชายพูดราวกับจะยกเธอให้สุเรน
“เค้าดูแลตัวเองได้นาพี่ภู”เธอรีบออกตัว
ทางด้านอุมานิกาพยายามสะลัดภาพใบหน้าสุเรนออกจากหัว แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งพยายามจะไม่จำเกี่ยวกับเขาก็ยิ่งเหมือนมันจะยิ่งตอกย้ำให้ไม่ลืม
“ทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับผู้ชายคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก”เธอมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ
“แล้วทำไมต้องรู้สึกแบบนี้”อุมานิกายกมือขึ้นทาบอกด้านซ้าย รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะ
สุเรนได้เดินไปเข้าห้องน้ำ เป็นเวลาเดียวกับที่อุมานิกาเดินออกมาจากห้องน้ำหญิง เธอกำลังเดินกลับไปยังห้องอาหาร แต่เมื่อเลี้ยวตรงหัวมุมก็ได้ชนกับร่างของใครเข้าอย่างจัง
“ขอโทษค่ะ”อุมานิกาเงยหน้าขึ้นมอง และได้เห็นใบหน้าสุเรนในระยะใกล้ “เอ่อ ..”
“ ..”เขานิ่ง เงียบ ไม่พูดอะไร ไม่มีแม้คำขอโทษ
อุมานิกาถอยเท้าออกมา เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกัน
นั่นเองที่ทำให้สุเรนสามารถเดินผ่านเธอไปอย่างสะดวก เขาเดินจากไปอย่างไม่ไยดี ราวกับเธอไม่มีตัวตนในสายตา
อุมานิกาหันกลับไปมองร่างที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยความรวดร้าว ก่อนจะตัดใจ แล้วหันกลับมา จากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องอาหาร
*_____________________________*
สิมันตรานั่งรถสุเรนกลับไปยังบริษัทของเขา ท่าทีเหม่อลอยของเธอทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ สามารถเล่าให้พี่ฟังได้นะ แต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร”สุเรนกล่าว
“สิมีเรื่องที่สงสัย และคิดว่าพี่เรนน่าจะให้คำตอบได้”สิมันตราพูด พร้อมทั้งหันมามองเขา
“ถ้าให้เดา เกี่ยวกับเรื่องอดีตชาติของสิใช่ไหม”สุเรนพอจะรู้ว่าเธอคิดอะไร
“ค่ะ สิมีคำถามที่ต้องการคำตอบ”สิมันตรามองเขานิ่ง “สิฝันว่า เคยเอายาพิษให้อุ้มดื่ม”
“หมายถึงอุมานิกานะเหรอ”เขาถอนหายใจหนักหน่วง
“ค่ะ”เธอพยักหน้า “อุ้มมีอดีตที่เกี่ยวพันกับสิมาตั้งแต่ชาติปางก่อนใช่ไหม”
“อืม”สุเรนพยักหน้ารับ โดยที่ไม่ได้หันมามองเจ้าของคำถาม สายตาเขามองไปยังถนนเบื้องหน้า
“พี่เรนเองก็รู้จักอุมานิกาใช่ไหม”สิมันตราถามต่อ
“ใช่”เขาตอบรับตามตรง
นั่นเองที่ทำให้เธอนิ่งเงียบ ครุ่นคิดประติดประต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน
“แล้วสิล่ะคะ สิตายยังไง”สิมันตราราวกับถามตัวเองมากกว่า “บางคำถามพี่เรนก็ไม่จำเป็นต้องตอบนะคะ เพราะบางคำถามสิแค่สงสัย แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆ”
“แล้วคำถามนี้ จะให้พี่ตอบไหม”สุเรนใคร่รู้
“ไม่ค่ะ สิก็แค่นึกสงสัยขึ้นมา แต่ไม่อยากได้คำตอบจริงๆ”เธอถอนหายใจ “เพราะในหลายๆ ครั้ง สิกลัวคำตอบที่จะได้รับ”
“ด้วยเหตุนี้ใช่ไหม เลยไม่ยอมตั้งจิตระลึกชาติ”เขาถามต่อ
“การระลึกชาติ เป็นสิ่งสุดท้ายที่สิจะทำ แค่ความฝันที่คอยหลอกหลอนอยู่ทุกวันนี้ ก็ทำให้สิกลัวเต็มทีแล้ว”สิมันตราสีหน้าเคร่งเครียด ไม่อยากรับรู้เรื่องราวที่เคยผ่านมา “คนเราไม่ควรยึดติดกับอดีต”
“คิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว”สุเรนหันมายิ้มให้ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือข้างหนึ่งมาจับมือเธอไว้
สิมันตราจะดึงมือกลับก็กลัวจะเป็นการเสียมารยาท จึงปล่อยให้เขาจับมือไว้อย่างนั้น
“มาเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะ ปล่อยในอดีตเป็นแค่เพียงอดีตที่ผ่านพ้นไป”สุเรนมองสบตาเธอ
“ค่ะ”สิมันตรายิ้มน้อยๆ
*_____________________________*
ค่ำคืนนั้นเองที่อุมานิกาได้ฝันถึงสุเรน ซึ่งในความฝันนั้นแตกต่างจากความเป็นจริงที่เธอได้พบเจอกัน
ในความเป็นจริงนั้นเขาแทบจะไม่เหลียวหันมามองเธอด้วยซ้ำ ทว่า ในความฝัน เธอกลับฝันว่ากำลังแต่งงานกับเขา
ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม มีความสุขกับงานวิวาห์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอที่ดูเหมือนจะไม่ได้ยินดีกับการแต่งงานสักเท่าไหร่
สายตาของอุมานิกามองเลยผ่านเจ้าบ่าวของตัวเอง ไปมองยังชายอีกคนที่กำลังเดินเคียงคู่มากับหญิงอีกนาง
อุมานิกามองสดายุที่เดินมาพร้อมกับสิมันตรา ในฐานะรัชทายาทและพระชายา
“เสด็จพี่”สุเรนยิ้มให้พี่ชายตัวเอง
“ดีใจด้วยนะ”สดายุพูดกับน้องชาย ขณะที่สายตามองไปยังเจ้าสาวราวกับตัดพ้อนาง
อุมานิกาหลบสายตามองต่ำ ไม่กล้าสบตาคมกล้าที่มองมาราวกับการตำหนินั้น
“เจ้าสาวของท่านสวยสมคำเล่าลือจริงเชียว”สิมันตรายิ้มให้คู่บ่าวสาว
“ขอบพระทัยพระชายา”สุเรนยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ
“ฉิมพลียินดีต้อนรับ”สิมันตราพูดกับอุมานิกา
“ขอบพระทัยเพคะ”เจ้าสาวของงานตอบกลับ
“การจากบ้านจากเมืองมาไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ข้าเองก็ไม่ใช่ชาวนครฉิมพลีตั้งแต่แรกเริ่มเช่นกัน”สิมันตราให้กำลังใจอีกฝ่าย เพราะเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกัน
“เพคะ”อุมานิกายิ้มน้อยๆ