ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30678635
ตอนที่ 2
“ผมขอร้องนะวีผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วผมอยู่โดยขาดไลล่าไม่ได้ผมขอร้อง” ร่างสูงทรุดลงกับพื้นคุกเข่าลงตรงหน้า
“ที่แท้ก็มีคนไปส่งบ้านอยู่แล้วถึงได้ทำหน้าเหมือนยักษ์ท้องผูกตอนที่บอกจะรอ ก็บอกมาซะตั้งแต่แรกว่าแฟนจะมาด้วยซะก็หมดเรื่อง” บ่นอย่างหงุดหงิดและกระชากรถออกไปทันที
ฝ่ายหญิงสาวที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาก็อึดอัดใจเหลือกำลังกับเหตุการณ์ตรงหน้า ‘เฮ้อวันนี้มันวันอะไรเนี่ย’ ใจอยากจะช่วยชายหนุ่มตรงหน้าแต่ด้วยสัญญาที่ให้กับเพื่อนสนิทสาวไว้จึงจำใจต้องโกหก
“เอมิล คุณลุกขึ้นเถอะต่อให้คุณคุกเข่าจนตายชั้นก็บอกคุณไม่ได้ว่าไลล่าอยู่ที่ไหน เพราะหนึ่งชั้นผิดสัญญากับเพื่อนไม่ได้และสองชั้นไม่รู้จริง ๆ ว่าไลล่าอยู่ที่ไหนตอนนี้” หญิงสาวจ้องเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่บัดนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการที่คนรักหายไปหลังจากทะเลาะกันด้วยเรื่องที่เปราะบางเหลือเกินสำหรับผู้หญิง
“เชื่อชั้นนะ คุณลุกขึ้นแล้วเรามาคุยกันดี ๆ ชั้นอาจจะช่วยให้คุณได้คุยกับไลล่าได้บ้างแต่เรื่องที่ล่าอยู่ที่ไหนคุณคงต้องใช้ความสามารถของคุณเองเพราะชั้นเองก็จนปัญญา คราวนี้ยัยล่าโกรธจริงแถมยังกลัวชั้นกับนิคหลุดปากบอกคุณเรื่องที่ว่าล่าอยู่ที่ไหนถึงไม่ยอมปริปากบอกชั้นกับนิคเลย”
“แล้วผมต้องทำยังล่ะวี” ชายหนุ่มถามอย่างอ่อนระโหย
“ยัยล่าจะโทรหาชั้นทุกวันพุธกับศุกร์จะโทรเข้าบ้านเท่านั้นเพราะกลัวว่าคุณจะดักฟังโทรศัพท์ชั้นกับนิคเพราะฉะนั้นคุณจะต้องแวะไปที่บ้านชั้นวันพุธกับศุกร์ประมาณบ่ายสามแล้วชั้นจะเปิดสปีคเกอร์ให้คุณฟังตกลงมั้ย”
“ขอบคุณมากนะวี ขอบคุณจริง ๆ” ชายหนุ่มกระโดดตัวลอยพร้อมคว้าเอาหญิงสาวไปกอดไว้อย่างขอบคุณ หญิงสาวได้แต่ยิ้มแหย ๆ ให้เพราะหวังว่าวิธีนี้จะทำให้เพื่อนของเธอกลับมามีความสุขอีกครั้งและก็หวังว่าเพื่อนรักจะไม่โกรธเธอหลังจากนี้
ปวีร์แยกกับเอมิลหลังจากตกลงนัดหมายกันเรื่องเวลาที่ไลล่าจะโทรศัพท์มาหาเธอและช่วงเวลาไหนที่ชายหนุ่มจะสามารถแวะมาที่บ้านเธอได้ก็แยกย้ายกัน หญิงสาวเคลียร์งานที่ได้รับวันนี้เรียบร้อยจึงเดินออกมาตามหาสารถีจำเป็นที่กำลังรอรับเธออยู่หากเดินตามหาอยู่พักใหญ่ ๆ ก็ไม่พบจึงไปสอบถามจากพนักงานของโรงแรมและได้รับคำตอบที่ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงคำว่าน้อยใจที่แล่นขึ้นมาจุกอยู่คอหากเธอก็กดความรู้สึกนั้นเก็บไว้และเปลี่ยนเป็นความโกรธคนไม่มีความรับผิดชอบและไม่รักษาคำพูดแทน หญิงสาวเริ่มลังเลว่าจะกลับบ้านเช่นไรในสภาพเสื้อผ้าที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการนั่งแท็กซี่ยามค่ำคืนโดยสิ้นเชิง หญิงสาวดูเวลาอีกครั้งใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกทีแต่เธอก็ยังไม่สามารถหาทางออกในการกลับบ้านให้ตัวเองได้ จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะนั่งอยู่ที่โรงแรมจนกว่าจะเช้าแล้วค่อยกลับก็บังเอิญเจอคนรู้จักพอดี
“น้องชุบ”
“อ้าวคุณภาคย์ มาทำอะไรที่นี่คะ” หญิงสาวยกมือไหว้คนตรงหน้า
“มางานแต่งงานเพื่อนน่ะกำลังจะกลับบ้านพอดีแล้วชุบล่ะมางานหาทุนเหรอพี่เห็นป้ายหน้าโรงแรมบอก” ภาคย์ อินทรลักษณ์ บุตรคนที่สองของบ้านอินทรลักษณ์และเป็นพี่ชายคนเดียวของนายภูมินทร์ถามขึ้นพลางพิศมองร่างอวบอิ่มของคนตรงหน้าที่ดูผิดตาไปจากเคย ‘สวยอย่างที่คุณชนิดาและภาวินี’ มารดาและพี่สาวบอกไว้ไม่มีผิดว่าปวีร์เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่ไม่ชอบทำตัวเด่นดังแต่หากวันไหนลูกเป็ดอยากสวยขึ้นมาละก็หงส์ก็หงส์เถอะชิดซ้ายตกขอบไปเลยทีเดียว
“แล้วนี่กลับยังไงล่ะน้องชุบ” ภาคย์ถามขึ้นอย่างใจดีด้วยรู้ว่าเจ้าดำของหญิงสาวนั้นมักจะเกเรเสมอ
“กำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะกลับยังไงดี” หัวเราะเสียงแห้งพลางตอบ
“อ้าวแล้วตอนมามายังไงล่ะ แล้วอย่าบอกนะว่าจะกลับแท็กซี่อันตรายตายเลย” ภาคย์เสียงดังทันทีเมื่อคิดว่าหญิงสาวจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านด้วยชุดที่เจ้าตัวใส่มางานในวันนี้มันเปิดเผยรูปร่างให้เห็นมากเกินกว่าที่จะปลอดภัยหากไปไหนมาไหนคนเดียว
“คือพอดีเพื่อนที่มาส่งเค้ากลับไปก่อนแล้วไม่บอกน่ะค่ะ ชุบเองก็ไม่อยากกลับแท็กซี่ด้วยชุดนี้เลยว่าจะนั่งรออยู่ที่นี่พอเช้าแล้วค่อยกลับค่ะ” หญิงสาวตอบไปด้วยเห็นว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คิดได้และไม่อยากเอ่ยถึงน้องชายของคนตรงหน้าให้ขุ่นเคืองใจอีก
“จะอยู่รอที่นี่จนเช้า คิดได้ไงเนี่ยเรา รู้ว่าเพี้ยนแต่ไม่คิดว่าจะเพี้ยนขนาดนี้ ไป ๆ กลับไปกับพี่เดี๋ยวแวะไปส่งยังไงก็ต้องผ่านบ้านเราอยู่แล้ว” ภาคย์บอกหญิงสาวที่เค้าให้ความเอ็นดูมาแต่ไหนแต่ไรยิ่งเห็นเจ้าตัวยิ้มยิงฟันสวยราวกับว่าเค้าเพิ่งสอยดาวทั้งฟ้าลงมาให้ก็อยากหัวเราะเป็นกำลังหากเพียงแค่ส่งยิ้มและส่งแขนให้หญิงสาวควง
“ไปขอควงหน่อยนาน ๆ ลูกชุบจะแต่งสวยพี่จะได้อวดคนแถวนี้ให้อิจฉาเล่น”
หญิงสาวหัวเราะให้กับคำพูดและท่าทางของคนตรงหน้าและยอมวางมือลงบนท่อนแขนแข็งแรงนั้นอย่างยินดี สองร่างที่ดูแล้วเหมาะสมกันเดินหัวเราะพูดคุยกันไปจนสุดทาง ภาคย์พาหญิงสาวมาส่งที่บ้านพร้อมรับปากว่าจะส่งคนมาดูเจ้าดำให้หล่อนในวันรุ่งขึ้นก่อนจะขอตัวขับรถออกไป
ร่างสูงของใครบางคนนอนหลับคาหนังสือรถยนต์อยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นทำให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ถึงกับส่ายหน้ากับภาพตรงหน้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีภูมินทร์ก็ไม่เคยเปลี่ยน เวลาถูกมารดาเอ็ดทีไรก็จะมานอนกินขนมน้ำอัดลมและเล่นเกมหรืออ่านหนังสือการ์ตูนรอเค้าจนหลับไปทุกครั้ง ‘ไม่โตจริง ๆ’
“ภูมิ...ภูมิ” มือใหญ่เขย่าร่างน้องชายเบา ๆ เพื่อปลุกให้ผู้ใหญ่ในร่างเด็กไปนอนในห้อง
“ฮื้อ ... ขอนอนอีกหน่อยนะครับแม่” ร่างสูงขยับหนีมือที่เขย่าตัวพลางส่งเสียงออดอ้อนหากมือที่ตีลงมาอย่างไม่ปราณีพร้อมเสียงเรียกทำให้ร่างที่ยังคงยืดตัวยาวหลับอยู่สะดุ้งขึ้นนั่งทันที
“เจ้าภูมิตื่น”
“โอ๊ยพี่ภาคย์ตีมาได้ตกใจหมด” ยกมือเสยผมที่ยุ่งเหยิงพร้อมกับโอดครวญ
“มานอนทำอะไรตรงนี้ โตจนไปครูบาอาจารย์แล้วนะเราน่ะทำไมยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ อยู่ได้”
“ก็คุณแม่อ่ะสิ เรียกผมให้กลับบ้านแล้วก็เอาแต่บ่น ๆ ๆ จนผมสลบคาโซฟาเลยไง”
“คุณแม่บ่นเรื่องอะไรอีกล่ะ เรื่องไม่กลับบ้าน กลับบ้านดึกหรือเรื่องที่เปลี่ยนสาว ๆ ไม่ซ้ำหน้า” ภาคย์ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามน้องชายคนเล็กที่มักไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตาเพราะเจ้าตัวมักหนีไปนอนที่คอนโดในเมืองหรือบางทีก็กลับบ้านดึกดื่นเกินเวลาปกติ
“ก็ทั้งหมดนั่นแหล่ะครับ” ตอบพี่ชายเสียงอ่อย
“เรื่องที่นอนคอนโดคุณแม่ไม่น่าจะว่านะเพราะยังไงซะมันก็ใกล้มหาวิทยาลัยนายมากกว่าบ้านเราแต่เรื่องอื่น ๆ เนี่ยพี่ว่าคุณแม่คงเคือง โดยเฉพาะไอ้เรื่องที่นายชอบเปลี่ยนสาว ๆ ในสต๊อกเป็นว่าเล่นมากกว่า” บ่นไม่จริงจังนักด้วยรู้นิสัยผู้ชายด้วยกันดีแม้เค้าจะเจ้าชู้น้อยกว่าน้องชายมากแต่ก็เข้าใจว่าเป็นธรรมดาของชายหนุ่มหน้าตาดีทั่วไปที่มักชอบเสริมความมั่นใจของตนเองด้วยการควงสาวสวยหากเค้าเองก็เห็นด้วยกับมารดาว่าภูมินทร์นั้นออกจะควง’เยอะ’ไปซักหน่อย
“โธ่พี่ภาคย์ผมก็ไม่เคยพาใครมาให้คุณแม่เห็นเลยนะไม่รู้คุณแม่รู้ได้ไง อย่างเรื่องที่รถไฟชนกันเนี่ย” พูดพลางยกน้ำขึ้นดื่มภูมินทร์เป็นผู้ชายที่แปลกประหลาดเพราะไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิดด้วยไม่ชอบหาความสุขกับสติที่ไม่ครบถ้วน
“คุณแม่ไม่เห็นแต่มีสายลับคอยส่งข่าวให้ไง” ภาคย์พูดยิ้ม ๆ
“ใครครับสายลับที่เอาเรื่องของคนอื่นมาพูดอย่างนี้ นิสัยแย่จริง ๆ นี่คงจะเห็นแก่เงินจนไม่มีสามัญสำนึกเอาเรื่องของคนอื่นมาขายอย่าให้รู้นะว่าเป็นใครผมจะเอาให้แสบเลย” ภูมินทร์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางนึกอยากรู้ว่าใครกันที่คาบข่าวเรื่องเค้ามารายงานมารดา
“เค้าไม่ได้เห็นแก่เงินหรอก แต่คุณแม่ขอร้องเค้าก็เลยต้องทำจริง ๆ ชั้นว่าเค้าไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของนายซะด้วยซ้ำ”
“พี่พูดเหมือนรู้ว่าใคร” เหล่ตามองพี่ชายอย่างจับพิรุธ
“ไม่ใช่ชั้นหรอกน่า นายก็น่าจะรู้ดีว่าใครเพราะนายก็พาสาว ๆ ของนายไปกินข้าวอยู่ไม่กี่ที่ไม่ใช่เหรอ” เมื่อเห็นพี่ชายหัวเราะเบา ๆ ชายหนุ่มจึงฉุกคิดถึงใบหน้าของใครบางคนที่ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่กับหนุ่มหน้าเข้มที่โรงแรมคืนนี้
“ยายลูกตุ้มน่ะเหรอครับพี่”
“น้องเค้าชื่อลูกชุบนายนี่ทำไมชอบไปเรียกเค้าว่าลูกตุ้มนะก็รู้อยู่ว่าเจ้าตัวเค้าไม่ชอบ แล้วชั้นก็ไม่เห็นเค้าจะตัวใหญ่หรืออ้วนตรงไหนเลย นายเนี่ยปากไม่ดี มิน่าน้องชุบเค้าถึงได้เกลียดขี้หน้า” ส่ายหน้าระอากับความไม่โตของคนตรงหน้าและนิสัยการกินที่แปลกประหลาดอีกอย่างของน้องชายตนเอง
ผูกรักพันใจ ตอนที่ 2//กล้วยฟ้า
ตอนที่ 2
“ผมขอร้องนะวีผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วผมอยู่โดยขาดไลล่าไม่ได้ผมขอร้อง” ร่างสูงทรุดลงกับพื้นคุกเข่าลงตรงหน้า
“ที่แท้ก็มีคนไปส่งบ้านอยู่แล้วถึงได้ทำหน้าเหมือนยักษ์ท้องผูกตอนที่บอกจะรอ ก็บอกมาซะตั้งแต่แรกว่าแฟนจะมาด้วยซะก็หมดเรื่อง” บ่นอย่างหงุดหงิดและกระชากรถออกไปทันที
ฝ่ายหญิงสาวที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาก็อึดอัดใจเหลือกำลังกับเหตุการณ์ตรงหน้า ‘เฮ้อวันนี้มันวันอะไรเนี่ย’ ใจอยากจะช่วยชายหนุ่มตรงหน้าแต่ด้วยสัญญาที่ให้กับเพื่อนสนิทสาวไว้จึงจำใจต้องโกหก
“เอมิล คุณลุกขึ้นเถอะต่อให้คุณคุกเข่าจนตายชั้นก็บอกคุณไม่ได้ว่าไลล่าอยู่ที่ไหน เพราะหนึ่งชั้นผิดสัญญากับเพื่อนไม่ได้และสองชั้นไม่รู้จริง ๆ ว่าไลล่าอยู่ที่ไหนตอนนี้” หญิงสาวจ้องเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่บัดนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการที่คนรักหายไปหลังจากทะเลาะกันด้วยเรื่องที่เปราะบางเหลือเกินสำหรับผู้หญิง
“เชื่อชั้นนะ คุณลุกขึ้นแล้วเรามาคุยกันดี ๆ ชั้นอาจจะช่วยให้คุณได้คุยกับไลล่าได้บ้างแต่เรื่องที่ล่าอยู่ที่ไหนคุณคงต้องใช้ความสามารถของคุณเองเพราะชั้นเองก็จนปัญญา คราวนี้ยัยล่าโกรธจริงแถมยังกลัวชั้นกับนิคหลุดปากบอกคุณเรื่องที่ว่าล่าอยู่ที่ไหนถึงไม่ยอมปริปากบอกชั้นกับนิคเลย”
“แล้วผมต้องทำยังล่ะวี” ชายหนุ่มถามอย่างอ่อนระโหย
“ยัยล่าจะโทรหาชั้นทุกวันพุธกับศุกร์จะโทรเข้าบ้านเท่านั้นเพราะกลัวว่าคุณจะดักฟังโทรศัพท์ชั้นกับนิคเพราะฉะนั้นคุณจะต้องแวะไปที่บ้านชั้นวันพุธกับศุกร์ประมาณบ่ายสามแล้วชั้นจะเปิดสปีคเกอร์ให้คุณฟังตกลงมั้ย”
“ขอบคุณมากนะวี ขอบคุณจริง ๆ” ชายหนุ่มกระโดดตัวลอยพร้อมคว้าเอาหญิงสาวไปกอดไว้อย่างขอบคุณ หญิงสาวได้แต่ยิ้มแหย ๆ ให้เพราะหวังว่าวิธีนี้จะทำให้เพื่อนของเธอกลับมามีความสุขอีกครั้งและก็หวังว่าเพื่อนรักจะไม่โกรธเธอหลังจากนี้
ปวีร์แยกกับเอมิลหลังจากตกลงนัดหมายกันเรื่องเวลาที่ไลล่าจะโทรศัพท์มาหาเธอและช่วงเวลาไหนที่ชายหนุ่มจะสามารถแวะมาที่บ้านเธอได้ก็แยกย้ายกัน หญิงสาวเคลียร์งานที่ได้รับวันนี้เรียบร้อยจึงเดินออกมาตามหาสารถีจำเป็นที่กำลังรอรับเธออยู่หากเดินตามหาอยู่พักใหญ่ ๆ ก็ไม่พบจึงไปสอบถามจากพนักงานของโรงแรมและได้รับคำตอบที่ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงคำว่าน้อยใจที่แล่นขึ้นมาจุกอยู่คอหากเธอก็กดความรู้สึกนั้นเก็บไว้และเปลี่ยนเป็นความโกรธคนไม่มีความรับผิดชอบและไม่รักษาคำพูดแทน หญิงสาวเริ่มลังเลว่าจะกลับบ้านเช่นไรในสภาพเสื้อผ้าที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการนั่งแท็กซี่ยามค่ำคืนโดยสิ้นเชิง หญิงสาวดูเวลาอีกครั้งใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกทีแต่เธอก็ยังไม่สามารถหาทางออกในการกลับบ้านให้ตัวเองได้ จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะนั่งอยู่ที่โรงแรมจนกว่าจะเช้าแล้วค่อยกลับก็บังเอิญเจอคนรู้จักพอดี
“น้องชุบ”
“อ้าวคุณภาคย์ มาทำอะไรที่นี่คะ” หญิงสาวยกมือไหว้คนตรงหน้า
“มางานแต่งงานเพื่อนน่ะกำลังจะกลับบ้านพอดีแล้วชุบล่ะมางานหาทุนเหรอพี่เห็นป้ายหน้าโรงแรมบอก” ภาคย์ อินทรลักษณ์ บุตรคนที่สองของบ้านอินทรลักษณ์และเป็นพี่ชายคนเดียวของนายภูมินทร์ถามขึ้นพลางพิศมองร่างอวบอิ่มของคนตรงหน้าที่ดูผิดตาไปจากเคย ‘สวยอย่างที่คุณชนิดาและภาวินี’ มารดาและพี่สาวบอกไว้ไม่มีผิดว่าปวีร์เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่ไม่ชอบทำตัวเด่นดังแต่หากวันไหนลูกเป็ดอยากสวยขึ้นมาละก็หงส์ก็หงส์เถอะชิดซ้ายตกขอบไปเลยทีเดียว
“แล้วนี่กลับยังไงล่ะน้องชุบ” ภาคย์ถามขึ้นอย่างใจดีด้วยรู้ว่าเจ้าดำของหญิงสาวนั้นมักจะเกเรเสมอ
“กำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะกลับยังไงดี” หัวเราะเสียงแห้งพลางตอบ
“อ้าวแล้วตอนมามายังไงล่ะ แล้วอย่าบอกนะว่าจะกลับแท็กซี่อันตรายตายเลย” ภาคย์เสียงดังทันทีเมื่อคิดว่าหญิงสาวจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านด้วยชุดที่เจ้าตัวใส่มางานในวันนี้มันเปิดเผยรูปร่างให้เห็นมากเกินกว่าที่จะปลอดภัยหากไปไหนมาไหนคนเดียว
“คือพอดีเพื่อนที่มาส่งเค้ากลับไปก่อนแล้วไม่บอกน่ะค่ะ ชุบเองก็ไม่อยากกลับแท็กซี่ด้วยชุดนี้เลยว่าจะนั่งรออยู่ที่นี่พอเช้าแล้วค่อยกลับค่ะ” หญิงสาวตอบไปด้วยเห็นว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คิดได้และไม่อยากเอ่ยถึงน้องชายของคนตรงหน้าให้ขุ่นเคืองใจอีก
“จะอยู่รอที่นี่จนเช้า คิดได้ไงเนี่ยเรา รู้ว่าเพี้ยนแต่ไม่คิดว่าจะเพี้ยนขนาดนี้ ไป ๆ กลับไปกับพี่เดี๋ยวแวะไปส่งยังไงก็ต้องผ่านบ้านเราอยู่แล้ว” ภาคย์บอกหญิงสาวที่เค้าให้ความเอ็นดูมาแต่ไหนแต่ไรยิ่งเห็นเจ้าตัวยิ้มยิงฟันสวยราวกับว่าเค้าเพิ่งสอยดาวทั้งฟ้าลงมาให้ก็อยากหัวเราะเป็นกำลังหากเพียงแค่ส่งยิ้มและส่งแขนให้หญิงสาวควง
“ไปขอควงหน่อยนาน ๆ ลูกชุบจะแต่งสวยพี่จะได้อวดคนแถวนี้ให้อิจฉาเล่น”
หญิงสาวหัวเราะให้กับคำพูดและท่าทางของคนตรงหน้าและยอมวางมือลงบนท่อนแขนแข็งแรงนั้นอย่างยินดี สองร่างที่ดูแล้วเหมาะสมกันเดินหัวเราะพูดคุยกันไปจนสุดทาง ภาคย์พาหญิงสาวมาส่งที่บ้านพร้อมรับปากว่าจะส่งคนมาดูเจ้าดำให้หล่อนในวันรุ่งขึ้นก่อนจะขอตัวขับรถออกไป
ร่างสูงของใครบางคนนอนหลับคาหนังสือรถยนต์อยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นทำให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ถึงกับส่ายหน้ากับภาพตรงหน้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีภูมินทร์ก็ไม่เคยเปลี่ยน เวลาถูกมารดาเอ็ดทีไรก็จะมานอนกินขนมน้ำอัดลมและเล่นเกมหรืออ่านหนังสือการ์ตูนรอเค้าจนหลับไปทุกครั้ง ‘ไม่โตจริง ๆ’
“ภูมิ...ภูมิ” มือใหญ่เขย่าร่างน้องชายเบา ๆ เพื่อปลุกให้ผู้ใหญ่ในร่างเด็กไปนอนในห้อง
“ฮื้อ ... ขอนอนอีกหน่อยนะครับแม่” ร่างสูงขยับหนีมือที่เขย่าตัวพลางส่งเสียงออดอ้อนหากมือที่ตีลงมาอย่างไม่ปราณีพร้อมเสียงเรียกทำให้ร่างที่ยังคงยืดตัวยาวหลับอยู่สะดุ้งขึ้นนั่งทันที
“เจ้าภูมิตื่น”
“โอ๊ยพี่ภาคย์ตีมาได้ตกใจหมด” ยกมือเสยผมที่ยุ่งเหยิงพร้อมกับโอดครวญ
“มานอนทำอะไรตรงนี้ โตจนไปครูบาอาจารย์แล้วนะเราน่ะทำไมยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ อยู่ได้”
“ก็คุณแม่อ่ะสิ เรียกผมให้กลับบ้านแล้วก็เอาแต่บ่น ๆ ๆ จนผมสลบคาโซฟาเลยไง”
“คุณแม่บ่นเรื่องอะไรอีกล่ะ เรื่องไม่กลับบ้าน กลับบ้านดึกหรือเรื่องที่เปลี่ยนสาว ๆ ไม่ซ้ำหน้า” ภาคย์ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามน้องชายคนเล็กที่มักไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตาเพราะเจ้าตัวมักหนีไปนอนที่คอนโดในเมืองหรือบางทีก็กลับบ้านดึกดื่นเกินเวลาปกติ
“ก็ทั้งหมดนั่นแหล่ะครับ” ตอบพี่ชายเสียงอ่อย
“เรื่องที่นอนคอนโดคุณแม่ไม่น่าจะว่านะเพราะยังไงซะมันก็ใกล้มหาวิทยาลัยนายมากกว่าบ้านเราแต่เรื่องอื่น ๆ เนี่ยพี่ว่าคุณแม่คงเคือง โดยเฉพาะไอ้เรื่องที่นายชอบเปลี่ยนสาว ๆ ในสต๊อกเป็นว่าเล่นมากกว่า” บ่นไม่จริงจังนักด้วยรู้นิสัยผู้ชายด้วยกันดีแม้เค้าจะเจ้าชู้น้อยกว่าน้องชายมากแต่ก็เข้าใจว่าเป็นธรรมดาของชายหนุ่มหน้าตาดีทั่วไปที่มักชอบเสริมความมั่นใจของตนเองด้วยการควงสาวสวยหากเค้าเองก็เห็นด้วยกับมารดาว่าภูมินทร์นั้นออกจะควง’เยอะ’ไปซักหน่อย
“โธ่พี่ภาคย์ผมก็ไม่เคยพาใครมาให้คุณแม่เห็นเลยนะไม่รู้คุณแม่รู้ได้ไง อย่างเรื่องที่รถไฟชนกันเนี่ย” พูดพลางยกน้ำขึ้นดื่มภูมินทร์เป็นผู้ชายที่แปลกประหลาดเพราะไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิดด้วยไม่ชอบหาความสุขกับสติที่ไม่ครบถ้วน
“คุณแม่ไม่เห็นแต่มีสายลับคอยส่งข่าวให้ไง” ภาคย์พูดยิ้ม ๆ
“ใครครับสายลับที่เอาเรื่องของคนอื่นมาพูดอย่างนี้ นิสัยแย่จริง ๆ นี่คงจะเห็นแก่เงินจนไม่มีสามัญสำนึกเอาเรื่องของคนอื่นมาขายอย่าให้รู้นะว่าเป็นใครผมจะเอาให้แสบเลย” ภูมินทร์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางนึกอยากรู้ว่าใครกันที่คาบข่าวเรื่องเค้ามารายงานมารดา
“เค้าไม่ได้เห็นแก่เงินหรอก แต่คุณแม่ขอร้องเค้าก็เลยต้องทำจริง ๆ ชั้นว่าเค้าไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของนายซะด้วยซ้ำ”
“พี่พูดเหมือนรู้ว่าใคร” เหล่ตามองพี่ชายอย่างจับพิรุธ
“ไม่ใช่ชั้นหรอกน่า นายก็น่าจะรู้ดีว่าใครเพราะนายก็พาสาว ๆ ของนายไปกินข้าวอยู่ไม่กี่ที่ไม่ใช่เหรอ” เมื่อเห็นพี่ชายหัวเราะเบา ๆ ชายหนุ่มจึงฉุกคิดถึงใบหน้าของใครบางคนที่ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่กับหนุ่มหน้าเข้มที่โรงแรมคืนนี้
“ยายลูกตุ้มน่ะเหรอครับพี่”
“น้องเค้าชื่อลูกชุบนายนี่ทำไมชอบไปเรียกเค้าว่าลูกตุ้มนะก็รู้อยู่ว่าเจ้าตัวเค้าไม่ชอบ แล้วชั้นก็ไม่เห็นเค้าจะตัวใหญ่หรืออ้วนตรงไหนเลย นายเนี่ยปากไม่ดี มิน่าน้องชุบเค้าถึงได้เกลียดขี้หน้า” ส่ายหน้าระอากับความไม่โตของคนตรงหน้าและนิสัยการกินที่แปลกประหลาดอีกอย่างของน้องชายตนเอง