สัมผัสมนตรา... บทนำ

กระทู้สนทนา

สัมผัสมนตรา

เธอ.. ความแค้นเท่านั้นนำพาให้เดินเข้าหา
เขา.. ความเฉยชาต้องหลอมละลายอีกครั้งเมื่อพบเธอ
เมื่อพลังมนตราไม่อาจช่วยให้บรรลุเป้าหมาย จะทำอย่างไรกับแค้นนี้ที่ฝังตรึง







..............................................................................................................................................







บทนำ




                            “ฉันอยากเป็นคนรักของนาย จะได้ไหม..”

                           ร่างเพรียวสูงราวร้อยหกสิบเจ็ดเซนติเมตร ดวงตากลมโต ผมดำเงางามยาวสลวยระดับเอวกางเกงยีนส์สีซีด สวมเชิ้ตขาวผูกชายเสื้อโชว์เอวอ้อนแอ้นขาวนวล ก้าวเดินมาดมั่นฝ่ากำแพงหญิงสาวบริเวณนั้นซึ่งกำลังห้อมล้อมชายหนุ่มดูเหมือนจะคลั่งไคล้อย่างหนักราวกับเขามีชื่อเสียงไม่แพ้พระเอกหนังดังฮอลลีวูด นัยน์ตาสีนิลส่อแววประหลาดใจชั่วครู่ก่อนกลับมาเฉยชาตามเดิม เสมองทางอื่นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคล้ายเธอคนนั้นไร้ตัวตน

                           “ตอบหน่อยสิว่าได้ไหม..”

                           อีกครั้งที่เสียงหวานแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นดึงความสนใจให้หันกลับมา แต่คราวนี้ไม่เหมือนในครั้งแรก เพราะดวงตาทรงเสน่ห์สีนิลคู่นั้นใช้หางตาเหยียดมองราวกับรังเกียจเธอจับใจ

                           “ไร้สาระ..”

                           มือกำบีบสะกดอารมณ์โกรธเอาไว้ หันมองตามด้านหลังของคนตัวสูงกว่าร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตรผละจากไร้ความใยดี ไม่เคยมีใครหน้าไหนเมินหนีเธอมาก่อน เขามีสิทธิ์อะไรถึงหยามศักดิ์ศรีกันเช่นนี้

                           “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน นายรันติมา อัคคีราศิวาโรฒน์”

                           สายตาแค้นเคืองจ้องมองราวกับเขาเป็นแมลงน่าเกลียด อยากเหยียบขยี้ให้จมดิน แต่คงต้องหยุดความชิงชังไว้เพียงเท่านั้น เนื่องจากเสียงหัวเราะเยาะเย้ยและรังสีความสะใจวิ่งตรงยังเธอ หญิงสาวรอบบริเวณเหยียดยิ้มสมน้ำหน้ามองเธอคล้ายสมเพชที่ทะเล่อทะล่าทำให้ตัวเองหน้าแตกจนหมอไม่รับเย็บ

                           ทว่าคนถูกมองกลับไม่สะทกสะท้านแย้มยิ้มท้าทายสายตาก่อนดีดนิ้วสร้างลมกรรโชก เสื้อผ้าซึ่งมีน้อยชิ้นโบกไหว กระโปรงสั้นโชว์ขาอ่อนพัดเปิดขึ้นแทบถึงชั้นใน ต้องรีบนำมือปิดกุมกันยกใหญ่ เกิดเสียงวี้ดว้ายส่งดัง สร้างความสะใจยิ่งกว่า สายลมสงบลงพร้อมเสียงขำขันดังในลำคอก่อนผละจากไป หัวเราะทีหลังยอมสะใจกว่าเป็นไหนๆ นั่นคือคำนิยามของเธอที่ร่ายมนต์



                           “ดูเธอมุ่งมั่น ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ นะรัน”

                           ร่างเล็กผอมบางในชุดเดรสสีดำ ผมบอบสั้นแค่ต้นคอสีชากลมกลืนเข้ากับนัยน์ตาออกน้ำตาลเข้มพอดิบพอดี ปากนิดจมูกหน่อย ระบายยิ้มระหว่างก้าวตามคนตัวสูงในระยะเกือบขนาบข้าง แต่ดูเหมือนเขาจะทำหูทวนลม ไม่ใส่ใจต่อประโยคที่ได้ยินสักเท่าไหร่ สีหน้ายังวางนิ่งเฉยตามเดิม

                           ด้วยความดูดีเข้าขั้นหล่อเหลา นัยน์ตาคมราวดวงตาเหยี่ยว ผมทรงรากไทรดำสนิทประต้นคอ ไม่แปลกเลยหากจะมีหญิงสาวล้อมหน้าล้อมหลังหรือคิดอยากได้เขาเป็นคู่ควง แต่เธอคนนั้นต่างกับคนอื่น กล้าปั่นป่วนอารมณ์ให้หงุดหงิดได้มากมายเพียงนี้ เธอคงพกความมั่นใจมาเกินตัว ริอาจขอเป็นแฟน ช่างท้าทายสิ้นดี

                           “ไอ้รัน..”

                           ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อถูกใครบางคนยืนขวางเส้นทาง ดวงตาทรงเสน่ห์สีนิลมองคนเบื้องหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา

                           “ถ้าไม่อยากโดนลูกหลง อย่าขวางทางรันดีกว่านะแอล”

                           เสียงใสหลุดขำพลางยกมือปิดปาก ทำชายหนุ่มอีกคนงุนงงไม่เข้าใจประโยคดังกล่าวสักเท่าไหร่ คิ้วเข้มพาดผ่านเหนือดวงตาทรงรีเลิกสูง ส่งสัญญาณต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม ทำให้คาดเดาไม่ออกว่าบุคคลตรงหน้ารู้สึกเช่นไร เพราะเพื่อนสนิทไม่เคยแสดงสีหน้าใดนอกจากนิ่งเฉย แม้ต่อให้โกรธจนลุกเป็นไฟแต่ยังวางตัวเย็นชาเป็นน้ำแข็งขั้วโลกได้ตลอดเวลา นี่คือสิ่งซึ่งคนคุ้นเคยเท่านั้นรู้ดี

                           “อาการแบบนี้.. มีใครทำอะไรให้มันหงุดหงิดอีกล่ะ”

                           “อย่ายุ่งน่า.. หลีกไป”

                           ผู้ซึ่งไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ ยกมือดันร่างคนยืนขวางให้หลบทาง พลางเดินต่อยังรถหรูซึ่งจอดอยู่ใกล้เคียง แอลมองตามเพื่อนตีจาก ไม่เข้าใจสภาพอารมณ์ของเขาเสียเลย มีธุระอยากเจรจาก็หมดโอกาสเพราะเจ้าตัวเดินหนีไปเสียดื้อๆ จำเป็นต้องหันหาที่พึ่งพิงจากคนใกล้ตัว

                           “ซัน.. รู้ใช่ไหมว่าไอ้รันมันเป็นอะไร”

                           “เพราะเธอคนนั้นไง”

                           สองสายตาหันมองตามจุดสนใจ สาวผู้มาดมั่นกำลังตามหาใครสักคนด้วยท่าทางขัดใจ เขย่งกายชะเง้อหาอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ แอลเกิดตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอคนนั้นในสายตา

                           “นั่นมัน..”

                           น้ำเสียงห้าวเอ่ยออกมาราวกับเจอคนรู้จักโดยไม่ได้หันมองคู่สนทนาแต่อย่างใด และยังไม่ทันได้เจรจาต่อ เสียงแตรดังเรียกเตือนให้หญิงสาวเดินตามยังรถยนต์ซึ่งจอดคอยทันที

                           “รันเรียกแล้ว ซันไปก่อนนะ แอลมีเรื่องอะไรก็โทรไปล่ะกัน”

                           “อืม”

                           เขายังคงให้ความสนใจหญิงสาวซึ่งจ้องมองไม่วางตา ต่อให้เธอเปลี่ยนแปลงไป หรือเวลาล่วงเลยผ่านแค่ไหน แต่เขายังคงจดจำได้ดี

                           แอลตัดสินใจก้าวเท้าเดินเข้าหาหญิงสาว และยืนในระยะใกล้ชิดจนมองเห็นความสูงเหลื่อมล้ำ มือยกสะกิดไหล่บอบบางเรียกร้องความสนใจให้เธอหันมา รอยยิ้มทะเล้นส่งให้พลางเก็บมือกอดอกพร้อมเจรจราพูดคุยกับบุคคลตรงหน้า

                           “นายเป็นใคร แล้วเราสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ”

                           “อ้าว! เราไม่รู้จักกันหรอกเหรอ งั้นผมคงจำคนผิด”

                           “แปลกคน..”

                           แอลหลุดขำเมื่อเห็นท่าทางเหนื่อยใจของเธอ ดวงหน้าหวานเบือนหนีคล้ายไม่อยากเสวนากับเขาสักเท่าไหร่ เธอคงแสบเอาเรื่องไม่ใช่เล่นกับลักษณะที่แสดงออกมา ดูไม่เป็นมิตรและคงไม่อยากเสียเวลาข้องแวะกับบุคคลแปลกหน้า

                           “เอางี้.. ในเมื่อเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน งั้นมาเริ่มต้นทำความรู้จักกันดีไหม”

                           ข้อเสนอถูกตั้งขึ้นพร้อมดึงความสนใจให้เธอหันกลับมามองด้วยแววตาข้องใจ ไม่คิดเลยจะเจอคนช่างเซ้าซี้ขัดจังหวะกับการตามหาศัตรูคู่อริ ลมหายใจระบายออกอย่างขัดใจก่อนทำสีหน้าจริงจังตัดบทการสนทนาเสียที

                           “ฉันไม่รู้จักนาย แล้วก็ไม่อยากรู้จักด้วย เพราะฉะนั้นช่วยหลบไปให้พ้นจากสายตาซะที คนกำลังยุ่ง อย่ามาป่วนประสาทจะได้ไหม”

                           “เฮ้! ผมไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทคุณนะ ผมอยากรู้จักคุณจริงๆ แต่ถ้าหากคุณยังไม่ว่าง งั้นไว้โอกาสหน้าก็ได้ ถ้าเราเจอกันอีกครั้ง คุณต้องยอมทำความรู้จักกับผมนะ ตกลงไหม”

                           ริมฝีปากชมพูระเรื่อแค่นยิ้ม ส่ายศีรษะเอือมระอา เบี่ยงกายหลบคนตัวสูงซึ่งยืนขวางทาง ไม่อยากใส่ใจกับใครซึ่งไม่เคยรู้จักมักคุ้น และคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง เธอเชื่ออย่างนั้น

                           แอลมองตามหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนพลางระบายยิ้มน้อยๆ จนร่างบางเดินพ้นสายตา ถึงแม้เธอจะแสดงออกว่าไม่อยากข้องแวะกับเขาเท่าไหร่ แต่สักวันเขาต้องหาทางพบเจอเธอให้ได้อีกครั้งอย่างแน่นอน









เรื่องใหม่เพิ่งเริ่มสดๆ ร้อนๆ จริงๆ ตัวละคร ( รัน กับ ฟาง ) ตั้งไว้ว่าจะเขียนในพล็อตนี้ และยังคิดชื่อเรื่องไม่ออก
พอดีมีเรื่องสั้นคั้นระหว่างทาง เลยยืมชื่อตัวละครไปใช้ซะหน่อย ก็เลยเอาชื่อเรื่องมาผสมผสานกันใหม่
เลยได้ออกมาเป็นสัมผัสมนตรา แหะๆ หากใครได้อ่านสัมผัสรัก คิดซะว่าเป็นรันกับฟางในอนาคตแล้วกันนะ
ยังไม่กำหนดวันเอานิยายมาลงดีกว่าเผื่อปั่นไม่ทัน เรื่องห้วงพันธนาการไฟลนก้นมาก ฮ่าๆ
เอาเป็นว่า ปั่นจบตอนเมื่อไหร่ก็เอามาวางให้เพื่อนๆ อ่านแล้วกันเนอะ..  





แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่