พ่อหมออลเวง ตอนที่๕

กระทู้สนทนา
ลิงค์ตอนที่๑ http://ppantip.com/topic/30107518
ลิงค์ตอนที่๒ http://ppantip.com/topic/30480244
ลิงค์ตอนที่๓ http://ppantip.com/topic/30542963
ลิงค์ตอนที่๔ http://ppantip.com/topic/30608461
____________________________________

ตอนที่ ๕



สัปดาห์นี้ตึกสโมสรนักศึกษาคึกคักเป็นพิเศษ   ไม่ใช่มีนักศึกษาสนใจทำกิจกรรมมากขึ้นแต่เพราะตึกนี้มีหมอดูผู้ถูกกล่าวขวัญไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย   เดิมทีณภัทรเพียงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองวาดฝันไว้จะเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่ที่ไหนได้มันกลับเป็นจริงขึ้นมา   มีคนจองคิวดูดวงแน่นข้ามอาทิตย์   เพียงไม่กี่วันณภัทรก็ได้เงินค่าบูชาครูมาเยอะแยะมากมาย   ถ้ารายได้ดีอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ คงมีเงินพอจ่ายค่าเทอมแสนแพงโดยไม่ต้องพึ่งทุนที่ไปขอจากนางพญาปลวก

หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนภาคเช้าณภัทรและจ้อนก็มาประจำการที่สำนักหมอดู   วันนี้อาจารย์ประจำวิชาภาคบ่ายยกเลิกการเรียนการสอนหนึ่งคาบจึงมีเวลาเหลือเฟือ   ณภัทรบอกให้จ้อนประกาศในสังคมออนไลน์ชวนคนมาดูดวง   ไม่นานผู้คนที่ไม่มีเรียนก็แห่แหนกันมา   เนื่องจากเมื่อวานเรื่องราวของพ่อหมอณภัทรผู้ดูดวงแม่นอย่างกับตาเห็นกลายเป็นกระแสที่มีคนพูดถึงอย่างมากในโลกอินเตอร์เน็ต

วันนี้น่าเบื่อที่สุดเนื่องจากคนที่มาดูดวงต่างถามถึงเรื่องเนื้อคู่ว่าเมื่อไรตนเองจะมีกับเขาบ้าง   แม้ไม่ต้องพึ่งพลังมองทะลุอดีตของมาวินพ่อหมอณภัทรก็พอจะทำนายออก   ก็หล่อน ๆ ทั้งหลายไม่ดูแลรูปลักษณ์ตัวเองเลย   ตามใจปาก   ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนอ้วนแพละเป็นหมูพะโล้ตุ๋นยาจีน   กลิ่นตัวแรงพอ ๆ กับผู้ชายที่เพิ่งไปออกกำลังกายหนัก ๆ มา   ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เคยทำความรู้จักกับหวี   รังแคเกาะกรังเต็มหนังศีรษะ

ณภัทรแนะนำไปว่าให้เจ้าหล่อนทั้งหลายควบคุมอาหาร   ทานผักผลไม้ให้มาก ๆ   ออกกำลังกายบ้างและอาบน้ำรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ   เพียงแค่นี้อาจมีหนุ่ม ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตเจ้าหล่อนบ้าง   ถ้าไม่เลือกมากอีกไม่นานก็คงจะเจอเนื้อคู่สมดั่งใจหวัง
หญิงสาวรายล่าสุดกลับไปพร้อมใบหน้าเบิกบาน   เธอเดินออกไปทางประตูห้องชมรมเป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำเพชรสวนเข้ามาพอดี   แปลกที่วันนี้เห็นเธออยู่ตัวคนเดียว   ปกติตัวจะติดกับมุกลัดดา   จนณภัทรและจ้อนตั้งสมญานามให้มุกลัดดาว่าเป็นคู่หูประจัญบานของน้ำเพชร   ตอนนี้ในห้องชมรมมีเพียงณภัทร   จ้อน   น้ำเพชรและวิญญาณหนุ่มอีกหนึ่งตน

น้ำเพชรเดินเลียบข้าง ๆ ตู้หนังสือใบใหญ่แต่หลิ่วตามองมาทางชายหนุ่มทั้งสอง

“มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง?” ณภัทรถาม

“เปล๊า!” น้ำเพชรแก้ตัวเสียงสูง “ท่าทางไปได้ดีนี่กับอาชีพใหม่ของนาย”

“แน่นอน   ตอนนี้ฉันดังไปทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว   สนใจดูดวงไหมล่ะ?   สำหรับเธอฉันไม่คิดค่าบูชาครูแล้วกัน” ณภัทรคุยโว

“ขอบใจแต่ไม่ต้องการ” น้ำเพชรตอบห้วน ๆ อย่างมะนาวไม่มีน้ำ   หันหลังให้หนุ่มทั้งสองแล้วค้นหนังสือจากชั้น

ณภัทรนึกสนุกหาเรื่องกวนประสาทน้ำเพชร

“ฉันถามเธอจริง ๆ เถอะ   ชื่อเธอนี่หมายถึงสัตว์ตัวไหนเหรอ?”

น้ำเพชรหันกลับมา   จ้องณภัทรอย่างไม่เข้าใจคำถาม   ชื่อน้ำเพชรของเธอไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ได้อย่างไร

“ฉันไม่เข้าใจที่นายถาม”

“ก็เธอชื่อเพ็ทไง   เพ็ทที่แปลว่าสัตว์เลี้ยง”

น้ำเพชรฉุน   เอาเธอไปเปรียบเป็นสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร

“ฉันชื่อเพชรย่ะ   เพชรที่หมายถึงอัญมณีล้ำค่า   ไม่ใช่เพ็ทที่แปลว่าสัตว์เลี้ยงในภาษาอังกฤษ”

“เหรอ... ฉันนึกว่าชื่อเธอหมายถึงแม่หมาเสียอีก   ถึงได้ตามกัดฉันสองคนแบบนี้”

น้ำเพชรยัวะ   ทำตาเขียวเสียงดุใส่ณภัทร

“ถ้าฉันเป็นแม่หมานายก็คงเป็นไอ้ลูกหมาขี้แพ้   คอยดูนะฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อยุบไอ้สำนักหมอดูบ้า ๆ ของนายลงให้จงได้” พูดแล้วน้ำเพชรก็คว้าหนังสือติดมือไป   ก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว   ไม่หันกลับมามองณภัทรอีก

ชายหนุ่มถูกใจหนักหนาที่ทำหญิงสาวอารมณ์เสียแต่เช้าได้   ที่ผ่านมาเวลามีประชุมชมรมเธอมักแย้งความเห็นเขาโดยตลอด   ทำให้บางครั้งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการชมรมนี้   เธอไม่เคยไว้หน้าเขาเลย   นาน ๆ ครั้งได้แกล้งเอาคืนเธอบ้าง   พอให้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้ชนะก็ระบายความอัดอั้นตันอกออกไปได้บ้าง

“เฮ้ยไอ้พัด! แกได้ทุนที่ไปขอด้วยว่ะ   เขาบอกให้ไปรายงานตัวได้ถึงวันนี้ก่อนบ่ายสามโมง” จ้องร้อง   เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่เปิดเว็บไซต์ของสำนักฝ่ายเอกสารมหาวิทยาลัย

“เหรอ... ฉันว่าจะไม่เอาแล้วว่ะ” ณภัทรตอบท่าทีไม่เหลือความสนใจ

“แต่ฉันว่าเอาไว้ก่อนดีกว่านะ   เงินที่แกเก็บจากค่าบูชาครูไว้จ่ายค่าเทอมก็โอนไปช่วยพ่อแม่แกซะ”

ณภัทรครุ่นคิด   ใจจริงก็อยากได้ทุนการศึกษาแล้วเอาเงินเก็บที่มีอยู่ไปจุนเจือครอบครัวอย่างที่เพื่อนแนะนำ   อีกใจก็ไม่อยากกลับไปเยือนรังนางพญาปลวก   ท้ายที่สุดแล้วเขาคงเลือกอย่างแรก   ทนเอาหน่อยณภัทรถึงเวลาที่นายต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่นายแล้ว

ณภัทรวางแผนไว้ว่าเสร็จมื้อกลางวันจะตรงไปที่ตึกฝ่ายเอกสารเพื่อติดต่อเรื่องรับทุน   แต่มีอันต้องเลื่อนไปก่อนเพราะมีลูกค้าไหลมาใช้บริการระรอกสอง   กว่าจะเสร็จงานก็ล่วงเลยกำหนดการมากว่าหนึ่งชั่วโมง   สองหนุ่มรีบร่อนมอเตอร์ไซด์ตัวปลิวไปยังตึกฝ่ายเอกสาร   ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว

จ้อนเห็นสภาพตึกที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าก็สะพรึงเสียวสันหลังวาบ   ไม่ต่างจากตอนณภัทรมาเยือนที่นี่ครั้งแรก   แต่บัดนี้ณภัทรกลับชินชาบรรยากาศเช่นนี้เสียแล้ว   ที่ผ่านมาเขาเผชิญทั้งผีที่ตอนนี้กลายมาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกัน   รับมือกับหมอผีผู้โลภมากมีคาถาอาคมแกร่งกล้า   เจอฝูงกุมารทองหลอกหลอน   รูขุมขนเขามีภูมิต้านทานดีพอ   ไม่ลุกพองง่ายเหมือนแต่ก่อน

“เออ... จริงซิลืมไปเลย   วันนี้ฉันต้องแวะไปเอาของที่บ้าน   แกเข้าไปคนเดียวนะฉันขอตัวก่อน” จ้อนเอ่ยล่ำลาแล้วปลีกตัวหนีออกไปเลย   ไม่รู้เขามีธุระจริง ๆ หรือกลัวจะได้เข้าไปเป็นเพื่อนกันแน่

ตึกแห่งนี้ยังคงความขลังน่ากลัวอยู่เหมือนเดิม   อากาศเย็นแผ่มาโลมเลียผิวบริเวณแขนและคอจนต้องเอาฝ่ามือลูบให้คลายความหนาว   กลิ่นสาบเอกสารเก่า ๆ ไม่เคยจางหายแถมทำท่าจะพังนาสิกประสาทณภัทรเสียให้ได้   ชายหนุ่มเดินมาสุดทางเดินของชั้นสองจนถึงหน้าห้องหัวหน้าฝ่ายเอกสาร   มือขวาเอื้อมไปจับลูกบิดที่เย็นเฉียบดั่งน้ำแข็ง   หมุนแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปข้างในโดยไม่คิดที่จะเคาะประตู
สวัสดีนางพญาปลวก!

สามัญสำนึกบอกณภัทรให้พูดออกไปเช่นนั้นแต่เขาควบคุมไว้ได้   เขาพนมมือแนบอกไหว้หัวหน้าฝ่ายงาม ๆ โค้งตัวสวย ๆ โชคดีที่สมัยประถมคุณครูเคยสอนวิชามารยาทไทย   เขาเอ่ยสวัสดีครับชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงไพเราะเพราะพริ้งทักทายหัวหน้าฝ่าย   ข้าง ๆ กันนั้นบนโต๊ะไม้เก่าหลังใหญ่มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ช่วยพิมพ์ข้อมูลของผู้ได้รับทุนลงในโปรแกรมแทนหัวหน้าฝ่าย   หัวหน้าฝ่ายคงแก่เกินไปที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่   เมื่อเพ่งมองให้ดีก็ถึงบางอ้อว่าผู้ช่วยนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน   เป็นคนที่ณภัทรรู้จักดี   เธอผู้นั้นคือน้ำเพชรประธานชมรมอาสาสมัครเพื่อสังคมนั่นเอง

“นายพัด!” น้ำเพชรทักด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ   หัวหน้าฝ่ายที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองสุมหัวหันมาสนใจหนุ่มสาวทั้งสอง

“อ้าว... รู้จักกันเหรอสองคนนี้”

“เพื่อนที่ชมรมอาสาค่ะคุณยาย”

น่าประหลาดใจ   น้ำเพชรเป็นหลานสาวหัวหน้าฝ่ายเอกสารหรือนี่   จะว่าไปทั้งสองคนก็มีนิสัยคล้ายกันอยู่   ทั้งเจ้ากี้เจ้าการ   ทั้งจริงจังในเรื่องที่ณภัทรคิดว่าไม่เป็นเรื่อง   อีกหน่อยถ้าหัวหน้าฝ่ายลามือจากวงการงานเอกสาร   น้ำเพชรผู้เป็นหลานสาวคงต้องสืบทอดตำแหน่งนางพญาปลวกแทนคุณยายของเธอ

“ผมมาติดต่อเรื่องรับทุนครับ” ณภัทรถามเสียงอ่อย   รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองผิดที่มาไม่ตรงเวลา

“กี่โมงกี่ยามแล้วเธอ   ทำไมไม่ปฏิบัติตามกำหนดการที่แจ้งไว้เหมือนคนอื่นเขาบ้าง   ฉันคงคิดผิดเสียแล้วกระมังที่อนุมัติให้ทุนเธอ   เพียงแค่ความรับผิดชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอยังไม่มี” น้ำเสียงเย็นเยียบของหัวหน้าฝ่ายเยือกแข็งระบบความคิดของณภัทรให้ใช้การไม่ได้   เขาไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร   ได้แต่มองน้ำเพชรที่ปิดปากกลั้นหัวเราะ

“เอ่อ... ผม... คือ...”

หัวหน้าฝ่ายมองมาที่ณภัทรด้วยใบหน้าปลงจิต   พอรู้นิสัยที่แก้ไม่หายของนายคนนี้

“เอาล่ะ ๆ มานั่งกรอกเอกสารตรงนี้” หัวหน้าฝ่ายชี้ให้ณภัทรมานั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน   ยื่นเอกสารเปล่าพร้อมปากกาให้กรอก   ณภัทรเดินมานั่งกรอกเอกสาร   หัวหน้าฝ่ายหันไปจัดการเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า   น้ำเพชรก็พิมพ์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์   ต่างคนต่างทำงานของตนไม่สนใจกัน

จู่ ๆ ไฟทั้งห้องก็ดับพรึบ   ความมืดเข้าครอบงำจนมองไม่เห็นอะไร   ไม่นานก็กลับมาสว่างดังเดิม   สงสัยจะไฟตก   น้ำเพชรหน้าตาตื่นเพราะคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเธอดับลงไปด้วย

“ตายแล้ว   ยังไม่ได้บันทึกเลย   พิมพ์ได้ครึ่งทางแล้วต้องพิมพ์ใหม่ตั้งแต่ต้นเลยเหรอเนี่ย” น้ำเพชรบ่นกระวนกระวาย

“พรุ่งนี้ต้องให้ส่งเจ้าหน้าที่ทะเบียนแล้วซิ   น้ำเพชรพิมพ์ใหม่ให้ยายไหวรึเปล่า”

น้ำเพชรหน้าอิดออด   ณภัทรหันมาสนใจ   ปัญหานี้ไม่ได้ใหญ่โตเกินกำลังอะไร   เขาพอช่วยเหลือได้

“ขอฉันดูหน่อย” พูดแล้วลุกเดินไปหาหญิงสาว   เธอลุกให้เขานั่งแทนที่โดยไม่ต้องให้บอก   เขากดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์   รอเวลาเครื่องบูทไม่นานก็พร้อมใช้งาน   เขาคลิกนั่นคลิกนี่ไม่กี่ทีโปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์ก็กลับมาเหมือนตอนก่อนไฟตก   ข้อมูลที่น้ำเพชรได้กรอกไปยังอยู่ครบถ้วนเหมือนเดิม

“โอ้โห... เหมือนเดิมเปี๊ยบเลย   นึกว่าต้องพิมพ์ใหม่หมดซะแล้ว   ขอบใจนายมากนะ” น้ำเพชรหน้าชื่นนึกว่าคืนนี้ต้องนั่งหลังแข็งพิมพ์สิ่งที่ตัวเองเคยพิมพ์ไปแล้วใหม่อีกรอบ   ณภัทรลุกให้น้ำเพชรกลับมาพิมพ์ต่อ   ส่วนตัวเขากลับไปกรอกเอกสารที่เหลืออยู่อีกไม่กี่ช่อง   เสร็จแล้วก็ส่งคืนพร้อมปากกาให้หัวหน้าฝ่าย   หันมองน้ำเพชรเห็นเธอจิ้มแป้นพิมพ์ทีละตัวอักษรด้วยใบหน้าหน่าย   ชักช้าอย่างนี้พรุ่งนี้เช้าก็พิมพ์ไม่เสร็จ

“ให้ฉันพิมพ์แทนไหม?” ณภัทรกล่าวอาสาน้ำเสียงไม่มีสิ่งใดแอบแฝงพลางเดินมายืนข้าง ๆ เธอ

“ดีเลย   ฉันนั่งพิมพ์มาตั้งแต่บ่ายแล้ว” เธอลุกให้เขาทำหน้าที่แทน   เดินพาร่างกายกระปลกกระเปลี้ยมานั่งที่โซฟา   สะบัดข้อมือและหมุนคอไปมาไล่อาการเมื่อยล้าที่เกาะกุม   ณภัทรมองแล้วยิ้มก่อนจะพรมนิ้วมือลงแป้นพิมพ์ข้อมูลลงโปรแกรมด้วยความเร็วหกสิบคำต่อวินาที

จวนจะหนึ่งทุ่มแล้ว   ณภัทรพิมพ์ข้อมูลของผู้ได้รับทุนใส่โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์เสร็จแล้วทุกราย   ถ้าไม่มีเขาตอนนี้น้ำเพชรคงยังนั่งหลังแข็งพิมพ์ข้อมูลใหม่ตั้งแต่ต้น   แค่โปรแกรมพื้นฐานเธอยังไม่สันทัด   เห็นจะมีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาเหนือกว่าเธอ

“ขอบใจเธอมากนะที่อุตส่าห์ช่วยพิมพ์จนเสร็จ   ถ้าไม่มีเธอมีหวังฉันกับหลานต้องทำงานต่อถึงดึกดื่นเที่ยงคืนแน่” หัวหน้าฝ่ายกล่าวขอบคุณจากใจจริงน้ำเสียงราบเรียบ   ณภัทรนึกติในใจว่าถ้าเขาไม่มาสายสองยายหลายจะได้รับความช่วยเหลือเช่นนี้ไหม   แค่นี้ทำมาเป็นบ่นสั่งสอน

“ให้ฉันเลี้ยงอาหารเย็นตอบแทนเธอสักมื้อนะ   เธอสะดวกไปที่บ้านฉันรึเปล่า?” หัวหน้าฝ่ายเอ่ยชักชวนด้วยน้ำเสียงเย็นชาผิดกับเจตนา

“ไม่เป็นไรครับ   ไม่ต้องถึงขนาดเลี้ยงข้าวหรอกครับ   ที่ผมช่วยเหลือนั้นเล็กน้อยมากไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไร   อีกอย่างท่านก็มีพระคุณต่อผม   ถ้าผมพลาดทุนนี้ไปคงไม่ได้เรียนเทอมนี้แน่”

ณภัทรตอบอย่างเกรงอกเกรงใจ   แท้จริงแล้วเขากลัวที่ต้องไปเยือนบ้านนางพญาปลวกต่างหาก   ที่บ้านของสองยายหลานสภาพคงไม่ต่างจากรังปลวกนี้เท่าไร   คงมีแต่เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า ๆ ประดับตกแต่งเต็มบ้าน   บ้านคงรูปทรงเรือนไทยย้อนยุคเหมือนในละครโทรทัศน์พวกหนังผีทวงแค้นข้ามภพข้ามชาติ   ปฏิเสธไปเสียจะดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่