ลิงค์ตอนที่๑
http://ppantip.com/topic/30107518
ลิงค์ตอนที่๒
http://ppantip.com/topic/30480244
ลิงค์ตอนที่๓
http://ppantip.com/topic/30542963
ลิงค์ตอนที่๔
http://ppantip.com/topic/30608461
____________________________________
ตอนที่ ๕
สัปดาห์นี้ตึกสโมสรนักศึกษาคึกคักเป็นพิเศษ ไม่ใช่มีนักศึกษาสนใจทำกิจกรรมมากขึ้นแต่เพราะตึกนี้มีหมอดูผู้ถูกกล่าวขวัญไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย เดิมทีณภัทรเพียงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองวาดฝันไว้จะเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่ที่ไหนได้มันกลับเป็นจริงขึ้นมา มีคนจองคิวดูดวงแน่นข้ามอาทิตย์ เพียงไม่กี่วันณภัทรก็ได้เงินค่าบูชาครูมาเยอะแยะมากมาย ถ้ารายได้ดีอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ คงมีเงินพอจ่ายค่าเทอมแสนแพงโดยไม่ต้องพึ่งทุนที่ไปขอจากนางพญาปลวก
หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนภาคเช้าณภัทรและจ้อนก็มาประจำการที่สำนักหมอดู วันนี้อาจารย์ประจำวิชาภาคบ่ายยกเลิกการเรียนการสอนหนึ่งคาบจึงมีเวลาเหลือเฟือ ณภัทรบอกให้จ้อนประกาศในสังคมออนไลน์ชวนคนมาดูดวง ไม่นานผู้คนที่ไม่มีเรียนก็แห่แหนกันมา เนื่องจากเมื่อวานเรื่องราวของพ่อหมอณภัทรผู้ดูดวงแม่นอย่างกับตาเห็นกลายเป็นกระแสที่มีคนพูดถึงอย่างมากในโลกอินเตอร์เน็ต
วันนี้น่าเบื่อที่สุดเนื่องจากคนที่มาดูดวงต่างถามถึงเรื่องเนื้อคู่ว่าเมื่อไรตนเองจะมีกับเขาบ้าง แม้ไม่ต้องพึ่งพลังมองทะลุอดีตของมาวินพ่อหมอณภัทรก็พอจะทำนายออก ก็หล่อน ๆ ทั้งหลายไม่ดูแลรูปลักษณ์ตัวเองเลย ตามใจปาก ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนอ้วนแพละเป็นหมูพะโล้ตุ๋นยาจีน กลิ่นตัวแรงพอ ๆ กับผู้ชายที่เพิ่งไปออกกำลังกายหนัก ๆ มา ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เคยทำความรู้จักกับหวี รังแคเกาะกรังเต็มหนังศีรษะ
ณภัทรแนะนำไปว่าให้เจ้าหล่อนทั้งหลายควบคุมอาหาร ทานผักผลไม้ให้มาก ๆ ออกกำลังกายบ้างและอาบน้ำรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงแค่นี้อาจมีหนุ่ม ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตเจ้าหล่อนบ้าง ถ้าไม่เลือกมากอีกไม่นานก็คงจะเจอเนื้อคู่สมดั่งใจหวัง
หญิงสาวรายล่าสุดกลับไปพร้อมใบหน้าเบิกบาน เธอเดินออกไปทางประตูห้องชมรมเป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำเพชรสวนเข้ามาพอดี แปลกที่วันนี้เห็นเธออยู่ตัวคนเดียว ปกติตัวจะติดกับมุกลัดดา จนณภัทรและจ้อนตั้งสมญานามให้มุกลัดดาว่าเป็นคู่หูประจัญบานของน้ำเพชร ตอนนี้ในห้องชมรมมีเพียงณภัทร จ้อน น้ำเพชรและวิญญาณหนุ่มอีกหนึ่งตน
น้ำเพชรเดินเลียบข้าง ๆ ตู้หนังสือใบใหญ่แต่หลิ่วตามองมาทางชายหนุ่มทั้งสอง
“มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง?” ณภัทรถาม
“เปล๊า!” น้ำเพชรแก้ตัวเสียงสูง “ท่าทางไปได้ดีนี่กับอาชีพใหม่ของนาย”
“แน่นอน ตอนนี้ฉันดังไปทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว สนใจดูดวงไหมล่ะ? สำหรับเธอฉันไม่คิดค่าบูชาครูแล้วกัน” ณภัทรคุยโว
“ขอบใจแต่ไม่ต้องการ” น้ำเพชรตอบห้วน ๆ อย่างมะนาวไม่มีน้ำ หันหลังให้หนุ่มทั้งสองแล้วค้นหนังสือจากชั้น
ณภัทรนึกสนุกหาเรื่องกวนประสาทน้ำเพชร
“ฉันถามเธอจริง ๆ เถอะ ชื่อเธอนี่หมายถึงสัตว์ตัวไหนเหรอ?”
น้ำเพชรหันกลับมา จ้องณภัทรอย่างไม่เข้าใจคำถาม ชื่อน้ำเพชรของเธอไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ได้อย่างไร
“ฉันไม่เข้าใจที่นายถาม”
“ก็เธอชื่อเพ็ทไง เพ็ทที่แปลว่าสัตว์เลี้ยง”
น้ำเพชรฉุน เอาเธอไปเปรียบเป็นสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร
“ฉันชื่อเพชรย่ะ เพชรที่หมายถึงอัญมณีล้ำค่า ไม่ใช่เพ็ทที่แปลว่าสัตว์เลี้ยงในภาษาอังกฤษ”
“เหรอ... ฉันนึกว่าชื่อเธอหมายถึงแม่หมาเสียอีก ถึงได้ตามกัดฉันสองคนแบบนี้”
น้ำเพชรยัวะ ทำตาเขียวเสียงดุใส่ณภัทร
“ถ้าฉันเป็นแม่หมานายก็คงเป็นไอ้ลูกหมาขี้แพ้ คอยดูนะฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อยุบไอ้สำนักหมอดูบ้า ๆ ของนายลงให้จงได้” พูดแล้วน้ำเพชรก็คว้าหนังสือติดมือไป ก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ไม่หันกลับมามองณภัทรอีก
ชายหนุ่มถูกใจหนักหนาที่ทำหญิงสาวอารมณ์เสียแต่เช้าได้ ที่ผ่านมาเวลามีประชุมชมรมเธอมักแย้งความเห็นเขาโดยตลอด ทำให้บางครั้งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการชมรมนี้ เธอไม่เคยไว้หน้าเขาเลย นาน ๆ ครั้งได้แกล้งเอาคืนเธอบ้าง พอให้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้ชนะก็ระบายความอัดอั้นตันอกออกไปได้บ้าง
“เฮ้ยไอ้พัด! แกได้ทุนที่ไปขอด้วยว่ะ เขาบอกให้ไปรายงานตัวได้ถึงวันนี้ก่อนบ่ายสามโมง” จ้องร้อง เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่เปิดเว็บไซต์ของสำนักฝ่ายเอกสารมหาวิทยาลัย
“เหรอ... ฉันว่าจะไม่เอาแล้วว่ะ” ณภัทรตอบท่าทีไม่เหลือความสนใจ
“แต่ฉันว่าเอาไว้ก่อนดีกว่านะ เงินที่แกเก็บจากค่าบูชาครูไว้จ่ายค่าเทอมก็โอนไปช่วยพ่อแม่แกซะ”
ณภัทรครุ่นคิด ใจจริงก็อยากได้ทุนการศึกษาแล้วเอาเงินเก็บที่มีอยู่ไปจุนเจือครอบครัวอย่างที่เพื่อนแนะนำ อีกใจก็ไม่อยากกลับไปเยือนรังนางพญาปลวก ท้ายที่สุดแล้วเขาคงเลือกอย่างแรก ทนเอาหน่อยณภัทรถึงเวลาที่นายต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่นายแล้ว
ณภัทรวางแผนไว้ว่าเสร็จมื้อกลางวันจะตรงไปที่ตึกฝ่ายเอกสารเพื่อติดต่อเรื่องรับทุน แต่มีอันต้องเลื่อนไปก่อนเพราะมีลูกค้าไหลมาใช้บริการระรอกสอง กว่าจะเสร็จงานก็ล่วงเลยกำหนดการมากว่าหนึ่งชั่วโมง สองหนุ่มรีบร่อนมอเตอร์ไซด์ตัวปลิวไปยังตึกฝ่ายเอกสาร ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว
จ้อนเห็นสภาพตึกที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าก็สะพรึงเสียวสันหลังวาบ ไม่ต่างจากตอนณภัทรมาเยือนที่นี่ครั้งแรก แต่บัดนี้ณภัทรกลับชินชาบรรยากาศเช่นนี้เสียแล้ว ที่ผ่านมาเขาเผชิญทั้งผีที่ตอนนี้กลายมาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกัน รับมือกับหมอผีผู้โลภมากมีคาถาอาคมแกร่งกล้า เจอฝูงกุมารทองหลอกหลอน รูขุมขนเขามีภูมิต้านทานดีพอ ไม่ลุกพองง่ายเหมือนแต่ก่อน
“เออ... จริงซิลืมไปเลย วันนี้ฉันต้องแวะไปเอาของที่บ้าน แกเข้าไปคนเดียวนะฉันขอตัวก่อน” จ้อนเอ่ยล่ำลาแล้วปลีกตัวหนีออกไปเลย ไม่รู้เขามีธุระจริง ๆ หรือกลัวจะได้เข้าไปเป็นเพื่อนกันแน่
ตึกแห่งนี้ยังคงความขลังน่ากลัวอยู่เหมือนเดิม อากาศเย็นแผ่มาโลมเลียผิวบริเวณแขนและคอจนต้องเอาฝ่ามือลูบให้คลายความหนาว กลิ่นสาบเอกสารเก่า ๆ ไม่เคยจางหายแถมทำท่าจะพังนาสิกประสาทณภัทรเสียให้ได้ ชายหนุ่มเดินมาสุดทางเดินของชั้นสองจนถึงหน้าห้องหัวหน้าฝ่ายเอกสาร มือขวาเอื้อมไปจับลูกบิดที่เย็นเฉียบดั่งน้ำแข็ง หมุนแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปข้างในโดยไม่คิดที่จะเคาะประตู
สวัสดีนางพญาปลวก!
สามัญสำนึกบอกณภัทรให้พูดออกไปเช่นนั้นแต่เขาควบคุมไว้ได้ เขาพนมมือแนบอกไหว้หัวหน้าฝ่ายงาม ๆ โค้งตัวสวย ๆ โชคดีที่สมัยประถมคุณครูเคยสอนวิชามารยาทไทย เขาเอ่ยสวัสดีครับชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงไพเราะเพราะพริ้งทักทายหัวหน้าฝ่าย ข้าง ๆ กันนั้นบนโต๊ะไม้เก่าหลังใหญ่มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ช่วยพิมพ์ข้อมูลของผู้ได้รับทุนลงในโปรแกรมแทนหัวหน้าฝ่าย หัวหน้าฝ่ายคงแก่เกินไปที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่ เมื่อเพ่งมองให้ดีก็ถึงบางอ้อว่าผู้ช่วยนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่ณภัทรรู้จักดี เธอผู้นั้นคือน้ำเพชรประธานชมรมอาสาสมัครเพื่อสังคมนั่นเอง
“นายพัด!” น้ำเพชรทักด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ หัวหน้าฝ่ายที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองสุมหัวหันมาสนใจหนุ่มสาวทั้งสอง
“อ้าว... รู้จักกันเหรอสองคนนี้”
“เพื่อนที่ชมรมอาสาค่ะคุณยาย”
น่าประหลาดใจ น้ำเพชรเป็นหลานสาวหัวหน้าฝ่ายเอกสารหรือนี่ จะว่าไปทั้งสองคนก็มีนิสัยคล้ายกันอยู่ ทั้งเจ้ากี้เจ้าการ ทั้งจริงจังในเรื่องที่ณภัทรคิดว่าไม่เป็นเรื่อง อีกหน่อยถ้าหัวหน้าฝ่ายลามือจากวงการงานเอกสาร น้ำเพชรผู้เป็นหลานสาวคงต้องสืบทอดตำแหน่งนางพญาปลวกแทนคุณยายของเธอ
“ผมมาติดต่อเรื่องรับทุนครับ” ณภัทรถามเสียงอ่อย รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองผิดที่มาไม่ตรงเวลา
“กี่โมงกี่ยามแล้วเธอ ทำไมไม่ปฏิบัติตามกำหนดการที่แจ้งไว้เหมือนคนอื่นเขาบ้าง ฉันคงคิดผิดเสียแล้วกระมังที่อนุมัติให้ทุนเธอ เพียงแค่ความรับผิดชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอยังไม่มี” น้ำเสียงเย็นเยียบของหัวหน้าฝ่ายเยือกแข็งระบบความคิดของณภัทรให้ใช้การไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร ได้แต่มองน้ำเพชรที่ปิดปากกลั้นหัวเราะ
“เอ่อ... ผม... คือ...”
หัวหน้าฝ่ายมองมาที่ณภัทรด้วยใบหน้าปลงจิต พอรู้นิสัยที่แก้ไม่หายของนายคนนี้
“เอาล่ะ ๆ มานั่งกรอกเอกสารตรงนี้” หัวหน้าฝ่ายชี้ให้ณภัทรมานั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ยื่นเอกสารเปล่าพร้อมปากกาให้กรอก ณภัทรเดินมานั่งกรอกเอกสาร หัวหน้าฝ่ายหันไปจัดการเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า น้ำเพชรก็พิมพ์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ ต่างคนต่างทำงานของตนไม่สนใจกัน
จู่ ๆ ไฟทั้งห้องก็ดับพรึบ ความมืดเข้าครอบงำจนมองไม่เห็นอะไร ไม่นานก็กลับมาสว่างดังเดิม สงสัยจะไฟตก น้ำเพชรหน้าตาตื่นเพราะคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเธอดับลงไปด้วย
“ตายแล้ว ยังไม่ได้บันทึกเลย พิมพ์ได้ครึ่งทางแล้วต้องพิมพ์ใหม่ตั้งแต่ต้นเลยเหรอเนี่ย” น้ำเพชรบ่นกระวนกระวาย
“พรุ่งนี้ต้องให้ส่งเจ้าหน้าที่ทะเบียนแล้วซิ น้ำเพชรพิมพ์ใหม่ให้ยายไหวรึเปล่า”
น้ำเพชรหน้าอิดออด ณภัทรหันมาสนใจ ปัญหานี้ไม่ได้ใหญ่โตเกินกำลังอะไร เขาพอช่วยเหลือได้
“ขอฉันดูหน่อย” พูดแล้วลุกเดินไปหาหญิงสาว เธอลุกให้เขานั่งแทนที่โดยไม่ต้องให้บอก เขากดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ รอเวลาเครื่องบูทไม่นานก็พร้อมใช้งาน เขาคลิกนั่นคลิกนี่ไม่กี่ทีโปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์ก็กลับมาเหมือนตอนก่อนไฟตก ข้อมูลที่น้ำเพชรได้กรอกไปยังอยู่ครบถ้วนเหมือนเดิม
“โอ้โห... เหมือนเดิมเปี๊ยบเลย นึกว่าต้องพิมพ์ใหม่หมดซะแล้ว ขอบใจนายมากนะ” น้ำเพชรหน้าชื่นนึกว่าคืนนี้ต้องนั่งหลังแข็งพิมพ์สิ่งที่ตัวเองเคยพิมพ์ไปแล้วใหม่อีกรอบ ณภัทรลุกให้น้ำเพชรกลับมาพิมพ์ต่อ ส่วนตัวเขากลับไปกรอกเอกสารที่เหลืออยู่อีกไม่กี่ช่อง เสร็จแล้วก็ส่งคืนพร้อมปากกาให้หัวหน้าฝ่าย หันมองน้ำเพชรเห็นเธอจิ้มแป้นพิมพ์ทีละตัวอักษรด้วยใบหน้าหน่าย ชักช้าอย่างนี้พรุ่งนี้เช้าก็พิมพ์ไม่เสร็จ
“ให้ฉันพิมพ์แทนไหม?” ณภัทรกล่าวอาสาน้ำเสียงไม่มีสิ่งใดแอบแฝงพลางเดินมายืนข้าง ๆ เธอ
“ดีเลย ฉันนั่งพิมพ์มาตั้งแต่บ่ายแล้ว” เธอลุกให้เขาทำหน้าที่แทน เดินพาร่างกายกระปลกกระเปลี้ยมานั่งที่โซฟา สะบัดข้อมือและหมุนคอไปมาไล่อาการเมื่อยล้าที่เกาะกุม ณภัทรมองแล้วยิ้มก่อนจะพรมนิ้วมือลงแป้นพิมพ์ข้อมูลลงโปรแกรมด้วยความเร็วหกสิบคำต่อวินาที
จวนจะหนึ่งทุ่มแล้ว ณภัทรพิมพ์ข้อมูลของผู้ได้รับทุนใส่โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์เสร็จแล้วทุกราย ถ้าไม่มีเขาตอนนี้น้ำเพชรคงยังนั่งหลังแข็งพิมพ์ข้อมูลใหม่ตั้งแต่ต้น แค่โปรแกรมพื้นฐานเธอยังไม่สันทัด เห็นจะมีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาเหนือกว่าเธอ
“ขอบใจเธอมากนะที่อุตส่าห์ช่วยพิมพ์จนเสร็จ ถ้าไม่มีเธอมีหวังฉันกับหลานต้องทำงานต่อถึงดึกดื่นเที่ยงคืนแน่” หัวหน้าฝ่ายกล่าวขอบคุณจากใจจริงน้ำเสียงราบเรียบ ณภัทรนึกติในใจว่าถ้าเขาไม่มาสายสองยายหลายจะได้รับความช่วยเหลือเช่นนี้ไหม แค่นี้ทำมาเป็นบ่นสั่งสอน
“ให้ฉันเลี้ยงอาหารเย็นตอบแทนเธอสักมื้อนะ เธอสะดวกไปที่บ้านฉันรึเปล่า?” หัวหน้าฝ่ายเอ่ยชักชวนด้วยน้ำเสียงเย็นชาผิดกับเจตนา
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องถึงขนาดเลี้ยงข้าวหรอกครับ ที่ผมช่วยเหลือนั้นเล็กน้อยมากไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไร อีกอย่างท่านก็มีพระคุณต่อผม ถ้าผมพลาดทุนนี้ไปคงไม่ได้เรียนเทอมนี้แน่”
ณภัทรตอบอย่างเกรงอกเกรงใจ แท้จริงแล้วเขากลัวที่ต้องไปเยือนบ้านนางพญาปลวกต่างหาก ที่บ้านของสองยายหลานสภาพคงไม่ต่างจากรังปลวกนี้เท่าไร คงมีแต่เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า ๆ ประดับตกแต่งเต็มบ้าน บ้านคงรูปทรงเรือนไทยย้อนยุคเหมือนในละครโทรทัศน์พวกหนังผีทวงแค้นข้ามภพข้ามชาติ ปฏิเสธไปเสียจะดีกว่า
พ่อหมออลเวง ตอนที่๕
ลิงค์ตอนที่๒ http://ppantip.com/topic/30480244
ลิงค์ตอนที่๓ http://ppantip.com/topic/30542963
ลิงค์ตอนที่๔ http://ppantip.com/topic/30608461
____________________________________
ตอนที่ ๕
สัปดาห์นี้ตึกสโมสรนักศึกษาคึกคักเป็นพิเศษ ไม่ใช่มีนักศึกษาสนใจทำกิจกรรมมากขึ้นแต่เพราะตึกนี้มีหมอดูผู้ถูกกล่าวขวัญไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย เดิมทีณภัทรเพียงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองวาดฝันไว้จะเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่ที่ไหนได้มันกลับเป็นจริงขึ้นมา มีคนจองคิวดูดวงแน่นข้ามอาทิตย์ เพียงไม่กี่วันณภัทรก็ได้เงินค่าบูชาครูมาเยอะแยะมากมาย ถ้ารายได้ดีอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ คงมีเงินพอจ่ายค่าเทอมแสนแพงโดยไม่ต้องพึ่งทุนที่ไปขอจากนางพญาปลวก
หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนภาคเช้าณภัทรและจ้อนก็มาประจำการที่สำนักหมอดู วันนี้อาจารย์ประจำวิชาภาคบ่ายยกเลิกการเรียนการสอนหนึ่งคาบจึงมีเวลาเหลือเฟือ ณภัทรบอกให้จ้อนประกาศในสังคมออนไลน์ชวนคนมาดูดวง ไม่นานผู้คนที่ไม่มีเรียนก็แห่แหนกันมา เนื่องจากเมื่อวานเรื่องราวของพ่อหมอณภัทรผู้ดูดวงแม่นอย่างกับตาเห็นกลายเป็นกระแสที่มีคนพูดถึงอย่างมากในโลกอินเตอร์เน็ต
วันนี้น่าเบื่อที่สุดเนื่องจากคนที่มาดูดวงต่างถามถึงเรื่องเนื้อคู่ว่าเมื่อไรตนเองจะมีกับเขาบ้าง แม้ไม่ต้องพึ่งพลังมองทะลุอดีตของมาวินพ่อหมอณภัทรก็พอจะทำนายออก ก็หล่อน ๆ ทั้งหลายไม่ดูแลรูปลักษณ์ตัวเองเลย ตามใจปาก ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนอ้วนแพละเป็นหมูพะโล้ตุ๋นยาจีน กลิ่นตัวแรงพอ ๆ กับผู้ชายที่เพิ่งไปออกกำลังกายหนัก ๆ มา ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เคยทำความรู้จักกับหวี รังแคเกาะกรังเต็มหนังศีรษะ
ณภัทรแนะนำไปว่าให้เจ้าหล่อนทั้งหลายควบคุมอาหาร ทานผักผลไม้ให้มาก ๆ ออกกำลังกายบ้างและอาบน้ำรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงแค่นี้อาจมีหนุ่ม ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตเจ้าหล่อนบ้าง ถ้าไม่เลือกมากอีกไม่นานก็คงจะเจอเนื้อคู่สมดั่งใจหวัง
หญิงสาวรายล่าสุดกลับไปพร้อมใบหน้าเบิกบาน เธอเดินออกไปทางประตูห้องชมรมเป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำเพชรสวนเข้ามาพอดี แปลกที่วันนี้เห็นเธออยู่ตัวคนเดียว ปกติตัวจะติดกับมุกลัดดา จนณภัทรและจ้อนตั้งสมญานามให้มุกลัดดาว่าเป็นคู่หูประจัญบานของน้ำเพชร ตอนนี้ในห้องชมรมมีเพียงณภัทร จ้อน น้ำเพชรและวิญญาณหนุ่มอีกหนึ่งตน
น้ำเพชรเดินเลียบข้าง ๆ ตู้หนังสือใบใหญ่แต่หลิ่วตามองมาทางชายหนุ่มทั้งสอง
“มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง?” ณภัทรถาม
“เปล๊า!” น้ำเพชรแก้ตัวเสียงสูง “ท่าทางไปได้ดีนี่กับอาชีพใหม่ของนาย”
“แน่นอน ตอนนี้ฉันดังไปทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว สนใจดูดวงไหมล่ะ? สำหรับเธอฉันไม่คิดค่าบูชาครูแล้วกัน” ณภัทรคุยโว
“ขอบใจแต่ไม่ต้องการ” น้ำเพชรตอบห้วน ๆ อย่างมะนาวไม่มีน้ำ หันหลังให้หนุ่มทั้งสองแล้วค้นหนังสือจากชั้น
ณภัทรนึกสนุกหาเรื่องกวนประสาทน้ำเพชร
“ฉันถามเธอจริง ๆ เถอะ ชื่อเธอนี่หมายถึงสัตว์ตัวไหนเหรอ?”
น้ำเพชรหันกลับมา จ้องณภัทรอย่างไม่เข้าใจคำถาม ชื่อน้ำเพชรของเธอไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ได้อย่างไร
“ฉันไม่เข้าใจที่นายถาม”
“ก็เธอชื่อเพ็ทไง เพ็ทที่แปลว่าสัตว์เลี้ยง”
น้ำเพชรฉุน เอาเธอไปเปรียบเป็นสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร
“ฉันชื่อเพชรย่ะ เพชรที่หมายถึงอัญมณีล้ำค่า ไม่ใช่เพ็ทที่แปลว่าสัตว์เลี้ยงในภาษาอังกฤษ”
“เหรอ... ฉันนึกว่าชื่อเธอหมายถึงแม่หมาเสียอีก ถึงได้ตามกัดฉันสองคนแบบนี้”
น้ำเพชรยัวะ ทำตาเขียวเสียงดุใส่ณภัทร
“ถ้าฉันเป็นแม่หมานายก็คงเป็นไอ้ลูกหมาขี้แพ้ คอยดูนะฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อยุบไอ้สำนักหมอดูบ้า ๆ ของนายลงให้จงได้” พูดแล้วน้ำเพชรก็คว้าหนังสือติดมือไป ก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ไม่หันกลับมามองณภัทรอีก
ชายหนุ่มถูกใจหนักหนาที่ทำหญิงสาวอารมณ์เสียแต่เช้าได้ ที่ผ่านมาเวลามีประชุมชมรมเธอมักแย้งความเห็นเขาโดยตลอด ทำให้บางครั้งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการชมรมนี้ เธอไม่เคยไว้หน้าเขาเลย นาน ๆ ครั้งได้แกล้งเอาคืนเธอบ้าง พอให้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้ชนะก็ระบายความอัดอั้นตันอกออกไปได้บ้าง
“เฮ้ยไอ้พัด! แกได้ทุนที่ไปขอด้วยว่ะ เขาบอกให้ไปรายงานตัวได้ถึงวันนี้ก่อนบ่ายสามโมง” จ้องร้อง เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่เปิดเว็บไซต์ของสำนักฝ่ายเอกสารมหาวิทยาลัย
“เหรอ... ฉันว่าจะไม่เอาแล้วว่ะ” ณภัทรตอบท่าทีไม่เหลือความสนใจ
“แต่ฉันว่าเอาไว้ก่อนดีกว่านะ เงินที่แกเก็บจากค่าบูชาครูไว้จ่ายค่าเทอมก็โอนไปช่วยพ่อแม่แกซะ”
ณภัทรครุ่นคิด ใจจริงก็อยากได้ทุนการศึกษาแล้วเอาเงินเก็บที่มีอยู่ไปจุนเจือครอบครัวอย่างที่เพื่อนแนะนำ อีกใจก็ไม่อยากกลับไปเยือนรังนางพญาปลวก ท้ายที่สุดแล้วเขาคงเลือกอย่างแรก ทนเอาหน่อยณภัทรถึงเวลาที่นายต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่นายแล้ว
ณภัทรวางแผนไว้ว่าเสร็จมื้อกลางวันจะตรงไปที่ตึกฝ่ายเอกสารเพื่อติดต่อเรื่องรับทุน แต่มีอันต้องเลื่อนไปก่อนเพราะมีลูกค้าไหลมาใช้บริการระรอกสอง กว่าจะเสร็จงานก็ล่วงเลยกำหนดการมากว่าหนึ่งชั่วโมง สองหนุ่มรีบร่อนมอเตอร์ไซด์ตัวปลิวไปยังตึกฝ่ายเอกสาร ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว
จ้อนเห็นสภาพตึกที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าก็สะพรึงเสียวสันหลังวาบ ไม่ต่างจากตอนณภัทรมาเยือนที่นี่ครั้งแรก แต่บัดนี้ณภัทรกลับชินชาบรรยากาศเช่นนี้เสียแล้ว ที่ผ่านมาเขาเผชิญทั้งผีที่ตอนนี้กลายมาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกัน รับมือกับหมอผีผู้โลภมากมีคาถาอาคมแกร่งกล้า เจอฝูงกุมารทองหลอกหลอน รูขุมขนเขามีภูมิต้านทานดีพอ ไม่ลุกพองง่ายเหมือนแต่ก่อน
“เออ... จริงซิลืมไปเลย วันนี้ฉันต้องแวะไปเอาของที่บ้าน แกเข้าไปคนเดียวนะฉันขอตัวก่อน” จ้อนเอ่ยล่ำลาแล้วปลีกตัวหนีออกไปเลย ไม่รู้เขามีธุระจริง ๆ หรือกลัวจะได้เข้าไปเป็นเพื่อนกันแน่
ตึกแห่งนี้ยังคงความขลังน่ากลัวอยู่เหมือนเดิม อากาศเย็นแผ่มาโลมเลียผิวบริเวณแขนและคอจนต้องเอาฝ่ามือลูบให้คลายความหนาว กลิ่นสาบเอกสารเก่า ๆ ไม่เคยจางหายแถมทำท่าจะพังนาสิกประสาทณภัทรเสียให้ได้ ชายหนุ่มเดินมาสุดทางเดินของชั้นสองจนถึงหน้าห้องหัวหน้าฝ่ายเอกสาร มือขวาเอื้อมไปจับลูกบิดที่เย็นเฉียบดั่งน้ำแข็ง หมุนแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปข้างในโดยไม่คิดที่จะเคาะประตู
สวัสดีนางพญาปลวก!
สามัญสำนึกบอกณภัทรให้พูดออกไปเช่นนั้นแต่เขาควบคุมไว้ได้ เขาพนมมือแนบอกไหว้หัวหน้าฝ่ายงาม ๆ โค้งตัวสวย ๆ โชคดีที่สมัยประถมคุณครูเคยสอนวิชามารยาทไทย เขาเอ่ยสวัสดีครับชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงไพเราะเพราะพริ้งทักทายหัวหน้าฝ่าย ข้าง ๆ กันนั้นบนโต๊ะไม้เก่าหลังใหญ่มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ช่วยพิมพ์ข้อมูลของผู้ได้รับทุนลงในโปรแกรมแทนหัวหน้าฝ่าย หัวหน้าฝ่ายคงแก่เกินไปที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่ เมื่อเพ่งมองให้ดีก็ถึงบางอ้อว่าผู้ช่วยนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่ณภัทรรู้จักดี เธอผู้นั้นคือน้ำเพชรประธานชมรมอาสาสมัครเพื่อสังคมนั่นเอง
“นายพัด!” น้ำเพชรทักด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ หัวหน้าฝ่ายที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองสุมหัวหันมาสนใจหนุ่มสาวทั้งสอง
“อ้าว... รู้จักกันเหรอสองคนนี้”
“เพื่อนที่ชมรมอาสาค่ะคุณยาย”
น่าประหลาดใจ น้ำเพชรเป็นหลานสาวหัวหน้าฝ่ายเอกสารหรือนี่ จะว่าไปทั้งสองคนก็มีนิสัยคล้ายกันอยู่ ทั้งเจ้ากี้เจ้าการ ทั้งจริงจังในเรื่องที่ณภัทรคิดว่าไม่เป็นเรื่อง อีกหน่อยถ้าหัวหน้าฝ่ายลามือจากวงการงานเอกสาร น้ำเพชรผู้เป็นหลานสาวคงต้องสืบทอดตำแหน่งนางพญาปลวกแทนคุณยายของเธอ
“ผมมาติดต่อเรื่องรับทุนครับ” ณภัทรถามเสียงอ่อย รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองผิดที่มาไม่ตรงเวลา
“กี่โมงกี่ยามแล้วเธอ ทำไมไม่ปฏิบัติตามกำหนดการที่แจ้งไว้เหมือนคนอื่นเขาบ้าง ฉันคงคิดผิดเสียแล้วกระมังที่อนุมัติให้ทุนเธอ เพียงแค่ความรับผิดชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอยังไม่มี” น้ำเสียงเย็นเยียบของหัวหน้าฝ่ายเยือกแข็งระบบความคิดของณภัทรให้ใช้การไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร ได้แต่มองน้ำเพชรที่ปิดปากกลั้นหัวเราะ
“เอ่อ... ผม... คือ...”
หัวหน้าฝ่ายมองมาที่ณภัทรด้วยใบหน้าปลงจิต พอรู้นิสัยที่แก้ไม่หายของนายคนนี้
“เอาล่ะ ๆ มานั่งกรอกเอกสารตรงนี้” หัวหน้าฝ่ายชี้ให้ณภัทรมานั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ยื่นเอกสารเปล่าพร้อมปากกาให้กรอก ณภัทรเดินมานั่งกรอกเอกสาร หัวหน้าฝ่ายหันไปจัดการเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า น้ำเพชรก็พิมพ์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ ต่างคนต่างทำงานของตนไม่สนใจกัน
จู่ ๆ ไฟทั้งห้องก็ดับพรึบ ความมืดเข้าครอบงำจนมองไม่เห็นอะไร ไม่นานก็กลับมาสว่างดังเดิม สงสัยจะไฟตก น้ำเพชรหน้าตาตื่นเพราะคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเธอดับลงไปด้วย
“ตายแล้ว ยังไม่ได้บันทึกเลย พิมพ์ได้ครึ่งทางแล้วต้องพิมพ์ใหม่ตั้งแต่ต้นเลยเหรอเนี่ย” น้ำเพชรบ่นกระวนกระวาย
“พรุ่งนี้ต้องให้ส่งเจ้าหน้าที่ทะเบียนแล้วซิ น้ำเพชรพิมพ์ใหม่ให้ยายไหวรึเปล่า”
น้ำเพชรหน้าอิดออด ณภัทรหันมาสนใจ ปัญหานี้ไม่ได้ใหญ่โตเกินกำลังอะไร เขาพอช่วยเหลือได้
“ขอฉันดูหน่อย” พูดแล้วลุกเดินไปหาหญิงสาว เธอลุกให้เขานั่งแทนที่โดยไม่ต้องให้บอก เขากดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ รอเวลาเครื่องบูทไม่นานก็พร้อมใช้งาน เขาคลิกนั่นคลิกนี่ไม่กี่ทีโปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์ก็กลับมาเหมือนตอนก่อนไฟตก ข้อมูลที่น้ำเพชรได้กรอกไปยังอยู่ครบถ้วนเหมือนเดิม
“โอ้โห... เหมือนเดิมเปี๊ยบเลย นึกว่าต้องพิมพ์ใหม่หมดซะแล้ว ขอบใจนายมากนะ” น้ำเพชรหน้าชื่นนึกว่าคืนนี้ต้องนั่งหลังแข็งพิมพ์สิ่งที่ตัวเองเคยพิมพ์ไปแล้วใหม่อีกรอบ ณภัทรลุกให้น้ำเพชรกลับมาพิมพ์ต่อ ส่วนตัวเขากลับไปกรอกเอกสารที่เหลืออยู่อีกไม่กี่ช่อง เสร็จแล้วก็ส่งคืนพร้อมปากกาให้หัวหน้าฝ่าย หันมองน้ำเพชรเห็นเธอจิ้มแป้นพิมพ์ทีละตัวอักษรด้วยใบหน้าหน่าย ชักช้าอย่างนี้พรุ่งนี้เช้าก็พิมพ์ไม่เสร็จ
“ให้ฉันพิมพ์แทนไหม?” ณภัทรกล่าวอาสาน้ำเสียงไม่มีสิ่งใดแอบแฝงพลางเดินมายืนข้าง ๆ เธอ
“ดีเลย ฉันนั่งพิมพ์มาตั้งแต่บ่ายแล้ว” เธอลุกให้เขาทำหน้าที่แทน เดินพาร่างกายกระปลกกระเปลี้ยมานั่งที่โซฟา สะบัดข้อมือและหมุนคอไปมาไล่อาการเมื่อยล้าที่เกาะกุม ณภัทรมองแล้วยิ้มก่อนจะพรมนิ้วมือลงแป้นพิมพ์ข้อมูลลงโปรแกรมด้วยความเร็วหกสิบคำต่อวินาที
จวนจะหนึ่งทุ่มแล้ว ณภัทรพิมพ์ข้อมูลของผู้ได้รับทุนใส่โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์เสร็จแล้วทุกราย ถ้าไม่มีเขาตอนนี้น้ำเพชรคงยังนั่งหลังแข็งพิมพ์ข้อมูลใหม่ตั้งแต่ต้น แค่โปรแกรมพื้นฐานเธอยังไม่สันทัด เห็นจะมีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาเหนือกว่าเธอ
“ขอบใจเธอมากนะที่อุตส่าห์ช่วยพิมพ์จนเสร็จ ถ้าไม่มีเธอมีหวังฉันกับหลานต้องทำงานต่อถึงดึกดื่นเที่ยงคืนแน่” หัวหน้าฝ่ายกล่าวขอบคุณจากใจจริงน้ำเสียงราบเรียบ ณภัทรนึกติในใจว่าถ้าเขาไม่มาสายสองยายหลายจะได้รับความช่วยเหลือเช่นนี้ไหม แค่นี้ทำมาเป็นบ่นสั่งสอน
“ให้ฉันเลี้ยงอาหารเย็นตอบแทนเธอสักมื้อนะ เธอสะดวกไปที่บ้านฉันรึเปล่า?” หัวหน้าฝ่ายเอ่ยชักชวนด้วยน้ำเสียงเย็นชาผิดกับเจตนา
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องถึงขนาดเลี้ยงข้าวหรอกครับ ที่ผมช่วยเหลือนั้นเล็กน้อยมากไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไร อีกอย่างท่านก็มีพระคุณต่อผม ถ้าผมพลาดทุนนี้ไปคงไม่ได้เรียนเทอมนี้แน่”
ณภัทรตอบอย่างเกรงอกเกรงใจ แท้จริงแล้วเขากลัวที่ต้องไปเยือนบ้านนางพญาปลวกต่างหาก ที่บ้านของสองยายหลานสภาพคงไม่ต่างจากรังปลวกนี้เท่าไร คงมีแต่เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า ๆ ประดับตกแต่งเต็มบ้าน บ้านคงรูปทรงเรือนไทยย้อนยุคเหมือนในละครโทรทัศน์พวกหนังผีทวงแค้นข้ามภพข้ามชาติ ปฏิเสธไปเสียจะดีกว่า