พล็อตคร่าวๆ พระเอกจน มีผีที่เห็นอดีตคนได้มาบอกว่าจะช่วยให้รวย ให้พระเอกปลอมเป็นร่างทรง ตั้งสำนักหมอดู(เดา)เก็บเงินค่าบูชาครู
อันนี้เนื้อเรื่องตอนที่๑ครับ
---
ตอนที่๑
ตึกสี่ชั้นสภาพเก่าคร่ำครึ สีขาวที่ทาไว้ลอกออกเสียเกือบหมด ทดแทนด้วยคราบน้ำฝนสีดำ ตึกสูงนี้รายล้อมด้วยไม้ยืนต้นสูงใหญ่ใบหนาทึบ จนปิดบังแสงแดดจากทุกสารทิศ แถมแผ่อากาศเย็นน่าขนลุกเข้ามาภายใน กลิ่นสาบเอกสารเก่าๆแทบจะโชยปะทะจมูกทันทีที่ก้าวจากบันไดถึงพื้นชั้นสอง
เรื่องเล่าขานที่เล่าต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่นผุดประดังเข้ามาในหัว บ้างลือว่าที่นี่เคยมีหัวหน้าฝ่ายเอกสารล่อลวงภรรยาตัวเองมาฆ่าหมกไว้ในตู้หลังถูกจับได้เรื่องบ้านเล็กบ้านน้อย บ้างลือว่าที่นี่มีวิญญาณเด็กดองชุกเพราะตึกหลังนี้เคยเป็นตึกเรียนของคณะแพทย์มาก่อน แม้ร่างกายจะถูกเคลื่อนย้าย แต่วิญญาณยังเล่นสนุกอยู่ที่นี่
ก้าวเดินมาจนสุดทางเดินก็ถึงห้องหัวหน้าฝ่ายเอกสาร ผู้มาเยือนยื่นมือออกไปคว้าลูกบิดแล้วหมุนจนเสียงดังคลิก จากนั้นผลักประตูเข้าไปพบกันเจ้าของห้อง
หัวหน้าฝ่ายเอกสารเป็นผู้หญิงวัยปลดเกษียร ตั้งแต่มีเรื่องอัปยศเสื่อมเสียในคราวนั้น หัวหน้าแผนกนี้ก็เป็นผู้หญิงมาโดยตลอด เธอนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแก่ๆเก่าๆหลังใหญ่ สวมชุดผ้าไหมสีม่วงเงาเลื่อม ลดแว่นตาลง เพ่งสายตามองมายังแขกที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามา
“ที่บ้านไม่สอนมารยาทก่อนจะเข้าห้องคนอื่นหรือ เธอควรจะเคาะประตูก่อนรึเปล่า?” น้ำเสียงที่เยียบเย็นสาดรดสามัญสำนึกของผู้ให้ให้ตระหนักและคิดได้
“เอ่อ...” ผู้มาเยือนเลิ่กลั่ก ทำตัวต่อไปไม่ถูก จะหันหลังกลับออกไปปฏิบัติใหม่ให้ตรงตามมารยาทคุณป้าก็ขัดเสียก่อน
“ไม่ต้องแล้ว เชิญนั่ง” หัวหน้าฝ่ายเอกสารผายมือเหี่ยวย่นเชื้อเชิญให้นั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
“อ่า... ขอบคุณครับ” ผู้มาเยือนกล่าวเสียงอ่อยเพราะใจเสีย รีบกุลีกุจอเอาก้นมาจ้ำเก้าอี้ไม้ ก้มหน้าก้มตายื่นเอกสารที่ถืออยู่ให้บุคคลตรงหน้า
หัวหน้าฝ่ายเอกสารรับมา ดันแว่นกลับเข้าที่ กวาดสายตาอ่านเอกสารในมือทีละบรรทัด
“นายณภัทร บรรจงธรรม” หัวหน้าฝ่ายอ่านชื่อของนักศึกษาหนุ่มผู้มาเยือน
ตามเอกสาร นายณภัทร บรรจงธรรม กรอกประวัติของตนเองไว้ดังนี้ อายุ 21 ปี ศึกษาอยู่คณะการสื่อสาร สาขาออกแบบสื่อ ชั้นปีที่ 3 ความสามารถพิเศษ-ไม่มี ผลงานที่ภาคภูมิใจ-ไม่มี เกรดเฉลี่ยภาคเรียนที่แล้วผ่านคะแนนรีไทร์มาอย่างน่ารัก-1.76 อาจารย์ที่ปรึกษาเขียนความคิดเห็นเอาไว้ว่า-‘มีทักษะฝีมือ ขยัน เอาการเอางาน เห็นควรที่จะได้รับทุนการศึกษา’ แค่นี้ไม่มากพอที่จะทำให้หัวหน้าฝ่ายปักใจเชื่อว่าทุนการศึกษาที่ให้นายคนนี้ไปจะไม่สูญเปล่า
ที่จริงแล้ว ณภัทร หรือ พัด เจ้าของฉายา ‘เดือนเกรียน เดือนกาก’ ไม่อยากแบกใบหน้าอันหล่อเหลามาขอทุนอย่างนี้หรอ สี่ปีการศึกษาที่ผ่านมาพ่อแม่ของเขาจ่ายค่าเทอมมหาโหดได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ปีนี้คงเป็นคราวเคราะห์ สวนผักอินทรีย์ปลอดสาร กิจการของที่บ้านถูกโรคร้ายเอาไปกินเรียบ ซ้ำเพื่อนสนิทของพ่อที่คบหากันมานานยังหักหลัง หลอกให้ลงชื่อเป็นคนค้ำประกันกู้เงินครึ่งล้านแล้วชิ่งหนีหายไปไหนไม่รู้ พ่อแม่ของเขาจำต้องขายที่ดินที่มีอยู่บางส่วนใช้หนี้สินที่ตนเองไม่ได้ก่อ หากไม่ได้รับทุนในภาคการศึกษานี้เขาคงต้องกลับบ้านนา แบกจอบแบกเสียบปลูกผักดายหญ้าไปตามยถากรรม
อ่านเอกสารจบหัวหน้าฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมามองณภัทร เหตุผลในการขอทุนที่เขียนมาเธอไม่เชื่ออย่างสนิทใจนัก ของแบบนี้โกหกกันได้ ปีที่ผ่านๆมาก็มีให้เห็น
“อืม ฉันรับเอกสารไว้แล้ว หมดธุระของเธอแล้วเชิญกลับได้” หัวหน้าฝ่ายพูดแล้วเบือนหน้าหนีไปสนใจกองเอกสารที่สุมอยู่บนโต๊ะ
“ผมจะได้ทุนไหมครับ?” ณภัทรถามอย่างร้อนใจ
หัวหน้าฝ่ายหันกลับมามองอย่างขุ่นข้อง “เธอไม่ได้อ่านกำหนดการหรือ ส่งเรื่องขอทุนการศึกษาได้จนถึงวันนี้ ที่จริงฉันไม่รับเอกสารของเธอก็ได้นะ ตามกำหนดการบอกไว้ว่ารับจนถึงสิบห้านาฬิกาครึ่ง นี่จวนจะสิบเจ็ดนาฬิกาแล้ว เธอควรใส่ใจมีวินัยให้มากกว่านี้นะ แล้วในวันที่สิบห้าจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุน สนใจอะไรบ้างไหม สักแต่ว่าเขียนมาส่งๆ พวกได้ทุนแล้วเอาไปเที่ยวเตร่เยอะแยะไป” หัวหน้าฝ่ายพร่ำยาวสอนเด็กเมื่อวานซืนที่นั่งฟังอย่างเจียมตัว
“ผมลำบากจริงๆนะครับ ถ้าไม่ได้ทุนเทอมนี้ผมคงต้องดรอปแล้วไปช่วยงานที่บ้าน”
“นั้นแหละดี เธอจะได้ใช้เวลาพิจารณาตัวเองว่าเหมาะสมกับการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนี้หรือไม่”
ณภัทรจ๋อย คำด่าเจ็บๆคันๆผุดขึ้นมาในหัวมหาศาล แต่ถ้าปล่อยให้คำในคำหนึ่งหลุดออกจากปากไป มีหวังเขาได้พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาแน่
“งั้นผมลาละครับ” ณภัทรยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายแล้วลุกเดินไปที่ประตู
“เดี๋ยว” น้ำเสียงเย็นเยียบสะกดฝีเท้าชายหนุ่มมิให้เคลื่อนไหว “ชายเสื้อน่ะมันควรจะอยู่ในกางเกงไม่ใช่หรือ แล้วขากางเกงลีบเล็กขนาดนั้นมันถูกระเบียบแล้วหรือ?”
ณภัทรซึ่งยืนหันหลังให้เบ้ปากอย่างรำคาญใจ แต่เขาก็ยอมทำตามความต้องการที่สื่อออกมาของหัวหน้าฝ่ายเจ้าระเบียบ โดยการจับชายเสื้อยัดใส่เข้าไปในกางเกงสแล็กสีดำ ในใจก็นึกค้าน ‘นี่มันจะห้าโมงแล้ว เลยเวลาราชการแล้ว ผมจะแต่งตัวยังไงก็เรื่องของผม’ ก้าวขาฉับๆออกห้องแล้วปิดประตูเบาๆ
หัวหน้าฝ่ายน่ากลัวกว่าที่คิด คิดว่าตัวเองเป็นราชินีดินแดนมหัศจรรย์ในเทพนิยายอยู่รึไงถึงมีสิทธิ์จะบงการใครก็ได้ ในสายตาของณภัทรหัวหน้าฝ่ายเป็นได้แค่นางพญาปลวกปลดประจำการ อุดอู้อยุ่ในรังแคบๆที่มีตำราเก่าไว้เอาไว้แทะเป็นของทานเล่น
ปวดฉี่เป็นบ้า ไม่รู้คุณป้าพญาปลวกทนหนาวอยู่ในห้องนั้นได้อย่างไร ขนาดไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศยังทำเอาณภัทรขาสั่นพั่บๆ น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจเกือบทำเขาฉี่ราด ต้องทนอั้นฉี่ไว้ตั้งแต่ประโยคแรกที่นางพญาถาม ราวเหมือนแกล้งกันเธออ่านเอกสารของเขาช้ามากอย่างกับสะกดอ่านทีละตัวทีละวรรค
ณภัทรเดินออกมาจากหน้าห้องซึ่งเขาขนานนามเสียใหม่ว่ารังปลวก มุ่งหน้าหาห้องน้ำเพื่อปลดปล่อยสวัสดิกะที่ไหลเวียนภายในกระเพาะปัสสาวะ เขายืนอยู่หน้าโถปัสสาวะแล้ว จัดแจงอะไรให้เข้าที่เพื่อที่จะยืนฉี่ได้อย่างไม่เลอะเทอะ
ความรู้สึกเหมือนได้ดูฉากสุดท้ายของหนังดราม่า ที่ตัวเอกผ่านพ้นมรสุมต่างๆในชีวิตจนพบเจอกับความสุขความสำเร็จ เขามั่นใจว่าคงพลาดทุนนี้ไปอย่างแน่นอน พอกันทีไม่อยากข้องแวะกับนางพญาปลวกปลดประจำการนั่นอีกแล้ว แค่เรียนช้ากว่าเพื่อน จบช้ากว่าเพื่อนความฝันที่จะได้เป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอศิลปินเกาหลีอาจมาช้าหน่อย แต่เขารอได้ เพื่อฝันอันสูงสุด
“โห... ใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย” น้ำเสียงผู้ชายทะลึ่งทะเล้นปลุกณภัทรให้ตื่นจากภวังค์ หันซ้ายหันขวาเหลียวหน้ามองหลังหาเจ้าของเสียงแต่ไม่ยักเจอใครสักคนในห้องน้ำชายแห่งนี้ บรรยากาศที่เงียบกริบ กลิ่นน้ำยาล้างห้องน้ำเพิ่งจะมาฉุนเข้าจมูก มันชวนเขานึกถึงโรงพยาบาลอันสะอาดสะอ้าน คิดเชื่อมโยงไปถึงตำนานตึกเก่าหลังนี้
ในเมื่อไม่มีใคร เสียงลึกลับที่ได้ยินชัดเต็มสองหูนั่นมาจากไหน
ขนลุกซู่
เสียวสันหลังวาบ
ณภัทรรีบทำธุระของตัวเองให้เสร็จโดยไว สติของเขาเดินแซงไปรออยู่ที่รถมอเตอร์ไซด์ซึ่งจอดไว้หน้าตึกเรียบร้อยแล้ว เขาว่าปกติขาของเขาก้าวได้ไวกว่านี้ แต่หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ไหงถึงได้ช้าเป็นเต่าจำศีล บันไดลงไปชั้นล่างอยู่ใกล้แค่ไม่กี่ก้าว ระหว่างที่กำลังจะ
วตัวเลี้ยวต้องชะงักกับชายรูปร่างสันทัดที่โผล่เข้ามาขวาง
ชายคนนี้ตัวสูงกว่าณภัทรเล็กน้อย ผิวคล้ำกว่าเยอะแต่ไม่ถึงกับดำ หุ่นล้ำอย่างนี้ไม่เป็นนักฟุตบอลก็นักบาสเก็ตบอล ของอย่างนี้ดูไม่ยาก ถ้าเขาสวมรองเท้าสตั๊ดแสดงว่าเป็นนักฟุตบอล ถ้าสวมรองเท้าหุ้มข้อแสดงว่าเป็นนักบาสเก็ตบอล
แต่ให้ตายเถอะเมื่อมองลงมายังส่วนล่างสุดของบุรุษนิรนาม ณภัทรกลับไม่พบอวัยวะที่เรียกว่าเท้า ร่างการของชายคนนี้ลอยอยู่เหนือพื้น! เพียงเท่านั้นหัวใจของณภัทรก็สูบฉีดเลือดช้าลง ตาเบลอมองอะไรก็หมุนคว้า แข้งเข่าอ่อนรับน้ำหนักร่างกายไม่ไหวจนล้มพับนอนสลบเสียตรงนั้น
“นี่เธอ เป็นอะไรรึเปล่า มานอนทำไมตรงนี้?”
เสียงเรียกพร้อมเขย่าปลุกชายหนุ่มผู้หลับใหลจากอาการตกใจให้ค่อยๆฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง เขากระพริบตาปรับรูม่านตาให้สู้แสงสว่างจากหลอดไฟบนเพดานได้ ภาพสตรีค่อยๆปรากฏชัดขึ้น
นางพญาปลวก!
ณภัทรสะดุ้งเท้ากระตุกทีหนึ่ง
“มานอนทำไมตรงนี้ สิบแปดนาฬิกากว่าแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับ เป็นอะไรรึเปล่า?” หัวหน้าฝ่ายถามไถ่อย่างเป็นห่วง ณภัทรแปลกใจว่านางพญาปลวกผู้นี้จะพูดว่าสิบแปดนาฬิกากว่าทำไม เขาต้องเสียเวลาเอาเลขสิบสองมาลบเลขสิบแปดในใจ ถึงจะรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว บอกตั้งแต่ทีแรกว่าหกโมงจะง่ายกว่า เขาจะได้ไม่ต้องคำนวณเลขซึ่งไม่ถนัดเอาเสียเลย
“เอ่อ... ผม” ภาพก่อนจะสลบหมดสติกรอกลับมาฉากในหัวอีกครั้ง “ผมเจอผีครับ ผีผู้ชายขาขาด!”
หัวหน้าฝ่ายยิ้มเยาะ “ฉันอยู่ที่นี่มาสามสิบกว่าปีไม่เคยเจอผีเลยนะ เอคงเหนื่อยล่ะซิ กลับเองไหวรึเปล่า โทรฯให้เพื่อนมารับไหม?”
ณภัทรนินทาในใจ ‘อยู่มาสามสิบกว่าปีจนมีผีเป็นเพื่อนละไม่ว่า’
“เอายังไง จะยืมโทรศัพท์ที่ห้องฉันโทรเรียกเพื่อนหรือผู้ปกครองมารับไหม?” แม้จะถามอย่างห่วงใยแต่สายตาที่มองมานั่นเย็นชาซะเหลือเกิน
“ใครมันอยากกลับไปรังปลวกนั่นอีกล่ะ” ณภัทรเพียงแค่คิดในใจ เขาพูดรักษาน้ำใจอย่างสุภาพไปว่า “ขอบคุณครับ ผมไม่รบกวนหรอก ขอแค่ไปส่งผมที่รถก็พอ ผมจอดไว้ที่หน้าตึก”
“ได้ซิ ฉันก็กำลังจะกลับ จอดรถไว้ที่หน้าตึกเหมือนกัน”
ณภัทรยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง เขาเหลียวมองไปรอบตัวไม่เจอใครเลยนอกจากนางพญาปลวกปลดประจำการที่ยืนเย็นชาอยู่ตรงหน้า สงสัยเหลือเกินว่าหน้าไม่รับแขกอย่างนี้มีเพื่อนคบกับเขาบ้างไหม
ทั้งสองลงบันไดมาพร้อมกัน ณภัทรแอบสงสัยอีกว่าค่ำมืดป่านนี้ทุกคนในตึกต่างกลับบ้านกลับช่องกันหมด แต่ทำไมนางพญาปลวกผู้นี้ถึงยังสิงสถิตอยู่ เธอไม่รู้ตำนานเล่าขานชวนขนลุกของตึกเก่าหลังนี้เลยรึไง หรือรู้แต่ไม่กลัว เพราะคนกับผีเป็นเพื่อนกัน
เมื่อลงมาถึงช่องจอดรถ ณภัทรก็ไหว้ขอบคุณหัวหน้าฝ่ายงามๆหวังขอเมตตาเป็นครั้งสุดท้าย เขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าด้านหลังกางเกง ยกขาควบเบาะ เสียบกุญแจ บิดเบรก กดปุ่มสตาร์ท นางพญาปลวกที่เขาตั้งสมญานามให้ก็เดินดุ่มๆไปขึ้นรถกระบะคันเล็กที่จอดอยู่ไม่ไกล ผู้หญิงอะไรขับรถกระบะ ช่างเหมาะกับสามคำนี้เหลือเกิน โคตร-คน-อึด วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ ณภัทรหัวเราะฮึๆก่อนจะเร่งเครื่องออกสู่ถนนในมหาวิทยาลัยมุ่งกลับหอ
เวลามืดค่ำแล้วแต่นักศึกษายังมาวิ่งออกกำลังกายกันอยู่พอสมควร บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยถูกจัดเป็นสวนสาธารณะ มีสนามหญ้าโล่งๆไว้เตะฟุตบอล มีลานซีเมนต์ไว้ตีแบดมินตัน หลายคนซึ่งมาออกกำลังกายที่พอจะรู้จักกับณภัทรอาจสงสัยว่าวันนี้ใครที่ไหนซ้อนหลังเขามา ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ช่วยตั้งชื่อเรื่องให้ทีครับ
อันนี้เนื้อเรื่องตอนที่๑ครับ
---
ตอนที่๑
ตึกสี่ชั้นสภาพเก่าคร่ำครึ สีขาวที่ทาไว้ลอกออกเสียเกือบหมด ทดแทนด้วยคราบน้ำฝนสีดำ ตึกสูงนี้รายล้อมด้วยไม้ยืนต้นสูงใหญ่ใบหนาทึบ จนปิดบังแสงแดดจากทุกสารทิศ แถมแผ่อากาศเย็นน่าขนลุกเข้ามาภายใน กลิ่นสาบเอกสารเก่าๆแทบจะโชยปะทะจมูกทันทีที่ก้าวจากบันไดถึงพื้นชั้นสอง
เรื่องเล่าขานที่เล่าต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่นผุดประดังเข้ามาในหัว บ้างลือว่าที่นี่เคยมีหัวหน้าฝ่ายเอกสารล่อลวงภรรยาตัวเองมาฆ่าหมกไว้ในตู้หลังถูกจับได้เรื่องบ้านเล็กบ้านน้อย บ้างลือว่าที่นี่มีวิญญาณเด็กดองชุกเพราะตึกหลังนี้เคยเป็นตึกเรียนของคณะแพทย์มาก่อน แม้ร่างกายจะถูกเคลื่อนย้าย แต่วิญญาณยังเล่นสนุกอยู่ที่นี่
ก้าวเดินมาจนสุดทางเดินก็ถึงห้องหัวหน้าฝ่ายเอกสาร ผู้มาเยือนยื่นมือออกไปคว้าลูกบิดแล้วหมุนจนเสียงดังคลิก จากนั้นผลักประตูเข้าไปพบกันเจ้าของห้อง
หัวหน้าฝ่ายเอกสารเป็นผู้หญิงวัยปลดเกษียร ตั้งแต่มีเรื่องอัปยศเสื่อมเสียในคราวนั้น หัวหน้าแผนกนี้ก็เป็นผู้หญิงมาโดยตลอด เธอนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแก่ๆเก่าๆหลังใหญ่ สวมชุดผ้าไหมสีม่วงเงาเลื่อม ลดแว่นตาลง เพ่งสายตามองมายังแขกที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามา
“ที่บ้านไม่สอนมารยาทก่อนจะเข้าห้องคนอื่นหรือ เธอควรจะเคาะประตูก่อนรึเปล่า?” น้ำเสียงที่เยียบเย็นสาดรดสามัญสำนึกของผู้ให้ให้ตระหนักและคิดได้
“เอ่อ...” ผู้มาเยือนเลิ่กลั่ก ทำตัวต่อไปไม่ถูก จะหันหลังกลับออกไปปฏิบัติใหม่ให้ตรงตามมารยาทคุณป้าก็ขัดเสียก่อน
“ไม่ต้องแล้ว เชิญนั่ง” หัวหน้าฝ่ายเอกสารผายมือเหี่ยวย่นเชื้อเชิญให้นั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
“อ่า... ขอบคุณครับ” ผู้มาเยือนกล่าวเสียงอ่อยเพราะใจเสีย รีบกุลีกุจอเอาก้นมาจ้ำเก้าอี้ไม้ ก้มหน้าก้มตายื่นเอกสารที่ถืออยู่ให้บุคคลตรงหน้า
หัวหน้าฝ่ายเอกสารรับมา ดันแว่นกลับเข้าที่ กวาดสายตาอ่านเอกสารในมือทีละบรรทัด
“นายณภัทร บรรจงธรรม” หัวหน้าฝ่ายอ่านชื่อของนักศึกษาหนุ่มผู้มาเยือน
ตามเอกสาร นายณภัทร บรรจงธรรม กรอกประวัติของตนเองไว้ดังนี้ อายุ 21 ปี ศึกษาอยู่คณะการสื่อสาร สาขาออกแบบสื่อ ชั้นปีที่ 3 ความสามารถพิเศษ-ไม่มี ผลงานที่ภาคภูมิใจ-ไม่มี เกรดเฉลี่ยภาคเรียนที่แล้วผ่านคะแนนรีไทร์มาอย่างน่ารัก-1.76 อาจารย์ที่ปรึกษาเขียนความคิดเห็นเอาไว้ว่า-‘มีทักษะฝีมือ ขยัน เอาการเอางาน เห็นควรที่จะได้รับทุนการศึกษา’ แค่นี้ไม่มากพอที่จะทำให้หัวหน้าฝ่ายปักใจเชื่อว่าทุนการศึกษาที่ให้นายคนนี้ไปจะไม่สูญเปล่า
ที่จริงแล้ว ณภัทร หรือ พัด เจ้าของฉายา ‘เดือนเกรียน เดือนกาก’ ไม่อยากแบกใบหน้าอันหล่อเหลามาขอทุนอย่างนี้หรอ สี่ปีการศึกษาที่ผ่านมาพ่อแม่ของเขาจ่ายค่าเทอมมหาโหดได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ปีนี้คงเป็นคราวเคราะห์ สวนผักอินทรีย์ปลอดสาร กิจการของที่บ้านถูกโรคร้ายเอาไปกินเรียบ ซ้ำเพื่อนสนิทของพ่อที่คบหากันมานานยังหักหลัง หลอกให้ลงชื่อเป็นคนค้ำประกันกู้เงินครึ่งล้านแล้วชิ่งหนีหายไปไหนไม่รู้ พ่อแม่ของเขาจำต้องขายที่ดินที่มีอยู่บางส่วนใช้หนี้สินที่ตนเองไม่ได้ก่อ หากไม่ได้รับทุนในภาคการศึกษานี้เขาคงต้องกลับบ้านนา แบกจอบแบกเสียบปลูกผักดายหญ้าไปตามยถากรรม
อ่านเอกสารจบหัวหน้าฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมามองณภัทร เหตุผลในการขอทุนที่เขียนมาเธอไม่เชื่ออย่างสนิทใจนัก ของแบบนี้โกหกกันได้ ปีที่ผ่านๆมาก็มีให้เห็น
“อืม ฉันรับเอกสารไว้แล้ว หมดธุระของเธอแล้วเชิญกลับได้” หัวหน้าฝ่ายพูดแล้วเบือนหน้าหนีไปสนใจกองเอกสารที่สุมอยู่บนโต๊ะ
“ผมจะได้ทุนไหมครับ?” ณภัทรถามอย่างร้อนใจ
หัวหน้าฝ่ายหันกลับมามองอย่างขุ่นข้อง “เธอไม่ได้อ่านกำหนดการหรือ ส่งเรื่องขอทุนการศึกษาได้จนถึงวันนี้ ที่จริงฉันไม่รับเอกสารของเธอก็ได้นะ ตามกำหนดการบอกไว้ว่ารับจนถึงสิบห้านาฬิกาครึ่ง นี่จวนจะสิบเจ็ดนาฬิกาแล้ว เธอควรใส่ใจมีวินัยให้มากกว่านี้นะ แล้วในวันที่สิบห้าจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุน สนใจอะไรบ้างไหม สักแต่ว่าเขียนมาส่งๆ พวกได้ทุนแล้วเอาไปเที่ยวเตร่เยอะแยะไป” หัวหน้าฝ่ายพร่ำยาวสอนเด็กเมื่อวานซืนที่นั่งฟังอย่างเจียมตัว
“ผมลำบากจริงๆนะครับ ถ้าไม่ได้ทุนเทอมนี้ผมคงต้องดรอปแล้วไปช่วยงานที่บ้าน”
“นั้นแหละดี เธอจะได้ใช้เวลาพิจารณาตัวเองว่าเหมาะสมกับการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนี้หรือไม่”
ณภัทรจ๋อย คำด่าเจ็บๆคันๆผุดขึ้นมาในหัวมหาศาล แต่ถ้าปล่อยให้คำในคำหนึ่งหลุดออกจากปากไป มีหวังเขาได้พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาแน่
“งั้นผมลาละครับ” ณภัทรยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายแล้วลุกเดินไปที่ประตู
“เดี๋ยว” น้ำเสียงเย็นเยียบสะกดฝีเท้าชายหนุ่มมิให้เคลื่อนไหว “ชายเสื้อน่ะมันควรจะอยู่ในกางเกงไม่ใช่หรือ แล้วขากางเกงลีบเล็กขนาดนั้นมันถูกระเบียบแล้วหรือ?”
ณภัทรซึ่งยืนหันหลังให้เบ้ปากอย่างรำคาญใจ แต่เขาก็ยอมทำตามความต้องการที่สื่อออกมาของหัวหน้าฝ่ายเจ้าระเบียบ โดยการจับชายเสื้อยัดใส่เข้าไปในกางเกงสแล็กสีดำ ในใจก็นึกค้าน ‘นี่มันจะห้าโมงแล้ว เลยเวลาราชการแล้ว ผมจะแต่งตัวยังไงก็เรื่องของผม’ ก้าวขาฉับๆออกห้องแล้วปิดประตูเบาๆ
หัวหน้าฝ่ายน่ากลัวกว่าที่คิด คิดว่าตัวเองเป็นราชินีดินแดนมหัศจรรย์ในเทพนิยายอยู่รึไงถึงมีสิทธิ์จะบงการใครก็ได้ ในสายตาของณภัทรหัวหน้าฝ่ายเป็นได้แค่นางพญาปลวกปลดประจำการ อุดอู้อยุ่ในรังแคบๆที่มีตำราเก่าไว้เอาไว้แทะเป็นของทานเล่น
ปวดฉี่เป็นบ้า ไม่รู้คุณป้าพญาปลวกทนหนาวอยู่ในห้องนั้นได้อย่างไร ขนาดไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศยังทำเอาณภัทรขาสั่นพั่บๆ น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจเกือบทำเขาฉี่ราด ต้องทนอั้นฉี่ไว้ตั้งแต่ประโยคแรกที่นางพญาถาม ราวเหมือนแกล้งกันเธออ่านเอกสารของเขาช้ามากอย่างกับสะกดอ่านทีละตัวทีละวรรค
ณภัทรเดินออกมาจากหน้าห้องซึ่งเขาขนานนามเสียใหม่ว่ารังปลวก มุ่งหน้าหาห้องน้ำเพื่อปลดปล่อยสวัสดิกะที่ไหลเวียนภายในกระเพาะปัสสาวะ เขายืนอยู่หน้าโถปัสสาวะแล้ว จัดแจงอะไรให้เข้าที่เพื่อที่จะยืนฉี่ได้อย่างไม่เลอะเทอะ
ความรู้สึกเหมือนได้ดูฉากสุดท้ายของหนังดราม่า ที่ตัวเอกผ่านพ้นมรสุมต่างๆในชีวิตจนพบเจอกับความสุขความสำเร็จ เขามั่นใจว่าคงพลาดทุนนี้ไปอย่างแน่นอน พอกันทีไม่อยากข้องแวะกับนางพญาปลวกปลดประจำการนั่นอีกแล้ว แค่เรียนช้ากว่าเพื่อน จบช้ากว่าเพื่อนความฝันที่จะได้เป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอศิลปินเกาหลีอาจมาช้าหน่อย แต่เขารอได้ เพื่อฝันอันสูงสุด
“โห... ใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย” น้ำเสียงผู้ชายทะลึ่งทะเล้นปลุกณภัทรให้ตื่นจากภวังค์ หันซ้ายหันขวาเหลียวหน้ามองหลังหาเจ้าของเสียงแต่ไม่ยักเจอใครสักคนในห้องน้ำชายแห่งนี้ บรรยากาศที่เงียบกริบ กลิ่นน้ำยาล้างห้องน้ำเพิ่งจะมาฉุนเข้าจมูก มันชวนเขานึกถึงโรงพยาบาลอันสะอาดสะอ้าน คิดเชื่อมโยงไปถึงตำนานตึกเก่าหลังนี้
ในเมื่อไม่มีใคร เสียงลึกลับที่ได้ยินชัดเต็มสองหูนั่นมาจากไหน
ขนลุกซู่
เสียวสันหลังวาบ
ณภัทรรีบทำธุระของตัวเองให้เสร็จโดยไว สติของเขาเดินแซงไปรออยู่ที่รถมอเตอร์ไซด์ซึ่งจอดไว้หน้าตึกเรียบร้อยแล้ว เขาว่าปกติขาของเขาก้าวได้ไวกว่านี้ แต่หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ไหงถึงได้ช้าเป็นเต่าจำศีล บันไดลงไปชั้นล่างอยู่ใกล้แค่ไม่กี่ก้าว ระหว่างที่กำลังจะวตัวเลี้ยวต้องชะงักกับชายรูปร่างสันทัดที่โผล่เข้ามาขวาง
ชายคนนี้ตัวสูงกว่าณภัทรเล็กน้อย ผิวคล้ำกว่าเยอะแต่ไม่ถึงกับดำ หุ่นล้ำอย่างนี้ไม่เป็นนักฟุตบอลก็นักบาสเก็ตบอล ของอย่างนี้ดูไม่ยาก ถ้าเขาสวมรองเท้าสตั๊ดแสดงว่าเป็นนักฟุตบอล ถ้าสวมรองเท้าหุ้มข้อแสดงว่าเป็นนักบาสเก็ตบอล
แต่ให้ตายเถอะเมื่อมองลงมายังส่วนล่างสุดของบุรุษนิรนาม ณภัทรกลับไม่พบอวัยวะที่เรียกว่าเท้า ร่างการของชายคนนี้ลอยอยู่เหนือพื้น! เพียงเท่านั้นหัวใจของณภัทรก็สูบฉีดเลือดช้าลง ตาเบลอมองอะไรก็หมุนคว้า แข้งเข่าอ่อนรับน้ำหนักร่างกายไม่ไหวจนล้มพับนอนสลบเสียตรงนั้น
“นี่เธอ เป็นอะไรรึเปล่า มานอนทำไมตรงนี้?”
เสียงเรียกพร้อมเขย่าปลุกชายหนุ่มผู้หลับใหลจากอาการตกใจให้ค่อยๆฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง เขากระพริบตาปรับรูม่านตาให้สู้แสงสว่างจากหลอดไฟบนเพดานได้ ภาพสตรีค่อยๆปรากฏชัดขึ้น
นางพญาปลวก!
ณภัทรสะดุ้งเท้ากระตุกทีหนึ่ง
“มานอนทำไมตรงนี้ สิบแปดนาฬิกากว่าแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับ เป็นอะไรรึเปล่า?” หัวหน้าฝ่ายถามไถ่อย่างเป็นห่วง ณภัทรแปลกใจว่านางพญาปลวกผู้นี้จะพูดว่าสิบแปดนาฬิกากว่าทำไม เขาต้องเสียเวลาเอาเลขสิบสองมาลบเลขสิบแปดในใจ ถึงจะรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว บอกตั้งแต่ทีแรกว่าหกโมงจะง่ายกว่า เขาจะได้ไม่ต้องคำนวณเลขซึ่งไม่ถนัดเอาเสียเลย
“เอ่อ... ผม” ภาพก่อนจะสลบหมดสติกรอกลับมาฉากในหัวอีกครั้ง “ผมเจอผีครับ ผีผู้ชายขาขาด!”
หัวหน้าฝ่ายยิ้มเยาะ “ฉันอยู่ที่นี่มาสามสิบกว่าปีไม่เคยเจอผีเลยนะ เอคงเหนื่อยล่ะซิ กลับเองไหวรึเปล่า โทรฯให้เพื่อนมารับไหม?”
ณภัทรนินทาในใจ ‘อยู่มาสามสิบกว่าปีจนมีผีเป็นเพื่อนละไม่ว่า’
“เอายังไง จะยืมโทรศัพท์ที่ห้องฉันโทรเรียกเพื่อนหรือผู้ปกครองมารับไหม?” แม้จะถามอย่างห่วงใยแต่สายตาที่มองมานั่นเย็นชาซะเหลือเกิน
“ใครมันอยากกลับไปรังปลวกนั่นอีกล่ะ” ณภัทรเพียงแค่คิดในใจ เขาพูดรักษาน้ำใจอย่างสุภาพไปว่า “ขอบคุณครับ ผมไม่รบกวนหรอก ขอแค่ไปส่งผมที่รถก็พอ ผมจอดไว้ที่หน้าตึก”
“ได้ซิ ฉันก็กำลังจะกลับ จอดรถไว้ที่หน้าตึกเหมือนกัน”
ณภัทรยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง เขาเหลียวมองไปรอบตัวไม่เจอใครเลยนอกจากนางพญาปลวกปลดประจำการที่ยืนเย็นชาอยู่ตรงหน้า สงสัยเหลือเกินว่าหน้าไม่รับแขกอย่างนี้มีเพื่อนคบกับเขาบ้างไหม
ทั้งสองลงบันไดมาพร้อมกัน ณภัทรแอบสงสัยอีกว่าค่ำมืดป่านนี้ทุกคนในตึกต่างกลับบ้านกลับช่องกันหมด แต่ทำไมนางพญาปลวกผู้นี้ถึงยังสิงสถิตอยู่ เธอไม่รู้ตำนานเล่าขานชวนขนลุกของตึกเก่าหลังนี้เลยรึไง หรือรู้แต่ไม่กลัว เพราะคนกับผีเป็นเพื่อนกัน
เมื่อลงมาถึงช่องจอดรถ ณภัทรก็ไหว้ขอบคุณหัวหน้าฝ่ายงามๆหวังขอเมตตาเป็นครั้งสุดท้าย เขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าด้านหลังกางเกง ยกขาควบเบาะ เสียบกุญแจ บิดเบรก กดปุ่มสตาร์ท นางพญาปลวกที่เขาตั้งสมญานามให้ก็เดินดุ่มๆไปขึ้นรถกระบะคันเล็กที่จอดอยู่ไม่ไกล ผู้หญิงอะไรขับรถกระบะ ช่างเหมาะกับสามคำนี้เหลือเกิน โคตร-คน-อึด วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ ณภัทรหัวเราะฮึๆก่อนจะเร่งเครื่องออกสู่ถนนในมหาวิทยาลัยมุ่งกลับหอ
เวลามืดค่ำแล้วแต่นักศึกษายังมาวิ่งออกกำลังกายกันอยู่พอสมควร บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยถูกจัดเป็นสวนสาธารณะ มีสนามหญ้าโล่งๆไว้เตะฟุตบอล มีลานซีเมนต์ไว้ตีแบดมินตัน หลายคนซึ่งมาออกกำลังกายที่พอจะรู้จักกับณภัทรอาจสงสัยว่าวันนี้ใครที่ไหนซ้อนหลังเขามา ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย