เพียงครึ่งใจ (บทที่ 34)
อนรรฆกระพริบตาสองสามที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกตัว แต่เป็นครั้งแรกที่เขาตื่นด้วยความรู้สึก
ความเจ็บแสนทรมานเพราะบาดแผลและพิษไข้ที่ทำให้เขาร้าวไปทั้งตัวนั้น ยังไม่ชัดเจนอ่อนไหวเท่ากับรู้สึกว่านิหล่าอยู่ข้างๆ
“นิหล่า…” เสียงของเขาตระโกนเรียกหลายหน
ตะโกน…แต่ในความเป็นจริงเป็นเพียงเสียงแผ่วด้วยลมหายใจริบหรี่ หากหญิงสาวที่อยู่ข้างเตียงคนไข้ไม่ห่างก็ได้ยินเสมอ และทุกครั้ง เธอก็จะบีบมือของเขาแน่นขึ้น เปี่ยมด้วยความรู้สึกให้เขารับรู้ว่าเธอ…อยู่ตรงนี้
เท่านี้ คนเจ็บที่ร้อนรนเพราะบาดแผลก็สงบนิ่ง
เพียงแต่คราวนี้ เขาจับมือของเธอแน่น โดยที่มืออีกข้างที่โยงด้วยสายน้ำเกลือพยายามยกขึ้นเพื่อแตะใบหน้านวลที่ก้มลงเกือบแนบชิด
“นิหล่า…ขอโทษ”
เขาพร่ำอยู่เช่นนั้น จนแม้แต่อังคณาที่ยืนห่างออกมายังต้องซับน้ำตา มองภาพตรงหน้า
นิหล่าเห็นคนเจ็บยิ้มก่อนที่เขาจะหมดสติอีกครั้ง
หญิงสาวลูบหน้าที่เธอพิมพ์ประทับไว้ตั้งแต่แรกเจอ จนแอบเก็บไปเพ้อฝัน เพราะ…หลงรูป จนหลงรัก
และก็เพราะ…
รัก เธอจึงได้ทำทุกอย่างเพื่อให้อนรรฆ…
รอด
ไม่ว่าอย่างไร อนรรฆต้อง…ปลอดภัย
“ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วค่ะอาจารย์” หญิงสาวหันมาบอกกับอังคณา “และเรื่องที่จะย้ายคุณอนรรฆกลับเมืองไทยก็ไม่เป็นปัญหา ทางการอนุญาติ และดิฉันก็ประสานไปกับทางคอนโรแล้ว เรื่องจะนำเครื่องบินมารับคุณอนรรฆ”
แววตาเศร้าอาวรณ์เหลือบมองร่างของคนเจ็บที่นอนนิ่ง
ที่เมืองไทยมีเครื่องมือการแพทย์ที่ครบครันทันสมัยกว่า โรงพยาบาลเล็กๆ ในย่างกุ้ง ที่เมื่อวันสองวันแรก ช่วยแค่เยื้อชีวิตเขาได้ แต่ช่วยให้พ้นขีดอันตรายก็แสนยากเย็น
ตอนนี้ที่เขารอดพ้นขีดอันตราย ก็เพราะเงินของคอนโรที่นำเครื่องมือแพทย์และคณะแพทย์มาจากเมืองไทย
“ขอบใจมากนะจ๊ะที่ช่วยเป็นธุระทุกอย่างให้” น้ำเสียงและแววตาของอังคณาบ่งบอกเช่นนั้นจากใจจริง “แล้วคนที่ทำ…”
“ทางเรากำลังสืบอยู่ค่ะ คงรู้คำตอบเร็วๆ นี้”
เงินของคอนโร และการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้การหาคนอยู่เบื้องหลัง และกลุ่มที่ลงมือนั้นไม่ยาก
เส้นสายของ…
ท่าน และของซินยอทำให้ทางการพม่าพลิกแผ่นดินล่ากลุ่มคนที่ลงมือ
บารมีของ…
ท่าน และการวิ่งเต้นของคอนโร ทำให้การนำตัวอนรรฆกลับนั้นไม่ยาก แม้ว่าการสอบสวนยังไม่สิ้นสุด เพราะนิหล่ายืนยันว่าเขาต้องกลับไปรักษาตัวที่เมืองไทย
คล้ายดั่งเช่นที่เธอยืนยันจะอยู่เฝ้าไข้เขาไม่ห่างไปไหน ราวจงอางหวงไข่
เธอหวงและเป็นกังวล ท่าน…หรืออองเมียทตูจะไม่วางมือ อาจจะซ้ำเติม
แม้คอนโรจะส่งทีมคุ้มกันมือดี หรือว่าทางรัฐบาลจะส่งทหารมาอารักขา หญิงสาวก็ยังไม่วางใจ
ให้พ่อและแม่ หรือมองก๊กอ้อนวอน แต่เธอยืนกรานที่จะเฝ้าเขา และพาเขากลับเมืองไทยอย่างปลอดภัย
ถ้าเธออยู่ข้างๆ เขา…คนของท่านย่อมไม่กล้า ไม่แม้จะโผล่หน้ามาให้เธอเห็น
อองเมียทตู กล้า แต่ก็โดนเธอไล่เตลิดกลับไป โดยที่นิหล่าย้ำไล่หลัง
“ต่อให้ไม่มีเขา ฉันก็ไม่มีวันแต่งงานกับเธอ”
และต่อให้เธอไม่มีอนรรฆในชีวิตจนลมหายใจสุดท้าย…แต่เขาต้องมีชีวิตอยู่
อาการของเขาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฝีมือทีมแพทย์ชั้นเยี่ยม และยาบวกอุปกรณ์การแพทย์ชั้นดีที่มีให้ ‘ซื้อ’ ในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของกรุงเทพฯ
“กำลังใจดี” คุณหญิงดิลกาเคยกระซิบบอกเธอ
คนในครอบครัวเขาโล่งใจ คลายความกังวล
“คุณนนท์เรียกหาแต่หนู” ละเมียดยังเคยได้ยิน
เพียงแต่ว่าเมื่อไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว นิหล่าจึงค่อยๆ ห่างหายไป โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเขามีทั้งพรพิมลและทัศนีย์ อีกหลายคนอื่นที่เข้ามาดูแลเต็มที่อย่างไม่ขาดสาย
เธอรับรู้ ดูอยู่ห่างๆ เช่นในตอนนี้ที่ร่างอรชรยังคงยืนนิ่งอยู่ในมุมของห้องสูทหรูในคอนโดสูงที่มองเห็นหลังคาบ้านเก่า และต้นประดู่สีเหลืองสด
ได้มองแค่นี้ก็สุขใจ รู้ว่าเขาปลอดภัย
เสียงเพลงคลาสสิกที่เปิดคลอเป็นเพื่อน ทำให้…ใจสงบ แม้ว่าความคิดของเธอยังคงโลดแล่นเพราะคิดถึง ทว่าเสียงกดกริ่งเรียกจากล็อบบี้ หยุดความคิดทั้งหมด
นิหล่าเปิดเครื่องติดต่อภายในที่แสนทันสมัย
“ป้าเมียดให้ผมเอากับข้าวมาส่งครับ” ใบหน้าของมาโนชรายงานผ่านจอเล็กๆ ของเครื่อง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นหลายครั้งที่ละเมียดฝากกับข้าวขนมของต่างๆ มาให้ ตั้งแต่รู้ว่าเธอพักอยู่คอนโดใกล้ๆ
น้ำใจและความเอ็นดูก็ยังมีมาให้เธอไม่เสื่อมคลาย และเหมือนจะมากยิ่งขึ้นเมื่อหญิงชรารู้ว่าเธอเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยเรื่องของอนรรฆมาตลอด
“เอาขึ้นมาเลยจ้ะ” หญิงสาวบอกเช่นนั้น ก่อนจะไปรออยู่ที่หน้าประตู
และพอเสียงกริ่งหน้าห้องดัง เธอก็เปิดประตูทันที หากแล้วก็ต้องอุทาน เพราะคนที่ยืนอยู่ไม่ใช่มาโนช
“คุณอนรรฆ…”
ใบหน้าคมคาย…จนเคยทำให้เธอหลงรูป ยังคงซีดเซียวเพราะพิษบาดแผล ทว่ารอยยิ้มของเขาแจ่มชัด
“ทั้งพี่นา ทั้งคุณอา และเมียดบอกว่าคุณช่วยผมมากเหลือเกิน ผมยังไม่ได้ขอบคุณ ก็เลยถือโอกาสแวะมา” การพูดของเขาเป็นทางการ ไม่ต่างจากการยื่นกล่องกับข้าวที่ถือในมือให้อีกฝ่าย “เมียดฝากมาให้ ผมคิดว่ามันสมควรที่ผมเอามาให้ด้วยตัวเอง ขอเข้าไปข้างในได้ไหม”
คำขอของเขาชั่งใจยิ่งยวดก่อนบอกต่อว่า
“อย่าเพิ่งไล่ผมไป เหมือนที่ผมเคยไล่คุณเลยนะ ขอเวลาแค่ห้านาที แล้วผมจะกลับ”
อาจจะเป็นเสียงของเขาที่บอก หรือเป็นสิ่งที่เขาบอก ที่ทำให้เธอเปิดประตูห้องกว้างคล้ายเป็นการเชิญ
นิหล่ากลืนความรู้สึกทั้งหมดลงคออย่างยากเย็น มองร่างของเขาที่ไปยืนอยู่หน้าโซฟาในบริเวณห้องรับแขก
ร่างระหงสาวเท้าก้าวเข้าไปช้าๆ ราวไม่ไว้ใจทั้งเขาและตัวเธอเอง และเมื่อเข้าไปใกล้ อ้อมแขนแข็งแรงที่แสนคุ้นเคยของเขาก็พลันคว้าร่างเธอเข้าไปกอด
แน่น…นาน
นิหล่าไม่ได้สะอื้น ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตาที่คลอเป้า
อันว่าความกรุณาปรานี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
“ขอบคุณนะนิหล่า ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมขอโทษในสิ่งไม่ดีที่พูดออกไป ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ก็ตาม…” อ้อมแขนของเขาสั่นสะท้าน ไม่ต่างจากน้ำเสียง
อนรรฆละอ้อมแขน…อาวรณ์ด้วยความคิด
ผูกพันกันธรรมดาก็ยากพอแล้ว แต่นี่ดันผูกจิตพิศวาสปรารถนาไม่เสื่อมคลาย
แต่นิหล่าและอองเมียทตู…ความจริงที่เขาต้องยอมรับ
‘นิหล่ารักคุณ รักมานาน และรักมากกว่าคนที่เป็นคู่รัก เพื่อนรัก เช่นอองเมียทตู ตอนนั้นที่สิงคโปร์ นิหล่าอยู่กับคุณเพราะทั้งหลงทั้งรักคุณ แต่ตอนนี้นิหล่าต้องตัดใจจากคุณก็เพราะเหตุผลเดียวกัน’ มองก๊กบอกเขาเช่นนั้นไม่กี่วันมานี้เอง ‘นิหล่าไม่มีทางเลือก รักคุณ แต่ก็ไม่สามารถจะทนเห็นคุณเป็นอะไรไปได้ น้องสาวของฉันไม่เคยต้องทุกข์ในชีวิต จะทุกข์ที่สุดก็เมื่อได้รู้จักที่จะรักคุณ’
“อย่าทุกข์เพื่อผมอีกเลยนะนิหล่า พอได้แล้ว พอกันที”
“คุณอนรรฆ” เสียงของเธอและแววตาที่มองเขา บ่งบอกความรู้สึกหลายอย่าง
ทั้ง…รัก
ทั้ง…อาวรณ์
(ต่อ)
เพียงครึ่งใจ (บทที่ 34) โดย มานัส
อนรรฆกระพริบตาสองสามที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกตัว แต่เป็นครั้งแรกที่เขาตื่นด้วยความรู้สึก
ความเจ็บแสนทรมานเพราะบาดแผลและพิษไข้ที่ทำให้เขาร้าวไปทั้งตัวนั้น ยังไม่ชัดเจนอ่อนไหวเท่ากับรู้สึกว่านิหล่าอยู่ข้างๆ
“นิหล่า…” เสียงของเขาตระโกนเรียกหลายหน
ตะโกน…แต่ในความเป็นจริงเป็นเพียงเสียงแผ่วด้วยลมหายใจริบหรี่ หากหญิงสาวที่อยู่ข้างเตียงคนไข้ไม่ห่างก็ได้ยินเสมอ และทุกครั้ง เธอก็จะบีบมือของเขาแน่นขึ้น เปี่ยมด้วยความรู้สึกให้เขารับรู้ว่าเธอ…อยู่ตรงนี้
เท่านี้ คนเจ็บที่ร้อนรนเพราะบาดแผลก็สงบนิ่ง
เพียงแต่คราวนี้ เขาจับมือของเธอแน่น โดยที่มืออีกข้างที่โยงด้วยสายน้ำเกลือพยายามยกขึ้นเพื่อแตะใบหน้านวลที่ก้มลงเกือบแนบชิด
“นิหล่า…ขอโทษ”
เขาพร่ำอยู่เช่นนั้น จนแม้แต่อังคณาที่ยืนห่างออกมายังต้องซับน้ำตา มองภาพตรงหน้า
นิหล่าเห็นคนเจ็บยิ้มก่อนที่เขาจะหมดสติอีกครั้ง
หญิงสาวลูบหน้าที่เธอพิมพ์ประทับไว้ตั้งแต่แรกเจอ จนแอบเก็บไปเพ้อฝัน เพราะ…หลงรูป จนหลงรัก
และก็เพราะ…รัก เธอจึงได้ทำทุกอย่างเพื่อให้อนรรฆ…รอด
ไม่ว่าอย่างไร อนรรฆต้อง…ปลอดภัย
“ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วค่ะอาจารย์” หญิงสาวหันมาบอกกับอังคณา “และเรื่องที่จะย้ายคุณอนรรฆกลับเมืองไทยก็ไม่เป็นปัญหา ทางการอนุญาติ และดิฉันก็ประสานไปกับทางคอนโรแล้ว เรื่องจะนำเครื่องบินมารับคุณอนรรฆ”
แววตาเศร้าอาวรณ์เหลือบมองร่างของคนเจ็บที่นอนนิ่ง
ที่เมืองไทยมีเครื่องมือการแพทย์ที่ครบครันทันสมัยกว่า โรงพยาบาลเล็กๆ ในย่างกุ้ง ที่เมื่อวันสองวันแรก ช่วยแค่เยื้อชีวิตเขาได้ แต่ช่วยให้พ้นขีดอันตรายก็แสนยากเย็น
ตอนนี้ที่เขารอดพ้นขีดอันตราย ก็เพราะเงินของคอนโรที่นำเครื่องมือแพทย์และคณะแพทย์มาจากเมืองไทย
“ขอบใจมากนะจ๊ะที่ช่วยเป็นธุระทุกอย่างให้” น้ำเสียงและแววตาของอังคณาบ่งบอกเช่นนั้นจากใจจริง “แล้วคนที่ทำ…”
“ทางเรากำลังสืบอยู่ค่ะ คงรู้คำตอบเร็วๆ นี้”
เงินของคอนโร และการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้การหาคนอยู่เบื้องหลัง และกลุ่มที่ลงมือนั้นไม่ยาก
เส้นสายของ…ท่าน และของซินยอทำให้ทางการพม่าพลิกแผ่นดินล่ากลุ่มคนที่ลงมือ
บารมีของ…ท่าน และการวิ่งเต้นของคอนโร ทำให้การนำตัวอนรรฆกลับนั้นไม่ยาก แม้ว่าการสอบสวนยังไม่สิ้นสุด เพราะนิหล่ายืนยันว่าเขาต้องกลับไปรักษาตัวที่เมืองไทย
คล้ายดั่งเช่นที่เธอยืนยันจะอยู่เฝ้าไข้เขาไม่ห่างไปไหน ราวจงอางหวงไข่
เธอหวงและเป็นกังวล ท่าน…หรืออองเมียทตูจะไม่วางมือ อาจจะซ้ำเติม
แม้คอนโรจะส่งทีมคุ้มกันมือดี หรือว่าทางรัฐบาลจะส่งทหารมาอารักขา หญิงสาวก็ยังไม่วางใจ
ให้พ่อและแม่ หรือมองก๊กอ้อนวอน แต่เธอยืนกรานที่จะเฝ้าเขา และพาเขากลับเมืองไทยอย่างปลอดภัย
ถ้าเธออยู่ข้างๆ เขา…คนของท่านย่อมไม่กล้า ไม่แม้จะโผล่หน้ามาให้เธอเห็น
อองเมียทตู กล้า แต่ก็โดนเธอไล่เตลิดกลับไป โดยที่นิหล่าย้ำไล่หลัง
“ต่อให้ไม่มีเขา ฉันก็ไม่มีวันแต่งงานกับเธอ”
และต่อให้เธอไม่มีอนรรฆในชีวิตจนลมหายใจสุดท้าย…แต่เขาต้องมีชีวิตอยู่
อาการของเขาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฝีมือทีมแพทย์ชั้นเยี่ยม และยาบวกอุปกรณ์การแพทย์ชั้นดีที่มีให้ ‘ซื้อ’ ในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของกรุงเทพฯ
“กำลังใจดี” คุณหญิงดิลกาเคยกระซิบบอกเธอ
คนในครอบครัวเขาโล่งใจ คลายความกังวล
“คุณนนท์เรียกหาแต่หนู” ละเมียดยังเคยได้ยิน
เพียงแต่ว่าเมื่อไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว นิหล่าจึงค่อยๆ ห่างหายไป โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเขามีทั้งพรพิมลและทัศนีย์ อีกหลายคนอื่นที่เข้ามาดูแลเต็มที่อย่างไม่ขาดสาย
เธอรับรู้ ดูอยู่ห่างๆ เช่นในตอนนี้ที่ร่างอรชรยังคงยืนนิ่งอยู่ในมุมของห้องสูทหรูในคอนโดสูงที่มองเห็นหลังคาบ้านเก่า และต้นประดู่สีเหลืองสด
ได้มองแค่นี้ก็สุขใจ รู้ว่าเขาปลอดภัย
เสียงเพลงคลาสสิกที่เปิดคลอเป็นเพื่อน ทำให้…ใจสงบ แม้ว่าความคิดของเธอยังคงโลดแล่นเพราะคิดถึง ทว่าเสียงกดกริ่งเรียกจากล็อบบี้ หยุดความคิดทั้งหมด
นิหล่าเปิดเครื่องติดต่อภายในที่แสนทันสมัย
“ป้าเมียดให้ผมเอากับข้าวมาส่งครับ” ใบหน้าของมาโนชรายงานผ่านจอเล็กๆ ของเครื่อง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นหลายครั้งที่ละเมียดฝากกับข้าวขนมของต่างๆ มาให้ ตั้งแต่รู้ว่าเธอพักอยู่คอนโดใกล้ๆ
น้ำใจและความเอ็นดูก็ยังมีมาให้เธอไม่เสื่อมคลาย และเหมือนจะมากยิ่งขึ้นเมื่อหญิงชรารู้ว่าเธอเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยเรื่องของอนรรฆมาตลอด
“เอาขึ้นมาเลยจ้ะ” หญิงสาวบอกเช่นนั้น ก่อนจะไปรออยู่ที่หน้าประตู
และพอเสียงกริ่งหน้าห้องดัง เธอก็เปิดประตูทันที หากแล้วก็ต้องอุทาน เพราะคนที่ยืนอยู่ไม่ใช่มาโนช
“คุณอนรรฆ…”
ใบหน้าคมคาย…จนเคยทำให้เธอหลงรูป ยังคงซีดเซียวเพราะพิษบาดแผล ทว่ารอยยิ้มของเขาแจ่มชัด
“ทั้งพี่นา ทั้งคุณอา และเมียดบอกว่าคุณช่วยผมมากเหลือเกิน ผมยังไม่ได้ขอบคุณ ก็เลยถือโอกาสแวะมา” การพูดของเขาเป็นทางการ ไม่ต่างจากการยื่นกล่องกับข้าวที่ถือในมือให้อีกฝ่าย “เมียดฝากมาให้ ผมคิดว่ามันสมควรที่ผมเอามาให้ด้วยตัวเอง ขอเข้าไปข้างในได้ไหม”
คำขอของเขาชั่งใจยิ่งยวดก่อนบอกต่อว่า
“อย่าเพิ่งไล่ผมไป เหมือนที่ผมเคยไล่คุณเลยนะ ขอเวลาแค่ห้านาที แล้วผมจะกลับ”
อาจจะเป็นเสียงของเขาที่บอก หรือเป็นสิ่งที่เขาบอก ที่ทำให้เธอเปิดประตูห้องกว้างคล้ายเป็นการเชิญ
นิหล่ากลืนความรู้สึกทั้งหมดลงคออย่างยากเย็น มองร่างของเขาที่ไปยืนอยู่หน้าโซฟาในบริเวณห้องรับแขก
ร่างระหงสาวเท้าก้าวเข้าไปช้าๆ ราวไม่ไว้ใจทั้งเขาและตัวเธอเอง และเมื่อเข้าไปใกล้ อ้อมแขนแข็งแรงที่แสนคุ้นเคยของเขาก็พลันคว้าร่างเธอเข้าไปกอด
แน่น…นาน
นิหล่าไม่ได้สะอื้น ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตาที่คลอเป้า
อันว่าความกรุณาปรานี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
“ขอบคุณนะนิหล่า ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมขอโทษในสิ่งไม่ดีที่พูดออกไป ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ก็ตาม…” อ้อมแขนของเขาสั่นสะท้าน ไม่ต่างจากน้ำเสียง
อนรรฆละอ้อมแขน…อาวรณ์ด้วยความคิด
ผูกพันกันธรรมดาก็ยากพอแล้ว แต่นี่ดันผูกจิตพิศวาสปรารถนาไม่เสื่อมคลาย
แต่นิหล่าและอองเมียทตู…ความจริงที่เขาต้องยอมรับ
‘นิหล่ารักคุณ รักมานาน และรักมากกว่าคนที่เป็นคู่รัก เพื่อนรัก เช่นอองเมียทตู ตอนนั้นที่สิงคโปร์ นิหล่าอยู่กับคุณเพราะทั้งหลงทั้งรักคุณ แต่ตอนนี้นิหล่าต้องตัดใจจากคุณก็เพราะเหตุผลเดียวกัน’ มองก๊กบอกเขาเช่นนั้นไม่กี่วันมานี้เอง ‘นิหล่าไม่มีทางเลือก รักคุณ แต่ก็ไม่สามารถจะทนเห็นคุณเป็นอะไรไปได้ น้องสาวของฉันไม่เคยต้องทุกข์ในชีวิต จะทุกข์ที่สุดก็เมื่อได้รู้จักที่จะรักคุณ’
“อย่าทุกข์เพื่อผมอีกเลยนะนิหล่า พอได้แล้ว พอกันที”
“คุณอนรรฆ” เสียงของเธอและแววตาที่มองเขา บ่งบอกความรู้สึกหลายอย่าง
ทั้ง…รัก
ทั้ง…อาวรณ์
(ต่อ)