เพียงครึ่งใจ (บทที่ 31)
การสูญเสีย…หัวใจ…ของอนรรฆนั้นถูกตอกย้ำในวันรุ่งขึ้นเมื่อเธอเห็นเขาอยู่กับอังคณาและทัศนีย์ในบริเวณล็อบบี้โรงแรม
แววตาแข็งกร้าวคู่นั้นราวไม่ใช่อนรรฆคนเดิม ประกายจ้านั้นจัดแลดูน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อทัศนีย์คล้ายบอกอะไรบางอย่าง
ทัศนีย์จำเธอได้ แม้แต่อาจารย์อังคณาก็จำได้ นิหล่าจึงจำใจเข้าไปทักทายกับอังคณาในฐานะที่เคยเรียนเป็นลูกศิษย์เมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ว่าอนรรฆพลันลุกขึ้นเดินออกไปก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปถึงที่โต๊ะเสียด้วยซ้ำ
ให้เขาเคยโกรธ เคยโมโหแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเป็นแบบนี้ ท่าทางโกรธจัดเช่นนี้นิหล่าดูออก และผู้เป็นพี่สาวของเขาก็ต้องดูออกเช่นกัน
คงมีแต่ทัศนีย์ที่ไม่รู้ถึงความผิดปรกติใดๆ ยังทักทาย ‘เพื่อน’ รุ่นน้องสองสามคำโอ้อวดถึง…พี่นนท์เช่นเคย แล้วจึงวิ่งตามเขาออกไป
“รู้จักกับนนท์…คุณอนรรฆเพราะทำงานด้วยกันใช่ไหม” คำถามเรียบของอังคณาแฝงความใคร่อยากรู้
“ค่ะ บริษัทเข้าร่วมทุนกับคอนโร”
“แล้วรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ไหม…ขอโทษที่ถาม”
“เคยแต่เห็นตอนที่คุณอนรรฆมารับส่งอาจารย์ และคุณทัศนีย์ค่ะ” นิหล่าตอบตามตรง เว้นแค่ช่วงที่สิงคโปร์เท่านั้น “คุณทัศนีย์เคยพูดถึงบ่อยๆ”
“งั้นหรอกหรือ” สีหน้าของอังคณายังคงมีแววครุ่นคิดสงสัยไม่วาย
ก็น่าสงสัยอยู่หรอกเพราะปฏิกิริยาของน้องชายเมื่อครู่ หนำซ้ำ…เด็กพม่าคนนี้ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหล่เลย งาม…แม้เติมเพียงเครื่องสำอางอ่อนๆ
ถ้าอนรรฆจะหลงก็คงไม่แปลก
แต่ที่สำคัญ…ความห่างเหินบางอย่างที่อนรรฆเพิ่งแสดง บ่งบอกว่ามีอะไรมากกว่าแค่ทำงานด้วยกัน
“แล้วนี่กลับกรุงเทพฯ พร้อมคุณอนรรฆหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ดิฉันต้องเดินทางไปที่อื่นต่อ” หญิงสาวบอก และคิดว่าดูไม่ผิดเห็นอาการลอบถอนหายใจโล่งอกของอีกฝ่าย
จนเธอแอบคิด บางที…จบ แบบนี้อาจดีแล้วสำหรับทุกฝ่าย
ความคิดเพียงวูบถูกรบกวนด้วยการพรวดพราดเข้ามาของทัศนีย์ที่บอกเสียงหวานกับแม่เลี้ยง
“คุณนาขา ไปกันเถอะค่ะ พี่นนท์จัดการเรื่องห้องให้เราเรียบร้อยแล้ว” และเมื่ออังคณาไปแล้ว หญิงสาวจึงหันมากระซิบกับอดีต…นักศึกษารุ่นน้อง “น่าแปลกฉันเคยพาพี่นนท์ไปที่คอนโดที่เธอกับมองก๊กอยู่ตั้งหลายครั้ง แต่พี่นนท์บอกจำไม่ได้ว่าเคย
“เคยแต่ได้ยินคุณอ้อพูดถึง…พี่นนท์” การเอ่ยชื่อเล่นนั้นแสนยากเย็น “แต่ไม่เคยเจอ คนที่เจอน่าจะเป็นพี่มองก๊กมากกว่า”
คนพูดย่อมรู้...เธอไม่เคยเจอจังๆ มีเพียงแอบมอง แอบเห็น แล้วเก็บเอาไปเพ้อฝันเท่านั้น
“อ๋อ…มิน่า” ทัศนีย์ยักไหล่ไม่ใส่ใจอะไรต่อ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ร่ำลา
นิหล่าได้แต่มองตามคนทั้งสาม เห็นหรอกว่าอนรรฆไม่แม้แต่จะเหลียวหลังหันกลับมามอง มีเพียงแต่อาจารย์อังคณาที่ยังคงมองมาอย่างเคลือบแคลงใจเท่านั้นเอง
เพราะคำสั่งของทั้งคริสและไมค์ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะ ‘ทิ้ง’ งานที่เกี่ยวข้องกับโครงการพม่าได้อีก
ความจำเป็น จำใจ ทำให้อนรรฆมักดูเคร่งขรึมมากขึ้นหลังจากที่ทางคอนโร และเคเอ็มเอ็นชนะการประมูลแล้ว
การเตรียมตัวเพื่อสำรวจในขั้นแรกที่มีความพร้อมสรรพดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
อนรรฆเกาะติดงาน เอาใจใส่ แต่บางทีการเกาะติด การเอาใจใส่ ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปพม่าทุกครั้ง หรือติดต่อกับหุ้นส่วนเช่นเคเอ็มเอ็นเสมอไป เขามักให้สันติหรือลูกน้องคนอื่นในทีมจัดการ
การบริหารคนและบริหารงานนั้นไม่ยาก เพียงแต่บางทีการบริหารความ…คิด ช่างทำแสนลำบากยากเย็น
สามปีกว่าที่เคยคิดถึง แล้วไหนความรู้สึกที่เพิ่มพูนในหลายเดือนที่ผ่านมา จะให้ลืมก็คงไม่ง่าย
บางทีเขายังเผลอลืมไปว่า ได้คืนสร้อยไพลินเส้นนั้นให้เจ้าของแล้ว เพราะมือมักจะควานหาคว้ากล่องกำมะหยี่สีแดงเล็กข้างหัวเตียง ที่เคยใช้เก็บสร้อยเส้นนั้นไว้
ใจ…หักห้ามแสนยากเย็น อยู่ที่ทำงานก็มีเงาของนิหล่า อยู่ที่บ้านก็ไม่ต่างกัน
แม้แต่ตอนอยู่กับพรพิมลเขาก็ยังถาม เพราะมันแสนลำบากที่จะหักใจไม่คิด
“ริชาร์ดเป็นอย่างไรบ้าง เห็นว่าไปปารีส”
ที่ถามก็เพื่อให้รู้ เกี่ยวกับนิหล่า
เพียงแต่ว่าพรพิมลฉลาดที่จะรู้เหตุผล และแยบยลพอที่จะไม่กล่าวถึง…เด็กพม่า โดยตรง
“ก็น่าจะไปได้ดีในหลายๆ ด้าน ไม่แน่อาจต้องไปบ่อยขึ้น”
ประโยคที่ปั้นแต่งที่กล่าวนั้นอาจหมายถึงริชาร์ด…หรือรวม ใคร อื่นด้วยหรือไม่ ก็สุดแต่คนฟังจะคิดเดา
“ว่าแต่นนท์จะไปพม่าอีกเมื่อไหร่จ๊ะ” หญิงสาวถามอย่างสนใจ พยายามเปลี่ยนเรื่อง “แพทอยากไปเที่ยว อาจจะขอติดนนท์ไปด้วย นนท์ก็ทำงานไป ส่วนแพทก็ไปโน่นไปนี่เองได้ ไม่เกาะติดกวนใจนนท์หรอกจ้ะ”
“ผมต้องไปเดือนละสองสามครั้งอยู่แล้ว เอาเป็นว่าแพทจะไปเมื่อไหร่ก็บอก ดีไหมจ๊ะ”
รอยยิ้มของเขาฉาบเสน่ห์ เกือบคล้ายผู้ชายคนนั้นที่เมื่อหลายปีก่อนพรพิมลเคยหลงรักนักหนา เพียงแต่ตอนนี้เขามักทิ้งแววตาเศร้าที่ปรายมาให้เห็นยามเผลอตัว
แม้แต่อ้อมกอดนั่นก็ไม่อบอุ่นเช่นเคย จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะปรารภ
“เดี๋ยวนี้นนท์เปลี่ยนไปเยอะ มีอะไรหรือเปล่า ถ้ามีก็บอกแพท เล่าสู่กันฟัง”
“เปล่า” เสียงขื่นๆ ปฏิเสธ ก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายตัวใหญ่ที่หุ้มเบาะรองนุ่ม
สายตามองไปยังเก้าอี้อีกตัวที่…ผู้หญิงพม่าคนนั้นเคยนั่ง
ตอนนั้นเมื่อลืมตาตื่นก็เห็น จนวินาทีแรกเผลอคิดไปว่าเป็นความฝัน
ฝัน…จนเขาใคร่ไขว่ และกระทั่งคว้ามาอยู่ในอ้อมกอด
เพียงแต่ว่า ผู้หญิงคนนั้น…
“จะบ้า!” อนรรฆสบถพยายามสลัดความคิด
“อะไรจ๊ะนนท์ ใครบ้า?”
คำถามของพรพิมลทำให้ชายหนุ่มเสตอบ “เรื่องงานจ้ะ วุ่นวายน่าดูเลย เอาเป็นว่าแพทกลับไปก่อนดีกว่า”
“ไหนว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกัน”
“ผม…ผมจะไป…หาคุณอา”
เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่หญิงสาวเห็นว่าเขาลังเล สับสน ไม่มั่นใจ แม้แต่ในคำพูดของตัวเอง
…เด็กบ้านั่น มีอะไรดี…
แต่เมื่อเขาเปรยเช่นนั้น เธอก็จำใจต้อง…ไป
ถ้าอยู่ต่อแล้วเขาบ้าเลือดพาเธอไปพบคุณหญิงดิลกาด้วยล่ะก็คงแย่ เพราะพรพิมลไม่เคยเข้าหน้าอาของเขาได้เลยตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจแต่งงานกับพ่อของริชาร์ด
คนระดับคุณหญิงดิลกา…ดูถูก ดูแคลนเธอนักหนา
แม้แต่คนแค่ระดับ ‘เมียด’ ก็ยังไม่วายดูถูกเธอ หยามนักว่าเป็น
‘นางวันทองสองใจ’
พรพิมลกลบรอยไม่พอใจ ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มยามร่ำลาเขา ถึงอย่างไรเธอก็ยังมีความหวังว่าสักวัน อนรรฆจะต้องคืนสู่อ้อมแขนของเธอ
เป็นของเธอ…เช่นเดิม
เมื่อนั้น ไม่ว่าคุณหญิงดิลกา อังคณา หรือว่ายาเมียดก็ไม่ใช่ปัญหา
แม้แต่เด็กพม่านั่น…ก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะถ้ารักแล้ว อนรรฆรักด้วยใจ ไม่มองอดีต มีเพียงปัจจุบันและอนาคตเท่านั้น
“ตกลงที่ปารีสเป็นอย่างไร เมื่อไหร่จะเล่ารายละเอียด” หญิงสาวกรอกเสียงทันทีที่ลูกเลี้ยงรับสาย “จับเด็กนั่นให้อยู่นะ อย่าปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด ฉันมีเงินมากพอที่จะเจียดให้”
“มาถามอะไรตอนนี้ คนกำลังกลุ้ม”
“นี่ฉันรอเธอรายงานเรื่องฝรั่งเศสตั้งสองเดือนแล้ว เธอก็ไม่ติดต่อมา อย่าบอกนะว่าเธอก็หลงระเริงไปกับอีเด็กนั่นอีกคน”
“จะไปหลงอะไร ก็แค่ผู้หญิงธรรมดา เหมือนอีกสิบอีกร้อยคนทั่วไป”
“แต่ก็ทำให้เธอกลุ้ม” หญิงสาวหัวเราะนิดๆ เป็นการเยาะ “เป็นถึงว่าที่หลานเขยของฮันมิน ขิ่นจีย์จะกลุ้มอะไรกัน”
“ก็เพิ่งรู้ว่านิหล่ามีคู่หมั้น เป็นถึงที่ปรึกษาของคณะกรรมาธิการพลังงานเชียว ซวยฉิบ”
“แล้วเธอไปรู้ได้ยังไง”
“โดนหมายหัวขนาดนี้ ไม่รู้ก็โง่แล้ว ตอนนี้ทริปไปปารีสกำลังถูกเพ่งเล็งจากนายๆ ของผม แล้วก็จากคนพม่า”
“แล้วนนท์รู้เหรือเปล่า”
“รู้ไม่รู้ก็ช่างเถอะ ว่าแต่คุณพอจะช่วยได้ไหม”
“ถ้าใช้เงินไม่มากก็พอไหว” คำตอบไม่ลังเล เงิน…เคยเป็นของพ่อริชาร์ดอยู่แล้ว เจียดคืนให้เขานิดหน่อยก็แค่เศษเงิน เพียงแต่ว่าจำนวนที่ริชาร์ดขอ…มาก
“คุณคงไม่มาทิ้งกันตอนนี้นะ ผมอุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้ว” นั่นเป็นการ…ทวงกลายๆ ก่อนจะพูดเป็นนัย “ถ้าแฟนของคุณรู้ว่าเป็นเงินของคุณที่ล่อนิหล่าไปปารีสกับผม เขาคงโกรธคุณมาก อย่าลืมซิ เงินดีงานเดิน”
ก็คงคล้ายกับชีวิตของเขาที่ต้องดำเนินต่อไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อองเมียทตูได้รับรายงานความเคลื่อนไหวของคอนโร คนของคอนโร ทำอะไรที่ไหนกับใครในเมียนมาร์ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องรู้
รู้โดยเอาหน้าที่มาอ้าง เพราะความใคร่รู้มาจากเหตุผลส่วนตัว
การตรวจ การสืบเรื่องเมียนมาร์ง่าย ไม่มีใครกล้าถามถึงเหตุผล
อำนาจจากตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ และหนึ่งในคนสนิทของ…ท่าน ทำให้ไม่มีใครกล้าสงสัย
ชีวิตของผู้ชายคนนั้นแสนน่าเบื่อ ทำงานงาน แล้วกลับเข้าที่พัก เพื่อนที่จะทำงานต่อ จะมีก็เพียงนัดกินข้าว นัดดื่มกับคนที่มาช่วยเตรียมงานการสำรวจ และกับซินยอหรือคนของเคเอ็มเอ็น
แต่คนของเคเอ็มเอ็นก็ไม่เคยมี นิหล่า มยิ่น ทเว ร่วมด้วยสักครั้ง
สำหรับคนอื่นอาจไม่แปลก แต่สำหรับเขาแล้ว…แปลก
มันแปลกมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่บาเต่งยอมรับต่อหน้าเขา โดยมีท่านและซินยออยู่ด้วย
‘ครับ อนรรฆเป็นคนที่มะนิหล่าไปอยู่ด้วยเมื่อสามปีก่อน’
อองเมียทตูจำได้ว่าเขาร้องตะโกนอย่างเจ็บใจ เพียงแต่ว่าท่านและซินยอกลับนิ่งเงียบ
ท่าน…เก็บอาการความประหลาดใจ
ซินยอ…นิ่งเฉย
อองเมียทตูเกรี้ยวกราดตำหนิบาเต่ง จนลืมคำนึงถึงความอาวุโสของบาเต่งที่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเขาที่เสียไปนานแล้ว
โกรธ…จนลืมกระทั่งว่า ท่าน นั่งอยู่ด้วย
โกรธจัดจนแทบจะฉีกสัญญาสัมปทานทิ้งเสียด้วยซ้ำ
โกรธยิ่งนักเมื่อยังหาทางจัดการกับคอนโรและผู้ชายไทยคนนั้นไม่ได้ ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่จับตาความเคลื่อนไหว
แต่กับคนสิงคโปร์ที่อาจหาญกล้าพานิหล่าไปฝรั่งเศส แค่ยกหูถึงผู้บริหารบริษัทน้ำมันในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการฯ เขาก็สามารถเขี่ยให้พ้นทางได้ง่ายนัก
“เดือนหน้าคอนโรจะเอาเจ้าหน้าของเขาและคนของเคเอ็มเอ็นที่ไปสำรวจแห่งอ่าวลึก แล้วจึงไปดูแหล่งบนดินครับ ก่อนจะพาทีมใหญ่กลับมาอีกที ทางเคเอ็มเอ็นขอให้ทางเจ้าหน้าที่ของเราให้ความคุ้มกันครับ”
คนรายงานทำตามหน้าที่เสร็จสรรพ จนกระทั่งเมื่อมีเวลาไตร่ตรองลำพังเงียบๆ อองเมียทตูจึงคิดด้วยความเจ็บใจ
เขี่ยอนรรฆทิ้งไม่ได้หนำซ้ำยังต้องให้คนของรัฐบาลช่วยคุ้มกันดูแล
ไม่ยุติธรรมเสียเลย
(ต่อ)
เพียงครึ่งใจ (บทที่ 31) โดย มานัส
การสูญเสีย…หัวใจ…ของอนรรฆนั้นถูกตอกย้ำในวันรุ่งขึ้นเมื่อเธอเห็นเขาอยู่กับอังคณาและทัศนีย์ในบริเวณล็อบบี้โรงแรม
แววตาแข็งกร้าวคู่นั้นราวไม่ใช่อนรรฆคนเดิม ประกายจ้านั้นจัดแลดูน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อทัศนีย์คล้ายบอกอะไรบางอย่าง
ทัศนีย์จำเธอได้ แม้แต่อาจารย์อังคณาก็จำได้ นิหล่าจึงจำใจเข้าไปทักทายกับอังคณาในฐานะที่เคยเรียนเป็นลูกศิษย์เมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ว่าอนรรฆพลันลุกขึ้นเดินออกไปก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปถึงที่โต๊ะเสียด้วยซ้ำ
ให้เขาเคยโกรธ เคยโมโหแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเป็นแบบนี้ ท่าทางโกรธจัดเช่นนี้นิหล่าดูออก และผู้เป็นพี่สาวของเขาก็ต้องดูออกเช่นกัน
คงมีแต่ทัศนีย์ที่ไม่รู้ถึงความผิดปรกติใดๆ ยังทักทาย ‘เพื่อน’ รุ่นน้องสองสามคำโอ้อวดถึง…พี่นนท์เช่นเคย แล้วจึงวิ่งตามเขาออกไป
“รู้จักกับนนท์…คุณอนรรฆเพราะทำงานด้วยกันใช่ไหม” คำถามเรียบของอังคณาแฝงความใคร่อยากรู้
“ค่ะ บริษัทเข้าร่วมทุนกับคอนโร”
“แล้วรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ไหม…ขอโทษที่ถาม”
“เคยแต่เห็นตอนที่คุณอนรรฆมารับส่งอาจารย์ และคุณทัศนีย์ค่ะ” นิหล่าตอบตามตรง เว้นแค่ช่วงที่สิงคโปร์เท่านั้น “คุณทัศนีย์เคยพูดถึงบ่อยๆ”
“งั้นหรอกหรือ” สีหน้าของอังคณายังคงมีแววครุ่นคิดสงสัยไม่วาย
ก็น่าสงสัยอยู่หรอกเพราะปฏิกิริยาของน้องชายเมื่อครู่ หนำซ้ำ…เด็กพม่าคนนี้ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหล่เลย งาม…แม้เติมเพียงเครื่องสำอางอ่อนๆ
ถ้าอนรรฆจะหลงก็คงไม่แปลก
แต่ที่สำคัญ…ความห่างเหินบางอย่างที่อนรรฆเพิ่งแสดง บ่งบอกว่ามีอะไรมากกว่าแค่ทำงานด้วยกัน
“แล้วนี่กลับกรุงเทพฯ พร้อมคุณอนรรฆหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ดิฉันต้องเดินทางไปที่อื่นต่อ” หญิงสาวบอก และคิดว่าดูไม่ผิดเห็นอาการลอบถอนหายใจโล่งอกของอีกฝ่าย
จนเธอแอบคิด บางที…จบ แบบนี้อาจดีแล้วสำหรับทุกฝ่าย
ความคิดเพียงวูบถูกรบกวนด้วยการพรวดพราดเข้ามาของทัศนีย์ที่บอกเสียงหวานกับแม่เลี้ยง
“คุณนาขา ไปกันเถอะค่ะ พี่นนท์จัดการเรื่องห้องให้เราเรียบร้อยแล้ว” และเมื่ออังคณาไปแล้ว หญิงสาวจึงหันมากระซิบกับอดีต…นักศึกษารุ่นน้อง “น่าแปลกฉันเคยพาพี่นนท์ไปที่คอนโดที่เธอกับมองก๊กอยู่ตั้งหลายครั้ง แต่พี่นนท์บอกจำไม่ได้ว่าเคย
“เคยแต่ได้ยินคุณอ้อพูดถึง…พี่นนท์” การเอ่ยชื่อเล่นนั้นแสนยากเย็น “แต่ไม่เคยเจอ คนที่เจอน่าจะเป็นพี่มองก๊กมากกว่า”
คนพูดย่อมรู้...เธอไม่เคยเจอจังๆ มีเพียงแอบมอง แอบเห็น แล้วเก็บเอาไปเพ้อฝันเท่านั้น
“อ๋อ…มิน่า” ทัศนีย์ยักไหล่ไม่ใส่ใจอะไรต่อ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ร่ำลา
นิหล่าได้แต่มองตามคนทั้งสาม เห็นหรอกว่าอนรรฆไม่แม้แต่จะเหลียวหลังหันกลับมามอง มีเพียงแต่อาจารย์อังคณาที่ยังคงมองมาอย่างเคลือบแคลงใจเท่านั้นเอง
เพราะคำสั่งของทั้งคริสและไมค์ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะ ‘ทิ้ง’ งานที่เกี่ยวข้องกับโครงการพม่าได้อีก
ความจำเป็น จำใจ ทำให้อนรรฆมักดูเคร่งขรึมมากขึ้นหลังจากที่ทางคอนโร และเคเอ็มเอ็นชนะการประมูลแล้ว
การเตรียมตัวเพื่อสำรวจในขั้นแรกที่มีความพร้อมสรรพดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
อนรรฆเกาะติดงาน เอาใจใส่ แต่บางทีการเกาะติด การเอาใจใส่ ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปพม่าทุกครั้ง หรือติดต่อกับหุ้นส่วนเช่นเคเอ็มเอ็นเสมอไป เขามักให้สันติหรือลูกน้องคนอื่นในทีมจัดการ
การบริหารคนและบริหารงานนั้นไม่ยาก เพียงแต่บางทีการบริหารความ…คิด ช่างทำแสนลำบากยากเย็น
สามปีกว่าที่เคยคิดถึง แล้วไหนความรู้สึกที่เพิ่มพูนในหลายเดือนที่ผ่านมา จะให้ลืมก็คงไม่ง่าย
บางทีเขายังเผลอลืมไปว่า ได้คืนสร้อยไพลินเส้นนั้นให้เจ้าของแล้ว เพราะมือมักจะควานหาคว้ากล่องกำมะหยี่สีแดงเล็กข้างหัวเตียง ที่เคยใช้เก็บสร้อยเส้นนั้นไว้
ใจ…หักห้ามแสนยากเย็น อยู่ที่ทำงานก็มีเงาของนิหล่า อยู่ที่บ้านก็ไม่ต่างกัน
แม้แต่ตอนอยู่กับพรพิมลเขาก็ยังถาม เพราะมันแสนลำบากที่จะหักใจไม่คิด
“ริชาร์ดเป็นอย่างไรบ้าง เห็นว่าไปปารีส”
ที่ถามก็เพื่อให้รู้ เกี่ยวกับนิหล่า
เพียงแต่ว่าพรพิมลฉลาดที่จะรู้เหตุผล และแยบยลพอที่จะไม่กล่าวถึง…เด็กพม่า โดยตรง
“ก็น่าจะไปได้ดีในหลายๆ ด้าน ไม่แน่อาจต้องไปบ่อยขึ้น”
ประโยคที่ปั้นแต่งที่กล่าวนั้นอาจหมายถึงริชาร์ด…หรือรวม ใคร อื่นด้วยหรือไม่ ก็สุดแต่คนฟังจะคิดเดา
“ว่าแต่นนท์จะไปพม่าอีกเมื่อไหร่จ๊ะ” หญิงสาวถามอย่างสนใจ พยายามเปลี่ยนเรื่อง “แพทอยากไปเที่ยว อาจจะขอติดนนท์ไปด้วย นนท์ก็ทำงานไป ส่วนแพทก็ไปโน่นไปนี่เองได้ ไม่เกาะติดกวนใจนนท์หรอกจ้ะ”
“ผมต้องไปเดือนละสองสามครั้งอยู่แล้ว เอาเป็นว่าแพทจะไปเมื่อไหร่ก็บอก ดีไหมจ๊ะ”
รอยยิ้มของเขาฉาบเสน่ห์ เกือบคล้ายผู้ชายคนนั้นที่เมื่อหลายปีก่อนพรพิมลเคยหลงรักนักหนา เพียงแต่ตอนนี้เขามักทิ้งแววตาเศร้าที่ปรายมาให้เห็นยามเผลอตัว
แม้แต่อ้อมกอดนั่นก็ไม่อบอุ่นเช่นเคย จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะปรารภ
“เดี๋ยวนี้นนท์เปลี่ยนไปเยอะ มีอะไรหรือเปล่า ถ้ามีก็บอกแพท เล่าสู่กันฟัง”
“เปล่า” เสียงขื่นๆ ปฏิเสธ ก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายตัวใหญ่ที่หุ้มเบาะรองนุ่ม
สายตามองไปยังเก้าอี้อีกตัวที่…ผู้หญิงพม่าคนนั้นเคยนั่ง
ตอนนั้นเมื่อลืมตาตื่นก็เห็น จนวินาทีแรกเผลอคิดไปว่าเป็นความฝัน
ฝัน…จนเขาใคร่ไขว่ และกระทั่งคว้ามาอยู่ในอ้อมกอด
เพียงแต่ว่า ผู้หญิงคนนั้น…
“จะบ้า!” อนรรฆสบถพยายามสลัดความคิด
“อะไรจ๊ะนนท์ ใครบ้า?”
คำถามของพรพิมลทำให้ชายหนุ่มเสตอบ “เรื่องงานจ้ะ วุ่นวายน่าดูเลย เอาเป็นว่าแพทกลับไปก่อนดีกว่า”
“ไหนว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกัน”
“ผม…ผมจะไป…หาคุณอา”
เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่หญิงสาวเห็นว่าเขาลังเล สับสน ไม่มั่นใจ แม้แต่ในคำพูดของตัวเอง
…เด็กบ้านั่น มีอะไรดี…
แต่เมื่อเขาเปรยเช่นนั้น เธอก็จำใจต้อง…ไป
ถ้าอยู่ต่อแล้วเขาบ้าเลือดพาเธอไปพบคุณหญิงดิลกาด้วยล่ะก็คงแย่ เพราะพรพิมลไม่เคยเข้าหน้าอาของเขาได้เลยตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจแต่งงานกับพ่อของริชาร์ด
คนระดับคุณหญิงดิลกา…ดูถูก ดูแคลนเธอนักหนา
แม้แต่คนแค่ระดับ ‘เมียด’ ก็ยังไม่วายดูถูกเธอ หยามนักว่าเป็น
‘นางวันทองสองใจ’
พรพิมลกลบรอยไม่พอใจ ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มยามร่ำลาเขา ถึงอย่างไรเธอก็ยังมีความหวังว่าสักวัน อนรรฆจะต้องคืนสู่อ้อมแขนของเธอ
เป็นของเธอ…เช่นเดิม
เมื่อนั้น ไม่ว่าคุณหญิงดิลกา อังคณา หรือว่ายาเมียดก็ไม่ใช่ปัญหา
แม้แต่เด็กพม่านั่น…ก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะถ้ารักแล้ว อนรรฆรักด้วยใจ ไม่มองอดีต มีเพียงปัจจุบันและอนาคตเท่านั้น
“ตกลงที่ปารีสเป็นอย่างไร เมื่อไหร่จะเล่ารายละเอียด” หญิงสาวกรอกเสียงทันทีที่ลูกเลี้ยงรับสาย “จับเด็กนั่นให้อยู่นะ อย่าปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด ฉันมีเงินมากพอที่จะเจียดให้”
“มาถามอะไรตอนนี้ คนกำลังกลุ้ม”
“นี่ฉันรอเธอรายงานเรื่องฝรั่งเศสตั้งสองเดือนแล้ว เธอก็ไม่ติดต่อมา อย่าบอกนะว่าเธอก็หลงระเริงไปกับอีเด็กนั่นอีกคน”
“จะไปหลงอะไร ก็แค่ผู้หญิงธรรมดา เหมือนอีกสิบอีกร้อยคนทั่วไป”
“แต่ก็ทำให้เธอกลุ้ม” หญิงสาวหัวเราะนิดๆ เป็นการเยาะ “เป็นถึงว่าที่หลานเขยของฮันมิน ขิ่นจีย์จะกลุ้มอะไรกัน”
“ก็เพิ่งรู้ว่านิหล่ามีคู่หมั้น เป็นถึงที่ปรึกษาของคณะกรรมาธิการพลังงานเชียว ซวยฉิบ”
“แล้วเธอไปรู้ได้ยังไง”
“โดนหมายหัวขนาดนี้ ไม่รู้ก็โง่แล้ว ตอนนี้ทริปไปปารีสกำลังถูกเพ่งเล็งจากนายๆ ของผม แล้วก็จากคนพม่า”
“แล้วนนท์รู้เหรือเปล่า”
“รู้ไม่รู้ก็ช่างเถอะ ว่าแต่คุณพอจะช่วยได้ไหม”
“ถ้าใช้เงินไม่มากก็พอไหว” คำตอบไม่ลังเล เงิน…เคยเป็นของพ่อริชาร์ดอยู่แล้ว เจียดคืนให้เขานิดหน่อยก็แค่เศษเงิน เพียงแต่ว่าจำนวนที่ริชาร์ดขอ…มาก
“คุณคงไม่มาทิ้งกันตอนนี้นะ ผมอุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้ว” นั่นเป็นการ…ทวงกลายๆ ก่อนจะพูดเป็นนัย “ถ้าแฟนของคุณรู้ว่าเป็นเงินของคุณที่ล่อนิหล่าไปปารีสกับผม เขาคงโกรธคุณมาก อย่าลืมซิ เงินดีงานเดิน”
ก็คงคล้ายกับชีวิตของเขาที่ต้องดำเนินต่อไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อองเมียทตูได้รับรายงานความเคลื่อนไหวของคอนโร คนของคอนโร ทำอะไรที่ไหนกับใครในเมียนมาร์ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องรู้
รู้โดยเอาหน้าที่มาอ้าง เพราะความใคร่รู้มาจากเหตุผลส่วนตัว
การตรวจ การสืบเรื่องเมียนมาร์ง่าย ไม่มีใครกล้าถามถึงเหตุผล
อำนาจจากตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ และหนึ่งในคนสนิทของ…ท่าน ทำให้ไม่มีใครกล้าสงสัย
ชีวิตของผู้ชายคนนั้นแสนน่าเบื่อ ทำงานงาน แล้วกลับเข้าที่พัก เพื่อนที่จะทำงานต่อ จะมีก็เพียงนัดกินข้าว นัดดื่มกับคนที่มาช่วยเตรียมงานการสำรวจ และกับซินยอหรือคนของเคเอ็มเอ็น
แต่คนของเคเอ็มเอ็นก็ไม่เคยมี นิหล่า มยิ่น ทเว ร่วมด้วยสักครั้ง
สำหรับคนอื่นอาจไม่แปลก แต่สำหรับเขาแล้ว…แปลก
มันแปลกมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่บาเต่งยอมรับต่อหน้าเขา โดยมีท่านและซินยออยู่ด้วย
‘ครับ อนรรฆเป็นคนที่มะนิหล่าไปอยู่ด้วยเมื่อสามปีก่อน’
อองเมียทตูจำได้ว่าเขาร้องตะโกนอย่างเจ็บใจ เพียงแต่ว่าท่านและซินยอกลับนิ่งเงียบ
ท่าน…เก็บอาการความประหลาดใจ
ซินยอ…นิ่งเฉย
อองเมียทตูเกรี้ยวกราดตำหนิบาเต่ง จนลืมคำนึงถึงความอาวุโสของบาเต่งที่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเขาที่เสียไปนานแล้ว
โกรธ…จนลืมกระทั่งว่า ท่าน นั่งอยู่ด้วย
โกรธจัดจนแทบจะฉีกสัญญาสัมปทานทิ้งเสียด้วยซ้ำ
โกรธยิ่งนักเมื่อยังหาทางจัดการกับคอนโรและผู้ชายไทยคนนั้นไม่ได้ ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่จับตาความเคลื่อนไหว
แต่กับคนสิงคโปร์ที่อาจหาญกล้าพานิหล่าไปฝรั่งเศส แค่ยกหูถึงผู้บริหารบริษัทน้ำมันในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการฯ เขาก็สามารถเขี่ยให้พ้นทางได้ง่ายนัก
“เดือนหน้าคอนโรจะเอาเจ้าหน้าของเขาและคนของเคเอ็มเอ็นที่ไปสำรวจแห่งอ่าวลึก แล้วจึงไปดูแหล่งบนดินครับ ก่อนจะพาทีมใหญ่กลับมาอีกที ทางเคเอ็มเอ็นขอให้ทางเจ้าหน้าที่ของเราให้ความคุ้มกันครับ”
คนรายงานทำตามหน้าที่เสร็จสรรพ จนกระทั่งเมื่อมีเวลาไตร่ตรองลำพังเงียบๆ อองเมียทตูจึงคิดด้วยความเจ็บใจ
เขี่ยอนรรฆทิ้งไม่ได้หนำซ้ำยังต้องให้คนของรัฐบาลช่วยคุ้มกันดูแล
ไม่ยุติธรรมเสียเลย
(ต่อ)