เพียงครึ่งใจ (บทที่ 29)
ตลอดเวลาปีกว่าตั้งแต่เริ่มเจรจาเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างคอนโรกับเคเอ็มเอ็น จนกระทั่งตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่อนรรฆรู้สึก…แปลก
แปลกในท่าทีของซินยอ จนเขาเองไม่แน่ใจนัก ว่าเพราะเหตุอะไร
ซินยอดูเป็นทางการ ไม่เป็นกันเองเหมือนเช่นเคย และไม่แม้แต่จะเอ่ยปากชักชวนดื่มหลังจากที่อาหารค่ำมื้อใหญ่ของวันเสร็จสิ้น
ทุกคนแยกย้ายกันกลับเข้าห้องพัก คงเหลือเพียงคนของคอนโรอีกสามสี่คน รวมทั้งไมค์ที่ยังนั่งจับวงดื่มคนละแก้วสองแก้วกับคริสผู้เป็นเจ้ามือ อนรรฆตัดสินใจร่วมวงกับเขาด้วย เมื่อไม่สามารถติดต่อหานิหล่าได้
“ห้ามทิ้งดีลพม่าอีก เพราะดีลนี้คุณดูมาตั้งแต่ต้น ดูให้มันจบ ส่วนที่แอฟริกาหรือที่อื่น ถ้าไม่จำเป็นต้องไปก็ให้ลูกน้องไปแทน” คริสย้ำสั่งอีกครั้งเมื่อทั้งโต๊ะเหลือเพียงสองคน
ดีลนี้สำคัญไม่ใช่เพราะรายได้ที่จะเข้ากระเป๋าคอนโร หากยังเพราะชื่อเสียงที่มาในฐานะบริษัทต่างชาติที่ได้รับสัมปทานนี้ ชื่อเสียง…ความมีหน้ามีตาเหนือคู่แข่งบริษัทข้ามชาติทั้งหลาย
และให้ดึกแค่ไหน แต่อนรรฆยังคงไม่ละความพยายามที่จะติดต่อหานิหล่า ทั้งข้อความเข้ามือถือ หรือว่าการติดต่อเข้าห้องพักก็ล้วนซึ่งแต่ไร้ผล ทำให้เขาคิดด้วยความเป็นห่วงแม้เมื่อมาถึงห้องพัก และกำลังจะก้าวไปหน้าห้องของเธอแล้วเชียว หากประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออกเสียก่อน
เกือบแล้ว...เกือบจะเรียกนิหล่า แต่คนที่เดินออกมาจากห้องกลับเป็น...ซินยอ!
อีกแล้วสายตาของนักธุรกิจพม่าที่มองไม่เป็นมิตรแซมเคลือบแคลงสงสัย หากอนรรฆทำได้เพียงยิ้มทักเป็นทางการ ก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์ เปิดประตูเข้าห้องพักของตน
เพียงแต่ว่าเมื่อเข้ามาแล้ว เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูอีกบานที่เชื่อมระหว่างสองห้อง ใช้เวลาตัดสินใจครู่เดียวก็เปิดมัน แล้วเคาะเรียกห้องที่อยู่อีกด้าน
“นิหล่า!”
ทว่าไม่มีเสียงขานรับ อนรรฆทำได้เพียงเขียนรูปปรัศนีบนกระดาษแผ่นใหญ่แล้วสอดไว้ใต้ประตู ร่างสูงถอนหายใจ พลางถอดสูท หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านใน
มือใหญ่กำของสิ่งนั้นไว้แน่นด้วยความคิดสับสน งุนงงไม่เข้าใจในหลายเรื่อง
นิหล่าเป็นอะไร
ซินยอมาทำอะไรที่นี่ในเวลาเกือบเที่ยงคืน
ลูกน้องกับเจ้านายมีอะไรต้องคุยดึกดื่นเช่นนี้
มีอะไรที่เขาต้องรู้…อะไรที่ควรรู้
มือใหญ่คลายออก มองสร้อยที่ทำจากทองคำขาว ที่มีพลอยไพลินสีน้ำเงินเม็ดงาม ประดับเพชรจ้ารายรอบ
“จะทำให้ผมเป็นห่วงอีกนานแค่ไหน”
ความห่วงทำให้เขาคิด…หนักใจ
แม้เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น พยายามติดต่ออีกหลายทีแต่ไม่สำเร็จ จนนึกโมโห หากเขาก็ทำได้เพียงแค่นึกเท่านั้น เพราะเมื่อเห็นนิหล่าตอนที่เธอเตรียมนำคณะขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของคอนโร ความขุ่นเคืองทั้งปวงพลันมลายหายไปสิ้น
อยากเข้าไปคุย ถามให้รู้เรื่อง แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่ตอนนี้เวลานี้ เวลาไม่เอื้อ และดูเหมือนนิหล่าก็จงใจหลบ
หลบ…แม้แค่หันไปปรับไทให้ซินยอที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง
นั่นทำให้อนรรฆร้อนรุ่ม หงุดหงิดด้วยใจที่กระสับกระส่าย
และให้วันนี้ยุ่งวุ่นวายแค่ไหน ทั้งต้องเข้าร่วมประขุม และช่วยดูแลประสานงานในส่วนอื่นๆ แต่อนรรฆก็ยังไม่วายคิด...ทั้งห่วงทั้งหวง และห่วงยิ่งขึ้นเมื่อเทอร์รี่เดินมากระซิบ
“ทำไมนิหล่าถึงย้ายห้อง อ้าวคุณไม่รู้เหรอ” หญิงสาวถามในประโยคหลังเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย
การส่ายหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาวาวแสดงว่าคนถูกถามไม่รู้ จนเทอร์รี่อุทาน
“อุ๊ปส์…แล้วไปคุณไปทำอะไร เธอถึงขอย้ายห้อง”
หากอนรรฆไม่ตอบ ความกระวนกระวายเพิ่มพูนมากขึ้นเมื่อเห็นรายชื่อห้องพักของคณะพม่า…ห้องใหม่ของนิหล่าอยู่ข้างห้องซินยอ
“มีอะไรเหรอ” เทอร์รี่ถามเมื่อเห็นหัวคิ้วของเพื่อนขมวดตึง
“ผมกำลังหาโอกาสคุยกับนิหล่า คุณพอจะช่วยได้ไหม”
คำขอของเพื่อนสนิทไม่ยากเลย
ในฐานะเลขาฯ ของผู้บริหารระดับสูงของคอนโร และหนึ่งในคณะทำงาน เทอร์รี่มีโอกาสเดินเข้าออกที่ประชุมและยื่นเอกสารต่างๆ ให้กับผู้เข้าร่วมประชุม
เอกสารที่ยื่นให้นิหล่ามีแผ่นแตกต่างจากคนอื่น ข้อความบนเอกสารทำให้หญิงสาวชาวพม่าลุกขึ้นออกจากห้องประชุมในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เดินตามเทอร์รี่ที่พาไปยังห้องทำงานที่อยู่อีกชั้น
และกว่าที่เธอจะรู้ว่าต้องเจอ…ใคร ประตูห้องประชุมก็ถูกปิดเบาๆ จะหันก้าวหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว
“นิหล่า…”
เสียงทุ้มที่เรียกทำให้หญิงสาวหยุด นานพอที่วงแขนแข็งแรงคว้าร่างของเธอมากอดกระชับแน่น
นิหล่าไม่ดิ้นรน เธอสงบนิ่ง มือเล็กทาบบนแขนของเขามิใช่ผลักไส หากวางลงด้วยความรู้สึก
“บอกแล้วว่าอย่าให้ใครรู้” เสียงพร่าไม่ได้บอกว่าโกรธ
“เทอร์รี่รู้เรื่องที่ผมหลงเสน่ห์เด็กพม่ามาตั้งนานแล้ว” ให้หนักแน่นด้วยความรู้สึกที่มีอยู่เต็มอก แต่แววเสียงของอนรรฆก็มีรอยขบขัน
ขัน…ตัวเอง ที่…หลง…ได้ถึงเพียงนี้
อ้อมแขนคลายออกเพียงนิดเดียว เพียงเพื่อจะได้มองดวงหน้าของเธอชัดๆ
“มาถึงขนาดนี้แล้ว จะหนีทำไม ผมบอกแล้วว่าจะรับผิดชอบ จะดูแล…” เขาก้มหน้าลงชิด แววล้ำลึกในดวงตาบ่งบอกทั้งความห่วงและหวง “กลัวอะไรนักนิหล่า”
“คุณไม่เข้าใจ”
“ก็บอกซิ ว่าต้องเข้าใจอะไร” การตัดบทแสดงถึงความร้อนใจกระวนกระวาย “ผมไม่เข้าใจที่นิหล่าทำสักอย่าง นี่ย้ายห้อง เพราะซินยอเหรอ ทำไม”
“คือว่าอูซินยอเป็น…”
“มันไม่แปลกหรอกนะนิหล่า” เขาใจร้อนเกินกว่าจะทนฟัง และเรียบเรียงคำพูด “สังคมไหนๆ มันก็มีทั้งนั้น เจ้านายกับลูกน้อง แต่ผมแค่แปลกใจคุณรอดมาถึงผมได้ยังไง ทั้งซินยอ ทั้งริชาร์ด ทั้งใครต่อใครรุมตอมซะขนาดนั้น”
พลันนิหล่าดิ้นรนรุนแรงดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดเขา
“คุณอนรรฆ…”
ความคมเฉียบ เยือกเย็นในน้ำเสียงทำให้คนถูกเรียกใจหายวาบนึกอยากจะถอนคำพูด หากเขาก็ยังแข็งใจที่จะบอก
“ถ้าเกลียดผม ก็บอกมาว่าเกลียด ถ้าอยากจะเล่นๆ สนุกไปวันๆ ไม่จริงจังก็บอก ผมจะได้ทำตัวถูก จะได้รู้ว่าไม่ต้องท้วงไม่ถามถึง ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่อย่ามาทำแบบนี้ ความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัดนะนิหล่า”
“งั้นถือว่าเล่นๆ คุณไม่ต้องมาจริงหรอก”
เสียงเรียบนั่นไม่เพียงทำให้คนที่บอกงุนงง แต่คนฟังถึงกลับผงะไป…ใครจะคิด
เพียงแต่ว่าดวงตาคมสีน้ำตาลที่มีรอยโศกเมินไปทางอื่นที่ไม่ใช่ดวงหน้าเขา
“แน่ใจนะว่าต้องการแบบนั้น”
ทว่าหญิงสาวไม่แน่ใจ เธอเลือกที่จะหันเมิน สะกดความรู้สึก แล้วตัดสิงใจกระชากประตูเปิดรีบเดินออกจากห้อง
เพราะนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด
(ต่อ)
เพียงครึ่งใจ (บทที่ 29) โดย มานัส
ตลอดเวลาปีกว่าตั้งแต่เริ่มเจรจาเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างคอนโรกับเคเอ็มเอ็น จนกระทั่งตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่อนรรฆรู้สึก…แปลก
แปลกในท่าทีของซินยอ จนเขาเองไม่แน่ใจนัก ว่าเพราะเหตุอะไร
ซินยอดูเป็นทางการ ไม่เป็นกันเองเหมือนเช่นเคย และไม่แม้แต่จะเอ่ยปากชักชวนดื่มหลังจากที่อาหารค่ำมื้อใหญ่ของวันเสร็จสิ้น
ทุกคนแยกย้ายกันกลับเข้าห้องพัก คงเหลือเพียงคนของคอนโรอีกสามสี่คน รวมทั้งไมค์ที่ยังนั่งจับวงดื่มคนละแก้วสองแก้วกับคริสผู้เป็นเจ้ามือ อนรรฆตัดสินใจร่วมวงกับเขาด้วย เมื่อไม่สามารถติดต่อหานิหล่าได้
“ห้ามทิ้งดีลพม่าอีก เพราะดีลนี้คุณดูมาตั้งแต่ต้น ดูให้มันจบ ส่วนที่แอฟริกาหรือที่อื่น ถ้าไม่จำเป็นต้องไปก็ให้ลูกน้องไปแทน” คริสย้ำสั่งอีกครั้งเมื่อทั้งโต๊ะเหลือเพียงสองคน
ดีลนี้สำคัญไม่ใช่เพราะรายได้ที่จะเข้ากระเป๋าคอนโร หากยังเพราะชื่อเสียงที่มาในฐานะบริษัทต่างชาติที่ได้รับสัมปทานนี้ ชื่อเสียง…ความมีหน้ามีตาเหนือคู่แข่งบริษัทข้ามชาติทั้งหลาย
และให้ดึกแค่ไหน แต่อนรรฆยังคงไม่ละความพยายามที่จะติดต่อหานิหล่า ทั้งข้อความเข้ามือถือ หรือว่าการติดต่อเข้าห้องพักก็ล้วนซึ่งแต่ไร้ผล ทำให้เขาคิดด้วยความเป็นห่วงแม้เมื่อมาถึงห้องพัก และกำลังจะก้าวไปหน้าห้องของเธอแล้วเชียว หากประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออกเสียก่อน
เกือบแล้ว...เกือบจะเรียกนิหล่า แต่คนที่เดินออกมาจากห้องกลับเป็น...ซินยอ!
อีกแล้วสายตาของนักธุรกิจพม่าที่มองไม่เป็นมิตรแซมเคลือบแคลงสงสัย หากอนรรฆทำได้เพียงยิ้มทักเป็นทางการ ก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์ เปิดประตูเข้าห้องพักของตน
เพียงแต่ว่าเมื่อเข้ามาแล้ว เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูอีกบานที่เชื่อมระหว่างสองห้อง ใช้เวลาตัดสินใจครู่เดียวก็เปิดมัน แล้วเคาะเรียกห้องที่อยู่อีกด้าน
“นิหล่า!”
ทว่าไม่มีเสียงขานรับ อนรรฆทำได้เพียงเขียนรูปปรัศนีบนกระดาษแผ่นใหญ่แล้วสอดไว้ใต้ประตู ร่างสูงถอนหายใจ พลางถอดสูท หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านใน
มือใหญ่กำของสิ่งนั้นไว้แน่นด้วยความคิดสับสน งุนงงไม่เข้าใจในหลายเรื่อง
นิหล่าเป็นอะไร
ซินยอมาทำอะไรที่นี่ในเวลาเกือบเที่ยงคืน
ลูกน้องกับเจ้านายมีอะไรต้องคุยดึกดื่นเช่นนี้
มีอะไรที่เขาต้องรู้…อะไรที่ควรรู้
มือใหญ่คลายออก มองสร้อยที่ทำจากทองคำขาว ที่มีพลอยไพลินสีน้ำเงินเม็ดงาม ประดับเพชรจ้ารายรอบ
“จะทำให้ผมเป็นห่วงอีกนานแค่ไหน”
ความห่วงทำให้เขาคิด…หนักใจ
แม้เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น พยายามติดต่ออีกหลายทีแต่ไม่สำเร็จ จนนึกโมโห หากเขาก็ทำได้เพียงแค่นึกเท่านั้น เพราะเมื่อเห็นนิหล่าตอนที่เธอเตรียมนำคณะขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของคอนโร ความขุ่นเคืองทั้งปวงพลันมลายหายไปสิ้น
อยากเข้าไปคุย ถามให้รู้เรื่อง แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่ตอนนี้เวลานี้ เวลาไม่เอื้อ และดูเหมือนนิหล่าก็จงใจหลบ
หลบ…แม้แค่หันไปปรับไทให้ซินยอที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง
นั่นทำให้อนรรฆร้อนรุ่ม หงุดหงิดด้วยใจที่กระสับกระส่าย
และให้วันนี้ยุ่งวุ่นวายแค่ไหน ทั้งต้องเข้าร่วมประขุม และช่วยดูแลประสานงานในส่วนอื่นๆ แต่อนรรฆก็ยังไม่วายคิด...ทั้งห่วงทั้งหวง และห่วงยิ่งขึ้นเมื่อเทอร์รี่เดินมากระซิบ
“ทำไมนิหล่าถึงย้ายห้อง อ้าวคุณไม่รู้เหรอ” หญิงสาวถามในประโยคหลังเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย
การส่ายหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาวาวแสดงว่าคนถูกถามไม่รู้ จนเทอร์รี่อุทาน
“อุ๊ปส์…แล้วไปคุณไปทำอะไร เธอถึงขอย้ายห้อง”
หากอนรรฆไม่ตอบ ความกระวนกระวายเพิ่มพูนมากขึ้นเมื่อเห็นรายชื่อห้องพักของคณะพม่า…ห้องใหม่ของนิหล่าอยู่ข้างห้องซินยอ
“มีอะไรเหรอ” เทอร์รี่ถามเมื่อเห็นหัวคิ้วของเพื่อนขมวดตึง
“ผมกำลังหาโอกาสคุยกับนิหล่า คุณพอจะช่วยได้ไหม”
คำขอของเพื่อนสนิทไม่ยากเลย
ในฐานะเลขาฯ ของผู้บริหารระดับสูงของคอนโร และหนึ่งในคณะทำงาน เทอร์รี่มีโอกาสเดินเข้าออกที่ประชุมและยื่นเอกสารต่างๆ ให้กับผู้เข้าร่วมประชุม
เอกสารที่ยื่นให้นิหล่ามีแผ่นแตกต่างจากคนอื่น ข้อความบนเอกสารทำให้หญิงสาวชาวพม่าลุกขึ้นออกจากห้องประชุมในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เดินตามเทอร์รี่ที่พาไปยังห้องทำงานที่อยู่อีกชั้น
และกว่าที่เธอจะรู้ว่าต้องเจอ…ใคร ประตูห้องประชุมก็ถูกปิดเบาๆ จะหันก้าวหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว
“นิหล่า…”
เสียงทุ้มที่เรียกทำให้หญิงสาวหยุด นานพอที่วงแขนแข็งแรงคว้าร่างของเธอมากอดกระชับแน่น
นิหล่าไม่ดิ้นรน เธอสงบนิ่ง มือเล็กทาบบนแขนของเขามิใช่ผลักไส หากวางลงด้วยความรู้สึก
“บอกแล้วว่าอย่าให้ใครรู้” เสียงพร่าไม่ได้บอกว่าโกรธ
“เทอร์รี่รู้เรื่องที่ผมหลงเสน่ห์เด็กพม่ามาตั้งนานแล้ว” ให้หนักแน่นด้วยความรู้สึกที่มีอยู่เต็มอก แต่แววเสียงของอนรรฆก็มีรอยขบขัน
ขัน…ตัวเอง ที่…หลง…ได้ถึงเพียงนี้
อ้อมแขนคลายออกเพียงนิดเดียว เพียงเพื่อจะได้มองดวงหน้าของเธอชัดๆ
“มาถึงขนาดนี้แล้ว จะหนีทำไม ผมบอกแล้วว่าจะรับผิดชอบ จะดูแล…” เขาก้มหน้าลงชิด แววล้ำลึกในดวงตาบ่งบอกทั้งความห่วงและหวง “กลัวอะไรนักนิหล่า”
“คุณไม่เข้าใจ”
“ก็บอกซิ ว่าต้องเข้าใจอะไร” การตัดบทแสดงถึงความร้อนใจกระวนกระวาย “ผมไม่เข้าใจที่นิหล่าทำสักอย่าง นี่ย้ายห้อง เพราะซินยอเหรอ ทำไม”
“คือว่าอูซินยอเป็น…”
“มันไม่แปลกหรอกนะนิหล่า” เขาใจร้อนเกินกว่าจะทนฟัง และเรียบเรียงคำพูด “สังคมไหนๆ มันก็มีทั้งนั้น เจ้านายกับลูกน้อง แต่ผมแค่แปลกใจคุณรอดมาถึงผมได้ยังไง ทั้งซินยอ ทั้งริชาร์ด ทั้งใครต่อใครรุมตอมซะขนาดนั้น”
พลันนิหล่าดิ้นรนรุนแรงดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดเขา
“คุณอนรรฆ…”
ความคมเฉียบ เยือกเย็นในน้ำเสียงทำให้คนถูกเรียกใจหายวาบนึกอยากจะถอนคำพูด หากเขาก็ยังแข็งใจที่จะบอก
“ถ้าเกลียดผม ก็บอกมาว่าเกลียด ถ้าอยากจะเล่นๆ สนุกไปวันๆ ไม่จริงจังก็บอก ผมจะได้ทำตัวถูก จะได้รู้ว่าไม่ต้องท้วงไม่ถามถึง ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่อย่ามาทำแบบนี้ ความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัดนะนิหล่า”
“งั้นถือว่าเล่นๆ คุณไม่ต้องมาจริงหรอก”
เสียงเรียบนั่นไม่เพียงทำให้คนที่บอกงุนงง แต่คนฟังถึงกลับผงะไป…ใครจะคิด
เพียงแต่ว่าดวงตาคมสีน้ำตาลที่มีรอยโศกเมินไปทางอื่นที่ไม่ใช่ดวงหน้าเขา
“แน่ใจนะว่าต้องการแบบนั้น”
ทว่าหญิงสาวไม่แน่ใจ เธอเลือกที่จะหันเมิน สะกดความรู้สึก แล้วตัดสิงใจกระชากประตูเปิดรีบเดินออกจากห้อง
เพราะนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด
(ต่อ)