เพียงครึ่งใจ (บทที่ 24)
ความวุ่นวายภายนอกในช่วงเวลาไม่กี่นาที ทำให้คนของเคเอ็มเอ็นต้องมองด้วยความสนใจผ่านกำแพงกระจกของห้องประชุม
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามที ก่อนที่เลขาฯ ของอนรรฆจะเปิดประตูเข้ามา ยื่นแฟ้มบางให้กับเคเอ็มเอ็น
“รายชื่อล่าสุด พร้อมข้อมูลไฟท์และที่นั่ง ของคณะที่จะเดินทางไปอเมริกาค่ะ ด้านหลังจะเป็นรายละเอียดของกำหนดการในแต่ละวัน เดี๋ยวตอนบ่ายดิฉันจะคอนเฟริม์เรื่องโรงแรมนะคะ ของคุณนิหล่า ยังคงไม่มีไฟท์กลับใช่ไหมค่ะ”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ายืนยัน “ดิฉันมีธุระที่ต้องเดินทางต่อจากดีซี เรื่องไฟท์กลับมาเมืองไทย ดิฉันจะรับผิดชอบเอง”
“ทางคนของเคเอ็มเอ็นอีกคนอื่นๆ จะยังคงไปและกลับพร้อมคณะใหญ่ใช่ไหมคะ”
“ค่ะ ดิฉันรบกวนคุณช่วยส่งกำหนดการเป็นอีเมล์ด้วยได้ไหมคะ จะได้ส่งให้เพื่อนร่วมงานทางโน้น”
เพื่อนร่วมงานทั้งสองของเธอ กลับไปตั้งหลักที่เมียร์ม่าร์เพื่อเตรียมตัวจัดแผนการเดินทางของ ‘คณะผู้ใหญ่’
เป็นการแยกร่างกันทำงาน คนของเคเอ็มเอ็นไม่ได้เยอะเหมือนคอนโร ทุกคนต่างต้องสวมหลายหมวก ทำหลายหน้าที่ ดูแลรับผิดชอบหลายอย่าง
“แล้วพรุ่งนี้ที่จะไปสนามบิน คุณนิหล่าจะให้รถไปรับสักกี่โมงคะ” ทางเลขาฯ ของคอนโรถาม
“คุณสันติจะไปรับดิฉันค่ะ”
“เอ๊ะ แต่คุณสันติยังไม่ได้บอกเหรอคะ ว่าแกต้องยกเลิกการเดินทางค่ะ ตอนนี้นายไปแทน” ผู้เป็นเลขาฯ รีบบอก “กะทันหันนิดหน่อย”
“เอ…ถ้าคุณไมค์ไปไฟท์เดี่ยวกันกับดิฉัน และทางคอนโรจะมีใครร่วมเดินทางไปกับคณะของผู้ใหญ่ล่ะคะ”
ในกำหนดการเดิม สันติผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของคอนโร จะต้องไปกับเธอที่เป็นตัวแทนของเคเอ็มเอ็น ออกเดินทางไปฮูสตันก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน เพื่อจัดการเตรียมดูแลความเรียบร้อย พร้อมเตรียมการกับคนของคอนโรทางโน้น ก่อนที่คนของคณะรัฐบาลเมียร์มาร์จะไปพร้อมกับอูซินยอ
“อ๋อ…ไม่ใช่คุณไมค์ค่ะ แต่เป็นคุณอนรรฆ”
“แต่คุณอนรรฆไปแอลจีเรีย” นิหล่าพยายามอย่างสุดฤทธิ์ที่จะกลบเกลื่อนความตกใจ
“นายโดนเรียกตัวกลับค่ะ นี่ไฟท์เพิ่งลงเมื่อเที่ยง กำลังจะเข้าออฟฟิศ” คนเป็นเลขาฯ ส่ายหน้าเล็กน้อย ด้วยความสงสารผู้เป็นนาย “คุณคริสสั่งการลงมาเองให้คุณอนรรฆไป เลยขัดคำสั่งไม่ได้ สงสารนายเหมือนกัน งานทางโน้นก็ยังค้าง เจอกำหนดการกะทันหันคำสั่งฟ้าผ่า ยังดีที่หาไฟท์ออกได้ นี่ก็เลยวุ่นกันทั้งออฟฟิศมาสองสามวัน”
“คงเหนื่อยกันนะคะ โดนเฉพาะคุณอนรรฆ”
“ก็…ค่ะ นายเป็นลูกรักของคุณคริส ดิฉันก็ยังงงตอนแรกว่าทำไมนายไม่ไปฮูสตันเอง กลับส่งสันติไปแทน”
“ติดงานสำคัญๆ อื่นมังคะ” หญิงสาวเสบอกไปเช่นนั้น หากในใจรู้
อนรรฆจงใจหลบ…เลี่ยงที่จะยุ่ง
ดังนั้น งานที่เกี่ยวกับเคเอ็มเอ็นจึงไม่สำคัญสำหรับเขา
และเมื่อเลขาฯ ของเขาเดินออกไปแล้ว นิหล่าจึงถอนหายใจ…เฮ้ย…ยาว ดัง เพื่อให้ช่วยลดความคับข้องใจ
เดินทางไปกับเขา…ไฟท์เดียวกัน
แต่อาจนั่งคนละที่ นั่นก็คงแปลกดีเหมือนกัน
ตอนนั้น ไฟท์เดียวกัน นั่งด้วยไปกัน มันแปลก เพราะ…แปลกหน้า แต่ก็เพียงไม่นาน
คราวนี้…ให้รู้จัก แต่ก็ยังคงเป็นคนแปลกหน้าเหมือนเดิม
บริเวณส่วนบริการผู้โดยสารขาออกภายในสนามบินนั้นคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่ คงพอๆ กับจำนวนคนที่แห่กันมาส่งอนรรฆเพื่อเดินทางไปฮูสตันในคราวนี้
ทั้งพรพิมล ทั้งทัศนีย์และศันสนีย์ แล้วไหนจะอาจารย์อังคณา และคุณอาของเขาที่มาพร้อมกับหญิงสาวอีกคน ภาพความวุ่นวาย เสียงจอแจ จากกลุ่มทำให้เป็นที่ชวนมองของหลายๆ คนแถวนั้น
นิหล่านิ่วหน้ามองภาพตรงหน้าเคาน์เตอร์ ก่อนเลือกที่จะหลบมาอีกด้าน รอให้ขบวนของเขาเช็คอินเสร็จสิ้นไปเสียก่อน
หากแล้วเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ในความวุ่นวายแบบนั้น อนรรฆยังอุตส่าห์โทรฯ มา
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” หญิงสาวเพียงบอกกับเจ้าเครื่องโทรศัพท์ ก่อนจะตัดสาย แล้วปิดเครื่อง หันเดินกลับมาแอบมองความอลวนวุ่นวายจากกลุ่มของเขาอีกที
การเช็คอินของผู้โดยสารชั้นหนึ่งใช้เวลาไม่นาน พร้อมบริการดีเยี่ยม ทว่าท่าทางของพนักงานชี้ชัดถึงความโล่งใจเมื่อ…ขบวน ของเขามุ่งหน้าไปทางเข้าตรวจคนเข้าเมือง
เมื่อนั้นนิหล่าจึงเข้าไปเช็คอิน จัดการเรื่องกระเป๋าเดินทางและรับบัตรโดยสาร
“เมื่อกี้เห็นยุ่งกันพอดูเลยนะคะ” หญิงสาวบอกกับพนักงาน
“ค่ะ แต่สงสารคุณอนรรฆเหมือนกัน ดีที่แกเดินทางแค่คนเดียว ถ้าคนอื่นๆ ไปด้วยก็คงแย่” เจ้าหน้าที่บอกได้เท่านี้ ก่อนยื่นหนังสือเดินทางคืนให้ผู้โดยสาร “พูดไทยชัดมากเลยนะคะ ถ้าไม่เห็นพาสพอร์ตก็คงคิดว่าเป็นคนไทย”
“ค่ะ”
หญิงสาวยิ้มตอบ หากไม่ได้พูดอะไรต่อ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกต
“ปลายทางคือที่ฮูสตันเหมือนคุณอนรรฆเลย เดินทางด้วยกันหรือเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ” นิหล่าเลือกที่จะปฏิเสธ
ก็คงคล้ายที่เธอเลือกที่จะเตร่อยู่ข้างนอกระหว่างรอขึ้นเครื่อง แทนที่จะเข้าไปพักผ่อนห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง
โทรศัพท์มือถือถูกเปิดอีกครั้ง เพื่อติดต่อหาพ่อกับแม่ที่เมียร์มาร์ รวมถึงการโทรฯ รายงาน ท่าน ด้วย
หากนิหล่าเลือกที่จะไม่คุยกับมองก๊ก ไม่บอก ไม่เล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ร่วมเดินทางกะทันหัน
เพราะถ้าบอก…มองก๊ก คงไม่มีวันยอมช่วยปกปิดเรื่องของ…เขา อีกต่อไป
สายของ…เขา เรียกเข้ามาเกือบทุกห้านาที จนในที่สุดนิหล่าตัดสินใจรับ
“อยู่ไหนแล้ว เช็คอินหรือยัง โทรฯ ไปทำไมไม่รับ ปิดมือถือทำไม” คำถามมาเป็นชุด น้ำเสียงมีเคล้าดุ แต่ไม่ได้ฟังดูน่ากลัว
“จะให้ตอบคำถามไหนก่อน” นิหล่ายอกย้อน รับรู้ว่าปลายสายเงียบไป
“ผมอยู่ที่เลานจ์ อีกสิบนาทีจะไปขึ้นเครื่อง” เขาไม่ได้ตอบคำถามที่โยนมา
“งั้นเจอกันบนเครื่อง”
หญิงสาวตัดบท โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้คาดคั้นต่อ จนเธอเองก็นึกเสียใจที่เอ่ย ไปเช่นนั้น
มันควรมีคำพูดที่ดีกว่านี้
ต้องดีกว่านี้
เพราะ…เรา ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน หลีกหนีกันไม่พ้น ดังนั้นการควบคุมอารมณ์นั้นสำคัญ นิหล่าเตือนตัวเอง
อย่าให้เขาจับได้เชียวว่า…รักและอาวรณ์เหลือเกิน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด เดินไปยังบริเวณที่รอขึ้นเครื่อง
ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้ขึ้นเครื่องไปหมดแล้ว
เขา…ก็คงขึ้นไปแล้วเช่นกัน
การเดินเข้ามาภายในเครื่องบินของหญิงสาวนั้นมีแววลังเล เพราะความคิด
ครั้งนี้ จะเหมือนครั้งโน้นหรือไม่ นั่ง…ไปด้วยกัน
ครั้งโน้น…เธอประหม่าเพราะไม่รู้ที่นั่ง ไม่รู้พิธีการ เพราะเป็นครั้งแรกที่บินชั้นธุรกิจ และยิ่งประหม่า เมื่อเห็นเขา
ครั้งนี้…เธอประหม่า เพราะ…เขา
การเดินทางที่เราต้องไปด้วยกัน และหลายอย่างที่เธอต้องคิด ต้องซ่อน เพื่อไม่ให้ใครรู้โดยเฉพาะคนพม่า ทั้งหมดก็เพื่อ…เขา
(ต่อ)
เพียงครึ่งใจ (บทที่ 24) โดย มานัส
ความวุ่นวายภายนอกในช่วงเวลาไม่กี่นาที ทำให้คนของเคเอ็มเอ็นต้องมองด้วยความสนใจผ่านกำแพงกระจกของห้องประชุม
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามที ก่อนที่เลขาฯ ของอนรรฆจะเปิดประตูเข้ามา ยื่นแฟ้มบางให้กับเคเอ็มเอ็น
“รายชื่อล่าสุด พร้อมข้อมูลไฟท์และที่นั่ง ของคณะที่จะเดินทางไปอเมริกาค่ะ ด้านหลังจะเป็นรายละเอียดของกำหนดการในแต่ละวัน เดี๋ยวตอนบ่ายดิฉันจะคอนเฟริม์เรื่องโรงแรมนะคะ ของคุณนิหล่า ยังคงไม่มีไฟท์กลับใช่ไหมค่ะ”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ายืนยัน “ดิฉันมีธุระที่ต้องเดินทางต่อจากดีซี เรื่องไฟท์กลับมาเมืองไทย ดิฉันจะรับผิดชอบเอง”
“ทางคนของเคเอ็มเอ็นอีกคนอื่นๆ จะยังคงไปและกลับพร้อมคณะใหญ่ใช่ไหมคะ”
“ค่ะ ดิฉันรบกวนคุณช่วยส่งกำหนดการเป็นอีเมล์ด้วยได้ไหมคะ จะได้ส่งให้เพื่อนร่วมงานทางโน้น”
เพื่อนร่วมงานทั้งสองของเธอ กลับไปตั้งหลักที่เมียร์ม่าร์เพื่อเตรียมตัวจัดแผนการเดินทางของ ‘คณะผู้ใหญ่’
เป็นการแยกร่างกันทำงาน คนของเคเอ็มเอ็นไม่ได้เยอะเหมือนคอนโร ทุกคนต่างต้องสวมหลายหมวก ทำหลายหน้าที่ ดูแลรับผิดชอบหลายอย่าง
“แล้วพรุ่งนี้ที่จะไปสนามบิน คุณนิหล่าจะให้รถไปรับสักกี่โมงคะ” ทางเลขาฯ ของคอนโรถาม
“คุณสันติจะไปรับดิฉันค่ะ”
“เอ๊ะ แต่คุณสันติยังไม่ได้บอกเหรอคะ ว่าแกต้องยกเลิกการเดินทางค่ะ ตอนนี้นายไปแทน” ผู้เป็นเลขาฯ รีบบอก “กะทันหันนิดหน่อย”
“เอ…ถ้าคุณไมค์ไปไฟท์เดี่ยวกันกับดิฉัน และทางคอนโรจะมีใครร่วมเดินทางไปกับคณะของผู้ใหญ่ล่ะคะ”
ในกำหนดการเดิม สันติผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของคอนโร จะต้องไปกับเธอที่เป็นตัวแทนของเคเอ็มเอ็น ออกเดินทางไปฮูสตันก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน เพื่อจัดการเตรียมดูแลความเรียบร้อย พร้อมเตรียมการกับคนของคอนโรทางโน้น ก่อนที่คนของคณะรัฐบาลเมียร์มาร์จะไปพร้อมกับอูซินยอ
“อ๋อ…ไม่ใช่คุณไมค์ค่ะ แต่เป็นคุณอนรรฆ”
“แต่คุณอนรรฆไปแอลจีเรีย” นิหล่าพยายามอย่างสุดฤทธิ์ที่จะกลบเกลื่อนความตกใจ
“นายโดนเรียกตัวกลับค่ะ นี่ไฟท์เพิ่งลงเมื่อเที่ยง กำลังจะเข้าออฟฟิศ” คนเป็นเลขาฯ ส่ายหน้าเล็กน้อย ด้วยความสงสารผู้เป็นนาย “คุณคริสสั่งการลงมาเองให้คุณอนรรฆไป เลยขัดคำสั่งไม่ได้ สงสารนายเหมือนกัน งานทางโน้นก็ยังค้าง เจอกำหนดการกะทันหันคำสั่งฟ้าผ่า ยังดีที่หาไฟท์ออกได้ นี่ก็เลยวุ่นกันทั้งออฟฟิศมาสองสามวัน”
“คงเหนื่อยกันนะคะ โดนเฉพาะคุณอนรรฆ”
“ก็…ค่ะ นายเป็นลูกรักของคุณคริส ดิฉันก็ยังงงตอนแรกว่าทำไมนายไม่ไปฮูสตันเอง กลับส่งสันติไปแทน”
“ติดงานสำคัญๆ อื่นมังคะ” หญิงสาวเสบอกไปเช่นนั้น หากในใจรู้
อนรรฆจงใจหลบ…เลี่ยงที่จะยุ่ง
ดังนั้น งานที่เกี่ยวกับเคเอ็มเอ็นจึงไม่สำคัญสำหรับเขา
และเมื่อเลขาฯ ของเขาเดินออกไปแล้ว นิหล่าจึงถอนหายใจ…เฮ้ย…ยาว ดัง เพื่อให้ช่วยลดความคับข้องใจ
เดินทางไปกับเขา…ไฟท์เดียวกัน
แต่อาจนั่งคนละที่ นั่นก็คงแปลกดีเหมือนกัน
ตอนนั้น ไฟท์เดียวกัน นั่งด้วยไปกัน มันแปลก เพราะ…แปลกหน้า แต่ก็เพียงไม่นาน
คราวนี้…ให้รู้จัก แต่ก็ยังคงเป็นคนแปลกหน้าเหมือนเดิม
บริเวณส่วนบริการผู้โดยสารขาออกภายในสนามบินนั้นคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่ คงพอๆ กับจำนวนคนที่แห่กันมาส่งอนรรฆเพื่อเดินทางไปฮูสตันในคราวนี้
ทั้งพรพิมล ทั้งทัศนีย์และศันสนีย์ แล้วไหนจะอาจารย์อังคณา และคุณอาของเขาที่มาพร้อมกับหญิงสาวอีกคน ภาพความวุ่นวาย เสียงจอแจ จากกลุ่มทำให้เป็นที่ชวนมองของหลายๆ คนแถวนั้น
นิหล่านิ่วหน้ามองภาพตรงหน้าเคาน์เตอร์ ก่อนเลือกที่จะหลบมาอีกด้าน รอให้ขบวนของเขาเช็คอินเสร็จสิ้นไปเสียก่อน
หากแล้วเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ในความวุ่นวายแบบนั้น อนรรฆยังอุตส่าห์โทรฯ มา
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” หญิงสาวเพียงบอกกับเจ้าเครื่องโทรศัพท์ ก่อนจะตัดสาย แล้วปิดเครื่อง หันเดินกลับมาแอบมองความอลวนวุ่นวายจากกลุ่มของเขาอีกที
การเช็คอินของผู้โดยสารชั้นหนึ่งใช้เวลาไม่นาน พร้อมบริการดีเยี่ยม ทว่าท่าทางของพนักงานชี้ชัดถึงความโล่งใจเมื่อ…ขบวน ของเขามุ่งหน้าไปทางเข้าตรวจคนเข้าเมือง
เมื่อนั้นนิหล่าจึงเข้าไปเช็คอิน จัดการเรื่องกระเป๋าเดินทางและรับบัตรโดยสาร
“เมื่อกี้เห็นยุ่งกันพอดูเลยนะคะ” หญิงสาวบอกกับพนักงาน
“ค่ะ แต่สงสารคุณอนรรฆเหมือนกัน ดีที่แกเดินทางแค่คนเดียว ถ้าคนอื่นๆ ไปด้วยก็คงแย่” เจ้าหน้าที่บอกได้เท่านี้ ก่อนยื่นหนังสือเดินทางคืนให้ผู้โดยสาร “พูดไทยชัดมากเลยนะคะ ถ้าไม่เห็นพาสพอร์ตก็คงคิดว่าเป็นคนไทย”
“ค่ะ”
หญิงสาวยิ้มตอบ หากไม่ได้พูดอะไรต่อ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกต
“ปลายทางคือที่ฮูสตันเหมือนคุณอนรรฆเลย เดินทางด้วยกันหรือเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ” นิหล่าเลือกที่จะปฏิเสธ
ก็คงคล้ายที่เธอเลือกที่จะเตร่อยู่ข้างนอกระหว่างรอขึ้นเครื่อง แทนที่จะเข้าไปพักผ่อนห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง
โทรศัพท์มือถือถูกเปิดอีกครั้ง เพื่อติดต่อหาพ่อกับแม่ที่เมียร์มาร์ รวมถึงการโทรฯ รายงาน ท่าน ด้วย
หากนิหล่าเลือกที่จะไม่คุยกับมองก๊ก ไม่บอก ไม่เล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ร่วมเดินทางกะทันหัน
เพราะถ้าบอก…มองก๊ก คงไม่มีวันยอมช่วยปกปิดเรื่องของ…เขา อีกต่อไป
สายของ…เขา เรียกเข้ามาเกือบทุกห้านาที จนในที่สุดนิหล่าตัดสินใจรับ
“อยู่ไหนแล้ว เช็คอินหรือยัง โทรฯ ไปทำไมไม่รับ ปิดมือถือทำไม” คำถามมาเป็นชุด น้ำเสียงมีเคล้าดุ แต่ไม่ได้ฟังดูน่ากลัว
“จะให้ตอบคำถามไหนก่อน” นิหล่ายอกย้อน รับรู้ว่าปลายสายเงียบไป
“ผมอยู่ที่เลานจ์ อีกสิบนาทีจะไปขึ้นเครื่อง” เขาไม่ได้ตอบคำถามที่โยนมา
“งั้นเจอกันบนเครื่อง”
หญิงสาวตัดบท โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้คาดคั้นต่อ จนเธอเองก็นึกเสียใจที่เอ่ย ไปเช่นนั้น
มันควรมีคำพูดที่ดีกว่านี้
ต้องดีกว่านี้
เพราะ…เรา ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน หลีกหนีกันไม่พ้น ดังนั้นการควบคุมอารมณ์นั้นสำคัญ นิหล่าเตือนตัวเอง
อย่าให้เขาจับได้เชียวว่า…รักและอาวรณ์เหลือเกิน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด เดินไปยังบริเวณที่รอขึ้นเครื่อง
ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้ขึ้นเครื่องไปหมดแล้ว
เขา…ก็คงขึ้นไปแล้วเช่นกัน
การเดินเข้ามาภายในเครื่องบินของหญิงสาวนั้นมีแววลังเล เพราะความคิด
ครั้งนี้ จะเหมือนครั้งโน้นหรือไม่ นั่ง…ไปด้วยกัน
ครั้งโน้น…เธอประหม่าเพราะไม่รู้ที่นั่ง ไม่รู้พิธีการ เพราะเป็นครั้งแรกที่บินชั้นธุรกิจ และยิ่งประหม่า เมื่อเห็นเขา
ครั้งนี้…เธอประหม่า เพราะ…เขา
การเดินทางที่เราต้องไปด้วยกัน และหลายอย่างที่เธอต้องคิด ต้องซ่อน เพื่อไม่ให้ใครรู้โดยเฉพาะคนพม่า ทั้งหมดก็เพื่อ…เขา
(ต่อ)