เสียใจและน้อยใจกับกสิกร กับปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อวานเป็นลูกค้าThe Premierแต่วันนี้ตกกระป๋องไปแบบไม่รู้จะโทษใคร ขอระบายหน่อยละกันค่ะ
เป็นเรื่องที่ไม่รู้จะหาข้อสรุปยังไง และไม่รู้จะแก้ไขยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรืออาจะต้องทำใจไปเลยก็เป็นได้ เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันเป็นลูกค้าบัตร The Premierของกสิกรไทย ความผิดของดิฉันคือ มีการค้างชำระบัตรเกิน90วัน ซึ่งวันครบกำหนดวันสุดท้ายคือวันที่ 2-5-56 ซึ่งตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ของดิฉันแล้วที่จะหาเงินมาให้ทันเพื่อรักษาบัตรไว้ ซึ่งตรงนั้นไม่ซีเรียสแล้วเพราะการเงินช่วงพ.ค.เริ่มคล่องตัวขึ้น จนพอที่จะตัดเงินมาจ่ายบัตรให้หมุนเวียนต่อไปได้
ซึ่งจริงๆแล้ว ดิฉันจะได้รับเงินก้อนทุกวันที่5 ซึ่งหมายความว่าอันที่จริงวันที่2เนี่ย ดิฉันก็ยังไม่มีเงินหรอก แต่ก็แค่ต้องหาเงินมาจ่ายเร็วขึ้น3วัน จะทำยังไงดี เพราะยังไงวันที่5เรารู้อยู่แล้วว่าเรามีเงินแน่นอน จึงต้องหาสารพัดวิธีมาเพื่อให้ได้เงินจำนวนหนึ่งมาจ่ายบัตรก่อนที่แบงค์จะปิดรับชำระ จึงวิ่งเต้นสารพัดวิธีเพื่อให้ได้งเงินมาครบ 16,600บาท ในที่สุดฉันได้เงินมาครบแบบความรู้สึกปีติดีใจเหลือล้นว่าบัตรชั้นจะไม่ถูกยกเลิกแล้ว เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ดีใจมากมาย อย่างน้อยต่ออายุบัตรไปได้อีกนิดหน่อยก็ยังดี วางแปลนไว้อย่างมีความสุขเลยว่า ต่อไปนี้จะจัดการการเงินอย่างนั้นอย่างนี้ มีความสุขค่ะ
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อมาได้แจ้งยอดให้ดิฉันไปชำระ คือ 14,800 และ 1,800 ซึ่งเป็นยอดบัตรหลักและบัตรเสริม ดิฉันก็จดมาแบบไม่เอะใจอะไร เพราะฟังแต่ประโยคยอดรวมทั้งหมดคือ 16,600 (ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ผิดอ่ะนะเค้าก็บอกของเค้าถูก แต่แค่ความรู้สึกเราแค่ไม่รู้ว่าความนักหนาตรงนี้มันอยู่ที่ไหน ก็เลยไมได้เอะใจอะไรจากคำพูดเค้า) ทีนี้ดิฉันก็ได้ไปทำการกรอกแบบฟอร์ม ระหว่างนั้นลุ้นใจจดใจจ่อระบบจะปิดอยู่แล้วอีกไม่กี่นาที ก็ด้วยความมึนๆงงๆ ก็ถามเจ้าหน้าที่ว่า กรอกชำระตรงนี้ทั้งบัตรหลักบัตรเสริมเลยใช่มั้ย (ในใจถามไปไม่คิดอะไร คิดแต่ว่าจะทันมั้ย)
เจ้าหน้าที่: “เป็นวงเงินบัตรเดียวกันใช่มั้ยคะ ชำระตามตัวเลขได้เลยค่ะ ”
ดิฉัน : “ใช่ค่ะ เป็นบัตรหลักและบัตรเสริม”
เจ้าหน้าที่ : “ค่ะ กรอกหมายเลขบัตรหลักตามหน้าบัตร ยอดรวมที่จะชำระได้เลยค่ะ”
ดิฉัน : “อ๋อ ค่ะ จ่ายรวมในยอดเดียวกันได้เลยใช่มั้ยคะ”
เจ้าหน้าที่: ได้เลยค่ะ เดี่ยวยอดจะเข้าระบบเอง เดี๋ยวระบบจะปิดก่อนนะคะ(แล้วนางก็รีบไปบริการลูกค้าท่านอื่นต่อ)
ดิฉัน : ขอบคุณค่ะ แล้วกรอกตัวเลขเลยค่ะ 16,600 ไม่แยกไม่อะไรแล้ว แล้วก้รอคิวจ่าย เดี๋ยวไม่ทัน
ตัวดิฉันก็เลยโอเคเลย กรอกไปเลยค่ะ 16,600 ใส่เลขบัตรหลักไป1รหัส แล้วชำระ16,600 มาตัวเบา ยิ้มมีความสุข คิดในใจว่า เออ ขั้นรอดเหตุการณ์นี้มาได้ละนะ โล่งอกยังกะยกภูเขา
ต่อมาเช้าวันที่ 3 มีเจ้าหน้าที่จากกสิกร โทรมาแจ้งว่า “ บัตรของคุณถูกยกเลิกนะครับ “ ……โอ้ น้ำตาจะไหล ประหนึ่งสายฟ้าฟาด คำถามล้นหัวเลย เพราะอะไร ทำไม อย่างไร เกิดขึ้นได้ยังไง ยอกเข้าไม่ทัน เกินเวลาหรืออย่างไร
คำตอบก็คือ “ ยอดเข้าครับ 16,600 ถูกต้อง แต่บัตรถูกยกเลิกเพราะว่าในระบบมีการชำระเข้ามายอดเดียว คือยอดของบัตรหลัก ส่วนยอดของบัตรเสริมไม่มีการชำระเข้ามา ทำให้ระบบยกเลิกทั้ง 2 บัตรครับ”
ดิฉันเหมือนจะช็อค อึ้งบอกไม่ถูก พูดไม่ออก ได้แต่สาธยายอารมณ์การ่จายตอนนั้นไปว่า ดิฉันทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาขา เพราะเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่หญิงที่กสิกร คงเจอเคสชำระแบบนี้มาบ้าง และคำตอบก็น่าเชือ่ถือได้ ก็เลยเชื่อตามคำแนะนำเขา ไม่ได้เอะใจเรื่องตรงนี้เลย เพราะว่าบัตรของธนาคารอื่นที่ไปชำระมา ก็ชำระในวงเงินเดียวกันได้ ไม่มีปัญหา เพราะบัตรหลักและบัตรเสริม ก็ใช้วงเงินบัตรหลักอยู่ดี ก็จ่ายได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่คิดว่าเพียงแค่การชำระไม่แยกบัตรแค่นี้ จะร้ายแรงถึงขึ้นที่ว่าอะลุ่มอล่วยไมได้เลย และถึงขั้นยกเลิกบัตร แล้วตอนแรกดิฉันก็ได้เขียนฟอร์มชำระแยกไว้แล้ว แต่ด้วยความที่หวังดีจากเจ้าหน้าที่ ก็อาจจะเห็นว่าเดี่ยวเราจะไม่ทันชำระเงินเข้าระบบด้วยหรือเปล่า(มองในแง่ดี) ก็เลยแนะนำมาตามนี้ ดิฉันก็เลยเขียนตัวเลขไปเลย 16,600
ถามเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีว่า แล้วยังงี้ควรทำยังไง มันเป็นปัญหากลืนไม่เข้าคายไม่ออกนะ ช่วยหน่อยได้มั้ย ไม่มีวิธีไหนเลยหรือ??? เค้าแนะนำว่า“ให้ร้องเรียนไปที่สาขา ในส่วนที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่สาขานั้นให้คำแนะนำให้เกิดการเข้าใจผิด ทำให้ลูกค้าเสียผลประโยชน์ ให้ทางสาขาแจ้งมาว่าจะรับผิดชอบส่วนไหนได้บ้าง ..แต่ไม่ต้องบอกนะครับว่าทางสนง.ใหญ่แนะนำให้ทำวิธีนี้)”อ้าว! ซะงั้น มีงี้ด้วย
ตอนนี้รู้สึกว่าเหมือนลอยเคว้งคว้างมาก ร้องเรียนใครไม่ได้เลย กลายเป็นความผิดของตัวเองที่ไม่เอะใจ แต่อีกใจคือคิดไม่ถึงจริงๆว่า เขาไม่อะลุ้มอล่วยให้เราเลยจริงๆหรือ อันที่จริงถึงเราจะมีประวัติชำระล่าช้า แต่เราก็รับผิดชอบในส่วนของเราได้ อีกอย่างเราก็เป็นลูกค้าของกสิกร ทั้งบัญชีเงินฝากประจำเอย ประกันเอย คือเอาแค่บัตรThe Premier เนี่ย เราได้บัตรนี้มาก็เพราะว่าเราทำตามเงื่อนไขคือ เปิดบัญชีฝากประจำ1,000,000บาท + ประกันอีกปีละ 159,000 ส่ง6ปี เราถึงได้สิทธินี้มา ไหนจะผลิตภัณฑ์อื่นของธนาคารอีก ที่ใช้มาตลอด สิทธิอันเลอค่าที่เคยมอบให้ในฐานะลูกค้าผู้ทรงเกียรติ ถือบัตรระดับค่อนข้างสูง แต่กับความผิดพลาดครั้งนี้ กับวันเวลาข้ามวันมาเพียง1วัน ที่ผ่านมาราวหมาตกกระป๋องเพียงชั่วข้ามคืน คำตอบที่เจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือ มันไม่มีแม้แต่ความพยายามใดๆเลยสักนิด ได้แต่จับใจความว่า เหมือนให้เราไปเดินเรื่องเองจัดการเอง เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะยังไงบัตรก็ถูกยกเลิกไปแล้ว ความรู้สึกคือเหมือนไมได้เป้นอะไรกับกสิกรอีกต่อไป ที่เหลือคือเป็นลูกหนี้ชั้นต่ำดีๆที่ต้องตามชำระหนี้กันต่อไป ไม่มีฐานะหรือตัวตนใดๆในกสิกรอีกเลย แต่ประกันก็ส่งกันต่อไปอีกปีละ 159,000 อีก 5ปี (ทั้งๆที่บอกตรงว่าไม่ได้อยากทำอะไรมากมาย ที่ยอมทำเพราะอยากได้บัตร The Premier)
บอกตรงๆว่าเศร้าอย่างบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ เราเองเป็นลูกค้าระดับPlatinumของกรุงศรี ถ้าเทียบกับ The Premierของกสิกร ถือว่าเกรดบัตรคนละแบบเลยนะ เพราะไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์อะไรเข้ามาช่วยออกบัตร แต่กรุงศรีช่วยลูกค้าได้ แม้กระทั่งวันครบกำหนด ยังช่วยทำเรื่องเดินเรื่องให้เรายืดเวลาไปอีกสักหน่อย ก็ยังช่วยทำให้ ถ้าพูดถึงในแง่ของการบริการในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ถือว่าประทับใจในแง่ความรู้สึก ความลดหย่อนผ่อนปรน รู้สึกประทับใจมากค่ะ ไม่ได้ว่าจะมาแยกระดับผู้ใช้บัตรนะคะ แต่แค่เอามายกตัวอย่างในเรื่องของความรู้สึกจากการใช้บริการแค่นั้นค่ะ เศร้าและอยากร้องไห้กับเรื่องนี้จริงๆ
เสียใจและน้อยใจกับกสิกร กับปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อวานเป็นลูกค้าThe Premierแต่วันนี้ตกกระป๋องไปแบบไม่รู้จะโทษใ
เป็นเรื่องที่ไม่รู้จะหาข้อสรุปยังไง และไม่รู้จะแก้ไขยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรืออาจะต้องทำใจไปเลยก็เป็นได้ เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันเป็นลูกค้าบัตร The Premierของกสิกรไทย ความผิดของดิฉันคือ มีการค้างชำระบัตรเกิน90วัน ซึ่งวันครบกำหนดวันสุดท้ายคือวันที่ 2-5-56 ซึ่งตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ของดิฉันแล้วที่จะหาเงินมาให้ทันเพื่อรักษาบัตรไว้ ซึ่งตรงนั้นไม่ซีเรียสแล้วเพราะการเงินช่วงพ.ค.เริ่มคล่องตัวขึ้น จนพอที่จะตัดเงินมาจ่ายบัตรให้หมุนเวียนต่อไปได้
ซึ่งจริงๆแล้ว ดิฉันจะได้รับเงินก้อนทุกวันที่5 ซึ่งหมายความว่าอันที่จริงวันที่2เนี่ย ดิฉันก็ยังไม่มีเงินหรอก แต่ก็แค่ต้องหาเงินมาจ่ายเร็วขึ้น3วัน จะทำยังไงดี เพราะยังไงวันที่5เรารู้อยู่แล้วว่าเรามีเงินแน่นอน จึงต้องหาสารพัดวิธีมาเพื่อให้ได้เงินจำนวนหนึ่งมาจ่ายบัตรก่อนที่แบงค์จะปิดรับชำระ จึงวิ่งเต้นสารพัดวิธีเพื่อให้ได้งเงินมาครบ 16,600บาท ในที่สุดฉันได้เงินมาครบแบบความรู้สึกปีติดีใจเหลือล้นว่าบัตรชั้นจะไม่ถูกยกเลิกแล้ว เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ดีใจมากมาย อย่างน้อยต่ออายุบัตรไปได้อีกนิดหน่อยก็ยังดี วางแปลนไว้อย่างมีความสุขเลยว่า ต่อไปนี้จะจัดการการเงินอย่างนั้นอย่างนี้ มีความสุขค่ะ
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อมาได้แจ้งยอดให้ดิฉันไปชำระ คือ 14,800 และ 1,800 ซึ่งเป็นยอดบัตรหลักและบัตรเสริม ดิฉันก็จดมาแบบไม่เอะใจอะไร เพราะฟังแต่ประโยคยอดรวมทั้งหมดคือ 16,600 (ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ผิดอ่ะนะเค้าก็บอกของเค้าถูก แต่แค่ความรู้สึกเราแค่ไม่รู้ว่าความนักหนาตรงนี้มันอยู่ที่ไหน ก็เลยไมได้เอะใจอะไรจากคำพูดเค้า) ทีนี้ดิฉันก็ได้ไปทำการกรอกแบบฟอร์ม ระหว่างนั้นลุ้นใจจดใจจ่อระบบจะปิดอยู่แล้วอีกไม่กี่นาที ก็ด้วยความมึนๆงงๆ ก็ถามเจ้าหน้าที่ว่า กรอกชำระตรงนี้ทั้งบัตรหลักบัตรเสริมเลยใช่มั้ย (ในใจถามไปไม่คิดอะไร คิดแต่ว่าจะทันมั้ย)
เจ้าหน้าที่: “เป็นวงเงินบัตรเดียวกันใช่มั้ยคะ ชำระตามตัวเลขได้เลยค่ะ ”
ดิฉัน : “ใช่ค่ะ เป็นบัตรหลักและบัตรเสริม”
เจ้าหน้าที่ : “ค่ะ กรอกหมายเลขบัตรหลักตามหน้าบัตร ยอดรวมที่จะชำระได้เลยค่ะ”
ดิฉัน : “อ๋อ ค่ะ จ่ายรวมในยอดเดียวกันได้เลยใช่มั้ยคะ”
เจ้าหน้าที่: ได้เลยค่ะ เดี่ยวยอดจะเข้าระบบเอง เดี๋ยวระบบจะปิดก่อนนะคะ(แล้วนางก็รีบไปบริการลูกค้าท่านอื่นต่อ)
ดิฉัน : ขอบคุณค่ะ แล้วกรอกตัวเลขเลยค่ะ 16,600 ไม่แยกไม่อะไรแล้ว แล้วก้รอคิวจ่าย เดี๋ยวไม่ทัน
ตัวดิฉันก็เลยโอเคเลย กรอกไปเลยค่ะ 16,600 ใส่เลขบัตรหลักไป1รหัส แล้วชำระ16,600 มาตัวเบา ยิ้มมีความสุข คิดในใจว่า เออ ขั้นรอดเหตุการณ์นี้มาได้ละนะ โล่งอกยังกะยกภูเขา
ต่อมาเช้าวันที่ 3 มีเจ้าหน้าที่จากกสิกร โทรมาแจ้งว่า “ บัตรของคุณถูกยกเลิกนะครับ “ ……โอ้ น้ำตาจะไหล ประหนึ่งสายฟ้าฟาด คำถามล้นหัวเลย เพราะอะไร ทำไม อย่างไร เกิดขึ้นได้ยังไง ยอกเข้าไม่ทัน เกินเวลาหรืออย่างไร
คำตอบก็คือ “ ยอดเข้าครับ 16,600 ถูกต้อง แต่บัตรถูกยกเลิกเพราะว่าในระบบมีการชำระเข้ามายอดเดียว คือยอดของบัตรหลัก ส่วนยอดของบัตรเสริมไม่มีการชำระเข้ามา ทำให้ระบบยกเลิกทั้ง 2 บัตรครับ”
ดิฉันเหมือนจะช็อค อึ้งบอกไม่ถูก พูดไม่ออก ได้แต่สาธยายอารมณ์การ่จายตอนนั้นไปว่า ดิฉันทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาขา เพราะเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่หญิงที่กสิกร คงเจอเคสชำระแบบนี้มาบ้าง และคำตอบก็น่าเชือ่ถือได้ ก็เลยเชื่อตามคำแนะนำเขา ไม่ได้เอะใจเรื่องตรงนี้เลย เพราะว่าบัตรของธนาคารอื่นที่ไปชำระมา ก็ชำระในวงเงินเดียวกันได้ ไม่มีปัญหา เพราะบัตรหลักและบัตรเสริม ก็ใช้วงเงินบัตรหลักอยู่ดี ก็จ่ายได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่คิดว่าเพียงแค่การชำระไม่แยกบัตรแค่นี้ จะร้ายแรงถึงขึ้นที่ว่าอะลุ่มอล่วยไมได้เลย และถึงขั้นยกเลิกบัตร แล้วตอนแรกดิฉันก็ได้เขียนฟอร์มชำระแยกไว้แล้ว แต่ด้วยความที่หวังดีจากเจ้าหน้าที่ ก็อาจจะเห็นว่าเดี่ยวเราจะไม่ทันชำระเงินเข้าระบบด้วยหรือเปล่า(มองในแง่ดี) ก็เลยแนะนำมาตามนี้ ดิฉันก็เลยเขียนตัวเลขไปเลย 16,600
ถามเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีว่า แล้วยังงี้ควรทำยังไง มันเป็นปัญหากลืนไม่เข้าคายไม่ออกนะ ช่วยหน่อยได้มั้ย ไม่มีวิธีไหนเลยหรือ??? เค้าแนะนำว่า“ให้ร้องเรียนไปที่สาขา ในส่วนที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่สาขานั้นให้คำแนะนำให้เกิดการเข้าใจผิด ทำให้ลูกค้าเสียผลประโยชน์ ให้ทางสาขาแจ้งมาว่าจะรับผิดชอบส่วนไหนได้บ้าง ..แต่ไม่ต้องบอกนะครับว่าทางสนง.ใหญ่แนะนำให้ทำวิธีนี้)”อ้าว! ซะงั้น มีงี้ด้วย
ตอนนี้รู้สึกว่าเหมือนลอยเคว้งคว้างมาก ร้องเรียนใครไม่ได้เลย กลายเป็นความผิดของตัวเองที่ไม่เอะใจ แต่อีกใจคือคิดไม่ถึงจริงๆว่า เขาไม่อะลุ้มอล่วยให้เราเลยจริงๆหรือ อันที่จริงถึงเราจะมีประวัติชำระล่าช้า แต่เราก็รับผิดชอบในส่วนของเราได้ อีกอย่างเราก็เป็นลูกค้าของกสิกร ทั้งบัญชีเงินฝากประจำเอย ประกันเอย คือเอาแค่บัตรThe Premier เนี่ย เราได้บัตรนี้มาก็เพราะว่าเราทำตามเงื่อนไขคือ เปิดบัญชีฝากประจำ1,000,000บาท + ประกันอีกปีละ 159,000 ส่ง6ปี เราถึงได้สิทธินี้มา ไหนจะผลิตภัณฑ์อื่นของธนาคารอีก ที่ใช้มาตลอด สิทธิอันเลอค่าที่เคยมอบให้ในฐานะลูกค้าผู้ทรงเกียรติ ถือบัตรระดับค่อนข้างสูง แต่กับความผิดพลาดครั้งนี้ กับวันเวลาข้ามวันมาเพียง1วัน ที่ผ่านมาราวหมาตกกระป๋องเพียงชั่วข้ามคืน คำตอบที่เจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือ มันไม่มีแม้แต่ความพยายามใดๆเลยสักนิด ได้แต่จับใจความว่า เหมือนให้เราไปเดินเรื่องเองจัดการเอง เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะยังไงบัตรก็ถูกยกเลิกไปแล้ว ความรู้สึกคือเหมือนไมได้เป้นอะไรกับกสิกรอีกต่อไป ที่เหลือคือเป็นลูกหนี้ชั้นต่ำดีๆที่ต้องตามชำระหนี้กันต่อไป ไม่มีฐานะหรือตัวตนใดๆในกสิกรอีกเลย แต่ประกันก็ส่งกันต่อไปอีกปีละ 159,000 อีก 5ปี (ทั้งๆที่บอกตรงว่าไม่ได้อยากทำอะไรมากมาย ที่ยอมทำเพราะอยากได้บัตร The Premier)
บอกตรงๆว่าเศร้าอย่างบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ เราเองเป็นลูกค้าระดับPlatinumของกรุงศรี ถ้าเทียบกับ The Premierของกสิกร ถือว่าเกรดบัตรคนละแบบเลยนะ เพราะไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์อะไรเข้ามาช่วยออกบัตร แต่กรุงศรีช่วยลูกค้าได้ แม้กระทั่งวันครบกำหนด ยังช่วยทำเรื่องเดินเรื่องให้เรายืดเวลาไปอีกสักหน่อย ก็ยังช่วยทำให้ ถ้าพูดถึงในแง่ของการบริการในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ถือว่าประทับใจในแง่ความรู้สึก ความลดหย่อนผ่อนปรน รู้สึกประทับใจมากค่ะ ไม่ได้ว่าจะมาแยกระดับผู้ใช้บัตรนะคะ แต่แค่เอามายกตัวอย่างในเรื่องของความรู้สึกจากการใช้บริการแค่นั้นค่ะ เศร้าและอยากร้องไห้กับเรื่องนี้จริงๆ