2
เช้าวันรุ่งขึ้น ในห้องนอนของกาน ในห้องไม่มีอะไรมากนัก มีตู้เสื้อผ้าหนึ่งหลังโต๊ะเครื่องแป้ง 1 ตัว ที่กลางห้องมีเสื่อผืนกับหมอน 1 ใบ ประตูห้องน้ำปิดอยู่เพื่อความสุนทรีย์ในการนอน ริมประตูหลังห้อง มีเครื่องครัวหลายอย่างวางระเกะระกะ ริมชิดติดขอบประตูเตาไฟฟ้าที่เกรอะกรังไปด้วยคราบน้ำมันวางอยู่ เพราะหลายครั้งที่ทำอาหารทานเองแล้วไม่ได้เช็ดถู ใกล้เตาไฟฟ้ามีเครื่องปรุงน้ำปลา ซีอิ้วขาวที่แทบไม่พร่องเลยวาวอยู่สองสามขวด
ทุกๆเช้าเมื่อลุกขึ้นมากานต้องดื่มกาแฟเป็นประจำ ถ้าไม่ได้ดื่มเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างในแต่ละเช้า กานต้องดื่มเพื่อขับไล่ความง่วง และเพื่อให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้นมาดีกว่าให้ตัวเองง่วงเหงาจนหลายครั้งตื่ขึ้นมาแล้วนอนต่อ ความง่วงนั้นยังเข้าครอบงำอยู่เลยไปเทน้ำจากขวดน้ำสปริงเกิลขวดใหญ่ ใส่กระติกน้ำร้อน ระหว่างที่รอน้ำร้อนเดือด ก็เดินไปที่ริมห้องด้านชิดผนังใกล้ประตูหน้า ชุดสเตอริโอมินินิวางอยู่บนพื้น กานเปิดวิทยุคลื่น 107 FM คลื่นโปรดฟัง ตอนนั้นเป็นช่วงดีเจพูดคุยกับแฟนเพลง ดีเจปิ๋มรับหน้าที่ เธอพูดคุยพลางหัวเราะไป เสียงเจื้อยแจ้วดังออกมาทางลำโพง คำพูดคุยของดีเจปิ๋มทำเอากานอมยิ้มคนเดียวเพราะดีเจปิ๋มเป็นคนร่าเริงมีแฟนเพลงรอฟังหลายคน
ระหว่างรอน้ำเดือดก็ไปบดกาแฟด้วยเครื่องบดตัวจิ๋ว กาแฟถูกบดเสร็จเปิดฝาเครื่องออกมากลิ่นของเมล็ดกาแฟที่ถูกบดโชยขึ้นมาหอมกรุ่นชวนให้ลิ้มลองนัก เครื่องชงแบบเพรสวางรออยู่ใกล้ๆอยู่แล้ว กานเทกาแฟลงไปในเหยือก น้ำร้อนเดือดได้ที่ไปกดน้ำร้อนใส่เครื่องชงกาแฟ ตั้งเวลาไว้ตามที่กำหนด พอถึงเวลากาแฟในเหยือกเพรสได้ที่แล้วก็เทใส่แก้วกาแฟใบสวยที่ชอบ เทน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ถือกาแฟแก้วเดินไปที่ประตูแล้วก็ออกจากห้องลงไปนั่งที่ระเบียงของอพาร์ทเม้นท์
อากาศเช้านั้นเย็นสบายเหมือนนั่งอยู่ในสวนป่าร้อนชื้นเพราะช่วงนั้นยังอยู่ในเดือนหน้าฝน ต้นไม้ที่ระเบียงไม่ได้มีแต่ต้นโมกข์ต้นเดียวเท่านั้นยังมีใบ กิ่งก้านของต้นลีลาวดีอีกหลายต้นช่วยกันแผ่ให้ร่มเงา แต่เช้าๆอย่างนั้นไม่จำเป็นต้องให้มีร่มเงาหรอก ขอเพียงแค่แก้วกาแฟหอมกรุ่นที่ถือมาก็เพียงพอแล้ว กาแฟใกล้หมดแก้ว คนในตึกเริ่มทยอยออกมาจากข้างในเพื่อไปทำงานและไปเรียน คนเดินผ่านมาที่ถนนซอยใกล้กับระเบียง ต่างคนต่างเร่งรีบไปที่ที่ตัวเองต้องการไป
กาแฟหมดแก้วแล้ว นั่งอยู่ตรงระเบียงเป็นนานสองนาน คนที่อยากเจอทำไมไม่ลงมาซักที
กว่าจะบอกรัก(ต่อจาก ชิมลางแนวอกหักรักคุด)
เช้าวันรุ่งขึ้น ในห้องนอนของกาน ในห้องไม่มีอะไรมากนัก มีตู้เสื้อผ้าหนึ่งหลังโต๊ะเครื่องแป้ง 1 ตัว ที่กลางห้องมีเสื่อผืนกับหมอน 1 ใบ ประตูห้องน้ำปิดอยู่เพื่อความสุนทรีย์ในการนอน ริมประตูหลังห้อง มีเครื่องครัวหลายอย่างวางระเกะระกะ ริมชิดติดขอบประตูเตาไฟฟ้าที่เกรอะกรังไปด้วยคราบน้ำมันวางอยู่ เพราะหลายครั้งที่ทำอาหารทานเองแล้วไม่ได้เช็ดถู ใกล้เตาไฟฟ้ามีเครื่องปรุงน้ำปลา ซีอิ้วขาวที่แทบไม่พร่องเลยวาวอยู่สองสามขวด
ทุกๆเช้าเมื่อลุกขึ้นมากานต้องดื่มกาแฟเป็นประจำ ถ้าไม่ได้ดื่มเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างในแต่ละเช้า กานต้องดื่มเพื่อขับไล่ความง่วง และเพื่อให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้นมาดีกว่าให้ตัวเองง่วงเหงาจนหลายครั้งตื่ขึ้นมาแล้วนอนต่อ ความง่วงนั้นยังเข้าครอบงำอยู่เลยไปเทน้ำจากขวดน้ำสปริงเกิลขวดใหญ่ ใส่กระติกน้ำร้อน ระหว่างที่รอน้ำร้อนเดือด ก็เดินไปที่ริมห้องด้านชิดผนังใกล้ประตูหน้า ชุดสเตอริโอมินินิวางอยู่บนพื้น กานเปิดวิทยุคลื่น 107 FM คลื่นโปรดฟัง ตอนนั้นเป็นช่วงดีเจพูดคุยกับแฟนเพลง ดีเจปิ๋มรับหน้าที่ เธอพูดคุยพลางหัวเราะไป เสียงเจื้อยแจ้วดังออกมาทางลำโพง คำพูดคุยของดีเจปิ๋มทำเอากานอมยิ้มคนเดียวเพราะดีเจปิ๋มเป็นคนร่าเริงมีแฟนเพลงรอฟังหลายคน
ระหว่างรอน้ำเดือดก็ไปบดกาแฟด้วยเครื่องบดตัวจิ๋ว กาแฟถูกบดเสร็จเปิดฝาเครื่องออกมากลิ่นของเมล็ดกาแฟที่ถูกบดโชยขึ้นมาหอมกรุ่นชวนให้ลิ้มลองนัก เครื่องชงแบบเพรสวางรออยู่ใกล้ๆอยู่แล้ว กานเทกาแฟลงไปในเหยือก น้ำร้อนเดือดได้ที่ไปกดน้ำร้อนใส่เครื่องชงกาแฟ ตั้งเวลาไว้ตามที่กำหนด พอถึงเวลากาแฟในเหยือกเพรสได้ที่แล้วก็เทใส่แก้วกาแฟใบสวยที่ชอบ เทน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ถือกาแฟแก้วเดินไปที่ประตูแล้วก็ออกจากห้องลงไปนั่งที่ระเบียงของอพาร์ทเม้นท์
อากาศเช้านั้นเย็นสบายเหมือนนั่งอยู่ในสวนป่าร้อนชื้นเพราะช่วงนั้นยังอยู่ในเดือนหน้าฝน ต้นไม้ที่ระเบียงไม่ได้มีแต่ต้นโมกข์ต้นเดียวเท่านั้นยังมีใบ กิ่งก้านของต้นลีลาวดีอีกหลายต้นช่วยกันแผ่ให้ร่มเงา แต่เช้าๆอย่างนั้นไม่จำเป็นต้องให้มีร่มเงาหรอก ขอเพียงแค่แก้วกาแฟหอมกรุ่นที่ถือมาก็เพียงพอแล้ว กาแฟใกล้หมดแก้ว คนในตึกเริ่มทยอยออกมาจากข้างในเพื่อไปทำงานและไปเรียน คนเดินผ่านมาที่ถนนซอยใกล้กับระเบียง ต่างคนต่างเร่งรีบไปที่ที่ตัวเองต้องการไป
กาแฟหมดแก้วแล้ว นั่งอยู่ตรงระเบียงเป็นนานสองนาน คนที่อยากเจอทำไมไม่ลงมาซักที