ทักเอย ทักษิณ.....

...

ใครหนาช่างกระไร ไปตำหนิ ถึงเป็นถึงตาย

ทำคุณก็ล้วนคุณูปการหลากหลายให้สังคม

ความคิดก็เลิศหล้าในปฐพี ยากหาใครเทียบได้

สิทธิ์พิเศษก็มากมี เดินไกลไร้พรมแดนอยู่ชั่ววัน

อยู่ไหนหนอ หลายคนเฝ้ารอคอย มิเว้นวัน

ธุรกิจมากมาย ก่อเกิดผลงานอันสร้างสรรค์

เท่าที่ติดตามไม่บ่อยเรื่องข่าวทักษิณนั้น จะพบว่า ออกไปในเรื่องการใช้อำนาจที่แปลกๆ

ผมสงสัยนิดว่า ทำไมคนคนหนึ่งถึงถูกโจมตีได้ขนาดนั้น เพราะอะไรกันแน่ จึงลองหา

คำตอบ และท้ายที่สุดก็มาได้คำตอบว่า “เหยียบตราปลา” ใครหรือเปล่า อันเนื่องจาก

ทักษิณนั้นล้วนแต่ทำธุรกิจมาตลอด โดยเฉพาะธุรกิจที่ทำนั้นสร้างกำไรมหาศาล

ลักษณะของพ่อค้าในเมืองไทย มีหลายคนที่อยู่ในลำดับต้นๆที่จัดลำดับเรื่องความมั่งคั่ง

ทักษิณ มิใช่มาก่อน มาหลังแถมยังแซงได้ด้วย อันนี้คือเรื่องเหลือเชื่อ หรือใครจะเถียง

แต่การทำธุรกิจ เหล่านักธุรกิจ นั้นเค้ามีเงื่อนไข หรือรายละเอียดอย่างไร มิอาจทราบได้

แต่ถ้าพูดถึงกรณีการแข่งขัน หรือคู่แข่งขัน ว่ากันตามระบบสากลถือว่าปกติ แต่ในเมืองไทย

เป็นเรื่องจริงหรือ พวกนักธุรกิจแม้บางครั้งจะได้ยินได้ฟังเรื่อง การใช้กลไกอันพิเศษเพื่อ

เป็นประโยชน์ต่อตนเอง แต่ก็ไม่เคยฟันธงไปได้เลยว่า พวกเขานั้นใช้อำนาจรัฐฯทางตรง

เพื่อการธุรกิจของเขาเหล่านั้น แต่ ทักษิณ เมื่อแรกๆที่ตาม ก็จะพบว่า ก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้

กลไกอันพิเศษที่ว่านี้เช่นกัน ต่อมา ชัดเจนนั่นก็คือเมื่อขึ้นสู่อำนาจแล้ว ก็ใช้อำนาจเพื่อ

เอื้อธุรกิจของตน จนนำไปสู่จุดจบในระบบกระบวนการยุติธรรม อันประจักษ์ต่อสังคมแล้วนั้น

ผมคิดว่า ทักษิณ เป็นบุคคลหนึ่งที่ชัดเจน แบบนักเลงว่า ก็กรูจะทำ จะทำไม ซึ่งเหล่านี้

อาจนำไปสู่ความไม่พอใจของเหล่านักธุรกิจได้หรือไม่ แน่นอนว่า ลักษณะการทำธุรกิจ

มักพบบ่อยครั้งเรื่อง การทำลายคู่แข่งขัน ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ เท่าๆที่ทราบกันดีอยู่แล้ว

บางกรณีถึงกับทำร้าย มิใช่ตัวผลิตภัณฑ์แต่อย่างใด แต่พุ่งตรงไปที่ตัวบุคคลก็เคยพบเห็น

อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตามองต่อไป ว่า ถ้าเป็นจริง การหาแนวทางการแก้ไขคืออะไร

ใครใคร่ค้า ค้า ใครใคร่ขาย ขาย เป็นสำนวนหนึ่งที่ใช้ได้กับเมืองไทย แต่ผมว่ามันต่างยุคกัน

สำหรับนักธุรกิจที่เข้าตำรา “เหยียบตาปลา”  หรือเปล่าเอ่ย

พอแร่ะ....มิใช่กลอนพี่น้อง.....ว่างๆ....ก็ลองแคะดูอ่ะคาฟ