ไม่ว่าสัตว์หรือมนุษย์ ต่างก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากบ่วงกรรมของมะเร็งได้ แต่ก็ยังมีสัตว์อยู่กลุ่มหนึ่ง ที่สามารถเอาชนะความผิดปกติทางพันธุกรรมของเซลล์ในร่างกายนี้ได้ โดยผมจะขอคัดเลือกสัตว์ตามธรรมชาติมา 7 ชนิด ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีอัตราการเป็นมะเร็งน้อยที่สุด และบางชนิดมีอายุขัยมากกว่ามนุษย์โดยที่ไม่มีการพึงการแพทย์แบบมนุษย์ด้วย !!
เรามาดูกันว่า สัตว์เหล่านี้มีกลไกการป้องกันมะเร็งอย่างไร เผื่อเราอาจจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเองได้บ้างครับ
1. วาฬ Bowhead (Bowhead Whale)
ลักษณะพิเศษ: มีอัตราการเกิดมะเร็งต่ำมากแม้จะมีอายุยืนยาว (บางตัวอาจมีอายุมากกว่า 200 ปี)
กลไกต้านมะเร็ง:
- ยีนที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซม DNA มีประสิทธิภาพสูง
- มีการกลายพันธุ์ในยีนที่ช่วยลดการสะสมของเซลล์ที่เสียหาย
- ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงช่วยป้องกันเซลล์ผิดปกติไม่ให้พัฒนาเป็นมะเร็ง
2. ตุ่นหนูไร้ขน (Naked Mole Rat)
ลักษณะพิเศษ: สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่มีอายุยืนยาว (มากกว่า 30 ปี) และแทบไม่พบการเกิดมะเร็ง
กลไกต้านมะเร็ง:
- มีสาร hyaluronan ขนาดใหญ่ (high molecular weight) ในเนื้อเยื่อ ซึ่งป้องกันเซลล์ไม่ให้รวมตัวกันเป็นเนื้องอก
- เซลล์มีความไวต่อความหนาแน่นของประชากรเซลล์ หากเริ่มเกิดความผิดปกติ เซลล์จะหยุดแบ่งตัว
- มีโปรตีนที่ช่วยป้องกันความเสียหายของ DNA ได้ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น
3. ช้าง (Elephant)
ลักษณะพิเศษ: ช้างมีขนาดร่างกายใหญ่และมีจำนวนเซลล์มาก แต่มีอัตราการเกิดมะเร็งต่ำผิดปกติ (เรียกว่า Peto’s Paradox)
กลไกต้านมะเร็ง:
- มียีน TP53 (ยีนที่ทำหน้าที่ต้านมะเร็ง) ถึง 20-40 ชุด ในขณะที่มนุษย์มีเพียง 1 ชุด
- ระบบการกำจัดเซลล์ที่เสียหายมีประสิทธิภาพสูงมาก
- เซลล์ที่เริ่มเสียหายหรือมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งจะถูกทำลายทันที
4. ค้างคาวบางสายพันธุ์ (บางชนิด)
ลักษณะพิเศษ: ค้างคาวบางสายพันธุ์ เช่น ค้างคาวผลไม้ มีอายุยืนยาวกว่าสัตว์ขนาดเดียวกัน และพบมะเร็งน้อย
กลไกต้านมะเร็ง:
- ระบบการซ่อมแซม DNA มีประสิทธิภาพสูง
- ระบบภูมิคุ้มกันพิเศษที่ช่วยควบคุมการอักเสบในร่างกาย
5. สัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม (เช่น โลมาและวาฬบางชนิด)
ลักษณะพิเศษ: โลมาและวาฬบางสายพันธุ์มีอัตราการเกิดมะเร็งต่ำ
กลไกต้านมะเร็ง:
- ระบบซ่อมแซม DNA มีประสิทธิภาพ
- โครงสร้างร่างกายและสภาพแวดล้อมช่วยลดการสะสมของสารก่อมะเร็ง
6. สัตว์ที่อาศัยในสภาพแวดล้อมพิเศษ (เช่น วัวทะเลและแมวน้ำ)
สัตว์เหล่านี้มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและอาจมีการปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งในสภาพแวดล้อมเฉพาะ เช่น การสัมผัสกับแสงแดดน้อยหรือการป้องกันสารก่อมะเร็งในน้ำ
สรุป:
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นมะเร็งน้อยที่สุดมักมีการปรับตัวที่เกี่ยวข้องกับ:
- ระบบซ่อมแซม DNA ที่มีประสิทธิภาพ
- การควบคุมวงจรเซลล์ที่ดีเยี่ยม
- จำนวนยีนที่ป้องกันมะเร็งมากกว่าสัตว์อื่น
- การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น สารก่อมะเร็งในสิ่งแวดล้อม
สัตว์เหล่านี้ถือเป็นตัวอย่างสำคัญที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเพื่อนำมาปรับใช้ในมนุษย์ โดยเฉพาะการพัฒนาวิธีป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง
จะเห็นว่า ปัจจัยร่วมที่สำคัญในการป้องกันการเกิดมะเร็งของสัตว์เหล่านี้ก็คือ
ระบบซ่อมแซม DNA และยีนป้องกันมะเร็ง ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นเป็นกลยุทธ์ของสัตว์เหล่านี้ที่สามารถต่อกรกับมะเร็งได้สำเร็จ ในขณะที่กลยุทธ์ของมนุษย์แม้ระบบซ่อมแซม DNA และยีนป้องกันมะเร็ง ไม่มีประสิทธิภาพเท่า แต่มนุษย์ก็อาศัยวิทยาการแพทย์ปัจจุบันในการยืดอายุผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ในบางราย
แต่นั่นก็เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ..
การหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งทั้งหลาย จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการป้องกันความผิดปกติของการแบ่งเซลล์ของมนุษย์ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นแม้ในคนที่อายุน้อย
สัตว์ตามธรรมชาติ มีกลไกการป้องกันมะเร็งอย่างไร?
เรามาดูกันว่า สัตว์เหล่านี้มีกลไกการป้องกันมะเร็งอย่างไร เผื่อเราอาจจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเองได้บ้างครับ
1. วาฬ Bowhead (Bowhead Whale)
ลักษณะพิเศษ: มีอัตราการเกิดมะเร็งต่ำมากแม้จะมีอายุยืนยาว (บางตัวอาจมีอายุมากกว่า 200 ปี)
กลไกต้านมะเร็ง:
- ยีนที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซม DNA มีประสิทธิภาพสูง
- มีการกลายพันธุ์ในยีนที่ช่วยลดการสะสมของเซลล์ที่เสียหาย
- ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงช่วยป้องกันเซลล์ผิดปกติไม่ให้พัฒนาเป็นมะเร็ง
2. ตุ่นหนูไร้ขน (Naked Mole Rat)
ลักษณะพิเศษ: สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่มีอายุยืนยาว (มากกว่า 30 ปี) และแทบไม่พบการเกิดมะเร็ง
กลไกต้านมะเร็ง:
- มีสาร hyaluronan ขนาดใหญ่ (high molecular weight) ในเนื้อเยื่อ ซึ่งป้องกันเซลล์ไม่ให้รวมตัวกันเป็นเนื้องอก
- เซลล์มีความไวต่อความหนาแน่นของประชากรเซลล์ หากเริ่มเกิดความผิดปกติ เซลล์จะหยุดแบ่งตัว
- มีโปรตีนที่ช่วยป้องกันความเสียหายของ DNA ได้ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น
3. ช้าง (Elephant)
ลักษณะพิเศษ: ช้างมีขนาดร่างกายใหญ่และมีจำนวนเซลล์มาก แต่มีอัตราการเกิดมะเร็งต่ำผิดปกติ (เรียกว่า Peto’s Paradox)
กลไกต้านมะเร็ง:
- มียีน TP53 (ยีนที่ทำหน้าที่ต้านมะเร็ง) ถึง 20-40 ชุด ในขณะที่มนุษย์มีเพียง 1 ชุด
- ระบบการกำจัดเซลล์ที่เสียหายมีประสิทธิภาพสูงมาก
- เซลล์ที่เริ่มเสียหายหรือมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งจะถูกทำลายทันที
4. ค้างคาวบางสายพันธุ์ (บางชนิด)
ลักษณะพิเศษ: ค้างคาวบางสายพันธุ์ เช่น ค้างคาวผลไม้ มีอายุยืนยาวกว่าสัตว์ขนาดเดียวกัน และพบมะเร็งน้อย
กลไกต้านมะเร็ง:
- ระบบการซ่อมแซม DNA มีประสิทธิภาพสูง
- ระบบภูมิคุ้มกันพิเศษที่ช่วยควบคุมการอักเสบในร่างกาย
5. สัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม (เช่น โลมาและวาฬบางชนิด)
ลักษณะพิเศษ: โลมาและวาฬบางสายพันธุ์มีอัตราการเกิดมะเร็งต่ำ
กลไกต้านมะเร็ง:
- ระบบซ่อมแซม DNA มีประสิทธิภาพ
- โครงสร้างร่างกายและสภาพแวดล้อมช่วยลดการสะสมของสารก่อมะเร็ง
6. สัตว์ที่อาศัยในสภาพแวดล้อมพิเศษ (เช่น วัวทะเลและแมวน้ำ)
สัตว์เหล่านี้มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและอาจมีการปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งในสภาพแวดล้อมเฉพาะ เช่น การสัมผัสกับแสงแดดน้อยหรือการป้องกันสารก่อมะเร็งในน้ำ
สรุป:
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นมะเร็งน้อยที่สุดมักมีการปรับตัวที่เกี่ยวข้องกับ:
- ระบบซ่อมแซม DNA ที่มีประสิทธิภาพ
- การควบคุมวงจรเซลล์ที่ดีเยี่ยม
- จำนวนยีนที่ป้องกันมะเร็งมากกว่าสัตว์อื่น
- การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น สารก่อมะเร็งในสิ่งแวดล้อม
สัตว์เหล่านี้ถือเป็นตัวอย่างสำคัญที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเพื่อนำมาปรับใช้ในมนุษย์ โดยเฉพาะการพัฒนาวิธีป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง
จะเห็นว่า ปัจจัยร่วมที่สำคัญในการป้องกันการเกิดมะเร็งของสัตว์เหล่านี้ก็คือ ระบบซ่อมแซม DNA และยีนป้องกันมะเร็ง ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นเป็นกลยุทธ์ของสัตว์เหล่านี้ที่สามารถต่อกรกับมะเร็งได้สำเร็จ ในขณะที่กลยุทธ์ของมนุษย์แม้ระบบซ่อมแซม DNA และยีนป้องกันมะเร็ง ไม่มีประสิทธิภาพเท่า แต่มนุษย์ก็อาศัยวิทยาการแพทย์ปัจจุบันในการยืดอายุผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ในบางราย
แต่นั่นก็เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ .. การหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งทั้งหลาย จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการป้องกันความผิดปกติของการแบ่งเซลล์ของมนุษย์ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นแม้ในคนที่อายุน้อย