The Light of Darkness บทที่ 9

กระทู้สนทนา
บทที่ 1 แหวนศักดิ์สิทธิ์กับภูตวิหค http://ppantip.com/topic/30132632
บทที่ 2 ลักพาตัว http://ppantip.com/topic/30134184
บทที่ 3 ถ้ำหินขาว http://ppantip.com/topic/30140347
บทที่ 4 หมู่บ้านมนต์ขาว http://ppantip.com/topic/30158845
บทที่ 5 วิหารมนต์ขาว http://ppantip.com/topic/30180375
บทที่ 6 ความทรงจำของหญิงชรา http://ppantip.com/topic/30194878
บทที่ 7 บ่อน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ http://ppantip.com/topic/30200552
บทที่ 8 หลบหนีจากหมู่บ้าน http://ppantip.com/topic/30207167


บทที่ 9 คำสาปของมังกรหนุ่ม




ความมืดโรยตัวอยู่โดยรอบปราสาทส่วนกลาง ภายในท้องพระโรงอันเปลี่ยวร้าง ฟ้าคำรนครวญคราง แสงสว่างแล่บปลาบ ราชินีโฉมสะคราญประทับอยู่เหนือบัลลังก์มืด ภูตวิหคหนุ่มรูปกายล่ำสันอาจอง ใบหน้าสวยคมราวกับอิสตรีคอยถวายการรับใช้อยู่เคียงข้างราชินี หากเขานิ่งไม่ไหวติงใครเห็น ก็คงนึกว่าเป็นผลงานปฏิมากรรมชิ้นเอกแห่งองค์เทพบุตรรัตติกาล เขาเฝ้าบำเรอราชินีคอยป้อนผลองุ่นฉ่ำหวานแก่นาง

ขุนพลดำตนหนึ่งโผล่พ้นประตูตรงเข้ามา คุกเข่าลงเบื้องหน้าทูลรายงานเหตุการณ์
“ทูลฝ่าบาท แผนบุกโจมตีของท่านคาร์ยรอสและสมุนมังกร สร้างความพินาศย่อยยับแก่หมู่บ้านมนต์ขาวไม่น้อย ทว่าท่านคาร์ยรอสบาดเจ็บสาหัส และไม่สามารถติดตามรัชทายาทต่อได้ ส่วนบริวารที่ส่งให้ไปสะกดรอยตามความเคลื่อนไหวของรัชทายาทอยู่ห่างๆนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า ท่านเอดิออทหลังจากหลบหนีไปจากหมู่บ้านมนต์ขาว ระหกระเหินรอนแรมอยู่ในป่า ดวงจิตอ่อนล้าสับสน อำนาจมนต์ดำแสดงตนครอบงำใจ เกิดความหลงไหลเวทย์ดำ จนมีปากเสียงกับทายาทตระกูลจอมเวทย์ขาวที่หลบหนีมาด้วยกัน บัดนี้แตกคอกลายเป็นศัตรูแยกกันไปคนละทิศ”

“ช่างน่าประทับใจ” ราชินีกล่าว “เอดิออทจะต้องกลายเป็นราชามนต์ดำเต็มตัวไม่ช้าก็เร็ว ส่วนเจ้าคนไร้น้ำยาคาร์ยรอสนั่น ปล่อยไปตามยถากรรมเถิดข้าไม่อยากเอ่ยถึงมันแล้ว”

“จากบทเรียนแรกที่ข้ามอบให้ ท่านเอดิออทได้พัฒนาขึ้นไปอีกระดับแล้ว” กิดิออนภูตนกกล่าวด้วยความพึงภูมิใจในผลงานชิ้นเอกของตน พร้อมสั่งการว่า
“ฝ่ายสะกดรอยปิศาจเงาคอยติดตามรัชทายาทอยู่ห่างๆอย่าให้รู้ตัว ฝ่ายปิศาจล่องหนให้จับตาดูเจ้าหญิงอย่าให้คลาด แล้วรายงานข้ามาเป็นระยะ”

“น้อมรับคำสั่งท่านเอดิออท” ขุนพลตนนั้นน้อมรับคำสั่งไปปฏิบัติการต่อ กล่าวทูลลาแล้วเดินออกจากท้องพระโรงไป

เป็นที่รู้กันดีว่าฝ่ายสะกดรอยปิศาจเงา และฝ่ายปิศาจล่องหนผู้ติดตาม ไม่ได้หมายถึงปิศาจที่แท้จริง แต่เป็นสมยานามของผู้สะกดรอยตามที่เงียบเชียบว่องไวดุจเงาล่องหนเท่านั้น

“เจ้าหญิงนั่นมีความสำคัญขนาดนั้นเทียวรึ ถึงต้องติดตามใกล้ชิดเพียงนั้น” ราชินีตรัสถามไม่ใคร่พอพระทัย

“เป้าหมายหลักคือท่านเอดิออท แต่ทว่าเจ้าหญิงนั่นก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกัน”

“ไฉนไม่จับตัวมาเสียเล่า” นางต้องการยลรูปโฉมของเจ้าหญิงอยู่เหมือนกัน

“หากกักตัวเจ้าหญิงเอาไว้ พลังแท้จริงของนางที่หลับไหลอยู่จะไม่มีวันตื่น มนต์ผนึกบางส่วนยังไม่คลายหมดลง ข้ายังคงต้องพึ่งพานางอยู่ โดยเฝ้าดูนางห่างๆต่อไป จนกว่านางจะปลุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้ตื่น” กิดิออนกล่าว

“อีกหน่อยเจ้าก็คงตามติดนางไม่ห่างเสียเองกระมัง” ราชินีตรัสน้ำเสียงคมบาด

“ข้าเฝ้าดูเจ้าหญิงแต่เพียงกาย หากแต่จิตใจดวงนี้คอยตามติดองค์ราชินีอยู่ไม่ห่างเลยแม้ชั่วขณะจิตเดียว”

“เจ้าหญิงนั่นคงรูปโฉมงดงามอยู่ไม่น้อย” นางเบือนหน้าไปทางหน้าต่าง

“ความงามของเจ้าหญิงเปรียบเสมือนดอกไม้เล็กๆสีขาวปราศจากหนามแหลม เด็ดดมง่ายดายครู่เดียวก็จางกลิ่น แต่ราชินีของกิดิออน งามลึกลับดุจกุหลาบรัชนี ส่งกลิ่นหอมขจรตลอดราตรีกาล แม้นผู้ใดกล้าเด็ดดอม ก็จะพบว่ามียาพิษรสหวานเร้นซ่อนอยู่ในคมกลีบ หากได้ลิ้มรสแล้วก็ไม่อาจหยุดดื่มด่ำ”

ภูตหนุ่มโน้มกายเข้าใกล้ราชินี เข่าข้างหนึ่งยันพระที่นั่ง อีกข้างเหยียดวางกับพื้น มือหนึ่งยึดขอบบัลลังก์ไว้มั่น อีกมือฉวยจับใบหน้านางแกมบังคับไม่ยอมให้เบือนหลบ นางช้อนมองสบด้วยแววเนตรหวานดุ แล้วค่อยๆผ่อนสายตาลงจนพริ้มหลับ สัมผัสลมหายใจอีกฝ่ายหายใจรดซอกคอ ไล่ขึ้นมาคลอเคลียตรงปลายจมูก แล้วริมฝีปากของทั้งสองก็มาบรรจบแนบชิดสนิทกัน

รวดเร็วปานนางเสือดาว ราชินีพลิกกายขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนร่างของชายหนุ่ม โดยที่โอษฐ์ยังคงบดขยี้เรียวปากของอีกฝ่ายจนแดงช้ำ
เล็บยาวๆข่วนแผงอกกำยำเป็นรอยบาดลึก ทำเอาร่างที่แนบพิงกับพนักพระเก้าอี้เสียวสะดุ้ง อีกมือหนึ่งจิกลงบนต้นคอของเขา
ฉับพลันริมฝีปากอวบอิ่มนั้นก็ปลดออกจากริมฝีปากเฉียบบาง เลือนลงมาประทับที่แผงอกของเทพบุตรมืดก่อนจะค่อยๆซอกไซร้ทั่วๆเรือนกาย กิดิออนสะท้านสั้นไปทั่งสรรพางค์ขนลุกชูชัน กลั้นหายใจครางออกมาเบาๆ พยายามกล้ำกลืนน้ำเสียง ไหลลื่นลงมานอนกองอยู่กับพื้นอย่างหมดท่า หายใจรวยๆ

ราชินียืนมองเหนือร่างของเขา หัวเราะชอบใจ “กิดิออนที่รัก ยังคงอ่อนไหวง่ายเช่นเคย”
นางวาดนิ้วไปบนอากาศ ปรากฏเส้นสายสีดำพร้อมประกายสายฟ้าแปลบปลาบ ไหลแล่นระหว่างฝ่ามือของนางและสายแส้เวทย์มนต์
ส่งเสียงกระด้างเย็นชาออกมาว่า “ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา”
แล้วฟาดสายแส้ตวัดข้อมือของเขาราวกับงูรัด ดึงกระชากแรงๆ จนเขาเสียหลักล้มลง ในท่าคุกเขาข้างเดียว อีกข้างยันพื้นพยุงกายไว้ นางเชยคางแหลมให้ใบหน้าคมสันเงยขึ้นมองสบ ดวงเนตรทั้งสองคู่สบประสานกัน

เขารวบมือนางไว้แล้วกระชากกลับจนนางเสียหลักล้มลงมานอนทับบนร่างของเขา จึงพลิกตัวกดทับร่างของนางเอาไว้ ร่างที่ถูกกดพยายามต่อสู้ดินรน ยิ่งทำให้เส้นสีดำรัดข้อมือของเขารัดแน่นยิ่งกว่าเก่าจนม่วงช้ำ แต่ภูตหนุ่มไม่สนใจ ความรู้สึกของเขามีแต่ราชินีที่อยู่ตรงหน้า ดูดดื่มรสชาติหวานปานน้ำผึ้นเดือนห้าของความรัก มัวเมาดมกลิ่นอายชวนหลงของความใคร่ จนลืมทุกสิ่งสิ้นแม้กระทั้งความเจ็บปวด พรมจูบทั่วร่างจนนางยอมศิโรราบหมดเรี่ยวแรงผลักไส สายสีดำรัดแขนพลันค่อยๆคลายออก เขากระหยิ่มยิ้ม นึกชะล่าใจว่ากำราบนางอยู่หมัดแล้วแน่ แต่ผิดคาด นางตวัดแส้ใส่หน้าเขาทันที แล้วผลักเขาออกไปจนล้มกลิ้ง
ทรงกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนอีกฝ่ายจะตั้งตัวทัน พลันกระหน่ำฟาดสายแส้เวทย์ดำใส่เขาไม่ยั้ง

ภูตหนุ่มเบือนหน้าหลบหลับตาปิด ขบกรามแน่นสนิทระงัมความเจ็บแสบ ยกแขนขึ้นป้องกันตัว มีเลือดซึมไหลออกมาจากแขนทั้งสองข้างอยู่หลายจุด
แล้วนางก็หยุดการกระทำไว้เพียงเท่านี้ สายสีดำสลายกลายเป็นควัน ใบหน้าของนางซึมสลดตะลึงงัน กล่าวด้วยเสียงเครือว่า
“กิดิออน ขอโทษนะ ข้าเผลอตัวรุนแรงกับเจ้าเกินไปแล้ว เจ็บมากรึเปล่า”
เขาเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของราชินีเบาๆ กล่าวยิ้มๆว่า “แค่แผลมดกัดเท่านั้น”
แล้วก็ประทับริมฝีปากที่แก้มนางอย่างอ่อนโยน สะกดอารมณ์วิปริตชั่วแล่นให้สิ้นฤทธิ์สงบลง

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่