The Light of Darkness [ บทที่ 10 ]

กระทู้สนทนา
บทที่ 1 แหวนศักดิ์สิทธิ์กับภูตวิหค http://ppantip.com/topic/30132632
บทที่ 2 ลักพาตัว http://ppantip.com/topic/30134184
บทที่ 3 ถ้ำหินขาว http://ppantip.com/topic/30140347
บทที่ 4 หมู่บ้านมนต์ขาว http://ppantip.com/topic/30158845
บทที่ 5 วิหารมนต์ขาว http://ppantip.com/topic/30180375
บทที่ 6 ความทรงจำของหญิงชรา http://ppantip.com/topic/30194878
บทที่ 7 บ่อน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ http://ppantip.com/topic/30200552
บทที่ 8 หลบหนีจากหมู่บ้าน http://ppantip.com/topic/30207167
บทที่ 9 คำสาปของมังกรหนุ่ม http://ppantip.com/topic/30237565


บทที่ 10 ภูตวิหคสาว




“ข้ารู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองเราอยู่” เจ้าหญิงกระซิบบอก กวาดตามองอย่างไม่วางใจไปรอบๆ หญิงชราซึมนิ่งไม่เอ่ยกล่าววาจา กลับกลายเป็นแม่เฒ่าผู้ลึกลับเงียบงัน ราวกับจมอยู่กับความคิดอันลึกซึ้งบางประการ หรือมิเช่นนั้นก็กำลังแบกความรู้สึกหนักอึ้งบางอย่างเอาไว้บนแผ่นหลังอันงองุ้ม จนไม่เหลือกำลังจะกล่าวคำใดออกมาในเวลานี้

เจ้าหญิงชะงักฝีเท้า ตีฝ่ามือกระทบกันเสียงดัง เจตนาสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังเงาไม้เผยตัวตนออกมา ชั่วครู่แห่งความเงียบงัน ไม่มีสิ่งใดปรากฏแก่สายตาและหู ไร้ซุ่มเสียงของความเคลื่อนไหว เจ้าหญิงฟาลเนียถอนหายใจ มือขึ้นปาดเหงื่อซึมย้อยลงมาอาบแก้มใส บัดนี้แดงจัดด้วยความร้อนอบอ้าว ของไอแดดยามเที่ยงวัน ในใจครุ่นคิด ‘ในสภาวะจิตใจหวั่นไหวปราศจากความมั่นคงเช่นนี้ บางทีอาจเป็นเพียงมโนนึกคิดปรุงแต่งขึ้นมา จากความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านมนต์ขาว ความหวาดกลัวฝังลึกอยู่ในดวงจิต แปรเป็นภาพความคิดหลอกหลอน’

ต้นไม่ใหญ่กิ่งใบของมันมีช่องว่างให้แดดส่องลอดลงมาเป็นแสงวูบวาบกระทบใบหน้า สายตาเหม่อมองใจลอยเพราะความคิดถึง เวลานี้คนที่เธออยากพบหน้ามากที่สุด ก็คือเจ้าชายธีโอดอร์ฟ พี่ชายของเธอนั่นเอง ป่านนี้คงจะร้อนอกร้อนใจออกตามหาน้องสาวไปทั่วแคว้น ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบหน้ากันอีกหรือไม่ ทุกย่างก้าวอันเต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ วันพรุ่งนี้ก็ไม่ใช่ของแน่นอน นึกเช่นนั้นก็พลันเป็นห่วงธีโอดอร์ฟจับใจ เพราะรู้นิสัยของพี่ชายดีว่าไม่มีวันล้มเลิกอะไรง่ายๆ หากหาตัวกันไม่พบแล้ว ย่อมเสี่ยงค้นหาบุกน้ำลุยไฟไกลแค่ไหนไปเผชิญหน้ากับอันตรายจนถึงที่สุด

จู่ๆก็มีสายลมกรรโชกแรงพัดพา เงาดำตัดวูบผ่านศีรษะอย่างรวดเร็ว ไม่ทันเห็นว่าเป็นสิ่งใด ก็ได้ยินเสียงหัวเราะแหลมของสตรีเพศพร้อมความเย็นที่ปะทะร่างเฉียบพลันจนรู้สึกหนาวสั่น หญิงสาวผู้มีปีกสีดำทะมึนดุจเดียวกับกายเนื้อ ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า ใบหูแหลม ใบหน้ายาว ดวงตาคมสีแดงวาววาม เส้นผมสยายยาวตรงดำมะเมื่อม ในทันทีที่ปลายเท้าสัมผัสดิน หล่อนก็เอื้อมมือมาพร้อมกับกล่าวว่า
“องค์หญิงฟาลเนีย ข้ามารับตัวท่านแล้ว โปรดมากับข้าแต่โดยดี”
แม่เฒ่าตรงเข้ามาขวางร่างของนางเอาไว้เป็นเกราะป้องกันของหลานสาว “เจ้าเป็นใคร ต้องการตัวเจ้าหญิงเพื่อการใด”

แล้วร่างสีดำหลายๆร่างก็กระโจนลงมาจากต้นไม้พร้อมๆกัน พวกมันหน้าตาคล้ายคลึงกันไปหมด  ผิวของพวกมันเป็นสีดำนิล ใบหน้าและหูยาวแหลม ร่างกายที่ผอมแกรนและสูงเพียงระดับเอวคนปรกติ ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวตัวรวดเร็วและซ่อนกายได้แนบเนียน จึงได้รับสมยานามว่าปิศาจล่องหนผู้สะกดรอยตาม ทั้งหมดเพ่งประกายดวงตาแดงโรจน์มายังร่างของเจ้าหญิงเป็นจุดเดียว  เมื่อสบมองดวงตาเหล่านั้นเข้า เลือดในกายพลันจับเป็นก้อนแข็ง เย็นเยียบถึงขั้วหัวใจ เวลานี้พวกมันรุมล้อมปิดทุกทิศทุกทาง ไม่มีวี่แววว่าจะสามารถหลุดรอดไปจากวงล้อมของพวกมันได้เลย

“ท่านกิดิออนสั่งเราให้สะกดรอยตามเจ้าหญิงองค์นี้ เจ้าจะมาแย่งตัวหล่อนไปได้ยังไง” พรรคพวกตนหนึ่งในกลุ่มปิศาจล่องหนสลับเท้าเข้ามาใกล้ ชักสีหน้าโกรธขึงกล่าวเสียงแหลม

“พวกเจ้าหมดหน้าที่แล้ว ไม่รู้หรือว่าข้าได้รับคำสั่งองค์ราชินีให้มารับตัวนางไป” ภูตวิหคสาวกล่าวสะบัดๆ จิกสายตาไปยังภูตแคระร่างเล็กตนนั้น

“พวกเราไม่ได้ยินกับหูหรือจะเชื่อลมปากเจ้า จะมาแย่งตัวนางไปแบบนี้ เจ้ามาทำให้พวกเราเสียหน้าที่กันไปหมด พวกเราไม่ยอมหรอก จริงมั้ย” พร้อมกันนั้นพวกที่เหลือก็ส่งเสียงฮือสนั่น ยกกำปั้นชูขึ้น สนับสนุนคำพูดของเจ้าตัวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของพวกมัน

“เจ้าปิศาจล่องหนพวกนี้ น่ารำคาญเสียจริงๆ โง่แล้วยังจะดื้อดึงอีก ต้องให้ใช้กำลังจึงจะเชื่อฟังหรืออย่างไร”

มองดูพวกมันเถียงกันอย่างงงๆพวกมันเริ่มขัดแย้งกันเอง ทำให้ผู้ที่อยู่กลางวงล้อมเกิดความสับสนว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่ต้องการตัวเธอ  โดยไม่รีรอให้เสียเวลาชักช้า ภูตวิหคสาวก็ปราดเข้ามากลางวงล้อมทันที โดยไม่ทันตั้งตัวร่างเจ้าหญิงก็ถูกอุ้มลอยขึ้นจากพื้นดิน หญิงชราร่ายมนต์สร้างวงกลมสีขาวครอบร่างนางภูต พยายามกดเอาไว้บังคับไม่ให้นางบินหนี แต่นางก็มีพละกำลังมากพอจะลอยตัวอยู่เหนือพื้นได้
‘รูปร่างเช่นอิสตรีดูไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงขนาดนี้’ แม่เฒ่าชรานึกพรั่นพรึงอยู่ในใจ
เจ้าพวกปิศาจล่องหนทั้งหลายมิได้เอาแต่ยืนดู บัดนี้กรูกันเข้ามาหมายยื้อแย่งชิงตัวเจ้าหญิงมาให้ได้ พวกมันกระโดดตัวลอยตะปบข้อเท้าของนางปิศาจเอาไว้ พยายามฉุดดึงให้ลงมาที่พื้น ในที่สุดก็ตกลงมา ขณะที่พวกมันต่อสู้กันเองชุลมุลวุ่นวายฝุ่นตลบจนมองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร ฟาลเนียหลุดรอดออกมาจากกลางวงล้อมได้สำเร็จ ก็รีบตะกายร่างวิ่งหนีไปพร้อมกับท่านยายอย่างไม่คิดชีวิต
พวกมันก็ไม่ได้โง่จนเกินไปนัก หนึ่งในพวกมันร้องออกมาว่า

“เจ้าหญิงหนีไปแล้วโน่นแน่ะ ตามไปเร็วเข้า”

ฟาลเนียสะดุดกับรากไม้กลิ้งล้ม เมื่อพยายามจะลุกขึ้นก็เจ็บแปลบที่ข้อเท้าเฉียบพลัน หญิงชราหยุดวิ่งทันทีเข้ามาประคองร่างเจ้าหญิงอย่างไม่ทอดทิ้ง

“ท่านยายหนีไปก่อน ไม่ต้องห่วงข้า”เจ้าหญิงร้องบอก แต่ทว่าหญิงชรายังคงยืนหยัดมั่นคงไม่ยอมขยับหนี
พวกมันตามมาจวนเจียนจะถึงตัวแล้ว เจ้าหญิงฟาลเนียยอมรับชะตากรรมว่าจะต้องถูกจับตัวไปอย่างแน่นอน แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น

เจ้าชายธีโอดอร์ฟปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเอดิออท ทั้งสองยืนในท่าพร้อมสู้อยู่เคียงข้างกัน ต่างมีดาบคมกล้าอยู่ในมือคนละเล่ม ก่อนที่พวกมันจะเข้าถึงตัว ร่างปราดเปรียวสองร่างพุ่งเข้าสกัดหน้าปิศาจล่องหนทันที  ในพริบตาเดียวสองร่างโถมปะทะกับศัตรูเบื้องหน้ารวดเร็ว สะบัดดาบฟาดฟันอย่างต่อเนื่องเร็วจนมองตาเปล่าไม่ทัน พวกมันกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง ราวกับโดนพายุสองลูกถล่มใส่พร้อมๆกัน เสียงกรีดแหลมของพวกที่เกลือกกลิ้งอยู่กันพื้นดินก่อนจะโดนปลิดชีพ ทำให้พวกที่เหลืออกสั่นขวัญแขวนหวาดกลัวจนลนลาน แตกกระเจิงสลายตัวหลบหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต ภูตวิหคสาวลอบสังเกตการณ์เห็นเช่นนั้นก็ประเมิณออกว่าตนเองไม่ใช่คู่มือบุรุษทั้งสอง จึงเลี่ยงการเผชิญหน้าหลบหลีกไป


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่