The Light of Darkness บทที่ 3

กระทู้สนทนา
บทที่ 1 แหวนศักดิ์สิทธิ์กับภูตวิหค http://ppantip.com/topic/30132632
บทที่ 2 ลักพาตัว http://ppantip.com/topic/30134184


บทที่ 3 ถ้ำหินขาว




เมื่อท้องอิ่มและได้พักผ่อนพอสมควรก็ออกเดินทางต่อ บริเวณนั้นมีถ้ำเล็กๆแห่งหนึ่งเป็นทางเชื่อมไปสู่หุบเขาสีขาว
กิดิออนบินไปเกาะอยู่ที่ปากถ้ำแห่งหนึ่งในบริเวณนั้น แล้วบินเข้าไปในถ้ำ
ต่างเดินตามเข้าไปในถ้ำแห่งนั้น ซึ่งมีหินสีขาวจำนวนมากส่องประกายคล้ายผลึกแก้ว เดินเข้าไปจนสุดทาง มีแผ่นหินสีขาวปรากฏสีดำเป็นโพลงบนพื้นผิว มองเผินๆเหมือนว่าเป็นหินสีขาวธรรมดา แต่ทว่าพอเข้าไปใกล้ แหวนที่สวมใส่อยู่ก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้า กระทบแผ่นหินที่อยู่ตรงหน้าให้พื้นผิวเคลื่อนไหวเป็นระรอกคล้ายคลื่นในทะเล จุดดำเป็นโพลงก็ค่อยๆหมุนวนเหมือนรูหนอนในห้วงอวกาศที่พร้อมดูดกลืนทุกสิ่ง ทันใดนั้นแผ่นหินแข็งทึบพลันอ่อนยวบราวกับมีชีวิตขึ้นมา  ดูดกลืนร่างของ องค์หญิงจมหายเข้าไปทั้งตัว คาร์ยรอสจับแขนของเธอเอาไว้จึงถูกกลืนหายเข้าไปด้วย ส่วนกิออนบินทะลุผ่านโพลงสีดำอย่างง่ายดายราวกับว่าเป็นทางเข้าออกของมัน

แผนหินสีขาวขนาดใหญ่กั้นสองฝากไว้ราวกับเป็นประตูทางเข้าออกไปสู่สถานลึกลับสำคัญอีกแห่ง บัดนี้มลายหายไป ไม่ปรากฏลักษณะเดิมอันแข็งกระด้างของหินอีกเลย กลายเป็นช่องว่างให้เดินผ่านทะลุไปได้ ลักษณะของถ้ำเหมือนเป็นโพลงยาวตัดทะลุผ่านภูเขาเข้าไป
ทั้งสามเดินข้ามมาอีกฝากหนึ่งของถ้ำที่กลายเป็นทางเชื่อมต่อกัน โดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้นอีกต่อไป เห็นชัดว่าคาร์ยรอสก็ไม่น่าจะเคยเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ เขาเดินวนไปรอบๆ สูดดมกลิ่นถ้ำ ดวงตาสีโกเมนเป็นประกายวาววาม พอใจกวาดเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในถ้ำอย่างกระตือรือร้น

“ที่นี่คือประตูทางเข้าสู่หมู่บ้านมนตร์ขาว” กิดิออนบอกให้ทั้งคู่ทราบ “แต่องค์หญิงแสดงให้ประจักษ์แล้วว่า สามารถเปิดประตูเวทย์มนตร์ที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย”

“คืออะไร เพราะอะไร?” ฟาลเนียถามคำถามเดิมซ้ำ

“ใกล้เป้าหมายทุกทีแล้ว ใกล้พบคำตอบแล้วเร็ว รีบไปต่อกันเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวน้ำเสียงตื่นเต้น สาวเท้าไปยังปากถ้ำเป็นเนินหินลาดลงไปสู่ดงป่า

องค์หญิงทอดสายตาตำหนิมองไปที่เขาพร้อมกับบ่นพึมพำ “ทำไมข้าจะต้องมาตามหาอะไรกับพวกเจ้าด้วยนะ” น้ำเสียงขององค์หญิงตัดพ้อ “ชีวิตข้าปรกติก็สงบสุขดีอยู่แล้วแท้ๆ พวกเจ้าค้นหาอะไรข้าไม่สนใจสักนิด ได้โปรดเถอะ ข้าต้องการกลับวัง ช่วยพาข้ากลับไปส่งจะได้มั้ย?”

“ไม่ได้!” คาร์ยรอสปฏิเสธทันควัน “เจ้ายังเป็นประโยชน์ต่อเราอยู่”

“ว่าไงนะ” องค์หญิงเริ่มฉุน

“เบื้องล่างเป็นป่าดึกดำบรรพ ทางที่จะนำไปสู่หมู่บ้านเล็กๆบริเวณตรงใจกลางหุบเขาเร้นลับที่ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกด้วยอำนาจเวทย์มนตร์” กิออนตัดบทด้วยการให้ข้อมูลแก่คนทั้งคู่ไปเรื่อยๆ “เราจะไปยังที่สถานที่ซึ่งคาดว่าน่าเป็นต้นกำเนิดแท้จริงขององค์หญิง”

“เราจะไปพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ที่เราคาดไว้” ชายหนุ่มสำทับ คว้าแขนหญิงสาวบังคับให้ต้องมาด้วยกัน องค์หญิงต้านแรงยื้อยุดของอีกฝ่ายไม่ได้ หมดสิ้นทางเลือกจำต้องไปด้วยกันแต่โดยดี

บนเส้นทางเดินอันคดเคี้ยวซอกซอนไปในระหว่างสองฝั่งรกทึบนั้น ทุกคนไม่มีโอกาสพบเห็นหมู่บ้านที่ว่าปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่หลังเดียว พืชพันธุ์ หมู่ไม้ อันเป็นสภาพของป่ายุคโบราณ มันฟ้องตัวมันเองชัดขึ้นทุกขณะที่พากับเดินไปอย่างเงียบๆ เถาวัลย์มีเส้นขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้บางต้นอายุเป็นพันๆปีขึ้นไป และสูงชะลูดจนต้องแหงนคอตั้งตรง กระรอกหางฟูขนาดตัวเท่าท่อนแขน วิ่งกระโดดอยู่บนคบไม้สูง และส่งเสียงร้องทักเมื่อเห็นคนผ่านมา นกตัวใหญ่สีสันของศรีษะมันราวกับเอาสีต่างๆมาระบายไว้ผงกหัวส่งเสียงร้องทักทายเจื้อยแจ้ว
กลิ่นพืชและดอกไม้บางชนิดโชยสลับกันมาตามสายลม หรือบางทีก็ได้กลิ่นสาบสางของสัตว์บางชนิดแต่ไม่ปรากฏให้เห็น

กระทั่งโผล่พ้นมาเจอกับลานดินโล่งกว้างอยู่ตรงกลางป่าทึบ ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงจุดกลางพอดี ท่ามกลางบรรยากาศสงบเงียบ ยืนก้มหน้าหลับตามือกำแน่นคล้ายว่ากำลังตั้งจิตรวบรวมสมาธิแรงกล้า กลุ่มพลังงานเหมือนควันสีดำมืดเคลื่อนตัวไหลเลื้อยจากมือไปตามแขนของเขา เมื่อเขาลืมตาขึ้นสายตามุ่งมั่นมองตรงไปเบื้องหน้า เอื้องมือกางแบสุดแขนปลดปล่อยลำแสงพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือราวกับพายุพัด มันเคลื่อนตัวหมุนไปกระแทกหินก้อนใหญ่ห่างออกไปแตกกระเด็นเป็นเสี่ยงปลิวว่อนละเอียดเป็นธุลีหายไปในสายลม

“แสงสีดำนั่นคืออะไร?” องค์หญิงถามด้วยความตื่นเต้น

“เวทย์มนตร์ดำ คือสิ่งที่เห็นอยู่นั่นแหล่ะ” คาร์ยรอสกระซิบตอบ แววตาที่มองชายผู้นั้นเหมือนเสือขี้อิจฉาที่มองดูราชสีห์ กิดิออนกางปีกทั้งสองข้างโผบินไปยังตำแหน่งที่ชายหนุ่มผู้นั้นยืนอยู่ตามลำพัง เขาร้องด้วยความปีติทันทีเมื่อเห็นนกบินเข้ามาหา

“กิดิออน! ท่านหายไปไหนมาตั้งหลายวัน? ขนของท่านกลายเป็นสีดำล้วนไปโดนอะไรมา?” ชายหนุ่มกล่าว ยกแขนให้เป็นที่เกาะของนก

“เรื่องนั้นอย่าเพิ่งไปสนใจ ดูก่อนว่ามีผู้ใดมากับเราด้วย” กิดิออนกระซิบบอกชายหนุ่มนามว่า ‘เอลิออท’ สังเกตเห็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงกำลังกล่าวกระซิบกับ กับชายหนุ่มอีกคนสองต่อสองห่างออกไปโดยที่สายตาของทั้งคู่คอยจับดูตรงตำแหน่งที่เขายืนอยู่ตลอดเวลา

“กิดิออน สองคนนั้นเป็นใครกัน?”
ชายหนุ่มหรี่ตาค้นหาสิ่งผิดปรกติในตัวแขกผู้มาเยือนใหม่ ด้วยใจสงสัยใคร่รู้ แล้วชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจเกินกว่าจะกล่าวอะไรออกมา เมื่อคาร์ยรอสเดินตรงเข้ามาเผชิญหน้ากับเขา ราวกับมองภาพสะท้อนในกระจกเงา ต่างมองกันและกันด้วยความพิศวงครามครัน บุรุษทั้งสองมีรูปพรรณสัณฐาน และหน้าตาคล้ายคลึงกันจนแยกกันแทบไม่ออก ยกเว้นสีของดวงตา เส้นผม และเครื่องแต่งกายเท่านั้นที่บ่งชี้ความเป็นปัจเจกเฉพาะตน

ต่างยืนมองดูกันเงียบงันเหมือนโดนสาปให้กลายเป็นหินทั้งคู่

“ฝาแฝด?” องค์หญิงฟาลเนียร้องขึ้นเบาๆ

“ในที่สุดข้าก็ได้พบพี่ชายฝาแฝดของข้า” คาร์ยรอสกล่าวขึ้นเป็นครั้งแรกที่พบกัน “ช่างน่ายินดีจนน้ำตาจะไหล สองพี่น้องฝาแฝดพรากจากกันตั้งแต่เกิด เวลานี้กลับมาพบกันอีกครั้ง ข้าแทบอยากจะกระโดเข้าไปกอดเดี๋ยวนี้”

คาร์ยรอสยิ้มร่าแต่แววตาเรียบเฉย ขยับเท้าเข้ามาใกล้อีกฝ่าย ทั้งสองต่างกำดาบในมือแน่น
“มัวยืนเฉยอยู่ทำไม เอลิออท” คาร์ยรอสประกาศก้อง “แสดงฝีมือให้ประจักษ์หน่อยเป็นไง ว่านายควรคู่กับการเป็นผู้ถูกเลือกอย่างแท้จริง!”

แล้วร่างของคาร์ยรอสก็พุ่งเข้าใส่เอลิออทที่ตกเป็นเป้านิ่งอย่างรวดเร็ว ทุกส่วนของร่างกายทำงานพร้อมเพรียงประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ผลของการเพียรตรากตรำฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาอย่างหนัก

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่