นิยามความหมายของ "ผู้แพ้" หรือ "ผู้ชนะ" ตามกระทู้นี้ คือ การเป็นฝ่ายค้าน หรือ ฝ่ายรัฐบาล ของพรรคการเมือง
ย้อนกลับไปเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล โดยนายอภิสิทธิ์ฯเป็นนายรัฐมนตรี แล้วเกิดการชุมนุมครั้งใหญ่เมื่อ ปี 53 โดยมี "คนเสื้อแดง"
เป็นกำลังสำคัญในภาคประชาชนที่ร่วมชุมนุม เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย นำไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ปี54 ช่วงเวลาก่อนหน้าจะมีผลของการเลือกตั้งครั้งใหม่ ถือว่า พรรคเพื่อไทยยังเป็น "ผู้แพ้" ทางการเมือง การต่อสู้ทางการเมืองให้ความสำคัญกับอำนาจของประชาชน ความ
เป็นธรรมในระบอบประชาธิปไตย ความเท่าเทียมกันในมาตรฐานทางกฎหมาย และอื่นๆ โดยหลักการสำคัญรวมศูนย์ไว้ที่สิทธิ อำนาจที่ถูกต้อง เหมาะสมที่มีและอยู่กับประชาชน โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ซึ่งถือว่าเป็น ตัวปัญหาหลายประการ...เวลานั้น พรรคเพื่อไทยมีภาพรวมแห่งความคิดแบบ "ผู้แพ้"
ผลการเลือกตั้งครั้งใหม่ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล จากคะแนนเสียงเกือบ 15 ล้านเสียง จำนวน ส.ส. เกินกึ่งหนึ่ง การเข้ามามีอำนาจทางการบริหารประเทศสร้างความยินดีต่อ ประชาชนผู้สนับสนุน รวมถึง "คนเสื้อแดง" พรรคเพื่อไทย ได้เปลี่ยนสถานะจาก "ผู้แพ้" เป็น "ผู้ชนะ" อย่างน่ายินดี และ สมภาคภูมิ นโยบายที่เคยนำเสนอถูกนำมาสู่การปฏิบัติ รวมไปถึงการพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50 ซึ่งถึงแม้ในระหว่างเส้นทางเดินจะพบปัญหา และอุปสรรคอยู่ให้เห็นก็ถือเป็นสิ่งปรกติทางการเมือง
บทบาทของ "ผู้ชนะ" นั้น มาพร้องกับอำนาจทางการเมือง อำนาจในการบริหาร รวมถึง บริวารห้อมล้อมมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางการเมือง โดยมีประชาชนผู้สนับสนุนทั่วไป คนเสื้อแดง เฝ้ายินดี และ ชื่นชม ให้กำลังใจอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเขาเหล่านั้นก็ยังเต็มใจอยู่กับตำแหน่ง ของความเป็น ประชาชน และ ความเป็นคนเสื้อแดง อยู่เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของพรรคเพื่อไทย ของรัฐบาล ในความเป็น "ผู้ชนะ" ไม่ควรที่จะทำให้ลืมว่า เมื่อฝ่ายตนเองยังเป็น "ผู้แพ้" เคยมีความคิดอย่างไร ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร และเคยเห็นว่าอำนาจ และ สิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่าให้อำนาจทางการเมือง อำนาจของยศตำแหน่งที่แต่ละคนได้รับ ทำให้เกิดความหอมหวาน และ เปลี่ยนความคิดไปจากเดิม เพียงเพื่อที่จะรักษาไว้ให้ได้นาน โดยลดความสำคัญต่อ อำนาจของประชาชนให้เป็นลำดับรอง เพราะหากเป็นเช่นนั้น เมื่อถึงวันที่เกิดมีการกลับสถานะเป็น ผู้แพ้ ท่านจะพูด หรือ จะเสนอเรื่อใด ก็จะพูด หรือ เสนอได้ ไม่เต็มปากเต็มคำเช่นครั้งก่อน
ที่ท้วงติงกันไว้นี้ก็ด้วยความปรารถนาดี
.
เมื่อเป็นผู้แพ้ ก็คิดอย่างผู้แพ้ : เมื่อเป็นผู้ชนะก็อย่าลืมคิดอย่างผู้แพ้
ย้อนกลับไปเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล โดยนายอภิสิทธิ์ฯเป็นนายรัฐมนตรี แล้วเกิดการชุมนุมครั้งใหญ่เมื่อ ปี 53 โดยมี "คนเสื้อแดง"
เป็นกำลังสำคัญในภาคประชาชนที่ร่วมชุมนุม เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย นำไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ปี54 ช่วงเวลาก่อนหน้าจะมีผลของการเลือกตั้งครั้งใหม่ ถือว่า พรรคเพื่อไทยยังเป็น "ผู้แพ้" ทางการเมือง การต่อสู้ทางการเมืองให้ความสำคัญกับอำนาจของประชาชน ความ
เป็นธรรมในระบอบประชาธิปไตย ความเท่าเทียมกันในมาตรฐานทางกฎหมาย และอื่นๆ โดยหลักการสำคัญรวมศูนย์ไว้ที่สิทธิ อำนาจที่ถูกต้อง เหมาะสมที่มีและอยู่กับประชาชน โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ซึ่งถือว่าเป็น ตัวปัญหาหลายประการ...เวลานั้น พรรคเพื่อไทยมีภาพรวมแห่งความคิดแบบ "ผู้แพ้"
ผลการเลือกตั้งครั้งใหม่ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล จากคะแนนเสียงเกือบ 15 ล้านเสียง จำนวน ส.ส. เกินกึ่งหนึ่ง การเข้ามามีอำนาจทางการบริหารประเทศสร้างความยินดีต่อ ประชาชนผู้สนับสนุน รวมถึง "คนเสื้อแดง" พรรคเพื่อไทย ได้เปลี่ยนสถานะจาก "ผู้แพ้" เป็น "ผู้ชนะ" อย่างน่ายินดี และ สมภาคภูมิ นโยบายที่เคยนำเสนอถูกนำมาสู่การปฏิบัติ รวมไปถึงการพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50 ซึ่งถึงแม้ในระหว่างเส้นทางเดินจะพบปัญหา และอุปสรรคอยู่ให้เห็นก็ถือเป็นสิ่งปรกติทางการเมือง
บทบาทของ "ผู้ชนะ" นั้น มาพร้องกับอำนาจทางการเมือง อำนาจในการบริหาร รวมถึง บริวารห้อมล้อมมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางการเมือง โดยมีประชาชนผู้สนับสนุนทั่วไป คนเสื้อแดง เฝ้ายินดี และ ชื่นชม ให้กำลังใจอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเขาเหล่านั้นก็ยังเต็มใจอยู่กับตำแหน่ง ของความเป็น ประชาชน และ ความเป็นคนเสื้อแดง อยู่เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของพรรคเพื่อไทย ของรัฐบาล ในความเป็น "ผู้ชนะ" ไม่ควรที่จะทำให้ลืมว่า เมื่อฝ่ายตนเองยังเป็น "ผู้แพ้" เคยมีความคิดอย่างไร ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร และเคยเห็นว่าอำนาจ และ สิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่าให้อำนาจทางการเมือง อำนาจของยศตำแหน่งที่แต่ละคนได้รับ ทำให้เกิดความหอมหวาน และ เปลี่ยนความคิดไปจากเดิม เพียงเพื่อที่จะรักษาไว้ให้ได้นาน โดยลดความสำคัญต่อ อำนาจของประชาชนให้เป็นลำดับรอง เพราะหากเป็นเช่นนั้น เมื่อถึงวันที่เกิดมีการกลับสถานะเป็น ผู้แพ้ ท่านจะพูด หรือ จะเสนอเรื่อใด ก็จะพูด หรือ เสนอได้ ไม่เต็มปากเต็มคำเช่นครั้งก่อน
ที่ท้วงติงกันไว้นี้ก็ด้วยความปรารถนาดี
.